Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
"ดีเจ เจ๊แหม่ม" หัก "พี่ฉอด" ขอลาออกจากเอไทม์ ลั่นเบื่อคนเส็งเคล็ง บรรยากาศก็เส็งเคร็ง ขอไปทำงานกับคนที่เห็นคุณค่าดีกว่า vote ติดต่อทีมงาน


      “ดีเจเจ๊แหม่ม”   ประกาศขอลาออกจากเอไทม์  ลั่นเบื่อคนเส็งเคล็ง  บรรยากาศเส็งเคร็ง  เผยได้เข้าไปคุยเรื่องปัญหากับ “พี่ฉอด” แล้ว แต่ก็ไม่ได้รับการแก้ไข ขอไปทำงานกับคนที่เห็นคุณค่าดีกว่า ยืนยันไม่ได้เนรคุณเพราะไม่ใช่เอไทม์ที่เดียวที่ทำให้ตนดัง
     

     ยอมอัดอั้นตันใจมานานเลยทีเดียวสำหรับ  “ดีเจเจ๊แหม่ม”  วินัย สุขแสวง ดีเจคลื่นกรีนเวฟของค่ายเอไทม์ ที่ถึงแม้จะทำงานกับที่นี่มาร่วม 20 ปี  แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจจะลาออกจาก เพราะทนความเส็งเคร็งของคนในองค์กรไม่ไหวแล้ว แม้จะมีการเข้าไปพูดคุยกับ “พี่ฉอด สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา” บอสใหญ่เอไทม์ถึงปัญหาดังกล่าวแล้วก็ตาม แต่พอผ่านไป 2 เดือนผู้บริหารใหญ่ก็ยังไม่มีการแก้ไขปัญหาให้ซักที งานนี้เจ๊แหม่มเลยขอลาออกซะเลย ขอไปทำงานกับคนที่เห็นคุณค่าและให้เกียรติตัวเองดีกว่า ลั่นไม่ได้เนรคุณเอไทม์ เพราะคนที่ทำให้ดังไม่ใช่เอไทม์ที่เดียวเพราะตอนทำงานกับหลายบริษัท และทุกที่ก็มีส่วนผลักดัน
     

     “จริงๆ ปัญหามันก็มาจากคราวก่อนนั่นแหละ เรามีปัญหากับคนที่ประสานงาน ที่ผ่านมาทำงานที่นี่มา 20 ปีก็เจอปัญหาอะไรต่างๆ เบี้ยบ้ายรายทางก็แก้กันไป แก้ไม่ได้ก็ผ่านไป ก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เราพอมีอะไรที่สบายใจมากกว่าทำ เช่น ธุรกิจส้มตำ เครื่องสำอางค์ แฟชั่นเฮาส์ ละคร รายการทีวี คิดว่าจะมาดูแลตรงนี้ดีกว่า พอเรามีสิ่งเหล่านี้ทำให้ตัดสินใจง่ายขึ้น”
     

     “งานวิทยุไม่ใช่ไม่รักแฮบปี้ ถ้าจัดรายการอยู่สิ่งที่อยากทำก็บริหารได้ แต่มาเจอปัญหาเรื้อรังแต่ไม่ได้รับแก้ไขจากหัวหน้างานของเรา (พี่ฉอด) หรืออาจแก้ไขอยู่ แต่เรายังต้องเผชิญอยู่ทั้งที่เขา (คนประสานงาน)ไม่ใช่เจ้านายเรา ปะทะเราโดยตรง ทั้งที่เราก็อยู่แบบสวยๆ เฉยๆ นิ่งๆ แต่ทุกอย่างดูเฉยไปด้วย งั้นก็เอาง่ายๆ ตัดสินใจลาออกเพราะอยากตื่นมาทำงานสบายใจ ไม่ใช่ตื่นมาต้องเจออะไรอีกมาวุ่นวายกับฉัน”
     

