Space Station
Official website
more info. from IMDB
แนว : สารคดี
ความยาว : 47 นาที
กำหนดฉาย : 27 กันยายน 2545

Space Station 3D เป็นเรื่องเกี่ยวกับสถานีอวกาศนานาชาติ แห่งแรกของโลก (ISS) และเรื่องราวของกลุ่มคนที่สร้างมันขึ้นมา ชาย-หญิง 40 คน ที่ทำงานกันเป็นทีม ร่วมกันสร้างจนทำให้สิ่งซึ่งผู้คนคิดว่า เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ สามารถทำสำเร็จขึ้นมาจนได้ นั่นคือ ห้องทดลองที่โคจรอยู่ในอวกาศ

ภาพแรกที่ผู้ชมจะได้เห็น คือภาพด้านนอกสถานีอวกาศ โดยเป็นภาพที่ถ่ายจากกล้อง ซึ่งติดอยู่กับหมวกของชุดนักบินอวกาศ ขณะที่นักบินอวกาศ กำลังเดินอยู่บนขาที่ยึดส่วนต่างๆ ไว้ด้วยกัน จู่ๆ นักบินอวกาศก็หลุดลอยออกจากสถานี จากนั้นเขาใช้เป้ช่วยบิน ซึ่งติดอยู่กับหลังของเขา ทำให้เขากลับมายังสถานีได้อย่างปลอดภัย นั่นคือ การฝึกหัดของนักบินอวกาศสหรัฐฯ สก๊อต พาราซินสกี้ ณ ห้องทดลองเวอร์ชวล เรียลลิตี้ (ห้องทดลองเสมือนจริง) ที่ศูนย์อวกาศจอห์นสัน นักบินอวกาศซึ่งจะเป็นทีมก่อสร้าง จะต้องผ่านการฝึกเช่นนี้ทุกคน

การก่อสร้างขั้นแรกของ ISS ได้รับการออกแบบและก่อสร้าง ด้วยผู้คนนับพันจาก 16 ประเทศ ชิ้นส่วนของสถานีอวกาศ มีขนาดใหญ่และหนักมาก จนต้องส่งออกไปยังอวกาศได้ครั้งละเพียง 1 ส่วนเท่านั้น ขั้นตอนที่สองจะเริ่มขึ้นในอวกาศ ชิ้นส่วนแรกที่ถูกส่งออกไป คือส่วนประกอบที่มีชื่อว่า "ซาร์ยา" (แปลว่า รุ่งอรุณ ในภาษารัสเซีย) ผู้ชมจะได้เห็นภาพจรวดโปรตอนส่งซาร์ยาออกไปในอวกาศ ต่อมากระสวยอวกาศของนาซ่า ก็ส่งส่วนประกอบของสหรัฐฯ ที่มีชื่อว่า "ยูนิตี" (แปลว่า ความสามัคคี) ออกไป กระสวยอวกาศจะออกไปเคียงข้างอยู่กับ "ซาร์ยา" แล้วนักบินอวกาศ แนนซี่ แคร์รี่ จะควบคุมแขนของกระสวยอวกาศออกไปยึดจับ "ซาร์ยา" ไว้ขณะที่ปล่อย "ยูนิตี" เข้าประจำที่ เมื่อประกอบชิ้นส่วนทั้งสองเข้าด้วยกันแล้ว นั่นคือจุดกำเนิดของสถานีอวกาศนานาชาติ

กระสวยอวกาศดิสคัฟเวอรี จะเชื่อมต่อกับสถานีอวกาศ แล้วส่งลูกเรือ ซึ่งมีหน้าที่พื้นฐานต่างๆ อาทิ ฝ่ายเชื่อมสายไฟ ระบบวางท่อน้ำ และระบบสื่อสาร บน ISS จะมีผู้เชี่ยวชาญภารกิจพิเศษชาวญี่ปุ่น ชื่อ โคอิชิ วากาตะ ทำหน้าที่ติดตั้ง "โครงยึด แซด 1" ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของระบบ โดยการใช้แขนกลของสถานี จากนั้นจะเป็นหน้าที่ของนักบินอวกาศ ที่จะทำหน้าที่ติดตั้งเสาอากาศสื่อสาร กล่องสำหรับเครื่องมือไฮเท็ค และการเชื่อมสายไฟ เพื่อส่งกำลังไฟ ไปยังห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์ ในการปฏิบัติงานนี้ นักบินอวกาศบางคนจะต้องออกไปเดินอยู่ในอวกาศด้วย

