หลวงนฤบาล บุรีรักษ์ (วินัย ไกรบุตร) เป็นข้าราชการที่ประสบความสำเร็จ ในหน้าที่การงานเป็นอย่างดี และเป็นที่นับหน้าถือตาของผู้คนโดยทั่วไป ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 หลวงนฤบาลฯ ประสบอุบัติเหตุ ถูกระเบิดขาขวาพิการ และใบหน้าซีกขวาเสียโฉม แต่ร้ายที่สุด คือการเสียชีวิตของคุณศรี ภรรยาที่อยู่กินกันมาตั้งแต่หนุ่มสาว หลังเหตุการณ์ร้ายครั้งนั้น หลวงนฤบาลฯ ต้องถือไม้เท้าพยุงตัว และเดินขากะเผลกๆ เรื่อยมา

หลวงนฤบาลฯ กับ คุณศรี ไม่มีบุตรธิดา ดังนั้นหลังการเสียชีวิตของ คุณศรี เมื่อได้พบ ด.ช.ปั้น วัย 10 กว่าขวบ ที่พลัดพรากจากครอบครัวระเหเร่ร่อนอยู่ หลวงนฤบาลฯ ก็รู้สึกถูกชะตา และรับมาอุปการะเลี้ยงดู จนกระทั่งเติบโตเป็นหนุ่ม ปั้น ก็ตอบแทนพระคุณ ด้วยการช่วยดูแลปรนนิบัติรับใช้อย่างใกล้ชิด จนหลวงนฤบาลฯ ไว้เนื้อเชื่อใจ

วันหนึ่ง เมื่อหลวงนฤบาลฯ เดินทางไปเก็บค่าเช่าที่นาย่านนครนายก ได้พบ สารภี (นภามาศ จันทรมณี) ลูกสาวชาวนาวัย 18 ปี ที่สวยเปล่งปลั่งเป็นพิเศษก็ถูกชะตา ความตั้งใจเดิมแต่ครั้งคุณศรีเสียชีวิตใหม่ๆ ที่ว่า จะไม่รักใครอีกเลยก็เปลี่ยนไป หลวงนฤบาลฯ รู้สึกหลงรักสารภีแต่แรกพบ อยากให้ได้มาเป็นคู่ใจในบั้นปลายของชีวิต หลวงนฤบาลฯ เสนอเงินก้อนโต ขอสารภีมาอยู่กับตน จากพ่อแม่ของเธอที่เป็นแค่ชาวนายากจน สารภีดูจะไม่เต็มใจนัก สำหรับการต้องมาอยู่กินกับคนแก่คราวพ่อ แต่ดูเหมือนเธอแทบจะไม่มีทางเลือกอื่นเลย

หลังเกษียณอายุราชการ หลวงนฤบาลฯ เลือกมาใช้อยู่ที่คฤหาสน์ตากอากาศหลังใหญ่ ริมทะเลบางละมุง ที่เดิมสร้างไว้สำหรับการมาพักผ่อนยามวันหยุด และรับรองเพื่อนฝูงแขกเหรื่อ ที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ เพื่อพักผ่อนตอนสุดสัปดาห์ หลวงนฤบาลฯ พาสารภีมาอยู่ที่นี่ ตั้งใจใช้ที่นี่เป็นเรือนหอ สำหรับการเริ่มต้นชีวิตคู่ครั้งใหม่ เขาพร้อมจะทุ่มเททรัพย์สินเงินทองของล้ำค่าทุกอย่างที่มี เพียงแค่สารภีบอกรับรักเขา

