ความคิดเห็นที่ 1 ฉากเปิดเรื่องของไผ่สีทอง หนังปี 22 นี้ทำได้ดีมาก การใช้มุมกล้องสอดคล้องไปกับดนตรีประกอบเพลง "รักตรึงใจ" ที่สุดแสนจะไพเราะ เป็นฉากเปิดตัวพระเอกที่เรียบแต่น่าดูน่าชม เพราะให้ความรู้สึกทั้งเหงา อิสระและชวนฝัน ถือเป็นการเปิดตัวพระเอกของเรื่องที่ชื่อไผ่ได้ดีมาก ดนตรีเล่นเอาเคลิ้ม ทำให้ฉากเรียบๆดูมีพลังขึ้นมา ไม่นานนัก หนังก็เปิดตัวนางเอกของเรา และแสดงให้เห็นว่าพระเอกกับนางเอกมีวิถีชีวิตห่างกันมากขนาดไหน โดยใช้เวลาไม่มาก หนังเหมือนไปเรื่อยๆแต่จังหวะดันเร็วจนคาดไม่ถึง พระนางก็มาเจอกันแบบโชคชะตาฟ้าลิขิต แต่ยังไม่ได้มีโอกาสพูดคุยหรือปฏิสัมพันธ์  หนังยังแสดงพลังทางภาพไปเรื่อยๆ เนิบแต่เร็ว วางมุมกล้องดีมาก ปล่อยดนตรีประกอบออกมาได้อย่างถูกจังหวะ แฝงความโรแมนติก ชวนฝัน และเศร้าส้อยไปพร้อมๆกัน จากคุณ : ภคสิต เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 00:25:10

ความคิดเห็นที่ 2 อ่านแล้วอยากดูเลย ชอบหนังไทยเก่าๆ  บทสนทนาจะคล้ายๆภาษาเขียน ภาษานิยาย แต่ดูแล้วกลับรู้สึกอินได้มากกว่าหนังไทยสมัยนี้ที่ใช้ภาษาเป็นธรรมชาติมากขึ้น แต่กลับไม่ค่อยอิน   (หรือเราแก่เกินจนไม่อินภาษาพูดแบบวัยรุ่นก็ไม่รู้) เรื่องไผ่สีทอง หาดูได้จากที่ไหน แนะนำด้วย อยากดู จากคุณ : ThisLonelyMe เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 00:28:41

ความคิดเห็นที่ 3 สุดท้ายหนังก็ทำให้พระเอกกับนางเอกเจอกัน คุยกันค่อนข้างเร็วจนเกินคาดคิด หนังใช้เทคนิคของหนังผ่านสถานการณ์และการแสดงออกจนทำให้เรารู้ว่าพระเอกกับนางเอกมีบางอย่างเหมือนกัน เป็นความรู้สึก และลักษณะนิสัยที่น่าจะเข้ากันได้ดี จนในท้ายที่สุด เราก็ได้ยินเพลง "รักตรึงใจ" เต็มเพลงและไพเราะมาก จากคุณ : ภคสิต เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 00:33:39

ความคิดเห็นที่ 4 คุณ ThisLonelyMe ครับ คุณสามารถดูไผ่สีทองจนจบได้เลยใน youtube ครับผม จากคุณ : ภคสิต เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 00:36:21

ความคิดเห็นที่ 5 เท่าที่อ่านดูเหมือนว่าหนังมีเทคนิคด้านภาพ การเล่าเรื่องที่น่าสนใจ  แต่ทำไมเหมือนไม่ค่อยถูกเอ่ยถึงเหมือนหนังไทยเก่าๆที่โดดเด่นเรื่องอื่นเลย ชอบเนื้อหาหนังไทยสมัยก่อน  หนังชีวิตนี่ดราม่าเข้มข้นมาก จากคุณ : ThisLonelyMe เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 00:37:48

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณคุณภคสิตสำหรับลิงค์ youtube   ถ้ามีหนังไทยเก่าเรื่องไหนน่าสนใจมาแนะนำกันอีกนะ   วันก่อนดูโ้อ้มาดา ประทับใจเช่นกัน  หนังของคุณชนะ คราประยูรเนื้อหาแสบทรวง การแสดงจัดจ้านเปรี้ยวจี๊ด จากคุณ : ThisLonelyMe เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 00:43:34

