ความคิดเห็นที่ 1 เราว่าคุณเลิกเหอะ อยู่ไปมีแต่ปัญหา ถ้าคุณไม่ได้ถูกเลี้ยงดูมาแบบเค้า คุณเข้ากับเค้าไม่ได้หรอก ครอบครัวคุณล่ะค่ะ ลองปรึกษาที่บ้านคุณเอง เราเชื่อว่าหลายๆคนก็คงไม่อยากให้คุณแต่งหรอก เห็นชัดๆเลยว่าครอบครัวเค้าเป็นยังไง ถ้าแฟนคุณช่วยอะไรคุณไม่ได้ อย่าแต่งนะคะ นรกชัดๆเลย เราเคยเจอมาแล้ว จากคุณ : smallkid เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 55 16:42:18

ความคิดเห็นที่ 2 เลื่อนการแต่งงานออกไป ยอมเสียหน่้า เสียเงิน ดีกว่าเสียใจไปตลอดชีวิต จากคุณ : Ganit เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 55 16:49:12

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้าไม่ยอมให้แยกบ้าน เป็นเราก็เลิกแน่นอน 1000 % ค่ะ ไม่ชอบไปทนอะไรไม่รู้ ที่ไม่จำเป็นต้องทน ยิ่งถ้าแฟนก็ได้แต่หงอ ไม่ยอมไกล่เกลี่ย ยิ่งไม่ต้องคิดค่ะ จากที่เล่ามาขืนแต่งไป ก็อยู่ไม่ไหวค่ะ จากคุณ : Trijack เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 55 17:39:04

ความคิดเห็นที่ 4 เป็นเราคงคิดใหม่อะค่ะ นี่แค่กำลังจะแต่งก็เห็นปัญหาแล้ว ถ้าแต่งไปคุณจะไหวเหรอคะ จากคุณ : coolnessgirl เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 55 17:51:40

ความคิดเห็นที่ 5 ถ้าจะคบกันต่อไปก็ต้องเด็ดขาดกับที่บ้านเค้า แตกหักกันไปข้างนึงเลย จากคุณ : MoAuang เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 55 17:52:35

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณทุกคนนะคะ ทางบ้านเราก็ไม่อยากให้เข้าไปอยู่ แต่ก็ไม่อยากเสียหน้า แล้วแฟนเรานิสัยดี ยอมเป็นคนกลางตลอด จนบางทีเรารู้สึกผิดที่ทำให้เค้าต้องเหนื่อย ไปทะเลาะกับทางบ้าน เราคิดว่าจะแต่งแล้วมาอยู่หอที่เดิมโดยไม่บอก ทุกคนว่ามันจะน่าเกลียดไหมคะ จากคุณ : arabell (arabell) เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 55 17:58:31

ความคิดเห็นที่ 7 คุณจะต้องลำบากใจ อยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคลายไม่ออกแบบนี้ไปตลอดชีวิตแต่งงาน แฟนคุณก็จะต้องมีปัญหากับครอบครัวเพราะว่าพยายามจะปกป้องคุณ แล้ววันนึงเมื่อความรักน้อยลง แฟนคุณอาจจะโทษว่าคุณเป็นต้นเหตุของปัญหา ถ้ามีลูกด้วยกันอีก ครอบครัวแฟนคุณจะเข้ามามีบทบามควบคุมชีวิตและการตัดสินใจของคุณกับครอบครัวของคุณ เป็นเราๆไม่แต่ง รักกันแค่ไหน ถ้าไม่ได้แยกออกมาอยู่ต่างหาก ครอบครัวล่มแน่ๆ ยิ่งถ้าแฟนคุณเกรงใจครอบครัว(ที่ไม่เคยเกรงใจคุณและแฟน)ขนาดนี้ ยากที่จะมีความสุข ดูเหมือนว่าการแต่งงานของคุณเป็นการเริ่มต้นความทุกข์และภาระให้คุณ อย่างนี้อยู่คนเดียวไม่ดีกว่าเหรอ นอกเสียจากว่าคุณจะเข้มแข็งมากพอที่จะต่อสู้กับความร้ายกาจของครอบครัวแฟนได้ โดยที่ไม่ต้องไปหวังพึ่ง ความช่วยเหลือ หรือความเห็นใจจากแฟนคุณแม้แต่นิดเดียว ถ้าทำได้ ก็ลุยเลยค่ะ แต่อย่าลืมว่าไม่มีใครรักเราเท่าตัวเราเอง และอย่ารักใครมากกว่าตัวเราเอง แก้ไขเมื่อ 09 ธ.ค. 55 06:23:21 จากคุณ : KOSNOMA เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 55 18:07:24