แล้ววันหนึ่งหัวใจ หลวงนฤบาลฯ ก็พองโต เมื่อสารภีตอบตกลงแต่งงานกับเขา หลวงนฤบาลฯ จัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โต ที่คฤหาสน์ริมทะเลบางละมุงหลังนั้น แขกเหรื่อมาร่วมงานคึกคัก แล้วในคืนวันส่งตัวนั้น สารภีก็หนีจากหลวงนฤบาลฯ ไปพร้อมกับ ปั้น (รอน บรรจงสร้าง) หลวงนฤบาลฯ แค้นสุดๆ เมื่อคนที่เขารัก และทุ่มเททั้งสองคน กลายมาเป็นผู้เหยียบย่ำจิตใจเขาเสียเอง

ยิ่งรักมากก็ยิ่งแค้นมาก หลวงนฤบาลฯ สั่งเกณฑ์ผู้คนออกตามล่าหาตัวสารภีและปั้น แทบพลิกแผ่นดิน แต่สารภีและปั้นก็หนีรอดไปได้ราวปาฏิหาริย์ โดยแอบซ่อนตัวอาศัยเรือประมงหนีออกไปจากฝั่ง และไปใช้ชีวิตคู่อยู่บนเกาะแห่งหนึ่ง ทิ้งให้หลวงนฤบาลฯ จมอยู่กับกองทุกข์ ชีวิตผ่านไปวันๆ กับความโทมนัส โหยหาสารภี และคลุ้มคลั่งกับความแค้น ที่สารภีและปั้นกระทำลงไป อีกไม่นาน หลวงนฤบาลฯ ก็เสียชีวิต

หลังรู้ข่าวการตายของ หลวงนฤบาลฯ สารภีและปั้น ก็กลับคืนสู่ฝั่งเพื่อขอขมาศพ และพบว่าหลวงนฤบาลฯ ได้ทำพินัยกรรมยกคฤหาสน์ริมทะเลบางละมุง ให้สารภีและปั้น ทั้งคู่จึงตัดสินใจกลับมาอยู่ที่คฤหาสน์หลังนี้ ปั้นมีความคิดหารายได้ ด้วยการดัดแปลงคฤหาสน์หลังใหญ่ ทำเป็นโรงแรมตากอากาศให้ชื่อว่า “โรงแรมบางละมุง” สารภีให้กำเนิดปริญญา ลูกชายคนแรก และปัทมา ลูกสาวคนสุดท้อง หลังจากนั้นไม่นานก็เสียชีวิต ปล่อยให้ปั้นรับภาระดูแลลูกทั้งสองคน ปั้นได้ไปชวน เปลื้อง (สถาพร นาควิลัย) น้องชาย มาช่วยดูแลกิจการโรงแรม และส่งเสียปริญญากับปัทมาไปเรียนต่อถึงประเทศอังกฤษ

25 ปีผ่านไป พัทยาเริ่มเป็นเมืองชายทะเลแหล่งท่องเที่ยวแหล่งใหม่ กิจการโรงแรมบางละมุงของปั้น เริ่มมีแขกมาพักน้อยลง ปั้นจึงคิดปิดกิจการชั่วคราว เพื่อปรับปรุงเสียใหม่ โดยติดต่อ วิสูตร (ภาณุ สุวรรณโณ) สถาปนิกจากกรุงเทพฯ มารับผิดชอบการออกแบบก่อสร้างดัดแปลงโรงแรม อันเป็นช่วงเดียวกับ ปริญญา (พลังธรรม กล่อมทองสุข) และ ปัทมา (นภามาศ จันทรมณี) กลับมาเมืองไทย ขณะปรับปรุงคนงานวัยรุ่น 2 คน แอบขโมยพระพุทธรูปเชียงแสนสีดอกบวบเก่าแก่ไป คืนเดียวกันนั้น เกิดพายุฝนตกหนัก เฉิดโฉม (นุจศรีกานต์ คมชัย) เข้ามาขอพักหลบฝนที่โรงแรม ปั้นอนุญาต แต่รุ่งขึ้นกลับพบว่า กลายเป็นศพไปอย่างน่าสงสัย

