เมื่อเจ้าหน้าที่ ซันนี่ คร็อคเก็ตต์ (โคลิน ฟาร์เรลล์) และ ริคาร์โด้ ทับบ์ส (เจมี่ ฟ็อกซ์) รู้ว่าเกิดการรั่วไหลในระดับสูง ที่นำไปสู่การตายของเจ้าหน้าที่รัฐสองนาย และการฆาตกรรมครอบครัวของเพื่อนที่เป็นสาย เมื่อถูกดึงตัวให้มาทำคดีนี้ การสืบสวนของคร็อคเก็ตต์และทับบ์ส นำพวกเขาไปสู่ประตูหน้าบ้านของนักฆ่าใจโหดจากแก๊งค์อาเรี่ยน และเครือข่ายอันซับซ้อนของวงการค้ายาข้ามชาติ ที่ได้รับการปกป้องด้วยระบบรักษาความปลอดภัยชั้นแนวหน้าของโลก

ระหว่างการตามล่า สองคู่หูได้เผชิญหน้ากับ อิซาเบลล่า (กงลี่) เจ้าหน้าที่การเงินสาวสวยลูกครึ่งจีน-คิวบาขององค์กร อิซาเบลล่าทำให้คร็อคเก็ตขับไล่ความชั่วร้ายของเขาออกไป เมื่อเขาพยายามทำให้เธอปลอดภัยจากพลังอันชั่วร้ายกว่า... ขณะที่คู่รักใหม่ได้เรียนรู้ว่าใครเป็นฝ่ายได้เปรียบ และใครเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ขณะเดียวกันนั้น ทับบ์สผู้มีขันติ ได้แทรกซึมเข้าไปในองค์กรอาชญากรรม ขณะเฝ้าจับตามอง ทรูดี้ (นาโอมี่ แฮร์ริส) แฟนสาวของเขาที่เป็นนักวิเคราะห์

เมื่อคร็อคเก็ตต์และทับบ์สปลอมตัวเข้าไปทำงาน โดยทำหน้าที่ขนถ่ายยาเสพติดเข้าเซาธ์ฟลอริด้า พวกเขาต้องแข่งกับเวลา เพื่อชี้ตัวกลุ่มคนที่ต้องรับผิดชอบต่อการตายของเพื่อนของพวกเขา ขณะที่ต้องทำการสืบสวนระบบแก๊งค์ค้ายารูปแบบใหม่ด้วย ระหว่างปฏิบัติภารกิจนี้ เส้นแบ่งแยกเริ่มถูกก้าวข้าม เมื่อสองคู่หูไม่เพียงแต่เริ่มจะลืมหนทางที่พวกเขาควรเดินไปเท่านั้น แต่พวกเขายังเริ่มจะลืมไปว่า พวกเขาควรจะยืนอยู่ด้านใดของกฎหมาย...

จากทีวีซีรีย์สุดเยี่ยม มาเป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นอาชญากรรมชั้นยอดแห่งปี พบขีดสุดของความระห่ำ ที่จะผลาญทั้งเมืองให้เดือดเป็นไฟ โดย 2 ตำรวจสายสืบคู่เดือด คร็อคเก็ตต์ และ ทับบส์ ที่ต้องปฏิบัติการแบบแหกกฎ เพื่อพิทักษ์กฎหมาย และพิชิตเหล่าร้ายอย่างเจ้าพ่อค้ายารายใหญ่ใน "ไมอามี่" เมืองที่มีทั้งชายหาดสวย สังคมมีสไตล์ และรวมถึงอาชญากรรมระดับหัวแถว

เป็นเวลานานกว่าสามทศวรรษแล้วที่ ไมเคิล มานน์ ยังคงเป็นหนึ่งในผู้กำกับที่น่าเลื่อมใสที่สุด และระดับความยอดเยี่ยมอันสม่ำเสมอของเขา ได้สร้างอิทธิพลที่ยากจะลบเลือนให้กับวงการภาพยนตร์ ภาพยนตร์ดราม่าที่มีสไตล์ของเขา ตั้งแต่เรื่อง Manhunter และ Heat จนถึง The Insider และ Collateral ได้นำเสนอความเป็นไปอันซับซ้อน ระหว่างอาชญากรและผู้คนที่ต้องดิ้นรน เพื่อจะก้าวให้ล้ำหน้าอาชญากรไปหนึ่งก้าว แม้จะต้องสูญเสียจิตวิญญาณของตัวเองก็ตาม

ในปี 2006 มานน์ได้หวนกลับมาสู่งานภาพยนตร์แฟรนไชส์ ที่เขาได้เริ่มสั่งสมชื่อเสียงในวงการทีวีเอาไว้ีในปี 1984 นั่นก็คือเรื่อง Miami Vice

ในช่วงกลางยุค 80 ซีรีส์ทางทีวีเรื่อง Miami Vice ที่มาพร้อมกับบทภาพยนตร์อันยอดเยี่ยมที่เขียนโดย แอนโธนี่ เยอร์โกวิช ผู้สร้างซีรีส์ชุดนี้ ได้ออกอากาศ และทำให้เกิดการปฏิวัติโครงสร้างในวงการทีวี ซีรีส์เรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ มาจากผลงานของมานน์ ทำให้ Miami Vice กลายเป็นหนึ่งในซีรีส์ ที่สร้างปรากฏการณ์มากที่สุดเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์วงการทีวี เป็นการบุกเบิกสู่แนวทางใหม่ในการคิดสร้าง และจัดฉากเรื่องราวในแนวดราม่า

