ความคิดเห็นที่ 1 เค้าคงมีทรัพย์สมบัติ พอที่จะมีเงินประทังชีวิตค่ะ ถ้าไม่งั้น เค้าก็คงจะทำงานช่วยกัน บางครอบครัว ภรรยา ไม่ทำงาน เพราะต้องทำงานบ้าน และดูแลลูกๆ เอง ไม่มีปัญญาไปจ้างคนอื่นมาทำแทน หรือไม่ ก็ไม่ไว้ใจใคร . . ถามว่า ถ้าสามีตาย จะทำยังไง ตายเมื่อไหร่ ค่อยว่ากัน ณ วันนี้ ยังไม่ตายค่ะ ชีวิตคนเราปัจจุบัน อยู่เพื่อวันนี้ ไม่ใช่พรุ่งนี้ ส่วนใหญ่สามี หรือภรรยา จะต้องทำประกันชีวิตให้กันและกันอยู่แล้ว อย่าไปอิจฉา หรือเหน็บแนม คนอื่นเลยค่ะ เพราะคนเรา สภาพคล่อง และฐานะไม่เหมือนกัน เราเข้าใจว่า คุณน่ะ ไม่ใช่แค่กระแนะ กระแหน แต่อยากจะอวด ว่าตัวเอง เก่ง ไม่ง้อเงินสามี สามีตาย ก็มีปัญญาอยู่ได้ คุณนี่ คงยังไม่รู้จัก คำว่า "โลก" พอนะ ชีวิตคนเรา ไม่ใช่ทำแต่งานงกๆ หรือนึกถึง แต่เรื่องเงินเท่านั้น แก้ไขเมื่อ 16 ธ.ค. 55 22:39:55 จากคุณ : เจ้าแม่แฟชั่น เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 01:00:38

ความคิดเห็นที่ 2 เงินเดือนหลายหมื่น กว่าสามีเขาจะตายก็เก็บได้เยอะแล้วแหล่ะ ถ้าทำประกันชีวิตอีก ก็นอนตีพุงเลย แล้วไปแช่งสามีเขาทำไมกัน เราสองคนเนี่ย จากคุณ : แม่น้องนลิน เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 01:02:46

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้าภรรยาเขาทำงาน หกสิบเขาก็ต้องเกษียนอยู่ดี แล้วชีวิตต่อจากนั้นล่ะ คนวางแผนการเงินดีๆ อายุไม่เท่าไหร่ก็เกษียนได้แล้วล่ะค่ะ อย่างลูกพี่ลูกน้องเรา ทำหอพักนี่แหละ เหมือนจะได้เงินไม่เยอะใช่ไหม แต่เขาไปเปิดหน้ามหาวิทยาลัย ตอนนี้มีเป็นสิบกว่าหอแล้ว อายุสามสิบกว่าๆ ไม่ต้องทำงานแล้วค่ะ ทุกเดือนเงินเข้าสองสามแสน ไม่ต้องทำงานแล้ว ออกมาเป็นพ่อบ้านทำงานบ้านแทนเมีย เมียเป็นหมอฟัน เปิดคลีนิคขำๆ อีกอย่าง นั่นชีวิตเขาค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงชีวิตคนอื่นหรอก เขาอยู่ได้แหละ คนเราเลือกทางเดินไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ใครพอใจทางไหนก็ไปทางนั้น เคยได้ยินมาว่า คนเราจะเป็นคนไร้ค่า หากไม่ได้ทำงาน แต่เราคิดว่า หากทำแต่งาน โดยไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องอื่นในชีวิตเลย รู้สึกตัวอีกที มีคนชื่นชมผลงานแน่ค่ะ แต่ชีวิตเดียวดายแน่นอน จากคุณ : darkheart เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 01:21:45

ความคิดเห็นที่ 4 เรากลับอยากทำงานมากกว่าอยู่บ้านเฉยๆนะคะ ขนาดยังไม่มีลูกให้ต้องดูแล เรายังทั้งเหนื่อยทั้งเบื่อเลย ฮ่าๆ แต่อาจารย์หลายๆคนที่เรารู้จัก ก็มักจะทำงานวิจัย เป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัท บางท่านก็เป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจ รายได้ไม่ใช่หลักหมื่นแน่ๆค่ะ เลี้ยงดูครอบครัวสบายๆ มีเงินเก็บเยอะมากด้วย จากคุณ : Aislin เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 01:21:56

ความคิดเห็นที่ 5 ภรรยาอาจเทรดหุ้นอยู่บ้านก็ได้นะ (หรือ อาจเป็นเจ้าของตึกให้เช่า1-2แห่ง) เราไงเดินไปเดินมา ให้เงินทำงานหาเลี้ยง ... สบายจริงๆค่ะ แต่ต้องไม่บอกใครนะ เพราะถ้าที่บ้านเห็นว่าเรามีเวลา...ก็จะมาขอให้ทำธุระแทนคนละนิดคนละหน่อย จนตอนนี้ไม่มีเวลาเป็นของตัวเองแล้วเนี่ย สามีตายเราก็รับมรดก เราตายสามีก็รับมรดก จากคุณ : เสาไฟมุมถนน เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 01:26:27

