Official website
more info. from IMDB
แนว : รัก / ตลก
ความยาว : 123 นาที
กำหนดฉาย : 24 พฤษภาคม 2545
ครึ่งแรก (First Half) ยกที่หนึ่ง - พบ 'ยอดยาหยี' (My Sassy Girl) ในรถไฟใต้ดิน! ผมกับเธอ.. เราขึ้นรถไฟใต้ดินขบวนเดียวกัน ก็คือขบวนที่วิ่งไปเมืองอินชอนนั่นเอง ผมเห็นเธอท่าทางโซเซเหมือนกำลังเมา ก็เลยคิดขึ้นมาเล่นๆ ว่า ถ้าผมจะเข้าไปช่วยพยุงเธอไว้ในอ้อมแขน มันก็คงจะจ๊าบและเจ๋งดีไม่น้อย.. เฮ้.. เฮ้.. เฮ้ ! มันตลกดีใช่มั้ยล่ะ! ผมว่าลักษณะท่าทางของเธอในยามที่ดูเมาๆ ยังงี้แหละ มันช่างน่ารักเสียไม่มีจริงๆ และทำให้ผมไม่สามารถละสายตาจากเธอได้เลย ยิ่งเห็นร่างของเธอสั่นไหวน้อยๆ ด้วยแล้ว ยิ่งทำใจผมแทบคุมสติตัวเองไม่อยู่เอาเลยเชียวแหละ แล้วในที่สุด..โอ๊ะ! เอิ๊ก! อ๊ากกก..! เฮ้อ..นั่นแหละใช่เลย! แป๊บเดียวเท่านั้นเอง ที่เธอใช้หัวเหม่งของนายคนที่อยู่ตรงหน้าเธอแทนกระโถน.. เธอทำจริงๆ นะครับ!! ในชั่วเสี้ยววินาทีที่รถไฟทั้งขบวน มันสั่นสะเทือนโคลงเคลงนั่นแหละ เห็นแล้วผมขำกลิ้งแทบตาย แล้วต่อจากนี้แหละ ที่เวรกรรมมันมาเกิดขึ้นกับผมบ้าง คือหลังจากที่แม่สาวคนนี้ เธออ้วกออกมาจนหมดไส้หมดพุงแล้ว จู่ๆ เธอก็หันมามองผม ด้วยแววตาที่ดูเหมือนเลอะๆ เลือนๆ ยังไงชอบกล จากนั้นก็พูดกับผมหน้าตาเฉยเลยว่า "ที่รัก! โอ..โอ้ว..ที่รักขา..เอิ๊ก!" ..แก๊ง! (ระฆังตีหมดยกพอดีครับ!) ยกที่สอง - ความรู้สึกดีๆ มีให้เธอ ท่าทางเธอก็ไม่ค่อยปลื้มกับมันเท่าไหร่นักหรอก แต่ความเจ็บปวดจากการโดนคนอื่นทิ้งมา ก็ดูจะเป็นเรื่องสาหัสเอาการสำหรับเธอเหมือนกัน ผมเองก็อดที่จะเสียใจไปกับเธอด้วยไม่ได้ พร้อมกันนั้น ผมก็รู้สึกเหมือนกับมีลมเย็นๆ พัดผ่านเข้ามาในหัวใจ.. ใช่แล้ว! ลองหาวิธีช่วยรักษาความเจ็บปวดของเธอดีกว่า!! ยกที่สาม ถ้าเธอเกิดสงสัยขึ้นมาตะหงิดๆ ว่าแม่น้ำที่อยู่ตรงหน้าเธอนั้น มันมีความลึกเท่าไหร่ ก็เชื่อได้เลยว่า เธอต้องผลักผมลงไป ก่อนที่จะหยุดคิดทบทวนว่า มันควรทำหรือเปล่า! แต่ผมก็เชื่ออีกเหมือนกันว่า เธอจะต้องกระโดดตามผมลงไป.. นี่หมายความว่าถ้าผมตกลงไปจริงๆ น่ะนะ.. พูดถึงเรื่องวันเกิดของเธอ หากคุณเผลอทำเสียงผิวปากให้เธอได้ยินเข้าล่ะก็ รับรองได้เลยว่าคุณถูกฆ่าแน่ๆ แม้ว่าเธอจะยอมเสี่ยงชีวิต เข้าไปช่วยผมไว้จากการถูกจับเป็นตัวประกัน ในสถานการณ์ที่เหมือนยืนอยู่บนปากเหวก็ตาม! ซึ่งเธอก็มักจะทำอย่างนั้นบ่อยๆ เสียด้วย! ผมว่าเธอเป็นผู้หญิงก๋ากั่น ที่ใครไปไหนมาไหนด้วย ก็จะได้รับอารมณ์ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงถึงสองแบบ คือทั้งสนุกสุขสันต์ และสั่นประสาทในคราวเดียวกัน ครึ่งหลัง (Second Half) ยกที่หนึ่ง - หากเราอยากรู้ว่าความรักคืออะไร? ก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปให้นานๆ ! ล่วงมาถึงตอนนี้ เธอหัวเราะเก่งขึ้นมาก การได้นั่งมองเธอยิ้มอย่างมีความสุข ก็ทำให้ผมมีความสุข จนพูดอะไรไม่ออกเลยสักคำเดียว ผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ที่ผ่านมานั้น ผมได้ช่วยอะไรเธอไปบ้าง ผมไม่คิดหรอกนะครับว่า ผมจะได้ทำหน้าที่เป็นคนปกป้องเธอ หรือแสดงความรู้สึกทุกอย่างให้เธอรับรู้ หรือเป็นคนช่วยรักษาแผลใจให้เธอ ผมเพียงแต่รู้สึกว่า วาระของการที่ผมจะไม่มีเธออยู่ข้างๆ มันใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว.. ยกที่สอง สำหรับในวันนี้ เราทั้งคู่ต่างก็นำเอาความรู้สึกที่มีให้แก่กันและกันนั้น ใส่ลงในยานแค็ปซูลแห่งกาลเวลา และตั้งเวลาให้มันเดินทางล่วงหน้าไปอีกสองปีนับจากนี้ จนถึงในวันที่เราทั้งคู่ไปเปิดยานแค็ปซูลนี้ด้วยกัน และเราก็จะได้มาร่วมกันสำรวจตรวจสอบ ถึงความรู้สึกที่มีให้แก่กัน ว่ามันจะยังเหมือนเดิมหรือเปล่า.. เท่านั้นแหละครับ เธอก็โพล่งออกมาทันทีทันควันเลยว่า "งั้นเรามาเลิกกันดีกว่า!" ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ (Overtime) ความรักของผมยังไม่จบลงง่ายๆ หรอกนะครับ เราสองคนก็แค่แยกจากกันในวันนี้ เพื่อจะได้พบกันใหม่ในวันพรุ่งนี้ หรือพูดอีกอย่างก็คือ ณ เวลานี้ที่เราจากกัน ทว่าวันหนึ่งนั้นเราจะต้องได้กลับมาพบกันอีกแน่นอน แม้มันจะไม่ใช่ในอนาคตอันใกล้อย่างวันนี้หรือพรุ่งนี้ก็ตาม แต่ผมก็เชื่อว่าเราทั้งคู่จะต้องได้พบกันอีก.. ช่วงเวลาไม่นานมานี้ ในยุคสมัยที่ใครๆ ก็ใช้อินเตอร์เน็ตกันอย่างแพร่หลาย มีคำๆ หนึ่งซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี ของผู้คนในวงกว้าง คือคำว่า 'yub-gi' (คำในภาษาเกาหลี ที่ใช้แสดงความคิดที่แปลก แหวกแนว ไม่ซ้ำใคร และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว) ซึ่งต่อมา คำๆ นี้ ก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่ง ของแนวโน้มทางด้านวัฒนธรรมยุคใหม่ ของเกาหลีไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากมันเป็นคำยอดนิยมหมายเลขหนึ่ง ซึ่งถูกพิมพ์ลงใน Search Engine ทางอินเตอร์เน็ตอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งความหมายของคำๆ นี้ ที่ทุกๆ คนต่างเข้าใจกันดี ก็มิใช่ความหมายเดียวกับที่ถูกบันทึก ไว้ในพจนานุกรมแต่อย่างใด ตรงกันข้าม ความหมายของมันกลับเปลี่ยนแปลงไปได้ ตามบริบทของสภาพแวดล้อม ภาพยนตร์เรื่อง My Sassy Girl มีจุดเริ่มต้นจากวัฒนธรรมการใช้คำ 'yub-gi' อันแพร่หลายทางอินเตอร์เน็ตนั่นเอง ในเดือนสิงหาคม ปี 1999 เรื่องราวใน My Sassy Girl เริ่มต้นขึ้นมาจากคอลัมน์ 'Na-oo-Noo-ri' ซึ่งเป็นคอลัมน์เกี่ยวกับเรื่องเล่า แนวตลกขบขันทางอินเตอร์เน็ต ที่เล่าเรื่องราวความรัก ระหว่างชายหนุ่มคนหนึ่ง กับแฟนสาวของเขาเอง เป็นเรื่องราวความรักอันพลิกผัน กลับไปกลับมาจนหาความแน่นอนมิได้ ระหว่างนักศึกษาหญิง ผู้มีบุคลิกปรวนแปรเข้าใจยาก กับนักศึกษาหนุ่ม ผู้มีบุคลิกซื่อใสไร้เดียงสา ซึ่งเพิ่งกลับมาเรียนต่อ หลังจากต้องไปทำหน้าที่ทหารรับใช้ชาติเสียนานปี เรื่องนี้ได้กลายเป็นเรื่องที่โด่งดังอย่างมากมาย ในหมู่ผู้เล่นอินเตอร์เน็ต และชื่อของผู้เขียน ซึ่งก็เป็นชื่อเดียวกับชื่อตัวละครในเรื่องที่เขียนทางอินเตอร์เน็ตด้วยคือ 'Gyunwoo 74' อันเป็นนามแฝงของ Kim Ho-sik ชายหนุ่มที่แฟนๆ นักอ่านหญิงจำนวนมากมายพากันชื่นชมหลงใหล จนทำให้เขามีชื่อเสียง โด่งดังภายในเวลารวดเร็ว และเพราะนักอ่านต่างก็ทราบกันดีว่า เรื่องราวที่ Gyunwoo 74 เขียนเล่าไว้นั้นเป็นเรื่องจริง Kim จึงถูกขอร้องจากบรรดาแฟนๆ ให้เปิดเผยชื่อจริง ของหญิงที่เขาเรียกเธอว่า 'ยอดยาหยี' (My Sassy Girl) อยู่ตลอดเวลา.. จนกระทั่งปัจจุบัน คอลัมน์นี้ที่อยู่บนเว็บไซต์ ก็ยังคงได้รับความนิยมล้มหลาม จากบรรดาแฟนๆ อยู่เช่นเดิม และข่าวคราวเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็ทำให้มันกลายเป็นศูนย์รวมความสนใจของผู้คนอีกครั้ง สำหรับเรื่องราวในภาพยนตร์ My Sassy Girl เริ่มขึ้นในคืนวันหนึ่ง เมื่อหนุ่ม 'Gyunwoo' ได้ไปพบกับหญิงสาวคนหนึ่งโดยบังเอิญ ที่สถานีรถไฟใต้ดิน ซึ่งเหตุการณ์อันไม่ธรรมดามากมาย ที่มาบรรจุอยู่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ จะให้ผู้ชมได้รู้สึกถึงความตลกขบขัน และสนุกสนานอย่างเต็มที่ และแม้จะเป็นที่รับรู้กันดีว่า