ความคิดเห็นที่ 7 ถึงแม้เหตุการณ์ที่ทำให้พระเอกและนางเอกรู้สึกผูกพันกันมากขึ้นจะออกเชยๆ แต่ก็รับได้นะครับ ถ้าเรารู้ว่าหนังฉายเมื่อปี 2522 และเหตุการณ์หลายๆเหตุการณ์ก็ทำให้ทั้งคู่ค่อยๆเข้าอกเข้าใจกันและรู้ว่าแต่ละคนคิดอย่างไร หนังเรื่องนี้อาจจะเรียกได้ว่าไม่มีบทสมทบอื่นเลย ไม่มีตัวโกง ไม่มีตัวอิจฉา และก็แทบจะไม่มีบทของตัวละครอื่นเลยนิกจากพระเอกและนางเอก คนกำกับภาพชอบใช้ซีนกว้างเพื่อสร้างพลังให้กับภาพและความรู้สึกของ character ในขณะนั้น บางครั้งอาจเรียกได้ว่าใช้ภาพและดนตรีเป็นตัวเล่าเรื่อง แต่น่าแปลกที่ดูกี่ทีก็ไม่ได้รู้สึกว่ากำลังดูมิวสิควิดีโอเลยครับ แต่รับรู้ได้เหมือนภาพและดนตรีกำลังเล่าบางอย่างให้เราฟัง คนทำดนตรีฉลาดมากที่ได้เรียบเรียงเสียงประสานไว้หลายแนวและปล่อยลงได้ตรงจุด ชื่อพระนางก็สั้นๆครับ ไผ่กับนิจ แต่ดูไม่เชยครับ ดูลงตัวและดูมีสีสันสอดคล้องกับตัวหนัง ภาษาที่ใช้พูดกันดูประดิษฐ์แต่ไม่เกินงาม สิ่งที่ปล่อยลงมาพอเหมาะคือเพลง "รักตรึงใจ" เวอร์ชั่นผู้ชายร้อง ได้บ่งบอกความรู้สึกหลายอย่าง น่าแปลกมากที่เพลงก็เป็นเนื้อเดียวกันแต่ตอนผู้หญิงร้องจะบ่งบอกความรู้สึกอย่างนึง ตอนผู้ชายร้องจะบ่งบอกความรู้สึกอีกอย่างนึง จากคุณ : ภคสิต เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 00:53:15

ความคิดเห็นที่ 8 โอ้มาดาสนุกมากผมซื้อ DVD เก็บไว้เหมือนกัน จากคุณ : นายฮ้อย แห่ง หงซิ่ง เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 00:54:50

ความคิดเห็นที่ 9 บอกแน่นอนครับคุณ ThisLonelyMe ผมเองชอบดูหนังไทยทั้งเก่าและใหม่ ผมคิดว่าหนังชาติเรามีเสน่ห์มาช้านานแล้ว เพียงแต่ไม่ได้ไปสู่สากลเท่าไหร่นัก จากคุณ : ภคสิต เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 00:55:32

ความคิดเห็นที่ 10 ในท้ายที่สุดคงต้องไปลุ้นกันเองว่า ไผ่ กับ นิจ จะลงเอยกันหรือไม่ สมัยนั้นคนที่ชอบไผ่สีทองมักจะชอบภาพและเพลง ภาพนั้นผิดจากการสร้างหนังในสมัยนั้นเพราะคุณ "แสนยากร" ผู้กำกับจงใจใช้ภาพมุมกว้างแสดงความอิสระและความเหงาของ ทั้งนิจและไผ่ไปพร้อมๆกันเหมือนพยายามจะบอกว่าแท้จริงแล้ว ทั้งคู่ไม่ได้ต่างกันมากอย่างที่หลายคนเห็น แต่ทั้งคู่มีความเหมือนกันหลายอย่าง ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัย ความรักของทั้งคู่ยังเป็น "รักตรึงใจ" ของคนที่รับรู้เสมอครับ จากคุณ : ภคสิต เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 01:01:04

