เบียทริกซ์ พอตเตอร์ คือปรากฏการณ์ทางวรรณกรรมแห่งศตวรรษที่ 20

ในยุคที่หญิงสาวส่วนใหญ่ มีเป้าหมายชีวิตเพียงแต่งงาน และสร้างครอบครัวที่ดี เบียทริกซ์ พอตเตอร์ กลับสวนกระแสสังคมด้วยจิตใจอันแข็งแกร่ง และกลายเป็นบุคคลตัวอย่างนับแต่นั้น

เบียทริกซ์ พอตเตอร์ สร้างสรรค์หนังสือและตัวละคร ซึ่งเป็นที่รักของผู้อ่านมาตลอด 100 ปี และยังคงมีการตีพิมพ์กระทั่งปัจจุบัน และนอกจากจะเขียนวรรณกรรมแล้ว เธอยังเป็นจิตรกรฝีมือเยี่ยม ที่หากเป็นผู้ชาย ภาพวาดพรรณไม้ของเธอ คงได้รับการบันทึกอย่างเป็นทางการไปแล้ว

ช่วงปี 1943 ก่อนที่เบียทริกซ์จะเสียชีวิต เธอได้ซื้อที่ดินซึ่งเป็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ไพศาลแถบ Lake District เอาไว้ เมื่อเธอจากไป ที่ดินตรงนี้ก็กลายเป็นอุทยานแห่งชาติของประเทศอังกฤษ เธอได้แบ่งปันอาณาจักรแห่งผืนหญ้า ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นแรงบันดาลใจของตนเอง ให้คนรุ่นหลังได้ดื่มด่ำ โดยการยกมันให้เป็นมรดกของชาติ

และนี่คือเรื่องราวของเธอ...

ณ ประเทศอังกฤษ ช่วงปลายยุควิคตอเรียน วรรณกรรมเยาวชนเรื่อง The Tale of Peter Rabbit ซึ่งเป็นผลงานเรื่องแรกของ เบียทริกซ์ พอตเตอร์ (เรเน่ เซลวีเกอร์) ได้รับการตีพิมพ์ เธอกลายเป็นนักเขียนชื่อดัง และได้พบรักกับนักธุรกิจการพิมพ์หนุ่ม นอร์แมน วอร์น (ยวน แม็กเกรเกอร์) ที่ขอเธอแต่งงานในเวลาต่อมา แต่ความรักครั้งนี้ กลับเปลี่ยนชีวิตของเธอไปตลอดกาล

ในสังคมชั้นสูงของลอนดอน พ่อแม่ของเบียทริกซ์ไม่เห็นด้วยกับความรักของลูกสาว เพราะคิดว่าเธอไม่เหมาะสมกับนอร์แมน สุดท้ายเบียทริกซ์ก็เชื่อครอบครัว และเดินทางออกจากลอนดอน เพื่อไปคิดทบทวนและสงบจิตใจ แต่สิ่งที่เธอต้องเผชิญ กลับเป็นความโดดเดี่ยวและเจ็บปวด

เบียทริกซ์กลับอังกฤษ ด้วยทัศนคติที่ต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เธอสร้างอาณาจักรที่ดินของตนเอง และทำธุรกิจฟาร์ม จนกลายเป็นเจ้าของที่ดินหญิงที่ร่ำรวยที่สุด แต่แม้จะประสบความสำเร็จในอาชีพนักเขียน และเป็นผู้หญิงที่มีความคิดก้าวหน้ามากที่สุดในยุคนั้น เธอก็ไม่เคยลืมรักแรกที่มีต่อนอร์แมนเลย...