จากนั้น ผู้ชมจะได้เห็นนักบินอวกาศ เจฟฟ์ วิสออฟ และ ไมค์ โลเปซ-อัลเลอเกรีย (แอล.เอ.) อยู่นอก ISS และทดลองใช้ "เซฟเฟอร์" หรือเป้หลังช่วยบินของพวกเขา เมื่อภารกิจเสร็จสิ้น กระสวยอวกาศดิสคัฟเวอรีจะถอนตัวออกมา เหลือไว้เพียงส่วนประกอบ 3 ส่วน อันได้แก่ ซีเวสดา (Zvesda) ซึ่งเป็นส่วนพักอาศัย ซาร์ยา (Zarya) ซึ่งเป็นส่วนเก็บของ โครงยึด แซด 1 และ ยูนิตี (Unity)

ทีมนักบินอวกาศที่จะไปใช้ชีวิตบน ISS กลุ่มแรก เรียกว่าลูกเรือชุด เอ็กซ์เพดิชั่น 1 (Expedition-1) จะเดินทางจากฐานปล่อยยานของรัสเซีย ผู้ที่จะใช้ชีวิตบนนั้นเป็นคนแรก ได้แก่ บิล เชพเพิร์ด ทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการ พร้อมลูกเรืออีก 2 คน พวกเขาใช้เวลาเดินทางสองวันจึงไปถึง ISS เมื่อไปถึงระบบแอร์คอนดิ ชั่นของส่วนซีเวสดาทำงานผิดปกติ ผู้ชมจะได้เห็นนักบินอวกาศซ่อมแซมอุปกรณ์ ขณะเดียวกัน ณ ศูนย์อวกาศเคนเนดี้ เจ้าหน้าที่กำลังบรรจุชิ้นส่วน ที่เป็นห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์ ที่ชื่อ "เดสตินี" (Destiny) ซึ่งจะนำไปเชื่อมต่อกับ ISS เข้าไปในห้องบรรทุกของยานแอตแลนติส รวมทั้งข้าวของที่จำเป็น อาทิ เสื้อผ้าและน้ำ เพื่อส่งขึ้นไปยังอวกาศ เมื่อห้องทดลองบนอวกาศติดตั้งเรียบร้อย ที่นี่จะกลายเป็นสถานที่สำหรับวิจัย และค้นคว้ายารักษาโรคใหม่ๆ การรักษาโรคมะเร็ง และปรับปรุงวัสดุเพื่อนำมาใช้บนโลก

เมื่อภารกิจของลูกเรือเอ็กซ์เพดิชั่น - 1 ใกล้สิ้นสุดลง ลูกเรือกลุ่ม เอ็กซ์เพดิชั่น - 2 เตรียมตัวไปปฏิบัติหน้าที่ต่อ (ลูกเรือประกอบไปด้วย จิม วอสส์ และ ซูซาน เฮลม์ส จากสหรัฐอเมริกา และผู้บัญชาการชาวรัสเซีย ยูรี ยูซาเชฟ) กระสวยอวกาศดิสคัฟเวอรีพาลูกเรือกลุ่มใหม่ ขึ้นไปยังสถานีอวกาศ และพาลูกเรือกลุ่มแรกกลับลงมาสู่พื้นโลก ลูกเรือกลุ่มใหม่จะเริ่มงานในห้องทดลอง เพื่อทำการทดลองหลายอย่าง รวมไปถึงการเจริญเติบโตในผลึกแก้ว และโครงสร้างของโมเลกุล การเพาะเมล็ดพืช รวมทั้งการเจริญเติบโตของพืช ภายใต้สภาวะไร้น้ำหนัก การได้รับผลกระทบจากรังสีในจักรวาล และการทดลองอีกหลายอย่าง