ความคิดเห็นที่ 6 ไม่ดีหรอกค่ะ น่าเบื่อจะตาย ณ ตอนนี้คุณสามีให้เราออกจากงานมาช่วยเลี้ยงลูกกับย่า เขาว่าเขาหาเลี้ยงได้ทั้งบ้าน เราไม่เบื่อเลี้ยงลูกหรอก แต่เราเบื่อที่จะอยู่บ้าน คนเคยทำงานนะค่ะ เราก็สรรหางานที่เอามาทำที่บ้านอยู่ จากคุณ : ยัยตาตีบ เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 01:43:22

ความคิดเห็นที่ 7 อย่าเหน็บแนมหรืออิจฉาเลยนะคะ คุณรู้ได้ยังไงว่าเป็นแม่บ้านสบาย การดูแลคนทั้งบ้านเป็นงานที่โหดที่สุด ยากที่สุดในโลก ก่อนเราออกจากงานมาเป็นแม่บ้าน เราใฝ่ฝันมาตลอดว่าจะไม่ต้องทำงาน แต่เอาเข้าจริงๆ อยากกลับไปทำงานมาก มันเหนื่อย และเหงานะคะ มีเวลามากก็คิดมาก ต้องหาอะไรทำ อยากกลับไปทำงานก็ไม่ได้แล้ว สามีไม่ยอม จากคุณ : mini_milk เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 02:08:58

ความคิดเห็นที่ 8 แม่บ้านี่หรือสบาย แต่ก่อนตอนทำงานก็คิดนะแม่บ้านสบายจัง ตอนนี้เปลี่ยนเลยทำงานสบายกว่า แม่บ้านตื่นเช้าซักผ้าหุงข้าวทำกับข้าว (สามมื้อ) อาบน้ำลูก กล่อมนอน หมดวันละยังไมีได้กินเค้กสวยๆ ทำผมทำเล็บเดินพารากอนแบบตอนทำงานเลย และที่สำคัญต้องทำ24*7 เว้นไปนอกบ้านเท่านั้น สบายปะล่ะ จากคุณ : ipodine เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 02:20:50

ความคิดเห็นที่ 9 เราว่าเป็นแม่บ้านไม่สบายนะคะ แล้วบางทีก็โดนเหน็บด้วยว่าอยู่บ้านเลีย้งลูกเฉย ๆ จะไปเหนื่อยอะไร ถ้าทำจริง ๆ มันเหนื่อยมากเลยนะ จากคุณ : Bingster เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 02:50:11

ความคิดเห็นที่ 10 ดีสิ...สบายออก ไม่ต้องออกไปทำงานก็มีเงินใช้ คุณคิดอย่างนั้นจริงๆเหรอ ... มาลองเป็นแม่บ้านดูสักวันไหม งานแม่บ้านไม่ใช่งานที่อยู่บ้านนอนดูทีวีนะคะ ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่า "แม่"บ้าน = แม่ของบ้าน คือดูแลทุกอย่างตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบ ยิ่งมีลูกอ่อนด้วยหล่ะก็...เหอะ เหอะ สนุกค่ะ ... มาลองทำงานนี้ดูสักวันแล้วจะรู้ว่ามันสบายอย่างที่คิดไหม จากคุณ : ชะเอมน้อยกลอยใจ เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 03:41:11

ความคิดเห็นที่ 11 ถ้ามันสบาย คนเขาจะจ้างพี่เลี้ยงเด็ก หรือแม่บ้านเดือนเป็นหมื่นกันทำไมคะ  แล้วหากแม่บ้านที่ต้องทำสองอย่างคู่กัน ไม่สบายเลยนะคะ อีกอย่าง เขาอาจจะตกลงกันระหว่างสามี ภรรยา ยิ่งสามีทำงานมาก เหนื่อย ไม่ค่อยมีเวลาส่วนตัว เขาอาจจะอยากกลับบ้านมาเจอภรรยารออยู่ อย่างน้อยได้มีเวลาตรงกัน หากภรรยาก็ทำงานนอกบ้านด้วย โอกาสเจอกันคงน้อยมาก เขาคงมีมุมมองเรื่องครอบครัวต่างจากเรา ทุกคนมีวิถีชีวิตของตัวเองทั้งนั้น และส่วนมากก็ยากจะอธิบายให้คนนอกเข้าใจ ทำไมไม่ลองคิดเล่นๆ มองในแง่ภรรยาที่เสียสละจากสังคมภายนอก จากการได้แต่งตัวสวยๆ ได้มีคนชมเรื่องการทำงาน ไม่ได้โก้หรูคนยกย่อง  แต่ต้องมาเป็นแม่บ้านบ้างล่ะคะ? จากคุณ : KOok_k เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 04:08:25

ความคิดเห็นที่ 12 เราก็เป็นคนนึงนะตะที่ลาออกจากงานมาเป็นแม่บ้าน แต่นั่นหลังจากที่เราทำงานมาร่วม 20 ปีแล้วค่ะ มีเงินเก็บอยู่เป็นเลข 7 หลัก มีประกันชีวิต ส่งประกันสังคมต่อไม่ให้ขาด ที่บ้านมีกิจการส่วนตัวให้ดูแลต่อ ทุกอย่างโอเคหมดแล้วเราก็เกษียณตัวเองเมื่ออายุเกือบสี่สิบนี่แหละค่ะ ออกมาดูแลลูกสาวที่กำลังย่างเข้าวัยรุ่น จขกท อย่าไปคิดแทนคนอื่นเลยค่ะ ต่างคนต่างก็มีชีวิตของตัวเอง จากคุณ : แม่หนูหมี่ เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 05:17:38

