Official website
แนว : รัก / ดราม่า
ความยาว : 105 นาที
กำหนดฉาย : 24 มิถุนายน 2547
บางสิ่งอาจบอกความรู้สึกของหัวใจ สำหรับ ดิว (แอน ทองประสม) อาชีพโปรแกรมเมอร์สาวในเมืองใหญ่ ที่ต้องเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ให้กับบริษัทเวบไซต์แห่งหนึ่ง ชีวิตมีเพียงจอมอนิเตอร์คอมพิวเตอร์ ซึ่งดึงเอาเวลาส่วนใหญ่ในชีวิตไปเกือบหมด ยังดีที่มี เกด (สุพิชญา จุลวัฒฑะกะ) เพื่อนรักเพียงคนเดียวที่อาศัยอยู่ด้วยกัน จนกระทั่ง ความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิตได้เริ่มต้นขึ้น เมื่อดิวต้องเดินทางขึ้นเชียงใหม่ หลังจากได้รับจดหมายแจ้งข่าวการเสียชีวิตของยายเล็ก ญาติห่างๆ ที่ทิ้งมรดกเป็นบ้านหลังเล็กที่แสนอบอุ่น และไร่กระเทียมไว้ให้ ที่นั่นดิวได้พบกับ ต้น (อรรถพร ธีมากร) นักวิจัยหนุ่มประจำสถานีวิจัยทางการเกษตรที่เชียงใหม่ ให้ความช่วยเหลือดิวและเกด ที่ต้องพบกับอุบัติเหตุโดยไม่ได้ตั้งใจ ในระหว่างการเดินทางกลับกรุงเทพ ทำให้ต้องเสียเวลาอีก 6 ชม. เพื่อรอรถกลับกรุงเทพเที่ยวต่อไป เกดและดิวจึงมีโอกาสได้แวะศูนย์วิจัย ซึ่งเป็นที่ทำงานของต้น นั่นทำให้ดิวได้สัมผัสถึงความอบอุ่นอ่อนโยนที่มีอยู่ในตัวต้น และยังได้รู้ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในชีวิตของชายหนุ่มที่แสนบอบบางคนนี้ มีหลายสิ่งหลายอย่าง ที่ไม่ได้ต่างอะไรไปกับสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของเธอเลย โดยเฉพาะการต้องเติบโตท่ามกลางความเหงา ที่แสนโดดเดี่ยวอย่างคุ้นเคย สำหรับต้น นอกจากรุ่นพี่ รุ่นน้องและเพื่อนๆ ที่ศูนย์วิจัยแล้ว ดูเหมือนว่า 'ต้นบ๊วย' สูงใหญ่ ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในพื้นที่ของศูนย์วิจัย จะเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตเดียว ที่เปรียบได้กับญาติที่เหลืออยู่ของต้น เพราะทันทีที่ลืมตามองดูโลกได้ไม่นาน เขาก็ต้องสูญเสียแม่และพ่อในเวลาต่อมา ดูเหมือนว่าความเรียบง่ายที่แสนอบอุ่น ของดอยอ่างขางและเชียงใหม่ ยังคงอยู่ในความรู้สึกในใจของดิว ถึงแม้ว่าตอนนี้ตนเองได้กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง ที่เต็มไปด้วยชีวิตที่เร่งรีบ และเต็มไปด้วยการแข่งขันอีกครั้ง ในขณะที่เพื่อนรักอย่างเกด ยังคงตื่นเต้นไปกับนัดบอด ที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเพื่อนชายที่ติดต่อ และแชตทางอินเตอร์เนต วันเวลาผ่านไป ทั้งปีใหม่ และวาเลนไทน์ โดยมีสิ่งพิเศษเล็กๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของดิว คือการได้มีเพื่อนใหม่อย่างต้น ที่ยังคงติดต่อกันหลังจากกลับจากเชียงใหม่ในครั้งนั้น ผ่านโทรศัพท์ซึ่งเป็นสื่อกลาง ที่ทางคู่ได้บอกเล่าความเป็นไปที่เกิดขึ้น