ที่เกาะฮอนชู ของประเทศญี่ปุ่น กระสวยอวกาศ "เอ็นดีเวอร์" เดินทางมาถึงพร้อมด้วยคอนเทนเนอร์พิเศษ ซึ่งบรรทุก "ราฟฟาเอลโล" (Raffaello) ซึ่งเป็นหนึ่งในรถบรรทุกไฮเท็ค สร้างโดยองค์กรอวกาศของอิตาลี ส่วนภายในกระสวยอวกาศ มีนักบินอวกาศจาก 3 ชาติ ได้แก่ คริส แฮดฟิล์ด ชาวแคนาดา, ยูริ ลอนคาคอฟ ชาวคาซักสถาน และ อุมแบร์โต กิโดนี จากอิตาลี

หลังจากที่ออกเดินทางด้วยยานเอ็นดีเวอร์ นักบินอวกาศทั้งสาม ต้องปฏิบัติการเคลื่อนย้ายเปลี่ยนยาน สำหรับกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน พวกเขาต้องเปลี่ยนไปสวมชุดอวกาศของรัสเซีย ขึ้นไปอยู่ในยานหลบหนี ที่เรียกว่า โซยูซ (Soyuz) และบินไปรอบๆ สถานีอวกาศ เมื่อสวมชุดและย้ายเข้าไปอยู่ในยานโซยูซแล้ว เป็นอันว่า พวกเขาย้ายไปอยู่ในบ้านกลางอวกาศเรียบร้อย

จากนั้น มีการติดตั้งห้องอากาศอุดตันของสถานีอวกาศ ซึ่งเป็นเสมือนประตูหน้าของสถานี และแขนสำหรับติดตั้งงานหนัก การก่อสร้างบ้านที่อยู่ได้ด้วยตัวเองในอวกาศ จึงเป็นอันเสร็จเรียบร้อย จากที่ก่อนหน้านี้ เวลานักบินอวกาศที่จะเดินในอวกาศ จะต้องออกผ่านไปทางกระสวยอวกาศ ซึ่งเชื่อมต่อกับสถานีอยู่ บัดนี้ พวกเขาสามารถเดินเข้าออกทางประตูได้แล้ว อีกหลายปีต่อไป (ISS ได้รับการออกแบบให้มีอายุใช้งานได้นาน 15 ปี) สถานีอวกาศและครอบครัวของมัน จะเติบโตขึ้น พร้อมด้วยมีส่วนประกอบโครงสร้างเพิ่มเติม จากทางยุโรปและญี่ปุ่น

ก่อนหน้านี้... เวลาสำหรับการวิจัยในอวกาศ ยังคงทำได้เพียงไม่กี่ชั่วโมง นับจากนี้ไป... การวิจัยในอวกาศจะทำได้หลายพันชั่วโมง ซึ่งจะเป็นการเปิดประตูไปสู่การค้นพบสิ่งใหม่ๆ มีเพียงอนาคตเท่านั้นที่จะรู้ว่า มนุษย์จะได้ค้นพบอะไรใหม่ๆ อีกบ้าง

นอกจากจะได้ชมภาพอันตื่นตาตื่นใจ ในความสำเร็จของมนุษยชาติแล้ว ผู้ชมยังจะได้ฟังความคิดเห็น และรับรู้ความรู้สึก ของเหล่านักบินอวกาศ ที่ออกไปปฏิบัติภารกิจอันยิ่งใหญ่ของชีวิตครั้งนี้...


Space Station 3D เป็นภาพยนตร์สามมิติ แนวอวกาศเรื่องแรกของไอแมกซ์ ที่งดงามและใช้เทคนิคตระการตาน่าทึ่ง ผู้ชมจะได้เดินทางไกล 350 กิโลเมตรเหนือพื้นโลก ที่ความเร็ว 28,157.75 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพื่อพบกับ Space Station 3D ซึ่งถือเป็นความสำเร็จทางวิศวกรรม อันยิ่งใหญ่ที่สุด นับตั้งแต่มนุษย์ไปเหยียบดวงจันทร์