ความคิดเห็นที่ 11 เห็นด้วยครับคุณ นายฮ้อย แห่ง หงซิ่ง หนังเรื่องโอ้มาดาสนุกมากครับ จากคุณ : ภคสิต เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 01:02:15

ความคิดเห็นที่ 12 เนื้อเพลงรักตรึงใจครับ ดวงใจ ใยจึงคร่ำครวญปั่นป่วนยิ่งนัก หรือเพราะรักเป็นเหตุให้ใจร่ำหา มองเธอยามเจอทุกคราแอบเสน่หาร้อนอุรา ไม่กล้าเอ่ยเลยซักคำ * ฝันหวาน ๆ รักซาบซ่านซึมใจ เป็น ไปได้ ดูหรือไม่อายโอ้ใจเราช่างทำ หลงเพ้อ ๆ เธอไม่เอ่ยสักคำ ใจยิ่งพร่ำเรียกหาแต่เธออยู่เดียวดาย อายเหลือดี **ลมเอยวานลมพัดไป ฝากความในใจว่ารักเธอไม่หน่ายจากใจดวงนี้ มองจันทร์ จันทร์เอยช่วยที บอกว่าคนนี้มอบชีวีให้เธอแน่นอนมิคลาย ( *, ** ) จากคุณ : ภคสิต เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 01:05:29

ความคิดเห็นที่ 13 ลืมคุยกับคุณ ThisLonelyMe ใน คห ที่ 5 ครับ จริงๆแล้วเทคนิคด้านภาพของ ไผ่สีทอง หนังปี 22 นั้นดูจะไม่หวือหวาเท่าที่ควร เพราะเอาเข้าจริงๆในยุคสมัยนั้นไม่ค่อยมีใครพิสมัยการเล่าเรื่องด้วยภาพลักษณะนี้ บางครั้งก็ถูกวิจารณ์ว่ามีการใช้ภาพอย่างไร้เป้าหมาย อาจไม่ได้เทียบชั้น แผลเก่า หรือ พลอยทะเล แต่สำหรับผมผู้ชื่นชอบหนังหว่องกาไวหรือหวังเจียเหว่ย รู้สึกว่าการใช้ภาพใน ไผ่สีทอง มีเป้าหมายหลายอย่าง และที่สำคัญมันแทงใจดำผมด้วย แต่แน่นอนครับว่า ไผ่สีทอง ปี 22 นี้ก็ยังไม่วายถูกวิจารณ์ว่าเป็นหนังทดลองใช้ภาพมากกว่าการใช้ภาพอย่างมีจุดประสงค์ ถ้าเป็นสมัยนี้บางคนอาจเรียกว่า ไผ่สีทอง เป็นหนังทดลองการใช้ภาพบางลักษณะของสมัยโน้น จากคุณ : ภคสิต เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 01:18:15

ความคิดเห็นที่ 14 มาชมคุณภคสิตว่าเขียนดีจัง   ดีใจที่มีคนชอบโ้อ้มาดาเหมือนกัน อย่างนายฮ้อย แห่ง หงซิ่งด้วย เห็นกล้องที่ซูมเข้าซูมออกเร็วๆทื่อๆนี่ เป็นลักษณะของหนังไทยสมัยก่อนเลย   ถ้าใครดู ข้างหลังภาพ เวอร์ชั่นคุณเชิด ทรงศรี เป็นหนังยุคหลังแล้ว แต่ใช้มุมกล้องแบบสมัยก่อน กลับออกมาเก๋ไก๋และเซอร์มาก เพราะมันพ้นสมัยแล้ว เดี๋ยวถ้าดูไผ่สีทองแล้วประทับใจ จะส่งชื่อเข้าเว็บ imdb  ตอนนี้เอาชื่อหนังไทยเก่าๆเข้าเว็บ imdb ได้หลายเรื่อง  คนอาจมองว่าไร้สาระ  แม้แต่คนสร้างเขายังไม่คิดบันทึกเลย    แต่เราทำแล้วมีความสุข อยากให้หนังไทยดีๆไดู้ถูกบันทึก ;) แก้ไขเมื่อ 23 ธ.ค. 55 01:27:09 จากคุณ : ThisLonelyMe เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 01:22:06