ความคิดเห็นที่ 8 การแต่งงานเป็นได้แค่ฉากจบในละคร แต่มันไม่ใช่ในชีวิตจริงนี่สิ มันแค่เป็นการเริ่มต้น อยู่ที่คุณเลือกว่าจะเริ่ม หรือพัก หรือหยุด จริงอยู่ความรักคือสิ่งสำคัญ แต่ถ้าความรักของพวกคุณมีคนเข้ามากำกับ เราว่ามันไม่ใช่แล้วล่ะ ปรึกษากับครอบครัวคุณดี ๆ ว่าพวกเขาว่าไง แล้วคุยกันในรายละเอียดด้วยนะค่ะ อย่าแค่คุยเผิน ๆ ไม่งั้นครอบครัวคุณไม่รู้หรอก ว่าคุณจะเจออะไรบ้าง สงสารแฟนก็ส่วนนึง เขาก็มีส่วนกับปัญหาเหมือนกัน สงสารตัวเองก่อนเถอะ เพราะคุณแต่งเข้าบ้านเขา แถมยังไม่ทันจะแต่งเลย มีเรื่องให้กลุ้มรอแล้ว เอ่อออออ เนอะ ทางเดินของชีวิตมันไม่ได้มีแค่ทางสองทางนะค่ะ เลือกที่จะเจ็บครั้งเดียว หรือเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันเป็นทางที่คุณต้องเลือกเอง ขอให้ผ่านไปได้นะค่ะ โชคดีค่ะ จากคุณ : Madam Country เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 55 18:36:01 A:95.166.192.18 X: TicketID:341763

ความคิดเห็นที่ 9 มีคนรู้จักที่ต้องแต่งเข้ากงสีแบบนี้เหมือนกัน ทุกวันนี้ เวลาที่เป็นอิสระและหายใจได้เต็มปอดคือตอนอยู่นอกบ้าน เศร้านะคะ บ้านตัวเองแท้ๆ มีเนื้อที่ส่วนตัวแค่ห้องนอน จะทำอะไรก็ไม่เป็นอิสระเพราะกฎเกณฑ์ต่างๆ เยอะแยะไปหมด ขอบอกว่ามันคือนรกดีๆ นี่เอง คุยกับแฟนดีๆ ถ้าคุณสองคนไม่ต้องพึ่งพาเงินทองจากบ้านฝ่ายชาย หนีออกมาอยู่กันสองคนเลยค่ะ พ่อแม่เค้าจะด่าแฟนคุณยังไงก็ตัดกันไม่ขาดหรอก ส่วนคุณนั้นก็เตรียมตัวทำใจว่าเค้าจะต้องเกลียดหน้าคุณไปตลอดชีวิต ซึ่งถ้าเป็นดิฉันจะไม่แคร์เลย ยิ่งเกลียดยิ่งดีจะได้ไม่ต้องมาเจอกัน ดีซะอีก จากคุณ : เมรี เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 55 19:10:54 A:182.52.7.117 X: TicketID:018574

ความคิดเห็นที่ 10 นี่ขนาดยังไม่ได้แต่ง ยังมีแพลนจะใช้งานคุณ โดยไปซื้อรถมาให้คุณขับรับส่งลูกเค้าแล้วเหรอคะ แล้วแต่งไปแล้ว จะขนาดไหน ยิ่งถ้าต้องไปอยู่บ้านเค้าอีก ถ้าแยกบ้านไม่ได้ก็อย่าแต่งเลยค่ะ ขนาดของเราก่อนแต่งท่าทางน่าจะดี พอมาอยู่รวมกันเราเครียดแทบทุกวัน ของคุณแสดงออกเห็นๆกันแบบนี้ คิดดีๆนะคะ ไม่อยากให้กลายมา้เป็นสะใภ้ทาสแบบเราค่ะ จากคุณ : ฟ้าใส เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 55 19:14:23 A:180.183.69.16 X: TicketID:348252

ความคิดเห็นที่ 11 เมื่อก่อนเราคิดว่าครอบครัวของเขาไม่มีอิทธิพลต่อเรามาก เราคิดว่าเราแต่งกับเขาไม่ได้แต่งกับครอบครัวเขา ขนาดเรามีบ้านอยู่เป็นของตัวเองนะ พอเอาเข้าจริงมันไม่ใช่ ครอบครัวเขายิ่งนับวันยิ่งทำให้เรามีอคติ ถ้าไม่มีลูก ถ้าย้อนไปได้ คงไม่เลือกมีลูกกับเขาแล้วต้องแต่งงาน -_-" ได้แต่โทษเวรกรรม จากคุณ : นท (noje_ch) เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 55 20:30:44