ภาพยนตร์เรื่องนี้ ให้เสียงบรรยาย โดย ทอม ครูซ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความร่วมแรงร่วมใจกัน ของประเทศต่างๆ ถึง 16 ประเทศ อย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน ในการร่วมกันสร้างสถานีทดลองในอวกาศ เพื่อเป็นเครื่องอำนวยความสะดวกแบบถาวร เพื่อศึกษาถึงผลกระทบจากการอยู่ในอวกาศ ที่ไร้แรงโน้มถ่วงเป็นเวลานานๆ ซึ่งนับได้ว่าเป็นก้าวแรก ของความพยายามในการร่วมมือกันระดับโลก เผื่อว่าสักวันมนุษย์จะได้ไปเหยียบดาวอังคาร ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของไอแมกซ์เรื่องนี้ จะนำเสนอเรื่องราวของชีวิตบนสถานีอวกาศ บ้านใหม่ของมนุษยชาติ ซึ่งอยู่ไกลแสนไกลจากบ้านปัจจุบัน Space Station 3D เป็นภาพยนตร์ที่เล่าถึงเรื่องราวความท้าทาย ความล้มเหลว และความสำเร็จของมนุษย์ และเหนืออื่นใด คือชัยชนะร่วมกัน ของบรรดาชายหญิงจากนานาประเทศ ซึ่งความฝันของพวกเขา ไปไกลเกินกว่าข้อจำกัด ของชีวิตบนโลกใบนี้แล้ว

ภาพยนตร์เรื่องนี้ อำนวยการสร้างโดย ไอแมกซ์ คอร์ปอเรชั่น และนำเสนอโดย ล็อกฮีด มาร์ติน คอร์ปอเรชั่น ร่วมกับ องค์การอวกาศแห่งชาติของอเมริกา (นาซ่า) ทำให้ Space Station 3D สร้างขึ้นจากมรดกแห่งความร่วมมือ ระหว่าง ไอแมกซ์ / ล็อกฮีด มาร์ติน / นาซ่า ซึ่งเริ่มต้นขึ้นเมื่อเกือบจะ 20 ปีมาแล้ว และปัจจุบัน ได้ร่วมกันผลิตภาพยนตร์ บนจอยักษ์ของไอแมกซ์มาแล้ว 5 เรื่องสำคัญๆ ได้แก่ The Dream is Alive, Blue Planet, Destiny In Space และ Mission To MIR.. ภาพยนตร์เหล่านี้ ได้ผ่านสายตาผู้ชมมาแล้วถึง 70 ล้านคนทั่วโลก

Space Station 3D เป็นการเดินทางไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ ผ่านทางภาพยนตร์ครั้งแรกในโลก ผู้ชมจะได้ร่วมสัมผัสประสบการณ์ชีวิต ที่ไร้แรงโน้มถ่วง บนสถานีอวกาศแห่งใหม่นี้ และด้วยความมหัศจรรย์ ของเทคโนโลยีสามมิติจากไอแมกซ์ ผู้ชมจะได้ทะยานสู่อวกาศ ไปกับนักบินอวกาศจากศูนย์อวกาศเคนเนดี้ ฟลอริดา และ คอสโมโดรม ไบโคนูร์ ของรัสเซีย ซึ่งจะมาพบกันที่บ้านใหม่ของพวกเขา ณ วงโคจร 350 กิโลเมตรเหนือพื้นโลก นับแต่บัดนี้ ผู้คนจากทุกวัยและภาษา จะสามารถทำงานเคียงข้างกันได้ ด้วยนักบินอวกาศที่ช่วยกันสร้าง และพักอาศัยอยู่ในสถานีอวกาศ ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนแห่งนี้

Space Station 3D อำนวยการสร้างโดย โทนี่ ไมเยอร์ส ให้เสียงบรรยายโดย ทอม ครูซ ผู้กำกับภาพและฝึกนักบินอวกาศคือ เจมส์ ไนเฮาส์ ดนตรีประกอบโดย มิคกี้ เอิร์บ และ มาริเบธ โซโลมอน ผู้ช่วยผู้อำนวยการสร้างได้แก่ จูดี้ แคร์รอล และผู้อำนวยการสร้างด้านที่ปรึกษา ได้แก่ แกรม เฟอร์กูสัน จัดจำหน่ายโดย ไอแมกซ์ คอร์ปอเรชั่น โดยจะออกฉาย ณ โรงภาพยนตร์จอขนาดยักษ์ของไอแมกซ์ทั่วโลก กว่า 80 โรง นับว่าเป็นภาพยนตร์ขนาดใหญ่ที่สุดของ ไอแมกซ์ คอร์ปอเรชั่น ที่จะออกฉายทั่วโลก