ความคิดเห็นที่ 15 เคยไปดู เป็นหนังที่ดังมาก แต่ดูไม่รู้เรื่องเพราะเด็กมาก มาดูหนังรู้เรื่องอีกทีเรื่อง พ่อจ๋า พี่ตู่นันทิดา เป็นนางเอก ละครไผ่สีทองเริ่มต้นดังมาจากละครวิทยุของคณะเกศทิพย์แล้วจึงมาเป็นหนัง เพลงประกอบดังมาก จากคุณ : คนของเจ้าน้อย เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 11:17:36

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณมากครับคุณ ThisLonelyMe ในความเห็นที่ 14 จริงๆก็เขียนตามความรู้สึกอ่ะครับ เห็นด้วยกับการใช้มุมกล้องของคุณเชิดในข้างหลังภาพนะครับว่าเซอร์มาก จริงๆแล้วหนังของคุณเชิด ทรงศรีจะมีการพัฒนาเรื่องมุมกล้องและเรื่องภาพอยู่เรื่อยๆนะครับ น่าเสียดายที่ไม่ค่อยมีใครเขียนถึงเลย ซึ่งบางครั้งก็ดูพ้นสมัย แต่บางครั้งก็ดูล้ำสมัย และบางครั้งก็รู้สึกว่าหนังของคุณเชิดกับหนังของคุณเจ้ยมีการใช้ภาพบางอย่างคล้ายกัน เพียงแต่หนังคุณเจ้ย ดันเป็นหนังไทย (ที่มีความเป็นไทย) ที่ถูกพัฒนาให้มีความเป็นสากลสูงจนหลายท่านดูไม่รู้เรื่องและงงกับบางภาพว่าใส่มาทำไม แต่สุดท้ายก็กลายเป็นงานสร้างสรรค์ชิ้นเยี่ยมครับ แอบบอกไว้ตรงนี้ว่าใครที่ดูหนังเจ้ยไม่รู้เรื่องและชอบคิดกันว่าต้องปีนบันไดดู จริงๆแล้วไม่ต้องไปหาบันไดที่ไหนหรอกครับ แค่ปรับวิสัยทัศน์และเข้าใจว่าหนังเป็นงานศิลปะแขนงหนึ่งที่ในท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้มีขนบตายตัว (ยกเว้นประเภทหนังชุดเดนตายอย่างเจมส์ บอน) ก็พอแล้วครับ เยี่ยมมากครับที่คุณ ThisLonelyMe อยากให้หนังไทยดีๆได้ถูกบันทึก มันไม่ไร้สาระหรอกครับ ผมเองยังคิดไม่ถึงเลย ผมเองชื่นชอบหนังทุกชาติครับ แต่หนังไทยนี่ชอบมาก เพราะเป็นหนังที่พูดภาษาของเรา สมัยก่อนหาหนังดูยากนะครับ แต่ก็ขวนขวายดู พอมีวีดิโอ ซีดี จนมาถึงดีวีดี มันก็ทำให้อะไรๆก็สะดวกขึ้น ไม่เหมือนสมัยก่อน พอหนังออกจากโรง ถ้าอยากดูอีก หรือดูหนังไทยเก่าๆก็ต้องพึ่งหนังกลางแปลงหรือไม่ก็หนังขายยา ดูจนจบกลับดึกแม่ก็ว่าอีก อยากดูหนังยุโรปแปลกๆก็ถือว่าสมัยนั้นหาดูยากมาก ต้องรอจนกว่าจะมีโอกาสพิเศษ การตามข่าวก็ยาก เพราะ internet แบบยุคนี้ก็ไม่มี ส่วนหนังไทยนี่ดูมาเกือบจะทุกเรื่อง หนังแย่ๆก็ดูครับถ้ามีเวลา ถือว่าเป็นการเรียนรู้อย่างนึง ขำมากที่บางครั้งตอนซื้อตั๋วและเราพูดชื่อหนังที่คนคิดว่า "ใครมันจะดูวะ" แล้วพอมีคนแถวนั้นได้ยินก็จะทำสีหน้าดูถูกว่า "ดูหนังแบบนี้ด้วยเหรอ แหวะ" จริงๆอยากตะโกนดังๆว่าหนังที่คุณคิดว่าเกรดเอนั้น ผมดูมาจนครบทุกเรื่องแล้ว ก็เลยอยากดูหนังเกรดรองๆบ้างเพื่อเป็นการศึกษา แต่ลึกๆก็ขำนะครับว่า "คนไทยดูถูกกันได้ทุกเรื่อง" ไม่เว้นแม้แต่เรื่องรสนิยมการดูหนัง แก้ไขเมื่อ 23 ธ.ค. 55 12:15:20 จากคุณ : ภคสิต เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 12:11:21