ความคิดเห็นที่ 13 ดิฉันเป็นแม่บ้าน เลี้ยงลูกอยู่กับบ้าน ขอบอกว่าเหนื่อยกว่าออกไปทำงานนอกบ้านอีก ทั้งสามีทั้งลูก หาอะไรไม่เจอก็เรียก หาเสื้อผ้าไม่เจอก็เรียก ไหนจะดูแลบ้าน ทำงานเอกสารในครอบครัว เป็นตั้งแต่ธุรการ พี่เลี้ยงเด็กในบ้าน จนไปถึงแม่ครัว ภารโรงในบ้าน แต่มีความสุขมากค่ะ เหนื่อยการแต่สุขใจกว่าออกไปทำงานนอกบ้าน สามีก็เห็นด้วย เค้าบอกว่า ถ้าหลังบ้านไม่ดี หน้าบ้านจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานได้ยังไง จากคุณ : DutchEngel เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 05:18:53

ความคิดเห็นที่ 14 ไม่ดีหรอก. ไม่มีอิสระในการช๊อป. ผู้ชายมักจะพูดว่า. ผมเป็นคนหาเงินนะ. ก็ใช่สิยะ ถ้าเธอไม่เอาชั้นมาเธอคงไม่ต้องลำบากใครมาใช้เงินเธอ ถ้าไม่ได้อยู่ด้วยกัน ชั้นก็ทำงานมีเงินใช้เอง. ทำไมไม่ลองคิดบ้าง มาอ้างว่าทำงานนอกบ้าน เหนื่อย. งานคุณยังมีวันหยุด เลิกงานปุ๊บกลับบ้าน มีข้าวกิน แต่งานชั้นไม่เคยมีวันหยุด ยิ่งมีลูก ตื่นนอน เมื่อตอนลูกตื่น แถมลูกหลับแล้วยังต้องทำงานบ้าน  กว่าจะได้นอน 3-4ทุ่ม ซึ่งคุณสามี นั่งดูทีวีตั้งกะกินเสร็จแล้ว. จากคุณ : jtsunod7 เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 05:22:11

ความคิดเห็นที่ 15 ถ้าสามีมีความรับผิดชอบดี  ไม่ทิ้งขว้าง   มีคุณธรรม การเป็นแม่บ้านเฉยๆ ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรค่ะ แถมเป็นไปตามระบอบที่พึงควรทำด้วยซ้ำ แม่เราก็เป็นแม่บ้านอย่างเดียว   อยู่บ้าน  ทำงานบ้าน  ทำกับข้าว  ดูแลลูก ถึงเวลาพ่อก็ให้เงินเดือนใช้ทุกเดือน    แม่จะไปช้อป   ไปทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นไม่เดือดร้อน    เงินไม่พอก็บอกพ่ออ้อนนิดหน่อยพ่อก็ให้มาแล้ว ที่สมัยนี้มีปัญหาเกี่ยวกับภรรยาที่กลายเป็นแม่บ้านเต็มตัวเพราะผู้ชายสมัยนี้ขาดความรับผิดชอบ     ขาดคุณธรรมที่ดีของความเป็นสามีและพ่อ   ทำให้ผู้หญิงต้องพึ่งตัวเองมากขึ้น ดังนั้นถ้าแต่งงานแล้วได้สามีดีนี่ถือว่าคู่พรหมลิขิตสวรรค์สร้างเลยค่ะ ถ้าได้สามีห่วย   ถือเป็นเวรกรรมแต่งชาติปางก่อนกันเลยทีเดียว จากคุณ : blacksatinrose เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 05:54:16

ความคิดเห็นที่ 16 พี่สาวเราเป็นแม่บ้านให้สามี(รายได้ดี)เลี้ยง  มีลูก 1 คน เค้าบอกเราเลยว่าห้ามลาออกจากงาน  เพราะเค้าเบื่อมาก  ถึงจะได้เก็บเงินทั้งหมด แต่เวลาจะใช้จ่ายรู้สึกเกรงใจสามีมาก   เราเองก็ไม่ได้ลาออกจากงาน  กลัวเบื่อเหมือนพี่สาว เนื่องจากเรา 2 คนพี่น้อง  แต่งงานแล้วย้ายไปอยู่ที่อื่น  ที่ไม่ค่อยมีคนคุ้นเคยน่ะค่ะ เพื่อนฝูงที่สนิทๆก็อยู่ไกลกันหมด และถ้าได้สามีไม่มีคุณธรรมละก็  อนาคตไม่แน่นอนเลยจริงๆ จากคุณ : พิกุลเหล็ก เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 06:35:58

ความคิดเห็นที่ 17 เป็นเเม่บ้านให้สามีเลี้ยงดีอย่างไร 1.ถ้ามีลูกก็ดูเเลลูกได้อย่างเต็มที่ 2.มีเวลาส่วนตัวเมื่อลูกไปโรงเรียน สามีไปทำงาน 3.ไม่เห็นทำงาน เขาอาจจะนั่งเล่นหุ้น นั่งเทรดทางอินเตอร์เน็ตก็ได้นะ ถ้าสามีตาย ประกัน เงินเลี้ยงชีพตอนเเก่ก็น่าจะพอช่วยให้มีชีวิตรอดไปได้บ้าง เเละอาจจะหางานเล็กๆน้อยๆทำ เพื่อไม่ให้เงินเก็บหร่อยหรอไปมากนัก จากคุณ : Hana* เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 06:43:25