ความคิดเห็นที่ 12 ชีวิตคู่ ความรักอย่างเดียวไม่พอค่ะ หากเห็นว่ามีปัญหารออยู่ ก็ควรคิดใหม่ค่ะ เพราะถ้าแต่งไปแล้ว จะพาลนึกว่ารู้งี้ ไม่แต่งดีกว่า จากคุณ : เอิน เอิ้น (เอิน เอิ้น) เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 55 20:50:03

ความคิดเห็นที่ 13 เกิดอาการหวงลูกชายขึ้นมาทันที ที่รุ้ว่ากำลังจะแต่งงาน เหมือนเรื่องรักคุณเท่าฟ้าเลย จากคุณ : Fairybox เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 55 20:57:55

ความคิดเห็นที่ 14 อีกแนวคิดหนึ่งนะคะ ในเมื่อแฟนคุณยืนยันหนักแน่น ว่าจะแต่งงาน ก็แต่งงานกันไป คุณและแฟน มีงาน มีเงิน ก็แยกครอบครัวมาเลยค่ะ ดูแล พ่อแม่ ตามสมควร ถ้าพ่อแม่จะให้ส่งงวดรถ ก็แบ่งเงินจัดสรรปันส่วนเงินดี ๆ ถ้าไม่แคร์ พ่อ แม่ แฟนมาก  ถ้าแฟนคุณหนักแน่น เข้าใจกัน คุณน่าจะแยกมาอยู่ต่างหากได้นะ จากคุณ : โกโก้เย็นหวานน้อย เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 55 21:03:14

ความคิดเห็นที่ 15 เราอ่านแล้วเหมือนเค้าพยายามบีบให้คุณเลิกกับลูกเค้านะคะ พ่อแม่สามีแบบนี้ อย่าอยู่ด้วยเลยค่ะ เหนื่อยกายไม่เท่าเหนื่อยใจ  เกิดแต่งไปแล้วต้องไปอยู่จริงๆมีหวังได้เหนื่อยใจร้องไห้ทุกวันแน่ค่ะ เห็นๆอยู่ว่าจะเป็นยังไง อย่าเริ่มเลยค่ะ จากคุณ : BigSom เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 55 21:26:14

ความคิดเห็นที่ 16 คุณต้องลำบากใจแน่นอนค่ะ ถ้าไปอยู่ที่บ้านแฟน คุยกับแฟนเถอะค่ะว่าคุณไม่ happy ถ้าจะไปอยู่บ้านแฟนคุณ ถ้าแฟนยังยืนกรานทำที่แม่เค้าบอก  ก็แนะนำว่าเลื่อนงานแต่งก่อน ยอมเสียหน้าเสียเงินไปก่อน ดีกว่าจะมาเสียใจทีหลัง และอาจจะมีโอกาสเสียเค้าไปหลังแต่งค่ะ  ไม่ได้พูดให้คุณยิ่งกลุ้ม แต่เจอมาแล้วค่ะ ขนาดให้แม่แฟนมาอยู่บ้านที่เราซื้อเอง ยังไม่ Happy เลยค่ะ จากคุณ : หนูน้อยจมูกบาน เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 55 22:12:46

ความคิดเห็นที่ 17 แค่เดินทางไปทำงานทุกวัน 4-5 ชั่วโมงก็เกินจะทนแล้ว จากคุณ : คุณจะไหวหรือ เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 55 22:27:19 A:14.207.121.200 X: TicketID:253582

ความคิดเห็นที่ 18 ยื่นคำขาดกับแฟนค่ะ ว่าจะเลือกใคร....ถ้าจะแต่ง ก็ต้องแยกบ้านอยู่ ไม่งั้นก็เลิกกัน ถ้ายอมครอบครัวเค้า คุณต้องกลายเป็นทาสตลอดชีวิตแน่ๆ....ยิ่งถ้าปลอบให้ทนๆไปก่อนนะ ก็ได้ทนไปทั้งชาติแน่ค่ะ ตรงๆไปเลย จากคุณ : สวยเย็น เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 55 22:41:54

