ความคิดเห็นที่ 1 พ่อแม่ทุกคนกังวลทั้นนั้นแหละค่ะ รวยแต่ไหนก็ใช่ว่าจะไม่มีห่วงนะคะ ยิ่งเรื่องลูกจะรักดีมั๊ยยิ่งกังวลเพราะแม้เราจะเลี้ยงดีแค่ไหน แต่มีปัจจัยอบายมันมายั่วยุตลอดก็ต้องระวังและหมั่นสร้าง "ภูมิต้านทาน" ล่ะค่ะ ไม่มีใครรู้ว่าอีกสิปปียี่สิปปีจะเป็นยังไง ขอแค่วันนี้สอนลูกให้ดีเราเชื่อว่าผลต้องออกมาดีแน่ค่ะ จากคุณ : Z-Cube เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 55 06:12:18

ความคิดเห็นที่ 2 อนาคตไม่เเน่นอนจริงๆ เศรษฐกิจโลกจะเป็นอย่างไร งานในประเทศที่อยู่จะมีให้ทำไหม ดิฉันก็ได้เเต่บอกสอนลูกให้ตั้งใจเรียนดีๆ หาเรียนสิ่งที่เราชอบเเละมีงานรองรับด้วยจะดีมากนะลูก จากคุณ : Hana* เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 55 07:07:51

ความคิดเห็นที่ 3 ประเทศไทยเอง ก็ผ่านวิกฤติเศรษฐกิจมาแล้ว เมื่อคราวต้มยำกุ้ง แม่ๆ หลายคนในนี้อาจเรียนจบมาทำงานช่วงนั้น บริษัทปิดตัวช่วงนั้น หรือเห็นพ่อแม่ตัวเองได้รับผลกระทบมา แต่ทุกคนก็ผ่านมันมาได้ สิ่งสำคัญคือ เลี้ยงลูกให้มีภูมิต้านทาน ให้มีจิตใจที่เข้มแข็ง ปรับตัวให้เป็น และรู้คุณค่าของตัวเอง ท่านประธานบริษัทใหญ่หลายคนหุ้นร่วง ต้องล้มละลาย ออกมาทำแซนวิชเดินขาย และตั้งตัวได้อีกครั้ง ตอนเราเรียนจบ ประเทศไทยก็เพิ่งผ่านจุดนั้นมาไม่นาน ตกงานกันเป็นแถว พ่อแม่เราก็ไม่มีต้นทุนอะไรให้ มีแต่ความรู้ที่ให้ติดตัวเรามา มีแต่จิตใจฮึดสู้ที่พ่อแม่ให้มา เราก็ผ่านมันมาได้ด้วยดี เราก็คงทำกับลูกแบบนั้น ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะเลี้ยงลูกเราให้เข้มแข็งพอที่จะผ่านทุกเหตุการณ์ไปได้ด้วยดีค่ะ จากคุณ : แม่น้องอัณณา เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 55 09:25:38 A:125.25.21.137 X: TicketID:258399

ความคิดเห็นที่ 4 เศษฐกิจมีขึ้นมีลง แล้วมันก็กลับมา เป็นแบบนี้อยู่เสมอ อยู่ที่เราต่างหากว่า เราปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้ไหม .... สำหรับดิฉัน ไม่มีความมั่นคงอยู่จริงในเรื่องของสถานที่ทำงาน ดิฉันเชื่อว่า ความมั่นคงคือเราจะผ่านวิกฤษแต่ละครั้งมาได้อย่างไรมากกว่า หรือความมั่นคงคือการปรับตัวเข้ากับสถาการณ์มากกว่า ในเรื่องการทำงาน ดิฉันบอกลูกเสมอว่า ไม่ว่างานอะไรมีปัญหามาให้เราคิด เราแก้ทั้งนั้น แต่ถ้าเป็นงานที่เราชอบ เราจะหาทางออกได้เสมอ และเมื่ออยู่ในภาวะปกติ เราอาจจะสร้างสรรค์งานให้ดียิ่งขึ้นได้ อาชีพทุกวันนี้มีมากมาย ขอให้ลูกอย่าหยุดเรียนรู้เท่านั้น ลูกจะมีอะไรทำได้อยู่ตลอด ส่วนตัวดิฉันไม่กังวลมากนัก เพียงแต่ก็ไม่ตั้งอยู่ในความประมาทในการดำเนินชีวิต ส่วนตัวเองก็เจอมาหลายเหตุการณ์ และก็ศึกษาเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นทั่วโลก และเหตุการณ์ที่ปัจจุบันโลกกำลังเผชิญอยู่ ไม่ว่าจะปัญหาของยุโรป อเมริกา หรือที่ไหน ๆ เรียนรู้เพื่อที่จะได้รับมือกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น ไม่ใช่กังวลกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น ดิฉันเชื่ออย่างนั้นจริง จากคุณ : ทะเลสวย น้ำใส เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 55 09:39:07

