เรื่องนี้เป็นหนังที่ชอบที่สุดเรื่องที่สองตั้งแต่เคยดูมาตลอดชีวิตเลยครับ เรื่องแรกคือ Inception เรื่องที่สองคือเรื่องนี้แหละ สุดยอดมาก ดูจบ กลับมาผมอารมณ์ดีทั้งคืนเลย
มาหงุดหงิดเล็กๆตอนจะขึ้นรถกลับ ยืนเช้าแถว โดนคนไม่มีระเบียบใช้นิสัยคนไทยเดินแซงไปเรียกจนรถหมดต้องเดินออกมาขึ้นที่หน้าห้าง
หนังมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเยอะมากๆครับ ถ้าดูแล้วคิดตาม มีเกร็ดเล็กเกร็ดย่อยเยอะ คุ้มค่าๆ ใครชอบดูหนังคิดๆหน่อย ฉากบู๊มันได้ใจ ขนาดเรื่องความรักระหว่างหนุ่ม และ หนุ่ม ก็ยังทำออกมาได้สวยงามเป็นอย่างยิ่ง หนังเรต 18+ เปิดเนื้อหนังโฉ่งฉ่าง เลือดสาดเป็นพักๆ แต่คุณภาพเนื้อหาหนังทำให้มองข้ามจุดนี้ไปเลย
หนังให้อะไรเยอะครับ ทั้งข้อคิด และปรัชญา อย่าที่คุณเจ้าของกระทู้ว่า เรื่องนี้ไม่ได้ให้ลูกกุญแจ คุณต้องหาลูกกุญแจเอาเอง ใครจะเปิดหีบใบไหน เปิดได้เท่าไหร่ ได้อะไรบ้าง ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนจริงๆครับ อย่างเรื่องสีผิวของชนชั้นในเรื่องอดัม กับ เรื่องสุดท้ายของแซคคารี ที่พี่ cryptom บอก เพิ่มจุดน่าสังเกตุอีกนิดว่าตอนซอนมี ประชากรส่วนใหญ่เป็นเอเชียหรือคล้ายสืบเชื้อสายมาจากเอเชียเกือบทั้งหมด มีแค่ไม่กี่คนที่ยังดูเป็นชาติตะวันตกแท้ๆ อย่างคนที่ตีก้นเพื่อนซอนมี จนเพื่อนซอนมีชกเข้าให้นั่น
อีกจุดที่เสียดสีเห็นชัดๆ คือเรื่องศาสนาครับ นอกจากความเป็นเหตุเป็นผล ชาติต่อชาติ กรรมต่อกรรมตามศาสนาพุทธแล้ว ที่ผมเห็นชัดๆคือประเด็นศาสนาอย่างศาสนาคริสต์ครับ สาธุคุณ คนของพระเจ้าค้ามนุษย์ กับเทพเจ้าซอนมีที่เป็นมนุษย์สังเคราะห์แต่กลับกลายเป็นเทพเจ้าในเวลาต่อมา อันนี้คริสต์เต็มๆ ว่าพระเจ้าแท้จริงอาจเป็นเพียงมนุษย์คนนึงก็ได้ เสียดสีแม้กระทั่งคำพูดของซอนมีซึ่งภายหลังเป็นคัมภีร์ อันนี้ก็แสดงมุมมองเสียดสีคัมภีร์ไบเบิ้ลชัดเจนครับ (จริงๆจะเรียกเสียดสีก็ไม่ถูก ต้องเรียกว่าเป็นแง่มุมที่ส่อเจตนาถึง) ในเรื่องของแซคคารีเอง ก็พูดถึงเรื่องความเชื่อฟังของมนุษย์กับพระเจ้า (แซคคารี กับซอนมี) ตาเฒ่าจอร์จี้เหมือนซาตานที่เป็นตัวแทนความบาป ตอนที่แซคคารีปาดคอหัวหน้าเผ่าคู่แค้น ที่ไม่เชื่อฟังซอนมี แต่สุดท้ายก็ยังรอดปลอดภัย ก็เหมือนที่พระคัมภีร์เขียนไว้ครับ (ประมาณว่า ไม่เชื่อฟังพระเจ้า นำไปสู่ทางลำบาก สุดท้ายพระเจ้าก็ยังรักนะ ไม่ได้ทำให้ตาย อะไรทำนองนี้)
