ความคิดเห็นที่ 69  

ปิดเทอมที่ผ่านมา หลังจากสะสางงานเรียบร้อย ก็ได้เวลาเริ่มแผนการเดินทางในทริปนี้ ที่มีเวลา 3 วัน โดยหลังจากได้เที่ยวบิน แผนต่อไปก็คือการวางแผนการเดินทางในเชียงใหม่ ในฐานะที่เคยมาเชียงใหม่ถึง 3 ครั้งแล้ว ก็ทราบดีว่าหากเราจะตุเลง ตุเลง ขึ้นรถ 2 แถว เที่ยวเชียงใหม่ ก็คงเที่ยวได้เพียงเสี้ยวเดียวของเชียงใหม่ แอ่วเชียงใหม่ไม่ทั่วแน่ๆ

ด้วยความที่มีเพื่อนร่วมเดินทาง ภาษิตเขาว่า สองหัวดีกว่าหัวเดียว  และด้วยความที่เพื่อนชอบไปงานแฟร์ ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์บ่อยๆ งานไทยเที่ยวไทยเขาย่อมไม่พลาด เพื่อนเกลอจึงจัดการทำหน้าที่รับอาสาและชวนกันเช่ารถ เพื่อให้ 3 วัน เราได้เห็นเชียงใหม่มากเท่าที่จะเป็นไปได้ ก็โทรปรึกษากันอยู่นานพอสมควรว่าจะใช้บริการของบริษัทใด

แต่แล้วก็เหมือนสวรรค์รู้ใจ เพื่อนบอกว่า Thai rent a car จัดโปรโมชั่น และเพื่อนเราก็โชคดี ได้เช่ารถในราคาสุดคุ้ม  และก็รู้สึกแปลกใจนิดหน่อยกับค่าเสียหายเบื้องต้นจากอุบัติเหตุ (CDW) ที่คิดเพียง 3,000 บาท และเงินมัดจำจากบัตรเครดิต 5,000 บาท ซึ่งต่างกับบริษัทอื่นที่เราก่อนหน้านี้ ที่ค่า CDW 8,000 บาท และค่ามัดจำ 20,000 บาท

และแล้วเมื่อวันเดินทางมาถึง การเดินทางก็เริ่มต้นขึ้น หลังจากเครื่องบินส่งเราที่สนามบินเชียงใหม่ เราก็ลากกระเป๋า เตรียมออกจากสนามบิน ก็เห็นพี่เจ้าหน้าที่ Thai rent a car มารออยู่แล้วนั้นเอง เตรียมพร้อมนำสัญญาและพาเราไปดูรถ ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเลยค่ะ สิ่งที่ request ไปได้หมดอย่างที่ต้องการ ขอ New Jazz ไปค่ะ  ได้สีขาว สภาพใหม่ และสะอาดมากค่ะ มีแผนที่ติดรถมาให้ด้วย แต่เราไม่ได้ใช้เพราะได้เตรียม GPS มาเอง

หลังจากตั้ง GPS เสร็จ ทุกอย่างพร้อม คนขับพร้อมขับออกจากสนามบิน ขับง่ายมากๆค่ะ อาจเป็นเพราะรถใหม่ และไม่ใหญ่จนเกินไป ที่แรกที่เราและเพื่อนเลือกไปตามแผน คือ พระธาตุดอยสุเทพ ไปไหว้พระธาตุประจำปีเกิด และเช่าองค์พระธาตุจำลองมาบูชาที่ทำงาน อิ่มบุญมากๆ เลย  และแล้วก็ได้เวลาไปสู่ที่หมายที่สองของวันแรก พระตำหนักภูพิงราชนิเวศน์ ได้ชมความงามของพระตำหนัก และความงามของดอกไม้ ต้นไม้เมืองเหนือนานาชนิด โดยเฉพาะที่มีมาก คือ ต้นกุหลาบ งดงามมากค่ะ