ในแต่ละวันของกันและกัน จนกระทั่ง เกิดเซอร์ไพรส์บางอย่างขึ้นกับดิวโดยไม่ทันตั้งตัว เมื่อได้พบกับต้นที่เดินทางมาหาดิวถึงกรุงเทพ และสูญเสียเพื่อนรักอย่างเกด ที่เสียชีวิตจากการนัดบอดกับเพื่อนชาย ที่ติดต่อกันทางอินเตอร์เนต สิ่งที่เกิดขึ้น ร้ายแรงเกินกว่าที่หัวใจอันบอบช้ำของดิว จะรับได้จากความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น ทำให้ดิวตัดสินใจหันหลังให้กับกรุงเทพ เดินทางมุ่งหน้าสู่เชียงใหม่ เพื่อพบกับความอบอุ่นเดียวในชีวิตที่เหลืออยู่ ดิวตัดสินใจ ปักหลักใช้ชีวิตอยู่ในบ้านที่ยายเล็กทิ้งไว้ให้ พร้อมกับรับงานจากกรุงเทพ โดยมีต้นที่คอยห่วงใย หมั่นแวะมาเยี่ยมเยียน และคอยให้กำลังใจ จนดิวสามารถกลับมายืนหยัดใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ผ่านคืนและวันที่พร้อมกลับมางดงามได้อีกครั้ง.. ในที่สุดแล้ว ต้นและดิวก็ได้พบกับสิ่งที่ทั้งคู่ต่างเฝ้าตามหามาตลอดชีวิต เมื่อพรหมลิขิตได้นำให้คน 2 คน ที่อาจจะอยู่ที่ใดก็ตามในโลกได้มาพบกัน ความห่วงใย และสิ่งดีๆ ที่ต่างฝ่ายต่างหยิบยื่น และเติมเต็มให้แก่กัน ล้วนเอ่อล้นไปด้วยความสุขที่ทั้งคู่สัมผัสได้ มันคือรักแท้ ที่เป็นทั้งรักแรก และรักเดียวในชีวิตของทั้งดิวและต้น หลังจากแต่งงาน ต้นย้ายมาอยู่กับดิว ในบ้านที่เต็มไปสายใยแห่งรักที่แสนอบอุ่น และไม่มีวันสูญสิ้น ทั้งในเรื่องราวความรักของต้นกับดิวเอง และของยายเล็ก เมื่อต้นได้พบกับข้าวของในอดีตที่ถูกเก็บไว้ของยายเล็ก ในนั้นมีจดหมายรักที่บอกเรื่องราวในอดีตฉบับหนึ่ง ซึ่งถ่ายทอดความรู้สึกในรักที่มีอยู่อย่างเหลือล้น ของชายคนหนึ่งที่มีต่อยายเล็ก ต้นประทับใจในข้อความและสิ่งที่ปรากฏอยู่ในจดหมายมาก จนมีความคิดว่า วันหนึ่งอยากเขียนจดหมายแบบนี้บ้าง ความรักมีความหมายและมีคุณค่าสำคัญ ที่เติมเต็มชีวิตให้กับหลายๆ คนรวมทั้งดิว แต่ดูเหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลก ล้วนถูกกำหนดไว้ และยากที่จะเปลี่ยนแปลง เหมือนการที่สวรรค์กำหนดให้ต้นมาพบกับดิว และพรากต้นไปจากดิว ไม่นานนัก หลังจากความสุขที่เกิดขึ้นในชีวิตของทั้งคู่ ต้นเกิดไม่สบายอย่างหนัก จนในท้ายที่สุดพบว่าตนเองเป็นโรคร้าย และเหลือมีเวลาเหลืออยู่เพียงน้อยนิด แล้วในที่สุด ดิวต้องพบกับความสูญเสียครั้งร้ายแรงที่สุดในชีวิต คือสูญเสียต้นไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ ดูเหมือนหัวใจที่บอบช้ำของดิว มันอ่อนแอเกิดที่จะเยียวยาได้อีกครั้ง เมื่อต้องใช้ชีวิตเพียงลำพังด้วยตัวคนเดียว ในโลกที่แสนกว้างใหญ่ใบนี้... จนกระทั่ง ได้เกิดเหตุการณ์บางอย่างที่ไม่มีใครคาดคิด เกิดขึ้นกับชีวิตของดิว - - การมาถึงของจดหมาย จากลายมือที่แสนคุ้นเคย จากคนเดียวในดวงใจ ผู้เป็นรักแรก รักแท้ และเป็นรักเดียวของดิว... มันเป็นจดหมายรัก ...