     “ปัญหาหลักๆ คือคนประสาน คนๆ นี้จะมีหน้าที่ตัดสินใจหาคนโน้นคนนี้มาเสียบถ้าดีเจไม่มา ก็ถามพี่ฉอดเหมือนกันว่าเป็นมือขวาหรือเปล่า ทำอะไรได้ไหม ไม่ได้ต้องทำคนๆ นี้ออก แต่พี่ช่วยจัดการกับคนๆ นี้ได้ไหม พี่ฉอดก็บอกว่าเป็นคนเก่าคนแก่ที่ดูแลกันมาพี่สงสารเขา เราก็บอกไม่ได้ต้องการให้เค้าออก แต่ทำไงก็ได้ไม่ต้องให้มาประสานงานกับหนู พี่ฉอดก็บอกว่าคนๆ นี้ก็มีปัญหากับแบบนี้กับดีเจอีกหลายคน เขาก็บอกพยายามแก้ไขอยู่ ทำอะไรก็มีกฎหมายเรื่องแรงงาน”
     

     “เราเป็นคนทำงานไม่มีปัญหากับใคร ทำงานมานานรู้ว่าพูดจากับคนสำคัญ แต่คนๆ นี้เขาแบบขอคิวล่วงหน้า 30 นาทีจะต้องมีงาน เราบอกทำไมไม่บอกล่วงหน้าเพราะเราต้องเสื้อผ้าหน้าผม แต่เขาต้องการปิดจ็อบงานตัวเองต้องการเอาเราไปให้ได้เขาก็จะได้ทำงานจบแต่เขาไม่นึกถึงเรา ดีเจทั้งหมดดูแลโดยคนนี้ เด็กๆ ก็จะพินอบพิเทาเขาเรียกว่าแม่ แต่เราไม่ได้นับถือหรือเรียกเขาว่าแม่ ไม่รู้เพราะเรื่องนี้หรือเปล่าถึงทำให้มีปัญหา”

     
     “ก็มีปัญหากันมาเรื่อย แต่ที่มันสุดๆ คงต้องเป็นตอนที่เราลาป่วยไม่มีเสียงจัดรายการ ก็บอกว่าฝากด้วยนะไม่มีเสียงจัดรายการ พอลาไปอีกวันหนึ่งไปจัดกลับมาบ้านเสียงหายอีกก็โทรไปบอกขอลาอีก เขาก็บอกอะไรเป็นอะไรลาอีก 1 วัน ลาวันเว้นวันเลยนะ เราก็เอ๊า... หัวหน้าก็ไม่ใช่ ฉันทำงานกับคุณสายทิพย์ไม่ค่อยลาป่วย ไปดูสถิติเลยถ้าไม่เข้าโรงพยาบาลไม่ลา ตรงนี้มันก็เป็นปัญหาที่ตัดสินใจง่ายขึ้น”
     

     “การแก้ปัญหาของที่ทำงานก็ไม่ตอบโจทย์ ทั้งที่เป็นเรื่องเห็บเหาทำไมคาราคาซังอยู่ ไม่รู้สิถ้าเราเป็นเจ้านายคนก็จะใส่ใจเป็นพิเศษ เราทำงานมา 20 ปีถ้าทำงานไม่ดีเขาก็คงไม่เอาเราไว้ขนาดนี้หรอก เงินเดือนขึ้นเดือนละกี่ร้อยบบาท ชั่วโมงขึ้นชั่วโมงละ 10 บาทไม่เคยรู้ไม่เคยสนใจเลย เราสนุกกับการทำงาน แปลว่าเงินไม่ได้ตอบโจทย์ แต่พอมีคนๆ หนึ่งมาทำกับเราแบบนี้ ทั้งที่เราพยายามแก้ไขตัวเองพยายามนิ่งมันก็ยิ่งเอาใหญ่ งั้นง่ายสุดตัดสินใจลาออก เราจะได้มีเวลามาใส่ใจกับคนที่เราใส่ใจเราจริงๆ แฟนคลับ รายการอื่นๆ ที่จ้างเรามาออก”
     