วี่แววความยุ่งยาก พร้อมความเร้นลับที่หาคำอธิบายไม่ได้ เริ่มก่อตัวขึ้นเหนือโรงแรมบางละมุง ปั้นกลายมาเป็นผู้ต้องหาฆ่าเฉิดโฉม จนต้องหลบหนีหายตัวไปจากโรงแรม ต่อมา เปลื้องตกเป็นผู้ต้องหาฆ่าคนงานของวิสูตร และถูกตำรวจจับตายไปอีกราย แต่กลิ่นไอความตายยังเกิดขึ้น เหนือโรงแรมบางละมุงไม่หยุดหย่อน

เหลือเพียง ปริญญา กับ ปัทมา สองคนพี่น้อง ที่จะยืนหยัดต่อสู้กับอำนาจเร้นลับ เหนือโรงแรมบางละมุงแห่งนี้ รวมทั้งค้นหาว่า ใครอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ร้ายๆ ทั้งปวงที่โรงแรมแห่งนี้ พร้อมด้วยวิสูตร ที่แม้จะเป็นไม้เบื่อไม้เมากับปัทมา พูดกันไม่กี่คำก็มีอันปะทะคารมอยู่ร่ำไป แต่ลึกๆ ก็พร้อมจะยืนอยู่เคียงข้างอีกคน เพื่อดูแลและปกป้องปัทมา จากเหตุการณ์ร้ายๆ ทั้งหลายที่เข้ามาสู่ชีวิตเธอ

วันหนึ่ง ปัทมาหายไปจากโรงแรมอย่างลึกลับ หมอผีถูกเรียกตัวมาร่วมค้นหาเงื่อนงำเร้นลับครั้งนี้ด้วย และเมื่อปัทมากลับมา กลับปรากฎว่า มีเครื่องประดับล้ำค่า ที่เป็นฝีมือช่างเก่าร่วมร้อยปีติดตัวมาด้วย

ปริศนาเร้นลับถูกโยงไปถึงวิญญาณร้าย ที่อัดแน่นด้วยความแค้นฝังลึกของหลวงนฤบาลฯ แต่วิญญาณร้ายของหลวงนฤบาลฯ กลับรู้สึกลังเล เมื่อเผชิญหน้ากับปัทมา และพบว่าปัทมามีใบหน้าละม้ายสารภีผู้เป็นแม่เหลือเกิน

การต่อสู้เพื่อรอดพ้นจากวิญญาณแค้นของหลวงนฤบาลฯ ของปริญญาและปัทมา การทำทุกอย่างของวิสูตร เพื่อปกป้องปัทมา แม้จะแลกด้วยชีวิตของเขา กลายเป็นความเข้มข้นที่เกิดขึ้น เหนือคฤหาสน์หลังใหญ่ริมทะเลบางละมุง แต่ใครล่ะ จะหยุดวิญญาณร้ายของหลวงนฤบาลฯ และปิดฉากการถูกขนานนามว่า โรงแรมผี ของโรงแรมบางละมุง เพื่อนำความสงบสุขกลับคืนมา...

ไฟว์สตาร์โปรดักชั่น ภูมิใจเสนอ โรงแรมผี ภาพยนตร์สยองขวัญที่สร้างจากบทประพันธ์ของ อ.อรรถจินดา ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรกเป็นตอนๆ ในนิตยสารผดุงศิลป์รายสัปดาห์ เมื่อราว 30 ปีก่อน หลังจากนั้นก็ได้รับการตีพิมพ์รวมเล่มหลายครั้ง ในปี พ.ศ.2508 ได้ถูกนำมาทำเป็นละครเป็นตอนๆ แพร่ภาพทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 ขาวดำ (หรือ ททบ. 5 ในปัจจุบัน) ติดต่อกันนานร่วม 1 ปีเต็ม สร้างสถิติจำนวนผู้ติดตามชมอย่างสูงสุด เป็นประวัติการณ์ของวงการโทรทัศน์เวลานั้น ต่อมาก็มีการนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์สำหรับฉายตามโรง และละครทีวีอีกหลายครั้ง จนเป็นที่กล่าวขวัญกันว่า เมื่อพูดถึงนวนิยายผี ที่มีอยู่ในบรรณพิภพวรรณกรรมของเมืองไทยแล้ว นวนิยายเรื่อง โรงแรมผี ของ อ.อรรถจินดา จะต้องได้รับการเอ่ยถึงในลำดับต้นๆ มาโดยตลอด