ความคิดเห็นที่ 18 แล้วแต่คนนะคะ เราถ้าเลือกได้ มีเงินเหลือใช้ อยากได้อะไรสามีจัดให้ทุกอย่าง เราก็อยากเป็นแม่บ้านอยู่บ้านมากกว่า เพราะเราไม่ชอบผู้คน ฮ่าๆ ไม่ชอบออกจากบ้าน เราอยู่คนเดียวได้ ไม่เบื่อ ทำนู่นนี่เรื่อยเปื่อย ถ้าออกจากงานตอนนี้ จะซื้ออะไรก็ค่อนข้างเกรงใจสามี เพราะเราเป็นคนฟุ่มเฟือยชอบซื้อของไร้สาระ แต่วันไหนถูกหวยแจคพอทรางวัลที่ 1 ขึ้นมา นี่ลาออกจากงานมาอยู่บ้านเฉยๆแน่นอนค่ะ จากคุณ : เขียนบน iPhone (Chocolate Junkie) เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 06:48:33

ความคิดเห็นที่ 19 ขอแชร์บ้างนะคะ เราเป็นแม่บ้านค่ะ นิยามของแม่บ้านหลังนี้ คือ project director หรือบ้างเดือนก็เป็น CEO  :):) ดูแลบริหารจัดการทุกอย่าง.ดูแลคนในครอบครัว รวมทั้งแม่บ้านทำความสะอาดและพี่เลี้ยงลูก ดูแลการเงินทั้งหมด สามีทำงานได้ให้เราจัดการหมด ก็ต้องจัดสรรให้ดี ให้มีคุณภาพชีวิตในปัจจุบันที่ดี ไปถึงอนาคต ถามว่าดีมั้ย...ดีค่ะ.สบายดี เหนื่อยเหมือนทำงานนอกบ้านหล่ะคะ แต่กำไรมันเป็นของเราค่ะ ถามว่าแก่ไปหรือสามีตายทำอย่างไร...เราก็เหมือนคนทำงานทุกคนหล่ะคะ มีการวางแผน ชีวิตหลังเกษียณ ชีวิตที่ไม่มีคู่คิด อนาคตของลูก จัดการไว้หมดแล้ว ตามแต่ความเหมาะสมและศักยภาพของแต่ครอบครัวไป เราว่าไม่ว่าจะเป็นแม่บ้านสามีเลี้ยง หรือเลี้ยงตัวเอง ก็ดีเหมือนกันทั้งนั้นหล่ะคะ ถ้าเราเห็นคุณค่าในตัวเรา คนอื่นก็จะเห็นเหมือนกัน..... อีกนิดนะคะ เรื่องสามีลำเลิกบุญคุณว่า ชั้นทำงานหาเงินนะยะ บ้านนี้ไม่มีค่ะ เค้าตระหนักอยู่ทุกวันค่ะ ว่าเราเสียสละสิ่งที่เรารัก มาทำงานดูแลครอบครัว...และให้สามีรู้อยู่เสมอว่าชั้นก็ไม่ตายนะ ถ้าไม่มีเธอ อันนี้เป็นเทคนิคของแต่ละครอบครัว โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านค่ะ จากคุณ : twas เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 07:43:55

ความคิดเห็นที่ 20 เป็นแม่บ้านสี่ปีตั้งแต่แต่งงานท้องจนมีลูกได้สองขวบ สามีให้เงินเดือนบัตรเครดิตไว้ใช้จ่ายหักค่าจ้างพี่เลี้ยงแม่บ้านก็พอเหลือเก็บบ้างนิดหน่อย ยอมรับว่าเบื่อเพราะไม่ค่อยมีสังคม อยู่บ้านไม่ค่อยไปไหน และเบื่อคนชอบถามหรือค่อนขอดไม่แน่ใจว่าไม่ทำงานเหรอ ไม่เบื่อเหรอ ฯลฯ ลูกเข้ารร.เวลาว่างพอมีก็เลยหาไรทำไป พอจะซื้ออะไร(ของฟุ่มเฟือย)ให้ตัวเองบ้างไรบ้าง เอาแค่พอไม่เบื่อ ทำไปทำมากลายเป็นงานหลักไปเลย แต่ก็ยังมีเวลารับส่งลูก จะบอกว่าเป็นแม่บ้านก็ทำงานได้นะ ไม่จำเป็นต้องเป็นงานประจำหรอกค่ะ เผลอๆรายได้ดีกว่างานออฟฟิศอีกนะ จากคุณ : My Sea Lion เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 08:10:48

ความคิดเห็นที่ 21 เราก็เป็นแม่บ้าน อยู่บ้านเฉยๆ ยังทำงาน ยังขับรถไม่ได้ เพราะเพิ่งย้ายมาอยู่ต่างประเทศ อากาศหนาวมาก ออกไปข้างนอกก็หนาว สามีเลี้ยงดูอย่างดี แต่เราก็เบื่อมากๆๆๆๆๆๆ เราอยากออกไปทำงาน อยากไปเจอผู้คน อยากมีสังคม คิดถึงเมืองไทยจัง T_T จากคุณ : JJ (bemyselfjoy) เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 08:12:02