บทภาพยนตร์เรื่อง Miss Potter เป็นฝีมือของ ริชาร์ด มัลท์บี จูเนียร์ มือเขียนบทเจ้าของรางวัล Tony Award ที่มีผลงานละครเพลงมากมาย ไม่ว่าเป็น Ain’t Misbehavin, Fosse และ Ring of Fire บทภาพยนตร์ของมัลท์บี เล่าชีวิตน่าพิศวงของ เบียทริกซ์ พอตเตอร์ กับเรื่องราวความรักระหว่างเธอ กับนักธุรกิจการพิมพ์ นอร์แมน วอร์น และการดิ้นรนหาความอิสระ ในสังคมที่คาดหวังให้ผู้หญิงเป็นภรรยาที่เชื่อฟังสามี หนังยกย่องเธอในฐานะนักเขียน และศิลปินที่สร้างสรรค์โลกมหัศจรรย์ของตัวการ์ตูน ปีเตอร์ แร็บบิท, มิส ทิกกี้ วิงเกิล, เจเรมี่ ฟิชเชอร์ และผองเพื่อน หนังเล่าเรื่องราวชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในหน้าที่การงาน แต่กลับมีชีวิตส่วนตัวที่แสนเศร้า หญิงผู้ว่ายทวนกระแสน้ำ

ในการถ่ายทำ Miss Potter ผู้กำกับ คริส นูแนน (เขียนบทและกำกับ Babe) สั่ง “แอ๊คชั่น” ครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2006 โดยมี เรเน่ เซลวีเกอร์ (Bridget Jones's Diary, Down with Love, Cold Mountain, Chicago, Nurse Betty, Jerry Maguire) รับบทเป็นนักเขียนหญิงแห่งประวัติศาสตร์วรรณกรรมอังกฤษ เบียทริกซ์ พอตเตอร์ ที่เซลวีเกอร์สร้างขึ้นอย่างเป็นตัวของตัวเอง ร่วมแสดงโดย ยวน แม็กเกรเกอร์ (Star Wars Episode I-III, The Island, Big Fish, Down with Love, Moulin Rouge!) รับบทเป็น นอร์แมน วอร์น คนรักลับๆ ของ เบียทริกซ์ พอตเตอร์

นอกจากนี้ยังมี เอมิลี่ วัตสัน นักแสดงสาวผู้เข้าชิงออสการ์ถึง 2 ครั้งจาก Breaking the Waves และ Hilary and Jackie ที่งานนี้รับบทเป็น มิลลี่ วอร์น เพื่อนรักและที่ปรึกษาของเบียทริกซ์ ส่วนบทพ่อแม่ของเบียทริกซ์นั้น ตกเป็นของสองนักแสดงชั้นครูของอังกฤษ บาบาร่า ฟลีน และ บิลล์ เพเทอร์สัน ส่วน แอนตัน เลสเซอร์ (Charlotte Gray) รับบทเป็น นักธุรกิจการพิมพ์ ฮาโรลด์ วอร์น น้องชายของนอร์แมน และ ฟิลลิเดีย ลอว์ (Copying Beethoven, Danny the Dog, The Time Machine) รับบท คุณนายวอร์น แม่ของนักธุรกิจหนุ่มทั้งสอง

Miss Potter อำนวยการสร้างโดย เดวิด เคิร์ชเนอร์, ไมค์ เมดาวอย, โครี่ ซีเนกา, อาร์โนลด์ เมสเซอร์ และ เดวิด ธเว็ทส์ อำนวยการสร้างบริหารโดย เรเน่ เซลวีเกอร์, ไนเจล วูลล์, หลุยส์ ฟิลลิปส์ และ สตีฟ คริสเตียน ออกแบบงานสร้างโดย มาร์ติน ไชล์ (Lady in the Water, From Hell, Calendar Girls, Shakespeare in Love, Mrs. Brown) กำกับภาพโดย แอนดรูว์ ดันน์ (Hitch, What a Girl Wants, Sweet Home Alabama, Practical Magic, Addicted to Love) ออกแบบเครื่องแต่งกายโดย แอนโธนี่ พาวเวลล์ (102 Dalmatians, The Ninth Gate, The Avengers, 101 Dalmatians, Hook, Indiana Jones and the Last Crusade, Indiana Jones and the Temple of Doom, Ishtar, Tess) และตัดต่อโดย โรบิน เซลส์ (The Upside of Anger, Johnny English, Topsy-Turvy, Mrs. Brown)

Miss Potter อำนวยการสร้างโดยบริษัท Phoenix Pictures และ David Kirschner Productions จัดจำหน่ายในอเมริกาโดย The Weinstein Company ในอังกฤษโดย Momentum Pictures โดยมี Summit Entertainment จัดจำหน่ายในระดับนานาชาติ