เรื่องราวของภาพยนตร์ มีต้นกำเนิดมาจากความเป็นวรรณกรรมอินเตอร์เน็ต (internet literature) ก็ตาม ทว่าสิ่งที่ช่วยผลักดัน ให้เรื่องราวของภาพยนตร์ ดำเนินไปอย่างมีรสชาติ ก็คือการพรรณนาถึงความรู้สึกนึกคิด อันบริสุทธิ์ผ่องใสไร้จริตมารยา ของหนุ่มสาวยุคใหม่ ผ่านมุมมองสำนึกแห่งวัยเยาว์อันสดใส และนำมาซึ่งอารมณ์เบิกบานเปี่ยมชีวิตชีวา กล่าวได้ว่าภาพยนตร์ My Sassy Girl เป็นภาพยนตร์วัยรุ่น ที่นำเสนอให้ผู้ชมได้สัมผัสกับพฤติกรรมแปลกๆ และการใช้ภาษาที่ไม่ธรรมดา ของวัยรุ่นยุคปัจจุบัน ผ่านวัฒนธรรมไซเบอร์ที่เรียกกันว่า 'yub-gi' และการเปิดเผยความรู้สึกนึกคิด อย่างบริสุทธิ์ใจของหนุ่มสาวยุคใหม่ ภายใต้วิถีทางการดำเนินชีวิต ในโลกที่เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย อันเกี่ยวเนื่องไปถึงประเด็นปัญหา ที่หนุ่มสาวในยุคปัจจุบันต้องเผชิญ อย่างเลี่ยงไม่ได้ ไม่เพียงเท่านั้น ภาพยนตร์เรื่องนี้ ยังได้นำเสนอมุมมองอันรอบด้านต่อโลก ผ่านแนวคิดเกี่ยวกับความรักอีกด้วย ภาพยนตร์เรื่อง My Sassy Girl กำกับโดย Kwak Jae-Yong ที่เคยมีผลงานการกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกคือ A Sketch of a Rainy Day ซึ่งเป็นที่รู้จักและจดจำของผู้ชม ก็ด้วยความโดดเด่น ทางด้านการเลือกใช้ดนตรีประกอบที่นุ่มนวล และการถ่ายภาพที่ประณีตงดงาม และหลังจากที่ห่างหายจากวงการภาพยนตร์ไปนานหลายปี เขาก็กลับมานั่งเก้าอี้ผู้กำกับภาพยนตร์อีกครั้ง กับภาพยนตร์เรื่อง My Sassy Girl นอกจากนี้เขายังเป็นผู้เขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้อีกด้วย โดยเขาได้นำเสนอภาพของคนหนุ่มสาว ที่เต็มไปด้วยความกระฉับกระเฉง ซึ่งการเปลี่ยนรูปแบบของถ้อยคำบนหน้ากระดาษ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง และอารมณ์ละเอียดอ่อน ให้ออกมาเป็นภาพนั้น เขาได้กำหนดให้ต้องมีการตีความ เรื่องราวความรักของหนุ่มสาวในยุคสมัยปัจจุบันนี้ ออกมาอย่างเต็มไปด้วยอารมณ์อันสดใสรื่นเริง ขณะเดียวกันก็ต้องดูอบอุ่นด้วย My Sassy Girl แสดงนำโดย Jeon Ji-Hyun จาก White Valentine และ Il Mare ที่เพิ่งผ่านสายตาผู้ชมไป, Cha Tae-Hyun นักแสดงชายที่ได้รับความนิยม อย่างสูงสุดของเกาหลี จาก Hallelujah, ผลงานละครโทรทัศน์: Into the Light, Happy Together, Juliet's Man และอีกมากมาย |