Official website
แนว : ดราม่า / ระทึกขวัญ / ประวัติศาสตร์
ความยาว : 145 นาที
กำหนดฉาย : 27 ธันวาคม 2545
พุทธศักราช 2505 การที่สาวอุดมการณ์สูงอย่าง กุลสตรี (พรหมพร ยูวะเวส) ถูกส่งตัวมาประจำที่กองเรือตรวจอากาศ ที่อ่าวนครศรีธรรมราช ทำให้เธอได้เรียนรู้เรื่องราวมากมาย ทั้งเรื่องงานและความรัก และเพื่อพิสูจน์ความเชื่อของเธอ อันตรายของพายุที่กำลังจะเกิด ทำให้เธอได้ขึ้นไปที่แหลมตะลุมพุก กับ จ่าสมใจ (ฉัตรชัย เปล่งพานิช) ผู้ไม่เคยเชื่อเช่นเธอ แต่เรื่องราวบนแหลมตะลุมพุก นอกจากความสวยงาม และวิถีชีวิตบริสุทธิ์ ของชาวแหลมตะลุมพุก และอันตรายของพายุที่ทั้งคู่ต้องเผชิญแล้ว การได้พบเรื่องราวของความรักบริสุทธิ์ ที่ไม่ลงตัวของ 2 หนุ่ม 1 สาว และแรงกดดันของชุมชน ที่ทำให้ พร้าว (ธันญ์ ธนากร) หนุ่มไทยเข้ามาเติมเต็ม ส่วนที่ขาดหายไปของ ซากีนะห์ (ศศิธร พานิชนก) สาวชาวมุสลิม ความรักของทั้งสองได้ก่อตัวขึ้น พร้อมกับความไม่พอใจของ ซอและ (ม.ร.ว.มงคลชาย ยุคล) หนุ่มชาวมุสลิม ซึ่งเป็นคู่หมั้นของซากีนะห์ จนนำไปสู่ปัญหาที่ทำให้พร้าว ต้องไปจากแหลมตะลุมพุก เพื่อลดปัญหาที่จะเกิดกับซากีนะห์คนที่เขารัก แต่พร้าวกลับหนีใจตัวเองไม่พ้น พายุใหญ่เริ่มพัดกระหน่ำแหลมอย่างบ้าคลั่ง เหมือนอารมณ์ที่กดดันของเธอและเขา ในที่สุดพร้าวจึงตัดสินใจกลับมาที่ตะลุมพุกอีกครั้ง เพื่อพิสูจน์รักแท้ที่มีต่อซากีนะห์ พร้าวต้องเผชิญหน้ากับหายนะ และอันตรายของคลื่นบ้าพายุคลั่ง มันเป็นเพียงด่านแรกเท่านั้น เพราะสิ่งที่รอการกลับมาของพร้าว คือความแค้นของซอและ ที่รุนแรงไม่แพ้พายุ ที่กำลังโหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง พร้าวต้องฝ่าฟันไปให้ได้แต่สิ่งที่เหนือความคาดคิดของทุกคนคือ พายุคลั่งลูกนี้มาทวงหา และตัดสินชะตาความกล้า ของตัวตนของคนที่อยู่บนแหลมทั้งหมด และเรื่องราวของแหลมตะลุมพุก ที่ทั้งกุลสตรีและจ่าสมใจได้พบ ไม่เพียงทำให้พวกเขาจดจำ แต่มันเปลี่ยนชีวิตของคนทั้งคู่ตลอดไป และทำให้ทั้งคู่รู้จักคุณค่าของชีวิตที่แท้จริง ชะตากรรมที่ทุกคนต้องมาร่วมกันครั้งนี้ มันใหญ่ รุนแรง และน่ากลัว เกินกว่าที่ทุกคนจะรอดพ้นจากชะตากรรมนี้... ย้อนไปเมื่อปีพุทธศักราช 2505 พายุโซนร้อนแฮเรียต ได้โหมกระหน่ำกวาดเอาหมู่บ้าน บริเวณปลายแหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช หายไปในพริบตา พร้อมกับคร่าชีวิตชาวมุสลิม และชาวไทยไปกว่าหมื่นชีวิต นับเป็นโศกนาฏกรรมครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด ในรอบ 40 ปีที่ไม่มีวันลืม ฟิล์มเซิร์ฟ ขอนำคุณย้อนรำลึกอดีต ที่สร้างความสะเทือนขวัญ ให้กับชาวนครศรีธรรมราช และคนไทยทั้งประเทศ กับภาพยนตร์เรื่อง ตะลุมพุก มหาวาตภัยล้างแผ่นดิน กำกับการแสดงโดย ปิติ จตุรภัทร์ ภายใต้การควบคุมการผลิตของ คมสัน ศรีสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟิล์มเซิร์ฟ จำกัด ในเครือ บริษัท อาร์เอส โปรโมชั่น จำกัด ตะลุมพุก มหาวาตภัยล้างแผ่นดิน ได้นักแสดงมากมาย ร่วมถ่ายทอดอารมณ์ลงบนแผ่นฟิล์ม ได้แก่ ฉัตรชัย เปล่งพานิช นักแสดงหนุ่มรุ่นใหญ่ ที่พลิกบทบาทจากหล่อ เท่ เปลี่ยนมารับบทมาดเซอร์เต็มพิกัด ในบท 'จ่าช่าง' นายทหารเรือผู้มีอดีตรักอันขมขื่น จึงให้เขากลายเป็นเหมือนคนไร้วิญญาณ, พรหมพร