สเปน ปี 1944 สิ้นสุดสงครามกลางเมือง

เมื่อเร็วๆ นี้ คาร์เมน (เอเรียดน่า กิล) ที่เพิ่งแต่งงานใหม่อีกรอบ พร้อมกับ โอฟีเลีย (อิวาน่า บาเคโร่) ลูกสาวของเธอ ได้ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านของ วิดัล (เซอร์ไก โลเปซ) สามีใหม่ของเธอ กัปตันในกองทัพฝรั่งเศส ผู้แสนเย็นชาและบ้าอำนาจ

เมื่อพบว่าชีวิตที่เพิ่งเริ่มต้นใหม่ กลายเป็นชีวิตที่ยากจะทานทน เด็กหญิงจึงมองหาที่หลบพักใจ ในเขาวงกตลึกลับ ที่เธอพบว่าติดอยู่กับข้างๆ บ้านของเธอ แพน (ดั๊ก โจนส์) สิ่งมีชีวิตสุดมหัศจรรย์ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแล เปิดเผยว่า แท้จริงแล้วเธอคือเจ้าหญิงของอาณาจักรวิเศษ ที่หายสาบสูญไปนาน

เพื่อค้นหาความจริง โอฟีเลียจะต้องปฏิบัติภารกิจ อันเต็มไปด้วยอันตรายสามอย่างให้สำเร็จ มันคือภารกิจที่เธอไม่ได้เตรียมตัว เพื่อเผชิญหน้ามาก่อน...

หนึ่งปีในการเตรียมงาน สี่เดือนในการถ่ายทำ และหกเดือนในการทำงานโพสต์โปรดักชั่น ทั้งหมดนี้คือเวลาที่จำเป็นสำหรับ กีลเลอโม่ เดล โทโร่ (Hellboy, Blade II, The Devil's Backbone, Mimic, Cronos) เพื่อจะทำให้ Pan’s Labyrinth ในทัศนคติของเขา กลายเป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดของเขาขึ้นมา และยังเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่เขาภาคภูมิใจที่สุดด้วย

ถึงแม้จะเป็นผลงานเรื่องที่ 6 ที่เดล โทโร่รับหน้าที่เป็นผู้กำกับ แต่จุดกำเนิดของ Pan’s Labyrinth คงต้องย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงที่เขาเริ่มต้นทำงานใหม่ๆ ก่อนหน้าที่เขาจะกำกับภาพยนตร์เรื่อง Cronos ผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกของเขาด้วยซ้ำ

ก็เหมือนกับที่เราพบกันบ่อยๆ ในผลงานของเดล โทโร่ ประเด็นหลักที่เขาอ้างอิงถึงใน Pan’s Labyrinth อาจมาจากภาพยนตร์ ที่สร้างความประทับใจให้กับเขาอย่างลึกซึ้ง แต่ที่มากไปกว่านั้น ก็คือจากงานวรรณกรรมและภาพเขียน ซึ่งเขามักจะได้รับอิทธิพลจากจิตรกรชาวสเปนที่ชื่อว่า โกย่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘ภาพวาดสีดำ’ ของเขา

การวางคอนเซปต์ของโลกในจินตนาการ ที่โอฟีเลียใช้เป็นที่พักใจ และการท่องไปของแพน ถูกส่งมอบให้กับ คาร์ลอส จิมีเนซ เป็นคนแรกเพื่อให้เขาสเก็ตช์ภาพ จากนั้นมันถูกส่งต่อไปให้ เดวิด มาร์ตี้ และบริษัท เอฟเฟ็คโทส เอสเปเชียลส์ เพื่อให้รูปแบบกับเขา และเขาได้สร้างชีวิตให้กับมัน ทั้งคู่ต่างเคยทำงานกับเดล โทโร่ในภาพยนตร์เรื่อง The Devil’s Backbone

คาร์ลอส จิมีเนซ ที่เข้ามาทำหน้าที่แทน วิลเลี่ยม สเต้าท์ ตั้งแต่ระยะแรกของการเตรียมงานสร้าง เข้ามาดูแลการออกแบบเขาวงกตขณะที่ เซอร์จิโอ แซนโดวัล ผู้เคยสร้างหน้ากากให้กับโครเนน ในภาพยนตร์เรื่อง Hellboy มุ่งมั่นกับการสร้างสัตว์ประหลาดต่างๆ โดยเฉพาะตัวฟอว์น สำหรับตัวละครของเขา ที่ได้แรงบันดาลจาก อาร์เธอร์ แร็คแคม

ถึงแม้จะมีเทคนิคทางภาพ ที่สร้างสรรค์และยอดเยี่ยมขนาดนี้แล้วก็ตาม แต่ กีลเลอโม่ เดล โทโร่ ก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะสร้าง Pan’s Labyrinth ให้ออกมาเป็นภาพยนตร์แฟนตาซี แต่เขาตัดสินใจตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว ที่จะสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ ให้กับคนดูกลุ่มกว้างมากขึ้น สำหรับเดล โทโร่ แล้ว Pan’s Labyrinth คือ เรื่องราวดราม่า ที่ฝังรากอยู่ในเนื้อหาที่เกี่ยวกับสงคราม พร้อมกันนั้นก็มีองค์ประกอบในแบบเทพนิยาย และตำนานผสมเข้ามาด้วย

Pan’s Labyrinth นำแสดงโดย เอเรียดน่า กิล (Alatriste, Soldiers of Salamina, Black Tears), อิวาน่า บาเคโร่ (Fragile: A Ghost Story, Rottweiler, Romasanta: The Werewolf Hunt), เซอร์ไก โลเปซ (Dirty Pretty Things), มาริเบล เวอร์ดู (Y tu mama tambien), ดั๊ก โจนส์ (Hellboy, Fantastic Four: Rise of the Silver Surfer, Lady in the Water, The Benchwarmers, Doom, Adaptation., Men in Black II)

Pan’s Labyrinth ได้รับรางวัลออสการ์ 3 สาขาคือ กำกับศิลป์, กำกับภาพ และ แต่งหน้า จากที่เข้าชิง 6 สาขา นอกจากนั้นยังได้รับรางวัล BAFTA จำนวน 3 สาขาคือ เครื่องแต่งกาย, แต่งหน้า และภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศ จากที่เข้าชิงถึง 8 สาขา และยังได้รับการเสนอชื่อและได้รับรางวัลอีกมากมาย จากหลายสถาบันทั่วโลก