จุดหมายที่สาม คือ ดอยปุย เส้นทางขึ้นดอยถนนค่อนข้างจะเล็ก และคดเคี้ยวมากๆ แต่พวกเราบ่ยั้น ค่อยๆ ขับไป เกือบถึงดอยปุยแล้ว GPS ว่าอย่างงั้น แต่แล้วเราก็ต้องยกเลิกการไปดอยปุยพี่ที่ขับรถสวนทางมา บอกกับพวกเราว่าเนื่องจากฝนตก ทางจึงเป็นหลุม ทำให้รถที่ไม่ได้ขับเคลื่อน 4 ล้อ อาจจะผ่านไปไม่ได้ เราก็เลยมุ่งกลับในทางที่มา

 
 

จากคุณ : pat (patcharaja)
เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 13:09:33

ความคิดเห็นที่ 70  

ที่ต่อมาคือ สวนสัตว์เชียงใหม่ เขาอนุญาตให้เราขับรถเข้าไปข้างในได้ด้วย เรามาถึงสวนสัตว์เชียงใหม่ในเวลาค่อนข้างเย็น แต่ก็ดีเพราะอากาศไม่ร้อนนัก ทำให้เราไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยมากนัก เป็นครั้งแรกที่ได้มีโอกาสมาสวนสัตว์เชียงใหม่ ค่อนข้างจะเกินความคาดหมาย คือ เป็นสวนสัตว์ขนาดใหญ่ มีสัตว์ที่น่ารักมากมาย หมีโคล่า ยีราฟ นกนานาชนิด อควาเลียมปลา และได้มีโอกาสชมการแสดงการให้อาหารปลาฉลามด้วย และรายการที่หลายคนไม่อยากจะพลาดก็ คือ การได้เยี่ยมหลินปิง ทูตวัฒนธรรม ไทย จีน แต่พวกเราก็พลาด เพราะเรามาในเวลาที่สวนสัตว์ใกล้ปิดทำการแล้ว แต่ไม่เสียใจเพราะคิดว่าได้เห็นความน่ารักในโทรทัศน์แล้ว และหลินปิงคงอยากพักผ่อนบ้าง เราเลยไปบูทข้างๆ ซื้อตั๋วเข้าเมืองหิมะ มีห่วงยางให้ลื่นลงมาเหมือนสกี เล่นไป 2 รอบ หนาวจริง เจ็บจริง ตอนลื่นลงมา แปลกใจว่าทำไม่เด็กๆ เล่นกันได้หลายรอบ อืมเลยแอบรู้เลยว่าแย่งเด็กๆ เล่น ก็สนุกดีค่ะ ได้ปล่อยแก่  

และแล้วเราอำลาสวนสัตว์เชียงใหม่ เพราะพระอาทิตย์เริ่มอัสดง  ท้องเริ่มร้อง เราได้จองขันโตกของศูนย์วัฒนธรรมไว้  ไปถึงได้เวลาเสริฟอาหารพอดี รายการอาหารเหนือทั้ง แคบหมู น้ำพริกอ่อง ไก่ทอด ข้าวเหนียว  ของหวานก็มีฟักทองและกล้วยทอด   พอทานอิ่มก็ได้เวลาของการแสดงซึ่งมีทั้งการแสดงของคนพื้นเมือง  และคนดอย ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าศูนย์วัฒนธรรม ทำให้เราในฐานะคนต่างถิ่น รวมถึงชาวต่างชาติได้เห็นถึงวัฒนธรรม การกิน การละเล่น การแสดง ผ่านวิถีชีวิตคนเชียงใหม่ได้อีกทางหนึ่ง