ความคิดเห็นที่ 22 อยากให้สามีหาเลี้ยงจัง จะได้ประเคนเวลาทั้งหมด สร้างความสุขให้เจ้าตัวเล็กและสามี..^^ จากคุณ : ลมพัดใบไม้ เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 08:53:57

ความคิดเห็นที่ 23 ขอคิดต่างนะคะ ถ้าคิดจะมีลูกแล้ว ถ้าพอมีกำลังทรัพย์ หน้าที่ที่สำคัญที่สุดในชีวิตคือ การเป็นแม่ค่ะ อยู่กับลูก ให้ความมั่นคงทางจิตใจ ปกป้องดูแล ทำอาหารดี ๆ มีประโยชน์ ส่งลูก รับลูกที่โรงเรียน ให้เค้ามั่นคงทางจิตใจ เฝ้ามองเค้าเติบโต พร้อมจะเป็นผู้ใหญ่ที่ดี เข้มแข็ง ในวันข้างหน้า คุ้มค่าที่สุดแล้วสำหรับเราค่ะ จากคุณ : แม่เกียร์ (sakkaphop) เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 09:34:34

ความคิดเห็นที่ 24 เป็นแม่บ้านให้สามีเลี้ยงดีอย่างไร หนึ่ง ทำให้สามารถดูแลตัวเอง ลูก และสามีได้อย่างดี ถึงดีเยี่ยม เพราะไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังเหมือนตอนทำงานนอกบ้าน อาหารการกินก็ไม่ต้องคอยซื้อจากข้างนอก ไม่ต้องซื้ออาหารถุงมากิน เพราะมีเวลาคิดและทำทั้งวัน มีแต่อาหารดีๆ สะอาดๆ เพราะทำเอง (ปลอดภัยจากความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนั้นโรคนี้)สุขภาพคนในครอบครัวดีมาก เพราะคนเป็นแม่บ้านจะรู้ว่าลูกและสามีควรกินอะไรเพิ่มเติมหรือลดอะไรลง มีเวลาวางแผนค่ะ สอง สุขภาพจิตดีเยี่ยม เพราะเป็นนายตัวเอง ไม่ต้องไปเป็นลูกจ้างใคร อยู่บ้านระหว่างวันนอกจากออกไปเที่ยว ไปช็อปปิ้งแล้ว เบื่อๆ ก็ออกไปทำงานจิตอาสาบ้าง (คนทำงานนอกบ้านไม่ค่อยมีเวลาได้ทำในส่วนนี้ เพราะทั้งสัปดาห์ก็เหนื่อยกับการทำงานแล้ว เสาร์อาทิตย์ก็คงต้องพักและให้เวลากับคนในครอบครัว) แต่ถ้าเป็นแม่บ้านให้สามีเลี้ยงสามารถแบ่งเวลาไปทำจิตอาสาได้ ว่างๆ ก็หาความรู้จากห้องสมุดชุมชนหรือจากการใช้อินเตอร์เน็ต ทำอะไรได้ตามใจชอบ เบื่อๆ ก็หางานอดิเรกทำ สมัครคอร์สสั้นๆ เรียนเพิ่มเติมได้..เมื่อหลังบ้านสุขภาพจิตดี หน้าบ้านก็สุขภาพจิตดีไปด้วย ไม่เครียด ไม่หาเรื่องสามี มีเวลาให้สามีและลูกตลอดเวลา สาม สภาพความเป็นอยู่ อาคารบ้านเรือน สะอาดและเป็นระเบียบแน่นอน เพราะมีเวลาดูแลตลอด ไม่ต้องเกี่ยงกันกับสามีว่าเธอทำหรือฉันทำ สี่ เป็นผู้ดีแลการเงินและบัญชีทั้งหมดของบ้าน ใช้จ่ายค่าอะไรมากน้อยแค่ไหนก็ดูแลครอบคลุม การเงินก็ไม่สะดุด เพราะดูแลและวางแผนการใช้จ่ายตลอด ห้า สวยได้ตลอด เพราะมีเวลาว่างดูแลตัวเอง ตอนเย็นๆ ไม่ต้องทำหน้าเมื่อย หน้าเหนื่อย หน้าหงิกเหมือนตอนทำงานนอกบ้าน ช่วงนั้นกลับบ้านที แทบจะคลานเข้าบ้าน เพราะเหนื่อยกับงาน เครียดกับรถติดและอะไรหลายๆ อย่าง ข้างบนนี้แค่ข้อดีบางส่วนนะคะ จริงๆ แล้วมีอีกมากมาย แต่หลักๆ แล้วคือ เราได้ดูแลลูกและครอบครัวด้วยตัวเราเอง ไม่ต้องจ้างใครมาดูแลบ้านและลูกแทนเรา (เพราะไม่มีใครจะทำหน้าที่แม่ได้ดีเท่าเราอีกแล้วล่ะค่ะ)...ส่วนข้อเสียถามว่ามีไหม มีแน่ๆ เพราะทุกอย่างมันมีสองด้านเสมอ ซึ่งก็เหมือนกับการทำงานนอกบ้านของผู้หญิงนั่นแหละค่ะ มันมีทั้งข้อดีและข้อเสียในคราวเดียวกัน ไม่มีอะไรดีไปหมดเสียทุกอย่างอย่างแน่นอน ส่วนที่ว่าไม่กลัวสามีตาย สามีทิ้ง แล้วจะเอาตัวไม่รอดเหรอ...อันนี้มันอยู่ที่การวางแผนชีวิตและการเงินค่ะ การเป็นแม่บ้านหรือการทำงานนอกบ้านไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าคุณจะเอาตัวรอดได้หรือไม่ได้ถ้าไม่มีสามีอยู่ด้วย...เรื่องนี้มันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ อย่าง ฐานะทางการเงินของครอบครัวเป็นอย่างไร สามีเงินเดือนเท่าไหร่ (เช่นครอบครัวหนึ่งสามีเงินเดือนแสนกว่า ทำงานคนเดียว กับอีกครอบครัวสามีเงินเดือนสองหมื่น แบบนี้ภรรยาก็คงจำเป็นต้องทำงานนอกบ้านช่วยด้วย)...ดังนั้นอย่าคิดแทนคนอื่นเลยค่ะ เขาคงรู้ตัวเองดีว่ากำลังทำอะไรอยู่ อย่างดิฉันเมื่อก่อนตอนแต่งงานใหม่ๆ ก็ทำงานด้วยกันทั้งสองคน แต่คุณภาพชีวิตไม่ดีเลย เพราะเหนื่อยและเครียดกับงานมาก กลับบ้านมาต้องนอนก่อน เพราะล้าๆ จริงๆ ตื่นมาอีกทีก็สองสามทุ่ม ไม่มีเวลาทำอาหาร ไม่มีเวลาดูแลตัวเองและสามีเลย กินข้าวนอกบ้านตลอด รู้เลยว่าสุขภาพกายและสุขภาพจิตของคนในครอบครัวแย่มาก ไม่ค่อยมีเวลาได้พูดคุยกันเท่าไหร่ เพราะต่างฝ่ายต่างยุ่งอยู่กับงาน ...จนวันหนึ่งตัดสินใจคุยกันเรื่องนี้ ถึงได้ตกลงกันว่าออกมาเป็นแม่บ้านและดูแลครอบครัวดีกว่า การเงินไม่เดือดร้อนอะไรค่ะ เงินเดือนสามีค่อนข้างสูง มีเงินเก็บ มีประกันชีวิต ประกันสุขภาพ มีประกันเงินเดือน คือทุกอย่างวางแผนลงตัว เหลือสิ่งเดียวที่ต้องดูแลคือกายและใจของคนในครอบครัวที่ต้องแข็งแรงและไม่เครียดนั่นแหละค่ะ...(เราให้คุณค่าแก่ครอบครัว สุขภาพ ความรักและความอบอุ่นของคนในบ้านมากกว่า การมีสังคม การมีเกียรติ หรือการมีหน้าที่ตำแหน่งสูงๆ น่ะค่ะ)...มันอยู่ที่มุมมอง ความพร้อม และปัจจัยแวดล้อมหลายๆ อย่างจริงๆ ค่ะ จากคุณ : โชคดีค่ะ เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 10:09:49 A:110.175.41.216 X: TicketID:324687