ยูวะเวส ผู้ประกาศข่าวสาว ที่มาชิมลางงานแสดงภาพยนตร์เป็นครั้งแรก ในบท 'กุลสตรี' ของสาวชาวกรุง ผู้มีความมั่นใจสูงและหัวรั้น, ธันญ์ ธนากร นักแสดงเอกหนุ่มที่ผ่านการคัดเลือก จากผู้ที่มาแคสติ้งถึง 200 กว่าคน และได้รับบท 'พร้าว' เด็กหนุ่มชาวพุทธกำพร้า ที่ถูกผู้ใหญ่บ้านเก็บมาเลี้ยง และถูกขัดขวางความรัก ถูกใส่ร้าย และต้องผจญกับความรู้สึกผิดในอดีต, ศศิธร พานิชนก นักแสดงสาวหน้าใหม่ ที่แสดงบทรับเชิญใน จัน ดารา มาแล้ว มารับบทแบบเต็มตัวครั้งแรก เป็นตัวเดินเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบ เป็น 'ซากีนะห์' สาวชาวมุสลิมหัวใจมั่นคง แม้จะมีอุปสรรคขัดขวางความรัก มากมายแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถขัดขวางใจรักของเธอ ที่มีต่อคนรักได้, ม.ร.ว.มงคลชาย ยุคล ลูกชายของหม่อมเจ้า ชาตรีเฉลิม ยุคล ผู้กำกับที่ยิ่งใหญ่ของไทย จบด้านภาพยนตร์มาจากอเมริกา มารับบท 'ซอและ' ลูกชายของอิหม่าม เป็นตัวกั้นกลางความรัก ระหว่างพร้าวกับซากีนะห์, กันต์ ทับทิมเทพย์ นักแสดงจากภาพยนตร์โฆษณา รับบทเป็น 'เป๋' เพื่อนรักของพร้าว, ณัตติพา ซาซา นักแสดงหน้าใหม่ รับบทเป็น 'ษา' เพื่อนของซากีนะห์ เป็นผู้ช่วยของอนามัย, ศิลปินแห่งชาติ อ.เสรี หวังในธรรม รับบทเป็นอิหม่าม ผู้นำศาสนาในหมู่บ้าน, กิ่งดาว ดารณี ผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการภาพยนตร์ และละครนานหลายสิบปี รับบทเป็น 'ฟารีดะ' แม่ของซากีนะ ร่วมด้วย พอเจตน์ แก่นเพชร, สมชาติ ประชาไทย และผู้แสดงสมทบอีกมากมาย ข้อมูลจริงจาก เหตุการณ์ "มหาวาตภัยที่แหลมตะลุมพุก"
สรุปเหตุการณ์ "มหาวาตภัยถล่มภาคใต้" ปี พ.ศ. 2505 เมื่อวันที่ 25-26 ตุลาคม พ.ศ.2505 ได้เกิดมหาวาตภัยขึ้น ในภาคใต้ของประเทศไทย โดยที่แหลมตะลุมพุก อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช มีการสูญเสียอย่างหนักกว่าที่ใด คลื่นใหญ่มหึมาม้วนตัวจากทะเลขึ้นบนบก กวาดสรรพสิ่งที่กีดขวาง ไม่ว่าจะเป็นเรือแพที่จอดอยู่ หรือบ้านเรือนริมทะเล ต้นไม้ ชีวิตคน สัตว์เลี้ยง ล้วนถูกคลื่นยักษ์ม้วนหายลงไปในทะเล โดยไม่มีโอกาสได้รู้ตัวล่วงหน้า ที่อยู่ห่างชายฝั่งลึกเข้าไปในแผ่นดิน ก็ถูกพายุโถมกระหน่ำโครมเดียว ปลิวว่อนบาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน คลื่นยักษ์กวาดบ้านเรือนและราษฎร ลงไปในทะเลเกือบทั้งตำบล เรียกว่าวาตภัยในครั้งนี้ มีความร้ายแรงที่สุด ในรอบศตวรรษเลยทีเดียว ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราชที่มีอายุ 70-80 ปี บอกว่า เกิดมาก็เพิ่งเคยเห็น ความร้ายแรงของธรรมชาติ และเคยเห็นความเสียหายอย่างมากครั้งนี้เอง จังหวัดนครศรีธรรมราช อยู่ในสภาพเหมือนถูกปล่อยเกาะ เส้นทางที่จะติดต่อกับจังหวัดอื่น ถูกทำลายพินาศหมด ทั่วทุกหัวระแหงในจังหวัด อยู่ในสภาพขาดแคลนทั้งเสื้อผ้า ที่อยู่อาศัย อาหาร ยารักษาโรค ไฟฟ้าในจังหวัดก็ดับหมด 9 จังหวัดในภาคใต้ ได้รับความเสียหายอย่างมาก สถานที่ราชการ อาคารบ้านเรือน โรงเรียน วัด ถูกพายุพัดพังระเนระนาด การไฟฟ้าและสถานีวิทยุตำรวจเสียหายหนัก ไม่สามารถติดต่อกันได้ เรือที่ออกทะเลเสียหายมากมาย ต้นยาง ต้นมะพร้าว และต้นไม้อื่นๆ ล้มพินาศมหาศาล สวนยางนับแสนๆ ต้นโค่นล้มขวางเป็นสิบๆ กิโลเมตร หลายร้อยคนหาทางออกไม่ได้ คนภายนอกจะเข้าไปช่วยเหลือก็ไม่ได้ การช่วยเหลือต้องส่งเครื่องบินไปทิ้งอาหารให้ กองทัพเรือออกปฏิบัติการ ช่วยเหลือค้นหาเรือประมง ในหลายจังหวัดทางภาคใต้ ที่สูญหายไปเป็นจำนวนมาก และได้ค้นพบศพเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในทะเลและบนบก รองอธิบดีกรมตำรวจสั่งการไปยังหน่วยบิน และหน่วยปฏิบัติการใต้น้ำ แห่งกองบังคับการตำรวจน้ำ ออกค้นหา แต่ต้องเผชิญกับอุปสรรคคลื่นลมพายุ จนหมดความสามารถ ที่จะค้นหาผู้รอดชีวิตในทะเลได้ การรถไฟแห่งประเทศไทย ประกาศงดเดินขบวนรถด่วนสายใต้ เพราะภูเขาดินพังทลาย ทับรางระหว่างสถานีช่องเขา กับสถานีร่อนพิบูลย์ ในทะเลศพเริ่มลอยเกลื่อน ไม่เหลือผู้รอดชีวิตให้ช่วยเหลือ จากเครื่องบินหรือเรือรบเลย และผู้ที่เหลือรอด เผชิญกับปัญหาความอดอยาก และพบซากเรือแตกทั่วท้องทะเล จังหวัดนครศรีธรรมราชเวลากลางคืน มืดทึบไปหมดทั้งเมือง เพราะไฟฟ้าใช้การไม่ได้ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ปราศรัยถึงผู้ประสบวาตภัยว่า รู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง คนไทยทั้งชาติ รวมทั้งต่างชาติ อาทิ อังกฤษ, อิตาลี, เวียดนาม, สวีเดน, สหรัฐ ฯลฯ ตกตะลึงต่อข่าวมหาวิปโยค ต่างก็เข้ามาช่วยเหลือ และบริจาคให้กับผู้ประสบภัย ที่รอดชีวิตในครั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงทราบใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ด้วยความโทมนัสพระราชหฤทัยเป็นอย่างยิ่ง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้วิทยุ อ.ส.พระราชวังดุสิต กระจายข่าวอย่างละเอียด เชิญชวนให้ประชาชน ร่วมบริจาคกับในหลวง รวบรวมสิ่งของ เครื่องใช้ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม และเงินตามศรัทธา เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบวาตภัยดังกล่าว เพียงเวลาไม่นานนัก ประชาชนที่รับฟังข่าวจากวิทยุ อ.ส.พระราชวังดุสิต ต่างก็หอบหิ้วสิ่งของ ตามที่มีอยู่และซื้อหามาได้ ทั้งถุงข้าว เสื้อผ้า จอบ เสียม หม้อ กระทะ เข้าสู่พระราชตำหนักจิตรลดารโหฐานเป็นทิวแถว ได้ข้าวของมากมายกองเต็มไปหมด ทรงพระราชกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ ร.ส.พ. รถไฟ เครื่องบินของกองทัพอากาศ เรือของกองทัพเรือ รถยนต์ของหน่วยราชการ ทั้งหมดที่มีที่ช่วยได้ ก็ระดมกันมาช่วยเหลือผู้เคราะห์ร้ายเป็นการด่วน และเหตุการณ์ในครั้งนั้น ทำให้เกิด มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชฯ ได้พระราชทานเงินบริจาค ให้นำไปบรรเทาทุกข์อย่างทั่วถึง แล้วยังมีเงินเหลืออยู่ จึงทรงพระกรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้อธิบดีกรมประชาสงเคราะห์ ขอจดทะเบียนตั้งมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ.2506 โดยได้พระราชทานเงินจำนวน 3 ล้านบาท ให้เป็นทุนประเดิม ของมูลนิธิฯ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ทันท่วงที มีการบริจาคเงิน ช่วยเหลือผู้ประสบวาตภัยอย่างคึกคัก ทั้งทางสถานีวิทยุ และสภากาชาดไทย สรุปยอดความเสียหาย ในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคใต้ จากเหตุการณ์แหลมตะลุมพุก พ.ศ. 2505
รวมมูลค่าความเสียหาย 377 ล้านบาท เกร็ดจากเหตุการณ์ "ตะลุมพุก"
|