ความคิดเห็นที่ 19 คิดดีๆ แฟนคุณมีความเป็นผู้นำมากพอที่จะดูแลคุณและลูกในอนาคตรึเปล่า หรือยังเป็นลูกแหง่ติดพ่อติดแม่จนไม่สามารถแยกตัวออกมาสร้างครอบครัวของตัวเองได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นคุณเหนื่อยแน่ แล้วสักวันหนึ่งคุณก็อาจจะคิดได้ว่า ถ้ามีหรือไม่มีก็ค่าเท่ากัน    แต่ถ้าไม่มีแล้วเหนื่อยน้อยกว่า   ไม่มีจะดีกว่ามั็ย นั่นแหล่ะ  จุดเริ่มต้นของ single mom จากคุณ : via iPhone (Hades - N70) เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 55 23:41:47

ความคิดเห็นที่ 20 ขอตอบ อย่างคนที่ผ่านวาระนั้น มาแล้ว ถ้าย้อนกลับไปได้  จะไม่แต่ง ไม่มีลูก สงสารลูกค่ะ เจออะไรเยอะมาก ตั้งแต่อยู่ในท้อง ตอนนั้นคิดแค่ว่า เดี๋ยวแต่งแล้วคงดีขึ้น ก็ไม่ดี คิดว่ามีลูกแล้วคงดี ก็ยิ่งหนัก เราทุกข์คนเดียว ทนได้ค่ะ แต่ลูก นี่สิ เจ็บแต่จบ   เจ็บคนเดียวดีกว่าค่ะ จากคุณ : MinPin พันทาง เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 55 23:57:35

ความคิดเห็นที่ 21 "ผ่านวาระนั้นมาแล้ว" เช่นเดียวกับ คห. 20 และขอย้ำว่าสิ่งที่ คห. 20 บอกนั้น "จริงทุกประการ" การอยู่ในครอบครัวกงสี โดยที่คุณไม่สมัครใจ แถมพ่อแม่สามีเป็นจอมบงการ ก็ว่าแย่แล้ว แถมแฟนยังก็มีพี่น้องหลายคน อีกหน่อยเป็นครอบครัวขยาย ทั้งเขย สะใภ้ หลาน มาอยู่รวมกันนี่ คนเยอะ เรื่องแยะนะ คุณรักแฟน แล้วคุณรักตัวเองไหม คุณคิดได้อยู่แล้วล่ะ เพียงแต่กล้าที่จะทำอย่างใจคิดมั๊ย ลองไปปรึกษาครอบครัวของตัวเองก่อนดีกว่า ไม่มีใครรักเราจริงเท่าพ่อแม่เราหรอก ชีวิตท่านจะผ่านอะไรมาเยอะ และท่านก็เป็นคนที่รู้จักคุณดีที่สุด น่าจะให้คำแนะนำที่ดีเหมาะสมกับคุณได้ แก้ไขเมื่อ 09 ธ.ค. 55 02:33:30 จากคุณ : Ms_Marshmallow (Ms_Marshmallow) เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 02:32:37

ความคิดเห็นที่ 22 แฟนคุณนิสัยดี เป็นเราๆ ก็เสียดายนะ แต่คุณบอกว่าเขายอมเป็นคนกลางมาตลอดฟังแล้วดูดี...แต่มันไม่ถูกค่ะ จะแต่งงานกันอยู่แล้ว เขาต้องยืนหยัดอยู่ข้างคุณเท่านั้นค่ะ เพราะคุณคือคนที่จะต้องสร้างครอบครัวใหม่ต่อไป ขืนทำตัวเป็นกรรมการห้ามมวย ห้ามทางนู้นที ปลอบทางนี้ที ทำแบบนี้ปัญหาไม่จบหรอก ทางบ้านแฟนร้ายกับคุณมาก ยังไม่เห็นสัญญาณเตือนภัยอีกเหรอคะ คิดดูดีๆ แล้วกันค่ะ คนกลางคือแฟนคุณ แต่จะอยู่ข้างคุณ ทำให้คุณสบายใจ แก้ปัญหาทางบ้านเพื่อแผ้วทางให้คุณได้ไหม ถ้ารักจริงให้ทำยังไงเขาก็ต้องทำ.... ถ้าไม่อยากเสียคุณไป จากคุณ : ##TUKTA## เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 02:35:51

ความคิดเห็นที่ 23 ถ้ารักจริง เเละเเฟนไม่ผิดอะไร ลองหาทางออกกันก่อน คุณบอกไปเลย ว่าหลังเเต่ง คุณต้องการอะไร ต้องซื้อบ้าน เรื่องผ่อนรถ ให้ได้เท่าที่ให้ได้ อย่าเอาเงินทั้งหมดไปลงกับรถ มันมีค่าสึกหรออีกเยอะ ค่าน้ำมันอีกที่ต้องจ่ายทุกวัน ต้องให้เเฟนหนักเเน่นบ้าง เข้าใจนะ ว่านี่เเม่ นั่นว่าที่เมีย เเต่เขาต้องจัดการอะไรให้เด็ดขาดได้เเล้ว ไม่งั้นก็ต้องเสียคุณไป เลือกเองเเล้วกัน จากคุณ : darkheart เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 02:46:34