ความคิดเห็นที่ 25 การที่ผู้หญิงไม่ทำงานประจำแล้วออกมาเป็นแม่บ้าน   ขอบอกนะค่ะเป็นการเสียสละความเป็นส่วนตัว อย่างแรกที่จะทำเพื่อลูก เพื่อสามี เพื่อครอบครัว  การเป็นแม่บ้านไม่ใช่เรื่องง่ายๆนะค่ะ เพราะโลกส่วนตัวของเราหายไป  การที่ยังทำงานนอกบ้านยังมีช่วงเวลาที่ได้ปลดปล่อย และผ่อนคลาย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับมุมมอง ของแต่ละคน  อย่าไปคิดแทนคนอื่น หรือเอาตัวเองไปเปรียบเทียบเลยนะค่ะ เป็นกำลังใจให้คุณแม่ทุกท่านค่ะ สู้ ๆ จากคุณ : kookai24 เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 10:21:22

ความคิดเห็นที่ 26 เคยมีคนพูดกับสามีเราว่า เราโชคดีนะอยู่บ้านเฉยๆ ไม่ต้องทำงาน สามีเราเลยบอกว่า ลองเป็นอย่างเมียผมมั้ยครับพี่ เลี้ยงลูก 3 คนเอง ตั้งแต่คนจนถึงคนโตไม่เคยมีพี่เลี้ยง อยู่บ้านเหมือนสนามรบ รื้อทุกอย่าง ทะเลาะกันทั้งวัน  ทำงานบ้าน ทำอาหาร ดูแลสามี ซักผ้า รีดผ้า ทำกับข้าว ก็จะหมดวัน ถึงจะมีให้ใช้ แต่ก็ต้องขาดสังคมเพื่อลูก และสามี จะไปไหนก็ลำบาก เพราะเป็นห่วงลูก คนได้ฟังดังนั้นเลยเงียบกริบคะ เราว่าระบบครอบครัวใคร ครอบครัวมัน ลองบ้านเราจ้างพี่เลี้ยงสิคะแย่แน่นอน เราว่าไม่คุ้มหรอก แล้วอีกอย่างจะไว้ใจใครมาเลี้ยงลูกเท่ากับตัวเราเอง จากคุณ : cindychu เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 10:31:29