วันที่สองของการเดินทาง วันนี้เราตื่นเช้ากว่าปรกติ เพราะวันนี้เราต้องข้ามไปจังหวัดลำพูนด้วย แต่ก่อนเข้าจังหวัดลำพูน เราก็แวะดูงานหัตถกรรมขึ้นชื่อของบ่อสร้าง คือ การทำร่มบ่อสร้าง ก็เพิ่งได้ทราบว่าการทำร่มของบ่อสร้าง มีที่มาจากการทำร่มกระดาษสาของภิกษุชาวพม่า ในประเทศพม่าก็มีการทำร่มในลักษณะนี้เช่นกัน เราได้นำฝีมือในการลงรายในร่มมาทำให้ร่มมีลวดลายที่สวยงาม น่าใช้ และบางโอกาสก็นำไปประดับบ้านได้  ก็แปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกันว่าทำไมได้หมวกมาแทนที่จะเป็นร่ม คงเป็นเพราะว่ามีร่มหลายคันแล้ว และหมวกก็สามารถใช้เป็นพัดแก้ร้อนได้ด้วย เรียกว่าอัตถประโยชน์หลากหลาย เลยซื้อติดไม้ติดมือมา ลวดลายเป็นช้างมีพื้นสีเขียว

เป้าหมายการเดินทางที่ต่อไป คือ น้ำพุร้อนสันกำแพง ไปโพสท่าถ่ายรูปใกล้ๆ กับจุดที่น้ำพุร้อนเดือดผุดๆ และกระเด็นขึ้นสูง ก็สึกได้ถึงความร้อน ร้อนมากๆ ค่ะ ตอนเข้ามาได้แวะซื้อไข่นกกระทามาหนึ่งกระชอมเล็ก ก็แน่ใจได้เลยว่าไข่ต้องสุกแน่นอน  หลังจากดุ่มๆ มองๆ อยู่สักพักก็นำกระชอมไข่ไปแขวนในที่เกี่ยวจุ่มน้ำพุร้อนไปทั้งกระชอม ไม่ต้องกลัวว่าเมื่อไหร่จะสุกมีเวลาบอกไว้ พอไข่สุก ก็ไปซื้อส้มตำปู ข้าวเหนียวมาทานกับไข่ และไปที่ปลายๆสายน้ำ น้ำไม่ร้อนมากำลังอุ่นๆ นำขาลงแช่ไป ทานไข่ต้มกับส้มตำปู ข้าวเหนียวไปด้วย รู้สึกถึงความผ่อนคลาย และอิ่มท้องได้ดีจริงๆค่ะ เดินไปดูสระว่ายน้ำน้ำพุร้อน ใจจริงอยากอยู่แช่น้ำพุร้อนทั้งตัว แต่ด้วยเวลาที่จำกัด และฝนที่เริ่มตก

เราจึงตัดสินใจออกเดินทางไปยังจุดหมายต่อไป คือ พระธาตุหริภุญไชย พระธาตุประจำปีเกิดของเพื่อน เมื่อถึงพระธาตุหริภุญไชยเราก็ได้มีโอกาสไหว้พระพุทธ และพระสงฆ์ ซึ่งท่านพรมน้ำมนต์ให้เพื่อเป็นสิริมงคล หลังจากนั้นพวกเราก็ข้ามฝั่งถนนไปเดินศูนย์จำหน่ายสินค้าโอทอปของลำพูนได้ลำไยอบแห้งเป็นของฝากที่บ้าน เดินเลยไปอีกนิดหนึ่งเพื่อไปทานก๋วยเตี๋ยวลำไย ในโพยที่เราหากันมาบอกว่าอร่อยมากๆ ตอนแรกก็ยังไม่ค่อยแน่ใจว่าก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นกับลำไยจะเข้ากันได้อย่างไร พอได้รับประทานอร่อยเหาะจริงๆ