ความคิดเห็นที่ 24 เราเคยคิดนะว่า เดี่ยวแต่งงานแล้วจะดีขึ้น มีลูกแล้วจะดีขึ้น แยกครอบครัวแล้วจะดีขึ้น สรุปว่า เราคิดไปเองฝ่ายดี ทำได้แค่ทำใจยอมรับ เราเปลี่ยนแปลงใครไม่ได้ เราก็เปลี่ยนตัวเองให้ยอมรับ และทน ขอย้ำว่าทน เพื่อครอบครัวที่มีพ่อ แม่ ลูก อยู่อย่างไม่มีความสุข เพราะต้องรักษาหน้าตาให้กับพ่อแม่ของตัวเอง สังคมที่เราอยู่ แต่คุณยังไม่แต่งงาน อยากให้คิดเยอะๆ คิดให้ยาวๆ คะ ขอให้ผ่านพ้นไปได้นะคะ มีทางออกที่ดี จากคุณ : กมลเพชร เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 06:13:39

ความคิดเห็นที่ 25 เคยผ่านมาแล้วเหมือนกันค่ะ แนะนำให้เลื่อนงานแต่งออกไปก่อน แบบไม่มีกำหนด คุณและแฟนคุณและทุกๆคนที่เกี่ยวข้อง จะได้มีเวลาคิดทบทวนเรื่องทั้งหมด วันแต่งงานควรเป็นวันที่ชื่นบานกันทุกฝ่าย ถ้ามีใครไม่เห็นด้วยโดยเฉพาะพ่อแม่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะยิ้มได้ยังไงค่ะ เราเคยเลื่อนมาแล้ว ทิ้งเงินมัดจำทั้งหมด จองการ์ดแต่งงาน จองถ่ายพรีเวดดิ้ง และอีกมากมาย แล้วเวลาจะช่วยให้คุณรู้คำตอบ ว่าคุณ2คนรักกันมากแค่ไหน หรือจะเดินจากไปแบบมีความสุขดี ขอให้คุณโชคดีเจอทางออกที่ดีที่สุดค่ะ จากคุณ : yhok_mygirl เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 09:53:54

ความคิดเห็นที่ 26 ต้องใจแข็งขอแยกบ้านค่ะ ไม่งั้นก็คงต้องเลิกค่ะ ขนาดตัวเราเองแม่สามีก็รักแต่บางทีก็มีเรื่องที่ไม่ถูกใจเขา หรือมีปัญหากันเรื่องอื่นเรายังอึดอัดใจ ดีแต่แยกกันอยู่ปีหนึงเจอกันแค่  2 ครั้งแต่ส่วนใหญ่สามีเข้าข้างเรา ถ้าเรามีปัญหากับสามีแม่กับพ่อสามีก็เข้าข้างเรา แต่เราไม่เคยเอาเรื่องที่เรามีปัญหากับสามีเล่าให้พ่อแม่เราฟังจะเล่าแต่ทางพ่อแม่สามี  ส่วนของน้องสามีแต่งแล้ว เห็นแล้วก็ลำบากใจด้วยเค้าเป็นคนคนล่ะภาค เรื่องความเชื่อต่างกันมาก ก็มีปัญหา ยิ่งเพิ่งมีลูกอ่อน อยู่คนล่ะบ้านแต่ไม่ไกลไปหาอาทิตย์ล่ะหน 2 หน มีปัญหากันตลอดเราฟังแล้วยังเหนื่อยใจ แต่ถ้าคุณต้องอยู่บ้านเดียวกันนึกสภาพไม่ออกเลยค่ะ  แล้วสามีก็คงไม่สามารถเข้าข้างคุณได้ทุกครั้งหรอกค่ะ จากคุณ : Peony เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 11:57:58