ล่าสุดนวนิยายเรื่อง โรงแรมผี ของ อ.อรรถจินดา ได้รับการนำกลับมามีชีวิตบนจอภาพยนตร์อีกครั้ง โดยการกำกับภาพยนตร์ของ อนุกูล จาโรทก ผู้ฝากผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่อง เวลาในขวดแก้ว และ เพราะฉะนั้น-นั่นน่ะซี โดยการอำนวยการสร้างของ เจริญ เอี่ยมพึ่งพร, อำนวยการผลิตโดย สมศักดิ์ พยับเดชาชัย และ ชูชาติ โตประทีป ในนามบริษัท ไฟว์สตาร์โปรดักชั่น จำกัด ค่ายเสาหลักสำคัญที่อยู่คู่วงการภาพยนตร์ไทย ด้วยความตั้งใจที่จะนำเสนอความเข้มข้นน่าติดตาม ที่ได้รับการยอมรับ และกล่าวขวัญมาโดยตลอดเกือบ 4 ทศวรรษ ของนวนิยายเรื่องนี้ สานรับกับความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี ในการผลิตภาพยนตร์ทั้งหมด ของวงการภาพยนตร์ปัจจุบัน น่าจะเป็นการทำให้การสร้างสรรค์นวนิยายเรื่องนี้ สู่จอภาพยนตร์ครั้งนี้ เป็นจังหวะก้าวที่สำคัญ และสมบูรณ์ที่สุด นับแต่มีการสร้างนวนิยายเรื่องนี้เป็นต้นมา

ผู้กำกับฯ อนุกูล จาโรทก ซึ่งรับหน้าที่ ในการเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยตนเองอีกตำแหน่งหนึ่ง เปิดเผยว่า เริ่มต้นสนใจนวนิยายเรื่อง โรงแรมผี ของ อ.อรรถจินดา มาตั้งแต่ได้อ่านนวนิยายเรื่องนี้ จากฉบับรวมเล่มครั้งล่าสุด ของสำนักพิมพ์อักษรกราฟฟิค ซึ่งมีความยาวขนาด 2 เล่มจบ เมื่อราวปลายปีพ.ศ. 2539 พออ่านจบก็เกิด 'ไฟ' อยากนำนวนิยายเรื่องนี้ มาสร้างเป็นภาพยนตร์ในทันที เพียงแต่ขณะนั้นยังติดขัด ในเรื่องปัญหาลิขสิทธิ์บทประพันธ์ที่ยังไม่เรียบร้อย แต่ก็ได้เริ่มต้นลงมือขีดเขียนวาง 'ทรีทเมนท์' เพื่อเป็นแนวทางในการเขียนบทภาพยนตร์เบื้องต้น และได้มีการพัฒนาสู่ความเป็นบทภาพยนตร์เป็นลำดับ จนเสร็จสิ้นในกลางปี พ.ศ.2543 ซึ่งตอนนั้นทางบริษัท ไฟว์สตาร์โปรดักชั่น จำกัด ได้ถือลิขสิทธิ์นวนิยายเรื่องนี้โดยสมบูรณ์แบบ จึงเริ่มต้นลงมือดำเนินงาน ในการผลิตเป็นภาพยนตร์ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