ความคิดเห็นที่ 17 คุณ "คนของเจ้าน้อย" ครับ ใช่ครับ ไผ่สีทอง ดังมาก่อนตอนเป็นละครวิทยุ ตอนเป็นหนังก็ดังแต่ไม่ดังถึงขั้นที่ว่าเปรี้ยงปร้างอะไรมาก แต่จัดว่าคนก็สนใจ จริงๆแล้วนอกจากหนังของปี 2522 ไผ่สีทองเคยถูกทำเป็นหนังอีกครั้งในปี 30 กว่าๆ แต่ตอนนั้นจะเงียบๆหน่อย และที่แน่ๆ เพลงประกอบดังมากจริงๆครับ คุณอริสมันต์เคยนำมาร้องด้วย และมีหลายคนที่นำเพลงนี้กลับมาร้องใหม่ แต่ฟังกี่ครั้งก็ไม่ เพราะเท่าที่ได้ยินในหนังเลย คงเป็นเพราะว่าอารมณ์หนังพาไปครับ แก้ไขเมื่อ 23 ธ.ค. 55 12:25:31 จากคุณ : ภคสิต เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 12:20:49

ความคิดเห็นที่ 18 ไม่รู้คุณภคสิตจะยังมาอ่านมั้ย ส่วนตัวชอบหนังไทยยุคประมาณ 2530  เพราะทันยุคนั้น ยุคสินจัย-จินตหรานั่นเอง  ยุคนั้นหนังดีเยอะมาก    ส่วนยุค 2520  ประมาณไผ่สีทอง ไม่ค่อยทัน เพิ่งเกิด  และหาดูยาก  แต่เท่าที่ได้ดูก็ชอบ  หนังล้ำๆเยอะเหมือนกัน   ส่วนหนังไทยยุคปัจจุบัน  ที่เด่นจริงๆคือโปรดักชั่นดีมากๆระดับสากลแล้ว  แต่เนื้อหา-อารมณ์เหมือนแพ้หนังสมัยก่อนยังไงไม่รู้  (โดยภาพรวม ) คิดเหมือนกันว่าการดูหนังแย่ๆห่วยๆเป็นการเรียนรู้อย่างหนึ่งเช่นกัน  แต่ไม่ค่อยได้ดูบ่อยนัก  ถ้ามีโอกาสก็อยากดูหนังดีมากกว่า ;) แก้ไขเมื่อ 24 ธ.ค. 55 03:58:02 จากคุณ : ThisLonelyMe เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 03:07:39

ความคิดเห็นที่ 19 ค ห ท่ี 15 "คนของเจ้าน้อย"  ค ห ท่ี 17 คุณภคสิต คลาดเคลื่อนนิดหน่อยครับ ไผ่สีทอง ไม่มีบทประพันธ์ครับ คุณ โฉม ปาริษา เขียนเป็นบทหนัง แล้วเอาบทหนังไปทำเป็นละครวิทยุ พอละครเริ่มดังจึงปล่อยหนังออกฉาย หนังไทยหลายๆเรื่องใน ยุคนั้นทำเช่นนี้เพื่อสร้างกระแส..สำหรับเพลง นายทหารกองดุริยางค์กองทัพเรือเรียบเรียงเสียงประสานใหม่จากทำนองเพลงจีน เช่นเดียวกับเรื่อง เทพธิดาดอย.. จากคุณ : "สนิมหนัง" (คุณหญิงฟู) เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 55 11:45:25