หลังจากท้องอิ่มแล้วเราก็เดินมาที่ศูนย์จำหน่ายสินค้าโอทอปอีกครั้ง และถามแม่ค้าว่ามีที่ไหนที่น่าไปอีกบ้างในบริเวณนี้ เขาก็แนะนำให้เราไปอนุสาวรีย์พระนางจามเทวี ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก พระนางเป็นองค์ปฐมกษัตริย์แห่งนครหริภุญไชย หลังจากไหว้พระนางแล้ว ก็อดชื่นชมพระนางไม่ได้ ว่าเป็นวีรสตรีที่เข้มแข็งและเก่งจริงๆ  เอาหละได้เวลาที่เราต้องกลับเชียงใหม่แล้ว  

เป้าหมายสุดท้ายของวันที่สอง คือ ถนนคนเดินวัวลาย คราวที่แล้วที่มีโอกาสได้มากับพี่ๆ ที่ทำงานแรก ก็ประทับใจ และคิดว่าครั้งนี้ก็ไม่ควรพลาด เพราะถนนคนเดินวัวลาย เป็นแหล่งรวมสินค้าพื้นเมือง ทั้งงานหัตถกรรม งานศิลปะ เสื้อผ้า เครื่องประดับ ของกิน  มากมาย หลังจากหาที่จอดรถได้ ซึ่งก็จอดได้ง่ายมาก เพราะ Jazz มีขนาดเล็ก งานนี้เราก็เดินจนสุดถนน ได้กระเป๋าผ้าสีสันสดใสแดงส้ม ได้สร้อยหนังจี้ช้าง ต่างหู ซึ่งของที่ซื้อล้วนราคาไม่แพง หลังจากเดินมาจนเหนื่อยก็แวะทานแฮมเบอร์เกอร์หมู ข้าวเหนียว ซึ่งแทนที่จะมีขนมปังประกบหมู ก็เป็นข้าวเหนียวประกบหมู ซึ่งเข้ากันได้ดี และอร่อยไปอีกแบบ ใช้เวลาอยู่ที่ถนนคนเดินวัวลายค่อนข้างจะนานเพราะเพลิดเพลินกับการซื้อของ มารู้ตัวว่าปวดเมื่อยขาก็ตอนเดินกลับไปที่รถ พอขึ้นรถได้ก็เหยียดขาสักพัก แล้วก็ขับรถกับที่พัก อาบน้ำ นอนหลับสนิทได้เกือบทันทีเมื่อหัวถึงหมอน

จากคุณ : pat (patcharaja)
เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 13:17:49

ความคิดเห็นที่ 71  

วันที่สามหรือวันสุดท้ายของการเดินทาง วันนี้ตื่นค่อนข้างสาย เนื่องจากหมดแรงจากการช็อปปิ้งที่ถนนคนเดินวัวลาย วันนี้จึงสบายๆ ตื่นสายหน่อย เพราะเป็นวันสุดท้ายแล้ว และอีกอย่างหนึ่ง คือเที่ยวบินเราเป็นเที่ยวบินค่ำ ดังนั้นจึงพอมีเวลา หลังจากตื่น อาบน้ำ เก็บของขึ้นรถ

เราก็มุ่งหน้าไปมหกรรมพืชสวนโลกเพื่อชมความงามของพันธุ์ไม้ ซึ่งประเทศไทยเคยเป็นเจ้าภาพจัดแสดงพืชสวนสวนโลก พอถึงทางเข้าก็โพสท่าถ่ายรูปกับ new jazz ให้รู้ว่าเรามาถึงสวนราชพฤกษ์กันแล้ว เข้าไปข้างในพื้นที่กว้างมาก มีรถบริการตามจุดต่างๆ ให้เราได้ชมความงามของส่วนแสดงพันธุ์ไม้ จากประเทศต่างๆ รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ เอกชนไทย ในการเข้าร่วมจัดซุ้มและจัดแสดงพันธุ์ไม้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือร่วมใจของคนไทยได้เป็นอย่างดี  หลังจากชมพันธุ์ไม้ในสวนราชพฤกษ์เสร็จแล้ว