ทั้งหกยุค ทุกยุคสื่อให้เห็นความมุ่งมั่น กล้าหาญ และ/หรือ ความลังเล ของตัวเอกทั้งสิ้น
เกือบทุกยุคยกเว้นยุคเรย์ >>> ทิโมธี (ทำไม่ล่ะ ? น่าคิดนะครับ หรือว่ามีแต่ผมนึกไม่ออก) มีการผ่านถ่าย 'บางส่วน' ของกาลเวลาในรูปแบบต่างๆ จากยุคอดัม >>> โรเบิร์ต ผ่านหนังสือบันทึกของอดัม โรเบิร์ต >>> เรย์ ผ่านเสียงเพลงที่โรเบิร์ตแต่ง ทิโมธี >>> ซอนมี ผ่านบทประพันธ์ของเขาเอง (ซึ่งตอนหลังถูกทำเป็นหนัง) ซอนมี >>> แซคคารี ผ่านคำพูด อุดมการณ์ และตัวแทนที่ซอนมีเป็นเทพเจ้า
เกร็ดบางอันก็เล็กๆน้อยๆจริงๆ อย่างหนังสือขาดครึ่งที่ถูกเอาไปรองขาเตียงโรเบิร์ต ผมมองว่า บางสิ่งบางอย่างอยู่ใกล้แสนใกล้ แต่ด้วยเหตุผลเล็กๆน้อยที่เรามักคาดไม่ถึง ทำให้เรามองข้ามสิ่งเหล่านี้ไป (ที่มองว่าหนังต้องการสื่อบางอย่างจากจุดนี้ เพราะหนังไม่จำเป็นต้องเอาจุดนี้มาเล่นก็ได้ มันไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องเลยสักกะติ๊ด หรือผมอาจจะคิดลึกไปเองก็ได้มั้งครับ 555)
เรื่องกระดุมที่แซคคารีเอามาจากพี่ชาย เป็นกระดุมแบบเดียวกับที่ตาหมอยุคแรกเอามาจากอดัม และเขาหลุดพ้นจากตาเฒ่าจอร์เจียตอนกระดุมขาดไป
ฯลฯ ยังมีอีกหลายจุดครับ ที่อยากให้ท่านๆได้ดูแล้วลองคิดว่าได้อะไรจากหนังบ้าง ส่วนตัวคิดว่าเรื่องนี้แฝงปรัชญาเยอะครับ ให้อะไรเยอะมาก ผสานความลงตัวระหว่าง ปรัชญา ดราม่า และแอคชั่น ได้ดีเลยล่ะ !
ปล. ชอบคู่ แฮจุง กับ ซอนมี มากๆ ฉากที่ซอนมีจับหน้าอกเจ็บหัวใจอย่างที่ไม่เคยสัมผัสความรู้สึกแบบนี้มาก่อนสื่อได้โดนมาก ฉากที่ซอนมีแนบฟังหัวใจแฮจุงแล้วบอกว่าเป็นเสียงที่ทำให้เธอรู้สึกสงบอย่างประหลาด ปล. ชอบคู่ แฮจุง กับ ซอนมี มากๆ ฉากที่ซอนมีจับหน้าอกเจ็บหัวใจอย่างที่ไม่เคยสัมผัสความรู้สึกแบบนี้มาก่อนสื่อได้โดนมากมนี่ยิ้มไม่หุบเลย อยากมีคนข้างกายที่มีความคิดน่ารักๆแบบนี้บางจัง > <