ฮงจ็องดู (โซลกุงจู) ที่แต่งกายในชุดเสื้อผ้าสำหรับฤดูร้อน ทั้งๆ ที่ยืนอยู่กลางฤดูหนาว เพิ่งออกมาจากคุก และย้อนกลับไปยังท้องถนนของกรุงโซล แต่กลับกลายเป็นเรื่องยาก ที่จะติดต่อแม่ (คิมจินจิน) และพี่น้องของเขา - จ็องอิล (อันเนซัง) พี่ชายของเขาย้ายบ้าน ส่วน จ็องเซ (รูซุงวอน) น้องชายไม่รับโทรศัพท์ จ็องดูต้องกลับไปหาตำรวจ (เพราะไม่มีเงินจ่ายค่าอาหาร) ก่อนที่จ็องเซจะปรากฏตัวขึ้น พร้อมกับประกันตัวเขาออกไป และพาเขากลับไปพบกับครอบครัว สำหรับตระกูลฮง จ็องดูคือตัวปัญหา เขาเป็นพวกสมองช้า และกลายเป็นพวกเข้ากับสังคมไม่ได้ และเคยติดคุกมาแล้วถึงสามครั้ง โดยครั้งหลังสุดเกิดจากการโดนกล่าวหาว่า เป็นผู้ก่ออุบัติเหตุขับรถชนแล้วหนี ซึ่งจริงๆ แล้ว คนที่ทำผิดคือจ็องอิล พี่ชายของเขาเอง

หลังจากโดนปลดออกจากงานเสมียน จ็องอิลได้พาแม่, ภรรยา และลูกชาย ย้ายไปอยู่บ้านหลังเล็กลง และเปิดร้านรับซ่อมรถเล็กๆ หลังได้พบจ็องดู เขาจัดการฝากงาน ให้จ็องดูทำหน้าที่เป็นพนักงานส่งอาหารจีน ให้กับร้านอาหารแถวบ้าน ก่อนที่ต่อมาจะตัดสินใจ จ้างให้จ็องดูทำงานในร้านของเขา และยังฝึกจ็องดูให้ซ่อมรถ ในตอนกลางคืน จ็องดูจึงต้องนอนพักอยู่ที่ร้าน และเขาเริ่มต้นมิตรภาพครั้งใหม่ โดยที่ครอบครัวของเขาไม่เคยรู้

หลังจากออกจากคุกได้ไม่นาน จ็องดูเดินทางไปเยี่ยมครอบครัวฮัน ของพนักงานทำความสะอาดถนน ซึ่งเสียชีวิตจากอุบัติเหตุชนแล้วหนี ที่ทำให้เขาต้องเข้าไปชดใช้ความผิดในเรือนจำ เขาได้พบกับ ฮันซังซิก (ซอห์นบุงโฮ) ลูกชายของผู้ตาย ระหว่างที่เขากำลังย้ายบ้าน ไปกับภรรยาของเขา โดยปล่อยให้เพื่อนบ้านคอยดูแลน้องสาวที่ชื่อ กงจู (มุนโซรี) ซึ่งมีอาการอัมพาตในสมอง ซึ่งทำให้จ็องดูถึงกับตะลึง เมื่อได้เห็นเธอครั้งแรก