ความคิดเห็นที่ 5 ถ้าคิดให้ลูกทำงานบริษัทก็จะต้องกังวลเหมือนคุณแม่ของเด็กเพื่อนคุณนี่แหละค่ะ ในขณะนี้และอนาคตแรงงานในต่างประเทศที่ขาดแคลนมากคือพวกช่างฝีมือด้านต่างๆ เช่นช่างประปา ช่างซ่อมนั่นนี่ ช่างนาฬิกา หรือพวกทำอาหารขาย ทำขนมปัง ทำงานด้านการฝีมือ ช่างสัก ช่างผม ทำเครื่องหนัง ช่างตัดรองเท้า อย่างงานทอผ้าไหมของยี่ห้อแอร์เมส หรือช่างประกอบนาฬืกาแพงๆ ค่าตัวแพงมากและนับวันจะหายากขึ้นเรื่อยๆ เพราะคนทำน้อย ต้องให้คุณแม่ท่านนี้เปลี่ยนมุมมองสักนิดนึงว่างานดีๆ ไม่ใช่อยู่ที่บริษัทชั้นนำเท่านั้น เดินทางสายอาชีพก็ประสบความสำเร็จได้ ได้เป็นนายตัวเอง ดูแลครอบครัวได้เหมือนกัน และรายได้ก็ไม่ขี้เหร่นะคะ คนขายขนมปังเจ้าอร่อยแถวบ้านเราขายดีมาก เที่ยงก็ปิดร้านนอนนับเงินแล้ว เมืองนอกคนก็นับหน้าถือตาด้วย มีศักดิ์ศรีไม่ต่างจากงานในโรงพยาบาลเหมือนที่คุณแม่ทำ ยังอยากให้ลูกทำงานบริษัทเพื่อรอวันเขาเซ็นต์เช็คเงินเดือนล่วงหน้าให้ไปหางานใหม่ทำไมกัน เพิ่มเติมที่เมืองนอกนี่จบปริญญาสูงๆ เช่นกฎหมาย สถาปัตย์ บางทีตกงานหรือหางานกว่าจะได้ก็นานนะคะ เรียนสูงไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาชีวิต ทางที่ดีให้เด็กค้นหาตัวเองให้เจอเรียนที่ชอบที่สนใจจะดีกว่า บางคนทนพิษค่าใช้จ่ายระหว่างรองานไม่ไหวต้องเบนเข็มไปเรียนสายอาชีพ เพราะเรียนแล้วได้งานเลย หรือบางคนมาค้นพบว่าที่จริงชอบสายอาชีพมากกว่าก็มี แก้ไขเมื่อ 09 ธ.ค. 55 02:22:38 แก้ไขเมื่อ 08 ธ.ค. 55 23:41:42 จากคุณ : ##TUKTA## เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 55 23:35:01

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาแชร์ความคิดเห็นนะคะ ก็คงอย่างที่เข้าใจกันล่ะคะ เพราะคุณแม่ท่านนี้ก็พูดเหมือนกันว่า คงตามใจให้ลูกเรียนในสิ่งที่เค้าอยากเรียนมากที่สุด แต่จะเลือกแบบใหนยังไงก็สุุดแล้วแต่เค้า เด็กอาจจะชอบศิลปะ ชอบภาษา ชอบคำนวน หรือ สายอาชีพ เค้าคงกำหนดตัวเค้าเอง พ่อแม่คงเฝ้ามองและให้กำลังใจ เพียงแต่เธอคงเห็นว่าผลกระทบมันจะมีเป็นลูกโซ่ไปเรื่อยๆ นั้นเอง แต่เราเห็นด้วยอย่างหนึ่งนะคะ คือ ไม่ว่าจะเลือกเรียนสายใหน ก็ต้องทำให้ดีที่สุดจริงมั้ยค่ะ ต้องให้แตกฉานในด้านนั้นๆไป ถ้าเรียนออกมาแบบลุ่มๆดอนๆ เอามาประกอบอาชีพการงานคงยาก จากคุณ : มณีดารา เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 04:53:58