ที่ต้นเขียนถึงดิว สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ร่วมกับ ภาพยนตร์หรรษา เติมไออุ่นแห่งรักแท้ให้กับทุกคู่รักด้วย The Letter : จดหมายรัก หนังรักที่ ดวงกมล ลิ่มเจริญ ทุ่มเทหัวใจและถ่ายเทจิตวิญญาณ ตราบจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต โดยมี นนทรีย์ นิมิบุตร รับหน้าที่โปรดิวเซอร์อย่างเต็มตัวให้กับ ผอูน จันทรศิริ ผู้หญิงเก่งที่เป็นทั้งนักแสดง คนเขียนบท และผู้กำกับละครแถวหน้าของเมืองไทย ซึ่งรับหน้าที่กำกับภาพยนตร์เป็นครั้งแรกในชีวิต The Letter : จดหมายรัก คือภาพยนตร์ดราม่า-โรแมนติค ที่เต็มไปด้วยความประทับใจ พร้อมให้ทุกคนเข้าใจถึงแก่นแท้ และนิยามของความรักว่า ไม่ได้เริ่มต้นหรือจบลงเมื่อเราได้ค้นพบ และเติมเต็มแง่มุมความรัก ที่อาจเฝ้าค้นหามาตลอดชีวิต แต่เป็นการทำความเข้าใจ 'ความหมาย' และ 'เรียนรู้วิธีที่จะรักษาคุณค่าของรักแท้ให้คงอยู่' ภายหลังจากคนที่เรารักจากไป พร้อมการตั้งคำถามกับทุกคู่รักว่า 'นานเท่าไหร่แล้ว ที่เราไม่เคยหลั่งน้ำตาอย่างอิ่มเอม ให้กับหนังรักดีๆ สักเรื่อง' ภาพยนตร์เรื่อง The Letter : จดหมายรัก เป็นการประกบบทบาทกันครั้งแรกในชีวิตของ แอน ทองประสม และ หนุ่ม - อรรถพร ธีมากร สองนักแสดงระดับแถวหน้าของเมืองไทย โดยเป็นการหวนคืนจอภาพยนตร์ ครั้งแรกในรอบทศวรรษของแอน หลังจากหลั่งน้ำตาไปถึง 4 ครั้งจากการอ่านบทภาพยนตร์ไป 4 รอบ และเป็นการพลิกบทบาทครั้งสำคัญของ หนุ่ม - อรรถพร โดยมีโลเกชั่นหลักคือดอยอ่างขาง จังหวัดเชียงใหม่ ที่ที่ความรักของคนทั้งคู่ได้เริ่มต้นขึ้น ว่ากันว่า รักแท้ที่เป็นรักแรกและรักเดียวในชีวิต หากเกิดขึ้นกับใครสักคน แน่นอนว่ารักนั้นจะไม่เลือนหายไปจากใจ ตราบแม้คนที่เรารัก จะไม่ได้อยู่เคียงข้างอีกต่อไปแล้วก็ตาม... สำหรับเพลงประกอบภาพยนตร์ ก็ยังหวานไม่แพ้กับตัวหนัง เพราะได้เจ้าพ่อเพลงรักอย่าง บอย โกสิยพงษ์ มาร่วมแต่งทำนองเพลงหวานอย่างเพลง 'จดหมายรัก' ทั้งยังได้นักร้องเจ้าเสน่ห์อย่าง นภ พรชำนิ มาขับขานบทเพลงอันแสนประทับใจนี้ The Letter : จดหมายรัก อำนวยการสร้างโดย สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ, นนทรีย์ นิมิบุตร ควบคุมการสร้างโดย นนทรีย์ นิมิบุตร, ดวงกมล ลิ่มเจริญ บทภาพยนตร์โดย คงเดช จาตุรันต์รัศมี กำกับภาพโดย นฤพล โชคคณาพิทักษ์ ออกแบบงานสร้างโดย เอก เอี่ยมชื่น ลำดับภาพโดย ม.ร.ว.ปัทมนัดดา ยุคล ออกแบบเสื้อผ้าโดย ธวัชชัย เพชรวารา แต่งหน้าโดย จิรวัฒน์ ทาสาย ออกแบบทรงผมโดย ธนกร ยิ้มงาม ดนตรีประกอบภาพยนตร์โดย ชาติชาย พงศ์ประภาพันธุ์ เพลงประกอบภาพยนตร์โดย บอย โกสิยพงษ์, ชาติชาย พงศ์ประภาพันธุ์ |