โรงแรมผี นำแสดงโดย วินัย ไกรบุตร (นางนาก, บางระจัน) รับบทเป็น หลวงนฤบาล, ภาณุ สุวรรณโณ (ผู้รับบท เสกสรรค์ ประเสริฐกุล ใน 14 ตุลา-สงครามประชาชน) รับบทเป็น วิสูตร, นภามาศ จันทรมณี นักศึกษาสาวจากเซนท์เทเรซ่า กับผลงานการแสดงภาพยนตร์ครั้งแรก รับบทเป็น สารภี และ ปัทมา, รอน บรรจงสร้าง (สะพานรักสารสิน) รับบทเป็น ปั้น, พลังธรรม กล่อมทองสุข นักแสดงชาย ที่คุ้นหน้าคุ้นตาสำหรับแวดวงจอแก้วเป็นอย่างดี มารับบทเป็น ปริญญา, สถาพร นาควิลัย (เทวดาตกสวรรค์) รับบทเป็น เปลื้อง, รัตนภิมล ศรีทองสุข รับบทเป็น มยุรี, ญาณี ตราโมท รับบทเป็น พ.ต.ท.ชิงชัย, เมตตา รุ่งรัตน์ นักแสดงอาวุโส ที่เคยรับบท เฉิดโฉม ในฉบับภาพยนตร์เมื่อปี 2518 และเป็น ป้าเจิม แม่บ้านเก่าแก่ของโรงแรมบางละมุง ในฉบับละครโทรทัศน์ ทางช่อง 9 อสมท. เมื่อ พ.ศ.2540-2541 กลับมารับบทเป็น ป้าเจิม อีกครั้ง, พอเจตน์ แก่นเพชร นักแสดงอาวุโสอีกท่าน มารับบทเป็น เทียม เพื่อนรุ่นพี่ของปั้น, ชาลี อินทรวิตร รับบทเป็น ทนายบุญเพิ่ม, พิมพ์พรรณ บูรณพิมพ์ รับบทเป็น คุณนุ่ม/ย่านุ่ม, สุริยัน อริยวงศ์โสภณ รับบทเป็น ปราโมทย์, นุจศรีกานต์ คมชัย รับบทเป็น เฉิดโฉม, ดี๋ ดอกมะดัน รับบทเป็น มหาแม่น, ณรงค์ศักดิ์ ประสงค์มณีนิล รับบทเป็น น้อย, นฤมล เปี่ยมพงษ์ศานต์ รับบทเป็น ป้าชื่น, พิมพ์แข กุญชร ณ อยุธยา รับบทเป็น หวิง, คำนึง ยงชัย รับบทเป็น นายผล

ทีมสร้าง โรงแรมผี ประกอบด้วย ผู้ช่วยผู้กำกับฯ ได้แก่ ชาญชัย สวัสดิวิชัยกุล, เจษฎา โอสถาเลิศ, โมไนย ธาราศักดิ์, กำกับภาพ-กำกับแสงโดย ระวิ เครือวรรณ์ (ผู้กำกับภาพให้ มหัศจรรย์แห่งรัก, ฟ้า และร่วมถ่ายภาพให้ ฟ้าทะลายโจร), ถ่ายภาพโดย ระวิ เครือวรรณ์ และ สมศักดิ์ ศรีสวัสดิ์, กำกับศิลป์โดย สมพงษ์ เจือกโว้น, บันทึกเสียงโดย Sound Hut, ควบคุมความต่อเนื่องโดย ธิดา นันทพันธุ์, ออกแบบ-ควบคุมเครื่องแต่งกายโดย น้ำผึ้ง โมจนกุล, แต่งหน้าเทคนิคโดย มนตรี วัดละเอียด, เทคนิคภาพพิเศษโดย FX Post Production, ลำดับภาพโดย สมศักดิ์ โตประทีป และ อนุกูล จาโรทก, แล็ปเสียงในระบบ Dolby Digital EX โดย สยามพัฒนาฟิล์มแล็ป, อุปกรณ์กล้อง-ไฟโดย Studio Bangkok, ล้างพิมพ์ฟิล์มโดย สยามพัฒนาฟิล์มแล็ป, Film Stock โดย Fuji