เราก็เดินทางไปยังวัดพระธาตุดอยคำ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากมหกรรมพืชสวนโลกนัก แต่ทางค่อนข้างชัน เพื่อไปไหว้พระ และได้มีโอกาสในการปิดทองลูกนิมิตของทางวัดด้วย  

ในขากลับเราเลือกแวะตลาดเพื่อหาน้ำ และอาหารพื้นเมืองทาน เพื่อให้เห็นวิถีชีวิต ในการจ่ายตลาดของชาวเชียงใหม่ ตลาดที่เราเลือกแวะ คือ ตลาดแม่เหีย โดยเราซื้อน้ำชานมปั่น ไส้อั่ว น้ำพริกหนุ่ม แคบหมูมาทานกัน ทั้งราคาที่ไม่แพง รสชาติที่อร่อย ทำให้เรายกนิ้วให้กับตลาดแห่งนี้ว่าหากมีโอกาสมา เราจะกลับมาอีกครั้งหนึ่ง

จากนั้นเราได้เดินทางไปชม นครใต้พิภพ เวียงกุมกาม โดยเลือกที่จะจอดรถไว้แล้วใช้บริการรถม้าพร้อมคนควบคุมม้า ที่ทำหน้าที่เป็นไกด์ไปในตัว

เวียงกุมกาม เป็นเมืองโบราณ ที่พญามังราย (พ่อขุนเม็งราย) ทรงโปรดให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1829 และได้ล่มสลายลงเพราะเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ โดยไกด์ได้พาไปชมวัดต่างๆ (เราได้ถามไกด์ว่าทำไมถึงขุดพบแต่วัดแต่ไม่พบบ้านเรือนของชาวบ้านบ้าง ไกด์ได้อธิบายว่าบ้านเรือนของชาวบ้านในอดีตสร้างจากไม้ จึงไม่อยู่คงทนให้พบ) เรารู้สึกทึ่งกับความยิ่งใหญ่ของนครในอดีต ไกด์ได้เล่าว่า ที่เราเห็นนี่เป็นแค่เพียงบางส่วน เนื่องจากการที่จะขุดจะต้องซื้อต่อมาจากชาวบ้าน หรือมีชาวบ้านบ้านบริจาคมา

ในเวลาเย็นก่อนเดินทางกลับไปสนามบินเราเลือกที่จะเดินเที่ยวถนนคนเดินประตูท่าแพเพื่อซื้อของติดไม้ติดมือ ซึ่งได้ของมาทั้งกำไลไม้ กระเป๋าใส่เหรียญ ฐานรองกระถางต้นไม้  ระหว่างทางเราได้แวะไหว้พระบรมราชาอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ (ประกอบด้วยรูปปั้นองค์สามกษัตริย์ ได้แก่ พญามังราย พญาร่วงหรือที่รู้จักกันดีว่า "พ่อขุนรามคำแหง" และพญางำเมือง) หลังจากเดินไปเดินมา เลือกซื้อของฝาก

เมื่อมองนาฬิกา ประจวบกับเจ้าหน้าที่ของบริษัท Thai rent a car โทรมายืนยันเวลาคืนรถ เราก็รีบบึ่ง New jazz ไปที่สนามบินได้อย่างทันเวลา ใช้เวลาในการคืนรถไม่นาน มีเจ้าหน้าที่ของบริษัทมารอรับรถถึงหน้าปากประตูเข้าสนามบิน และก็ได้เวลาอำลาเชียงใหม่ เดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิ์ภาพ ขอขอบคุณ Thai rent a car ที่เป็นส่วนหนึ่งในการทำให้การเดินทางไปเที่ยวเชียงใหม่ในครั้งนี้สนุก ได้รับประสบการณ์ที่ดี และเป็นไปตามแผนการเดินทางที่เราวางไว้ทุกประการค่ะ

 
 

จากคุณ : pat (patcharaja)
เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 13:44:30