ความคิดเห็นที่ 27 เราเลี้ยงลูกอย่างเดียว ไม่ได้ทำงานบ้านเพราะมีแม่บ้านอยู่แล้ว สามีมีกิจการส่วนตัว เราช่วยงานจิปาถะเล็กน้อยในออฟฟิศ ถามว่าชีวิตตอนนี้เป็นยังไง? ข้อเสียคือ 1. เวลาใช้เงินเราจะมีอารมณ์เกรงใจ ไร้สาระไม่ได้เต็มที่เหมือนเงินตัวเอง ถึงเค้าจะไม่มีห้ามมาจู้จี้ก็เถอะ 2. ต้องหาความมั่นคงเหมือนที่คุณว่า ถ้าสามีเสียชีวิตหรือหย่าร้างนั่นแหละ กรณีเสียชีวิต คือทำประกันไว้ เรากันเงินไว้ส่วนหนึ่งสำหรับกรณีฉุกเฉิน ครอบครัวจะได้ไม่เซมาก และกำลังมองธุรกิจเสริมที่เราบริหารได้ เผื่อสำรองไว้ การสูญเสียสามีกับการหย่าร้างมีผลกระทบกับทุกครอบครัวนั่นแหละ ไม่ว่าใครจะเป็นคนหาเงินก็ตาม ข้อดีล่ะ 1. สบายจริงๆ เพราะไม่ต้องมีภาระอะไร แต่เลี้ยงลูกให้ดีล่ะ 2. ได้เลี้ยงลูกเอง แม่อย่างเรายอมแลกทุกอย่างกับการได้เลี้ยงลูกเอง ใกล้ชิดลูกนะ เราไม่ได้อยากออกไปหาเงินจนต้องเอาลูกไปฝากใครเลี้ยง เราคิดว่าเงินน่ะ หาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ลูกน่ะ อยากอยู่ใกล้ชิดกับเราแค่สิบขวบเท่านั้นล่ะ จากนั้นก็จะเริ่มมีโลกส่วนตัวแล้ว มีสังคมแล้ว ถึงเวลานั้นมาโอ๋ลูกมาอยากอยู่ใกล้ลูกก็ไม่ได้เต็มที่เหมือนตอนเด็กแล้ว เราว่าเราโชคดีที่มีโอกาสเลือก และนี่คือทางเลือกของเรา อาจจะไปอวดใครไม่ได้ว่านี่ชั้นซื้อชั้นหา นี่เงินชั้น แต่สิ่งที่เราควรมีก็มี ไม่ได้ขาดไม่ได้ขัดสน ไม่ได้หรูเลิศแต่ไม่ได้ดูด้อยค่าอะไร อนาคตถ้าเกิดอะไรขึ้นอาจทำให้เซหรือสะดุดไปบ้างแต่ไม่ได้ทำให้เสียหลักล้มครืน ชีวิตทุกชีวิตมีข้อดีค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าหาเจอมั้ย มองสิ่งดีๆที่เรามีอยู่ อย่าไปสนใจสิ่งดีหรือค้นหาสิ่งไม่ดีของคนอื่น มันทำให้เรารู้สึกแย่เปล่าๆนะคะ สู้ๆค่ะ จากคุณ : แม่น้องบ้าน (ปานิปานิ) เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 10:34:39

ความคิดเห็นที่ 28 สามีเค้าจบด๊อกเตอร์เป็นอาจารย์ด้วย คุณคิดว่าเค้าไม่ได้คิดทางช่องทางไว้เลยเหรอคะ ทำประกัน เก็งกำไรที่ดิน ซื้อทองเก็บ ช้อนซื้อหุ้นกินปันผลเก็บไว้เป็นมรดก ซื้อบ้านหรือห้องแถวไว้ให้คนเช่า แล้วเงินฝากในธนาคารนี้ ถ้ามีหลักล้าน บริหารดีๆได้ดอกเบี้ยก็ไม่ใช้น้อยนะคะ การหาเงินมันไม่ใช่แค่ไปเป็นลูกจ้างเค้านะคะ ไม่ใช่แค่ต้องไปนั่งแปะที่ออฟฟิตเท่านั้นถึงจะเรียกว่าทำงาน อะไรที่ได้เงินน่ะ งานหมดเลยค่ะ แล้วคนที่เค้าแอบซื้อที่ ซื้อทอง เค้าก็ไม่ต้องมาป่าวประกาศให้ใครทราบหรอกค่ะ คุณคิดว่าคนระดับนี้ อายุเท่านี้ เค้าไม่ได้คิดเผื่ออนคตไว้เลยเหรอคะ แล้วรู้ได้อย่างไรว่าตอนสาวๆฝ่ายหญิงเค้าจะไม่ได้ทำงานด้วย เค้าอาจทำงานมา จนสามีเค้ามั่นคง เลยออกจากงานมาดูแลบ้านอย่างเดียว ไปเจอเค้าแป๊บเดียว อย่าไปทึกทักในแง่ไม่ดีว่าเค้าต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้เลยค่ะ อาจารย์น่ะรายได้หลักหมื่น รับสอนพิเศษอีกก็หลายหมื่น แล้วที่ปรึกษษบริษัทนี่บางทีมีโบนัสให้ด้วยนะคะ เดือนๆนึงเค้ารับน่าจะรับหลักแสนหรือไม่ก็เกือบค่ะ จขกท อาจจะอายุยังไม่เยอะ เลยไม่รู้ว่ามันมีวิธีวางแผนเพื่ออนาคตนะคะ ไม่ใช่ได้มาเท่าไรใช้หมด ละลายไปกับของแบรนด์เนมและไอโฟน รู้ตัวอีกทีอายุเยอะ เงินเก็บก็ไม่มี จากคุณ : ฟ้าใส เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 10:59:17 A:180.183.16.85 X: TicketID:348252