จ็องดูส่งทั้งผลไม้และดอกไม้ ไปยังอพาร์ตเม้นต์ของกงจู และยังเดินทางไปเยี่ยมเธอด้วยตัวเอง ในยามที่เขารู้ว่าเธออยู่เพียงลำพัง จ็องดูที่พยายามทำให้หญิงสาว ที่ชื่อของเธอหมายถึง 'เจ้าหญิง' สงบจากอาการตื่นกลัว ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ และลงเอยด้วยการเริ่มต้นข่มขืนเธอ ก่อนที่เขาต้องหยุดตัวเอง เมื่อเห็นเธอเป็นลม แต่จ็องดูได้ทิ้งเบอร์โทรศัพท์ร้านซ่อมรถ เอาไว้ในห้องของเธอ กงจูจึงรู้ว่าจะตามหาเขาได้ที่ไหน และกงจูทำให้จ็องดูประหลาดใจ เมื่อเธอโทรศัพท์หาเขา และเชื้อเชิญให้เขาเดินทางมาเยี่ยมเธออีก หลังจากได้พบกันอีกหลายครั้ง (ซึ่งมีอยู่หลายครั้งที่พี่ชายของกงจู หรือเพื่อนบ้านเกือบจับได้) สาวพิการและชายหนุ่มที่แสนอ่อนแอ กลับกลายเป็นเพื่อนกัน เขามองผ่านความพิการภายนอกของเธอ และค้นพบว่า เธอเป็นหญิงสาวที่มีอารมณ์ขันและมีเสน่ห์

กงจูเริ่มรักจ็องดู เพราะเขาเป็นผู้ชายคนแรก ที่ปฏิบัติต่อเธอเหมือนผู้หญิงคนหนึ่ง ในไม่ช้า จ็องดูตัดสินใจพากงจูออกมาจากโลกเล็กๆ ภายในอพาร์ตเม้นต์ของเธอ

แต่มีสิ่งหนึ่งที่สร้างความหวาดกลัวให้กับกงจู เพราะบนกำแพงห้องของเธอ ก็คือผ้าม่านถักราคาถูกที่เป็นรูปภาพของ 'โอเอซิส' ที่มีผู้หญิง เด็ก และช้างตัวหนึ่ง ยืนรวมอยู่ด้วยกัน ณ ตาน้ำกลางทะเลทราย ทุกๆ บ่าย เงาจากต้นไม้นอกหน้าต่างของกงจู จะทิ้งเงามืดลงบนภาพนั้น และเงามืดนี่เองที่ทำให้กงจูหวาดกลัว จ็องดูสัญญาจะช่วยเธอ ด้วยการทำให้เงามืดนั้นหายไปด้วยมนต์วิเศษ แต่เวทมนต์ของเขา ไม่ทรงพลังพอที่จะทำให้มันเกิดขึ้นได้

เย็นวันหนึ่ง จ็องดูทำให้ครอบครัวของเขาต้องหัวเสีย ด้วยการพากงจูไปร่วมกินอาหารเย็น ฉลองวันเกิดแม่ของเขา กงจูต้องพบกับความอับอาย และตกใจที่เขาพาเธอไปพบกับสถานการณ์เช่นนั้น แต่จ็องดูชดเชยความผิด ด้วยการพาเธอไปเที่ยวร้านคาราโอเกะ ที่ซึ่งเขาและเธอสามารถอยู่ด้วยกันเพียงลำพังสองคน และคืนนั้น กงจูขอให้จ็องดูอยู่กับเธอ พวกเขากำลังร่วมรักกัน ขณะที่ ซังซิก พี่ชายของกงจู เดินทางมาเยี่ยม พร้อมกับภรรยาของเขาโดยไม่บอกล่วงหน้า ความโกลาหลจึงเกิดขึ้น จ็องดูโดนจับ และถูกตั้งข้อหาข่มขืนหญิงสาวพิการ ที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้...

ยูนิโคเรีย ภูมิใจเสนอ Oasis การนำเสนอเรื่องราวความรักที่ไม่เหมือนใคร และการปลดเปลื้องที่แสนเจ็บปวด กับสถาบันครอบครัว และสังคมจอมปลอม ผลงานการสร้างของ อีสต์ฟิล์ม โดยความร่วมมือกับ ดรีมเวนเจอร์ แคปปิตัล เขียนบทและกำกับโดย ลีชางด็อง (Peppermint Candy, Green Fish) อำนวยการสร้างโดย มุงเคย์นัม, ร่วมอำนวยการสร้างโดย โชมิงโชล, อำนวยการสร้างบริหารโดย ชอยซุงมิน, เจย์จีออน