ความคิดเห็นที่ 27 เห็นด้วยว่า ต้องใจแข็ง แยกบ้าน ทั้งคุณทั้งแฟน ต้องอยู่ห่าง ๆ แบบห่วง ๆ แฟนคุณอาจต้องยอม ให้ที่บ้านเค้าตราหน้าว่าอกตัญญู (ตรงไหน) แต่มันจะรักษาครอบครัวที่กำลังเริ่มสร้างนี้ไว้ได้ ไม่รู้สินะ เราค่อนข้าง aggressive ชีวิตเป็นของเรา ถ้าเรายอมให้คนอื่นบงการ เราก็ต้องยอมอยู่อย่างนั้น อีกอย่างชีวิตมันสั้น ถ้ารู้ว่าแต่งไปอนาคตเป็นปากเหว แล้วจะกระโดดบันจี้จัมพ์ลงไปอีกก็อ่ะนะ ต้องมั่นใจในตัวเอง แล้วจัดการชีวิตให้ดี การที่คุณสองคนไม่ยอมให้ครอบครัวมาวุ่นวาย ไม่ได้หมายความว่า ลืมบุญคุณ เรานะเกลียดคำพวกนี้จริง ๆ คนบางคนเอาคำพวกนี้มาใส่หัวจนตัวทุกข์ ทั้งที่ ๆ คำว่าบุญคุณ หรือกตัญญูนี่ มันต้องใช้ควบคู่ กับสติ และปัญญาด้วยสิ จากคุณ : rain&ant เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 15:49:26

ความคิดเห็นที่ 28 เป็นกำลังใจให้คุณ จขทก นะคะ  ความเห็นส่วนตัวในฐานะคนที่แต่งงานแล้ว ขอบอกว่าถ้าอนาคตแม่สามีเป็นแบบที่คุณว่าไว้ คุณจะอึดอัดมาก จนวันๆนึงคุณจะรักตัวเองจนไม่ทนกับความอึดอัดนั้นต่อไปค่ะ รักตัวเองเยอะนะคะ อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน ถ้าผู้ชายปกป้องเราไม่ได้ ตัวเราเองจะลำบากใจที่สุดค่ะ ยอมเสียหน้าเลื่อนงานแต่งออกไปดีกว่า เราเองเคยเลื่อนงานแต่งไปเพราะจับได้ว่าผู้ชายคนที่กำลังจะแต่งงานเค้ามีแอบกิ๊กไว้ คิดถูกที่เลื่อน (ยกเลิกก่อนหน้าวันแต่ง2อาทิย์ เชิญแขกระดับรัฐมนตรีทั้งน๊าน) สรุปเราก็ไม่ได้แต่งกับคนๆนั้น แล้วอีก4ปีต่อมาก็ได้เจอกับสามี ณ ปัจจุบัน ซึ่งเป็นสามีที่ดีมากๆ เราโชคดีเหมือนถูกล็อตเตอรรี่เลยค่ะ โชคดีนะคะ จากคุณ : Inkking เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 18:27:38

ความคิดเห็นที่ 29 เจอแบบนี้ แยกบ้านเลยค่ะ ไม่งั้นคงทนไม่ไหว เกลียดหน้ากัน แถมสามีจะโดนแม่เป่าหูไรบ้างมากมายอีก   ขนาดไม่แต่ง ทำไมชีวิตวุ่นวายขนาดนี้ค่ะ   อะไรที่เลื่อนได้ก็เลื่อนไปก่อนค่ะ  มาพิจารณาเหตุและผล รวมถึงความสัมพันธ์ต่อไปยาวๆค่ะ  ต่อไปมีลูก  เป็นหลานเขาอีก เขาจะยอมให้แยกออกมาเหรอคะ ถ้าเป็ฯหลานชาย เขาจะเอาไปอยู่ด้วยไหมคะ   ตรกูลที่ใช้เงินกงสี  ถ้าพ่อสามีจัดการดูแลไม่ดีแล้ว  วุ่นวายมากถึงมากที่สุด   คนทำงานหนักก็ทำไป  คนสบายนอนกลางวันก็นอนไป  สิ้นปีโบนัสเท่ากันหมด   ถามเพื่อนเราสิคะ  ถ้าไม่นับนิสัยแม่สามีแย่ๆ  เรื่องกงสีเป็นเรื่องที่น่าเจ็บใจที่สุดในชีวิตเลย จากคุณ : Mnki เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 21:32:25