     “เรื่องนี้มีการคุยไปแล้วรอบหนึ่งว่าจะลาออกซัก 2 เดือนที่แล้ว และตอนนี้ก็คุยกับที่หัวหน้าเอ็กเซ็กคูลซีฟไว้แล้วว่า ฝากบอกด้วยลาออก เขาก็ถามว่าปัญหาเดิมหรือเปล่า ก็บอกว่าไม่ใช่ก็ไม่ได้แต่ไม่ได้เดินออกเพราะคนๆ เดียวมันเห็บเหา แต่ออกไปเพื่อไปหาคนที่เห็นคุณค่าเราดีกว่า เห็นคุณค่าของกันและกัน พูดจาดีๆ กับเรา”
     

     “ตลอดเวลาที่ผ่านมาโดนแบบนี้ตลอดก็บริหารจัดการอารมณ์ของตัวเองมาตลอดว่าอย่าได้แคร์ จนในที่สุดมาคิดตัดสินใจได้ง่ายขึ้น 3 เดือนที่แล้วว่าจะลาออกจริงหรือไม่จริง ณ โมเม้นต์นั้นกับคนที่เป็นหัวหน้าควรต้องคิดมากขึ้นว่า น้องจะต้องทำงานแบบนี้กับคนประสานงานที่ไม่ใช่หัวหน้าโดนถากถางแดกดัน ประชดประชัน จะทำยังไงดีลำบากใจหรือเปล่า”
     

     “มันไม่ไหวอ่ะ พอเรานิ่งเขาชก พอไม่พูดชกใหญ่ พอเราขึ้นมาบ้างชกกลับไปก็นิ่งกลับมา พอเรานิ่งก็ชกอีก จะแสดงพาวเวอร์หรืออะไรก็ไม่รู้ เขาโชคดีที่เจอเราไม่ได้ตอบโต้อะไรมากมาย เราเลือกที่จะใช้วิธีเหมือนเจ้านายสอนมองข้ามไปทำไมมันมามีอิทธิพลกับชีวิตเรา แต่ง่ายสุดบอกแล้วรายงานปัญหาแล้วไม่มีอะไรคืบหน้า เราต้องตัดคนที่มีอิทธิพลกับการทำงานดีกว่า เอาตัวเราออกมาง่ายกว่า”
     

     “ซึ่งการทำแบบนี้มันก็จะตอบโจทย์ที่พี่ฉอดบอกว่า พนักงานคือเฟืองที่หมุนไปข้างหน้า ถ้าเฟืองหยุดเขาก็มีเฟืองใหม่มาเสียบ ก็เป็นไปตามการทำงาน งั้นไม่เป็นไรตัดสินใจลาออก เจ้านายบอกจะแก้ไข อาจกำลังทำอยู่ แต่มัน 2 เดือนผ่านไปแล้ว แต่คนนี้ยังมีอิทธิพลกับเราต้องประสานงาน เขายังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขาเป็นคนมีปัญหา เราคิดง่ายๆ ออกเลยละกัน เอาพลังดีๆ ที่มีอยู่เอามาทำงานที่ตัวเองรัก ทำให้คนที่เห็นคุณค่าให้เกียรติเราจะดีกว่า”
     
     “พี่ฉอดบอกว่าทำงานกับพี่ฉอดมา 20 ปี มันน็อนเซ้นต์ ทำไมยอมให้คนๆ หนึ่งมามีอิทธิพลกับเรา ก็น็อนเซ้นส์แหละไม่เป็นไร ฟีดแบคปัญหาไปแล้วก็ยังไม่มีอะไรก็ออกไปดีกว่า ดีกว่าเจอคนที่ไม่ใช่หัวหน้าพูดจาแบบนี้ หรือหัวหน้าไม่เห็นทำอะไรเลย ไปหาคนที่เห็นคุณค่าดีกว่า ไม่ใช่เอาแต่ผลประโยชน์กับเราอย่างเดียว”
     