Oasis นำแสดงโดยผู้แสดงนำชุดเดิม จากภาพยนตร์เรื่อง Peppermint Candy ของ ลีชางด็อง คือ โซลกุงจู (The Legend of Gingko, I Wish I Had a Wife, Public Enemy) รับบท ฮงจ็องดู, มุนโซรี (A Good Lawyer's Wife) รับบท ฮันกงจู

ทีมงานสร้าง Oasis ได้แก่ ผู้กำกับภาพ ชอยยังเต็ก (Volcano High, Turning Gate), ผู้ลำดับภาพ คิมฮุน (Peppermint Candy, Musa, Two Cops), โปรดักชั่นดีไซเนอร์ ชินจุมฮุย (Peppermint Candy, Kilimanjaro, The Way Home), ผู้ประพันธ์ดนตรีประกอบ ลีเจจิน (Peppermint Candy, Failan)

ภาพยนตร์เรื่อง Oasis ได้รับคัดเลือก ให้ไปฉายโชว์ ณ เทศกาลภาพยนตร์ ในหลายประเทศทั่วโลก อาทิ เวนิส, โตรอนโต้ (แคนาดา), แวนคูเวอร์ (แคนาดา), เบอร์เกน (นอร์เวย์), เวียนเนล-เวียนนา (ออสเตรีย), ลอนดอน, ปูซาน, เธสซาโลนิกี้ (กรีซ), ออสโล (นอร์เวย์), ออทอมน์ - ปารีส, บราติสลาว่า (สโลวาเกีย), โตเกียว ฟิลเม็กซ์, ร็อตเตอร์ดัม (เนเธอร์แลนด์), โกเตบอร์ก (สวีเดน) และคว้ารางวัลมาได้ถึง 4 รางวัล จากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเวนิส (FIPRESCI Award, SIGNIS Award, Special Director's Award ของ ลีชางด็อง และ Marcello Mastroianni Award ของ มุนโซรี) และยังได้รับรางวัลจากอีกหลายสถาบันทั่วโลก

เกร็ดภาพยนตร์

• ผู้กำกับและผู้เขียนบท ลีชางด็อง สร้างสรรค์ผลงานในฐานะมือเขียนบท และผู้กำกับเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1996 กับภาพยนตร์เรื่อง Green Fish ซึ่งได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี จากคนดูและนักวิจารณ์ในเกาหลี จนคว้ารางวัล Dragons & Tigers ที่งานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติแวนคูเวอร์ ครั้งที่ 16 (ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้ผู้กำกับหน้าใหม่ ที่มีผลงานโดดเด่น) และยังได้รับเชิญ ให้เข้าร่วมงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติอีกหลายแห่ง ซึ่งก็รวมถึงที่ลอนดอนและร็อตเตอร์ดัม

  ภาพยนตร์เรื่องที่ 2 ของเขาคือ Peppermint Candy เมื่อปี 1999 ได้รับคำชมในวงกว้าง หลังจากไปเปิดฉายรอบปฐมทัศน์ ในฐานะภาพยนตร์เปิดงาน เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองปูซาน ในเกาหลี และยังได้ไปฉายที่เมืองคานส์ พร้อมกับได้รับเชิญ ให้เข้าร่วมงานเทศกาลทั่วโลกอีกกว่า 30 แห่ง ภาพยนตร์เรื่องนี้คว้ารางวัลมาได้ 3 รางวัลในการ์โลวี่ วารี่ และ 2 รางวัลในบราติสลาว่า Oasis เป็นผลงานเรื่องที่ 3 ของเขา

• ภาพยนตร์เรื่อง Oasis เข้ามาถ่ายทำฉากสำคัญในประเทศไทยที่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี โดยมีผู้แสดงสำคัญคือ ช้างไทย