ความคิดเห็นที่ 30 อย่าเพิ่งแต่งงาน ทางพ่อแม่แฟนบีบบังคับทุกอย่างแบบนี้ ไม่ต้องแต่งงานแล้ว.. ยังไม่แต่งงานก็มีความทุกข์เยอะพอแล้ว... พ่อแม่แฟน เห็นแก้ตัว ไม่ชอบจขกท. เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงคิดหาทางแกล้ง คนที่รักชอบถูกชะตาด้วย จะไม่ทำกับคุณแบบนี้ อยู่คนเดียว อิสระ หาความสุขใส่ตัวไปเรื่อยๆ และมองหาคนใหม่ได้แล้วค่ะ หรือก็ต้องแยกออกมาอยู่กันสองคนไกลๆออกไปเลย แต่ทำยากกกกก... ถ้าแฟนเป็นคนหัวอ่อน และยอมพ่อแม่ทกุอย่าง ต่อไปจะมีเรื่องทะเลาะกับคุณมาขึ้นๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : JidNince เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 55 01:22:51

ความคิดเห็นที่ 31 รอดูก่อนดีกว่าค่ะ ว่่าถ้าคุณลองพูดถึงความอึดอัดใจกับแฟน แล้วแฟนมีท่าทียังไง อย่างเราเอง เพิ่งไปจองบ้านมากับแฟน พอแม่แฟนรู้ เกิดอยากจะไปอยู่บ้าง(ทุกวันนี้แกอยู่บ้านเช่า) แกบอกให้แฟนเราซื้อให้แกอีกหลังแต่เป็นชื่อน้องสาว แต่ย้ำว่าเงินเรากับแฟนผ่อน เค้าคงเห็นเรากับแฟนโง่มั้ง เราบอกไม่เอา ถ้าจะซื้อแม่ก็รอให้ตัวเองพร้อมเรื่องเงินก่อนละกัน อย่ามาเดือดร้อนเราเลยขอร้อง ถามว่าเราเองผ่อนบ้านสองหลังได้มั้ย ตอบเลยว่าได้ แต่ถ้าผ่อนให้พวกคุณมาอยู่กันบ้านเราก็โทรมพอดี ขนาดบ้านเช่าที่คุณอยู่ กินอะไรกันในห้องนอนเสร็จก็โยนขยะทิ้งหน้าต่างลงมาจากชั้นสอง รอบบ้านเต็มไปด้วยคอตตอนบัต มักง่ายจริง แถมถ้าซื้อคงไม่พ้นว่าบ้านต้องติดกันเพราะข้างบ้านที่เราจองยังว่างอยู่ เราบอกแฟนว่าไม่เอาเลย เราน่ะอะไรก็ได้ แต่อย่ามาอยู่ใกล้เราระยะใกล้ขั้นนี้ วันหน้าปัญหาจะตามมาอีกเยอะ แฟนเราตอนนั้นสองจิตสองใจ อยากจะผ่อนอีกหลังให้แม่เหลือเกิน แต่จะเอาเป็นชื่อแฟนเราเอง จากนั้นมาไม่ถึงสองอาทิตย์ แม่แฟนมากดดันแฟนสารพัด ขอเงินค่าที่เรากับแฟนทำงานมั่งหล่ะ ขอไปจ่ายค่าแชร์มั่งหล่ะ ค่าสารพัดจิปาถะ นั่งนอนกิน งานการไม่ทำ ทั้งที่ยังไม่แก่เลย แฟนเราอยู่ๆก็พูดกับเราเองว่า " เค้าว่าเรื่องบ้านเอาตามที่ตัวเองว่าแหล่ะ แยกกันอยู่ ซื้อหลังเดียวพอละ ไม่อยากปวดหัว"  เราเลยฟินนาเล่ ช่วงที่แฟนเราหลุดปากเรื่องจะซื้อ ไปมาเลยพาแม่แฟนไปดูบ้านด้วย พอแกเห็นแกรีบพูดเลยว่า ซื้อแล้วช่วยกันผ่อนสิ เรา แฟน น้องแฟน แล้วก็ยกขโยงกันมาอยู่ที่นี่กันซะเลยทั้งครอบครัว ( ขอบอกว่า 7 คน ยังไม่รวมเราเลยนะคะ เยอะซะ กับสองห้องนอน จะอัดกันเข้าไปได้ยังไง) ฮั่นแน่ ถ้าตามเกมส์เจ๊ สุดท้ายบ้านหลังนี้ก็ตกเป็นมรดกบ้านเจ๊สิคะ แล้วเงินที่เราผ่อนไปหล่ะ คงไม่ถูกกล่าวถึงอีกเลยชัวร์ แก้ไขเมื่อ 10 ธ.ค. 55 14:41:36 จากคุณ : ตะเกียงแอลกอฮอลล์ เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 55 14:36:03