     “ตอนนี้ยังไม่มีวิทยุที่ไหนมาทาบทามเลย ไม่ใช่ได้งานใหม่แล้วออกเลย แต่ออกเพราะอยากได้ความสบายใจจริงๆ อยู่ที่ไหนก็ได้แล้วสบายใจ ล่าสุดชมพู่ อารยาก็โทรมาเพราะเห็นข่าว ก็บอกพี่ตัดสินใจดีๆ ก็บอกเออ...ฉันตัดสินใจดีแล้ว ก็คงไม่ต่างที่แกตัดสินใจย้ายจากช่องหนึ่งมาอีกช่องหนึ่งเพราะแกก็อยากจะสบายใจเหมือนกันใช่ไหม ชมพู่ก็บอกพี่พูดถูก และก็พูดมาคำนึง คับที่อยู่ได้คับใจอยู่ยาก”

     
     “ไม่อยากจะบอกว่าพี่ฉอดเขาเลือกฝั่งโน้นหรือเปล่า เขาอาจพยายามจัดการแก้ไขปัญหาฝั่งโน้นอยู่ เราตอบแทนเขาไม่ได้จริงๆ เขาอาจแก้ไขปัญหาอยู่มั๊ง แต่เราก็รอไม่ได้แล้วมั๊ง เพราะไม่รู้จะได้คำตอบเมื่อไหร่ เราเหมือนรถที่ต้องการน้ำมัน เราจะให้รถหยุดไม่ได้ ต้องหาน้ำมันมาเติมให้เหมาะกับยานยนต์ของเราจริงๆ”

     
     “ตอนนี้ยังไม่มีสังกัดจะออกมาเป็นฟรีแลนด์ มาทำงานร่วมได้กับทุกองค์กร สำหรับอาชีพดีเจเรารักเป็นสายเลือดรักมากไม่มีวันไหนที่ไม่อยากตื่นมาทำงาน อยากมาตื่นให้เร็วที่สุดมาจัดรายการ แต่พอมีปัญหาแล้วแบบอยากตื่นมาทำงานให้ดีที่สุดและไปให้เร็วที่สุดไปจากบรรยากาศเส็งเคร็งให้เร็วที่สุด คนเส็งเคร็งให้เร็วที่สุด เพราะเราไม่ได้ทำแค่งานเดียว จบงานนี้ต้องไปทำงานอื่นต่อทำให้พลังในการไปทำงานต่อมันหมด ก็เลยไม่ไหวแล้วมันหมดพลัง แต่พูดเลยว่าอนาคตเราจะไม่ทิ้งอาชีพดีเจแน่นอน เพราะเป็นอาชีพที่เรารักและคนทั่วไปรักเราเพราะอาชีพนี้ เราไม่มีทางเนรคุณกับอาชีพนี้แน่นอน ย้ำนะครับเฉพาะอาชีพ”

     
     “ถามว่าทำแบบนี้มันเนรคุณกับองค์กรหรือเปล่า ก็อยากจะบอกว่าทุกวันนี้องค์กรโตขึ้นไม่ใช่องค์กรการกุศล เขาจ้างงานเราเราเป็นลูกจ้าง เราทำงานให้ซึ่งกันและกัน ที่ผ่านมาเนรคุณไหม เราว่าไม่เนรคุณ แต่ถ้าคนจะมองว่าเราเนรคุณเพราะมีชื่อเสียงและลาออก บริษัทอื่นๆ ก็จะน้อยใจนะเพราะไม่ได้ทำงานที่นี่ที่เดียว เพราะคนที่ทำให้เป็นเจ๊แหม่มมีหลายบริษัทหลายรายการ หนังสือพิมพ์อีกหลายเล่มที่ลงข่าวเรา เพราะถ้าจะเนรคุณก็คงเนรคุณตรงนั้นด้วย พูดได้เลยว่าไม่ใช่เอไทม์ที่เดียวที่ทำให้โด่งดัง แต่มีบริษัทอื่นๆ หลายๆ บริษัทที่เรียกเราไปทำงานเหมือนกัน ก็ถือว่าทุกที่ทำให้เราโด่งดัง ทุกคนมีความหมายกับเราหมด”




      http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9550000149609

แก้ไขเมื่อ 09 ธ.ค. 55 19:16:46

จากคุณ : ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่
เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 19:16:17




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com