บัดนี้ มานน์กลับคืนสู่ไมอามี่ “คาซาบลังก้าใหม่” ของเขา ที่ซึ่งยาเสพติดจากโลกที่สาม ได้เข้ามาพัวพันกับศูนย์กลางอุตสาหกรรมมูลค่าพันล้านดอลล่าร์ เป็นการทดสอบความเป็นองค์กรอาชญากรรม ที่มีเครือข่ายทั่วโลกเป็นครั้งแรกในสหัสวรรษ ด้วยการขึ้นจอใหญ่ที่ทันสมัยขึ้นของ Miami Vice ซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่หลุดพ้นจากข้อจำกัดของวงการทีวี บทบาทที่มานน์เคยช่วยสร้างเอาไว้ให้กับสองตำรวจไมอามี่ ซันนี่ คร็อคเก็ตต์ และ ริคาร์โด้ ทับบ์ส ได้ คอลิน ฟาร์เรลล์ (Alexander, S.W.A.T., Daredevil, The Recruit, Phone Booth, Minority Report, Hart's War) และเจ้าของรางวัลออสการ์ เจมี่ ฟ็อกซ์ (Ray, Stealth, Collateral, Ali, Any Given Sunday) มารับบทแสดง โดยทั้งคู่ต้องผ่านการฝึกซ้อมอย่างหนัก โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจลับจาก DEA, FBI, ATF สถานีตำรวจไมอามี่ (ซึ่งรวมถึงหน่วย SWAT.) และกองตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร (ICE) ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นคนเกี่ยวข้องกับโลกสุดอันตราย ของการค้ายาระดับโลก

ที่เข้ามาช่วยเสริมบทบาทการแสดง ของดารานำระดับห้าดาวเหล่านี้ ก็คือทีมนักแสดงสมทบ อาทิเช่น กงลี่ (Memoirs of a Geisha, 2046, The Emperor and the Assassin, Shanghai Triad, To Live, Farewell My Concubine, The Story of Qiu Ju, Raise the Red Lantern, Ju Dou), นาโอมี่ แฮร์ริส (Pirates of the Caribbean: Dead Man’s Chest, After the Sunset, 28 Days Later), เซียแรน ไฮนด์ส (Munich, The Phantom of the Opera, Calendar Girls, Road to Perdition) ในบทเจ้าหน้าที่เอฟบีไอ ฟูจิม่า, จัสติน ธีโรซ (Duplex, Charlie's Angels: Full Throttle, Mulholland Dr., Zoolander, ซีรีส์ Six Feet Under) ในบท ไซโต้ เพื่อนตำรวจ, แบร์รี่ ชาบาก้า เฮนลี่ย์ (Collateral, The Terminal, Ali, Rush Hour, Patch Adams) ในบท ร้อยโทแคสทิลโล่, เอลิซาเบธ ร็อดริเกซ (Dead Presidents, ซีรีส์ Six Feet Under, ER) ในบทเจ้าหน้าที่ จีน่า คาลาบรีส, จอห์น ออร์ทิซ (Take the Lead, Narc, Before Night Falls, Amistad, Ransom) ในบทพ่อค้ายาคนกลาง โฮเซ่ เยโร่ และ หลุยส์ โทซาร์ (Cargo) ในบท มอนโทย่า มหาเศรษฐีผู้หลงใหลในตัวอิซาเบลล่า

ผู้เข้ามาร่วมงานหลังกล้องกับมานน์ ก็คือกลุ่มทีมงานระดับหัวกะทิ อาทิเช่น ผู้กำกับภาพ ดิออน บีบี้ (Collateral, Memoirs of a Geisha, In the Cut, Chicago, Equilibrium) และทีมผู้ลำดับภาพขาประจำของมานน์อย่าง วิลเลี่ยม โกลเดนเบิร์ก (Heat, Ali, The Insider, Coyote Ugly, Pleasantville) และ พอล รูเบลล์ (The Insider, Collateral, The Island, xXx, The Cell, Blade) โดยมี จอห์น เมอร์ฟี่ย์ (28 Days Later, Basic Instinct 2, Guess Who) ทำหน้าที่แต่งดนตรีประกอบให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้, แจนตี้ เย็ตส์ (Kingdom of Heaven, Hannibal, Enemy at the Gates, Gladiator) และ ไมเคิล แค๊ปแลน (Fight Club) ทำหน้าที่ออกแบบเครื่องแต่งกาย ส่วนโปรดักชั่น ดีไซเนอร์ ได้แก่ วิคเตอร์ เคมป์สเตอร์ (JFK, Bandits, Any Given Sunday, That Thing You Do!, Heaven & Earth) Miami Vice สร้างจากซีรีส์ทางทีวีที่สร้างสรรรค์โดย แอนโธนี่ เยอร์โกวิช (Hill Street Blues) ผู้ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างบริหาร ของภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย ที่เข้ามาช่วยมานน์สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้อีกคน ก็คือ ปีเตอร์ ยาน บรักก์ (Heat, The Insider)