ความคิดเห็นที่ 32 ถ้าแฟนคุณดีและคุณคิดว่าคุ้มค่าพอสำหรับเรื่องปวดหัวกวนใจ คุณก็แต่งกับเค้าเถอะค่ะ อย่างเราเราคิดว่าสามีเราเค้าคุ้มค่า เรายึดสองเรื่องคือเค้าเป็นคนดี อยู่เคียงข้างเรา เรื่องเงินต้องพึ่งตัวเองได้ ไม่รบกวนครอบครัว เรื่องจิปาถะอื่นไม่เก็บมาคิด เสียใจอะไรก็ไม่ทำให้ยืดเยื้อ ยังไงเสียเป็นครอบครัวเดี่ยวอยู่กันเองสองคน สุขสบายใจมากกว่าอยู่แล้ว แต่ถ้ามันทำให้แฟนเรามีปัญหากับครอบครัวเราก็สละความสุขตรงนั้นไป คิดเสียว่าถ้ามีกันจะอยู่ที่ไหนก็ได้ คุณจะเจอปัญหาอีกเยอะ จะทะเลาะกัน ความส่วนตัวจะน้อย แต่ถ้าพวกคุณรักกัน เข้าใจกัน มันก็อยู่ได้ ข้อสำคัญคือต้องไม่คิดปรุงแต่งมาก ปัญหามันจะใหญ่ขึ้น เพราะคุณจะเจอปัญหาเยอะอยู่แล้ว มันยากที่คุณจะอยู่ให้มีความสุข แต่ไม่ใช่จะสุขไม่ได้ ที่เราพูด เราเป็นมาจะสิบปีแล้ว สละหลายอย่างนับไม่ถ้วน พบกับสิ่งที่รู้สึกว่าน่าเกลียด ไม่ยุติธรรม เอาเปรียบ คือเค้าอาจไม่ได้คิดถึงความรู้สึกของสะใภ้อย่างเราเท่าไหร่ แต่กับสามีเรารักกันดี การงานการเงินมั่นคงดี มีคติว่าเค้าทำเพื่อเรา ส่วนเราทำหน้าที่ต่อครอบครัวเค้าแทนเค้า วันนี้เค้าก็ได้ชื่อว่าพ่อแม่พึ่งพาได้ เรื่องยอมครอบครัวสามีก็ใช้สติคิดเอา เรื่องจุกจิกอย่าไปสน แต่เรื่องสำคัญๆก็ต้องคุยกัน เคล็ดลับคือความรัก ความเมตตา เค้าคือพ่อแม่แฟนคุณ แต่คุณก็ต้องมีสมาธิอยู่ที่สามี ลูก เป้าหมายชีวิต ต้องไม่ทำให้เป้าหมายชีวิตคุณสะเทือน คุณคิดดีๆ ค่อยๆดู เรื่องใหญ่ เรื่องยาก ดูว่าตัวเองสู้ไหวไหม ถ้าไม่ไหว แต่รักกัน ก็แยกออกไป ยอมมีปัญหากับครอบครัว ก็จะเกิดเรื่องกวนใจอีกแบบหนึ่ง ถ้าไม่ไหว ไม่รัก ไม่เอาแล้วคนนี้ คิดดูว่าจะหนีเสือปะจรเข้ไหม และแฟนคุณผิดอะไร ป.ล. อย่างเรื่องแต่งงาน เราก็ถูกแทรกแซง แต่เราก็คิดว่าช่างมัน คุณไม่เปลี่ยนตัวสามีฉันก็พอ จากคุณ : มะเลม่อน เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 55 21:56:21

ความคิดเห็นที่ 33 ยากจัง ถ้าเป็นเรา เราจะบอกแฟน เราเคยอยู่บ้านเรา เรายังคิดถึงใจ แฟนว่าลำบากใจ เค้าก็น่าจะคิดถึงใจเราว่าลำบากกาย ลำบากใจแค่ไหน แล้ว แม่ทำแบบนี้ เพื่อ ...... ....กำหนดให้เรา อยู่ในกรอบ หรือ บอกให้รู้ ว่า ไม่ต้องเข้ามาถ้าอยู่ไม่ได้..... พ่อแม่เราเลี้ยงมา  เราเองก็ทำงานดูแลตัวเองได้ ไม่ใช่ปีกกล้าขาแข็งแล้ว จะเอาตัวรอดคนเดียวนะคะ เงินเข้ากงสี เพื่อ.......... ภาระ ที่ยังมี ธุรกิจที่บ้าน  พี่ น้อง หลาน ฯลฯ กลัวรักเราเอาเงินมาให้เรา เก็บหมด หรือ เอาชนะ จากคุณ : ดอกฝิ่นสีชมพู เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 55 06:44:18