ความคิดเห็นที่ 29 อย่าคิดแทนเค้าเลยคะ สามีเค้าจบด็อกเตอร์ เค้าคงคิดมาดีแล้วหละคะถึงเลือกที่จะให้ภรรยาเป็นแม่บ้าน จากคุณ : Tommy's Galz เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 11:30:58

ความคิดเห็นที่ 30 เป็นแม่บ้านลูก2ค่ะ. สามีหาเลี้ยง.  ครอบครัวสามีมีกิจการส่วนตัว.   แต่เราก็เตรียมแพลนไว้แล้วว่า  เรากับลูกจะอยู่อย่างไรถ้าวันหนึ่งสามีไม่อยู่แล้ว.    เงินออมกับประกันชีวิตและส่วนแบ่งจากมรดกของสามีคงมากพอที่เราจะนำพาชีวิตของลูกทั้ง2คนไปสู่จุดหมายตามที่เรากับสามีแพลนไว้ให้กับลูกค่ะ จากคุณ : หลอดสีรุ้ง เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 11:55:20

ความคิดเห็นที่ 31 จขกท ยังไม่มีลูก แน่นอน ดีไม่ดีอาจจะยังไม่แต่งงานด้วยรึเปล่า อิอิ ไม่ได้ว่าไรค่ะ เพราะแต่ก่อนเราก็คิดอย่างคุณ พอแต่งงานแล้วมีลูก โอ๊ยยยย แม่เราหัวเราะเลย บอกเป็นไงล่ะ รู้แล้วสิทีนี้ (แม่เราทำงานด้วย ดูแลบ้านดุแลครอบครัวด้วย ซู๊ดยอดดดด) เรื่องสามีเสียชีวิต ก็เป็นความเสี่ยง เป็นข้อเสียอย่างหนึ่ง (แต่เราหาทางรับมือล่วงหน้าได้ระดับนึง) แต่ทุกทางเลือกย่อมมีข้อดีข้อเสียต่างกันค่ะ จากคุณ : Nam_kang เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 13:05:16

ความคิดเห็นที่ 32 ขอบคุณทุกคนมากเลยนะคะ เราได้ข้อคิดการใช้ชีวิตมากเลยค่ะ ทุกคำตอบเป็นประโยชน์สำหรับเรามากเลย ขอบคุณมากนะคะ จากคุณ : Strawberry_SXCY_ErroR เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 13:25:54

ความคิดเห็นที่ 33 การเป็นแม่บ้าน เป็นงานที่หนักนะคะ  เราว่า เราในฐานะที่ตอนแต่งงานมา สามีให้ออกจากงาน มาเป็นแม่บ้าน จำได้ว่าว่างงานอยู่ 2-3เดือนได้มั้ง  ก็ดิ้นๆ เปิดกิจการเล็กๆของตัวเอง เอาเงินเก็บมาหมุน  ซื้อกองทุนบ้าง   ซื้อหุ้นบ้าง  ทั้งลงทุนเพื่อกินปันผล  และลงทุนเพื่อผลตอบแทนในอนาคต (เก็บไว้ให้ลูก) จนตอนนี้จะมีลูกแล้ว (กำลังท้อง)  นั่งยิ้มกับพอร์ตหุ้น  555  อีกหน่อยท่าทางลูกจะรวย  อิอิ เราว่า คนทำงานไม่จำเป็นต้องไปเป็นลูกจ้างเค้า  เป็นพนักงานเงินเดือน   การมีกิจการของตัวเอง  แม้คนจะมองว่าเราว่างงาน  แต่จะรุ้ไหม  พวกมนุษย์เงินเดือน  ทำงาน จ-ศ  8.00-18.00  พอเลิกงานก็ไปเที่ยวเล่นได้  วันหยุดก็เที่ยวได้ แต่คนที่ทำงานของตัวเอง  ทำงานทุุกวัน  วันละ 24-25ชม.  ไม่มีเวลาเที่ยว (ไม่ชอบเที่ยวอยู่แล้ว)  แม่ไม่เกรงใจ เพราะคิดว่ามันว่าง จะใช้ยังไงก็ได้  ไม่เหมือนคนที่ทำงานบริษัท และถ้าทำอะไรพลาดไป  ไม่ได้แค่โดนตัดเงินเดือน  แต่มันคือเงินจริงๆที่หายไป หรืออาจจะขาดทุนได้เลย  เฮ้ออ จากคุณ : nongnew2000 เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 18:09:29

ความคิดเห็นที่ 34 ไม่เบื่อเลี้ยง แต่เบื่อที่ต้องรอเงินฝาชีใช้ บางครั้งก็อยากซื้ออะไรๆที่อาจจะดูงี่เง่าในสายตาเค้ามั่งอ่ะ เอิ้กๆๆ เลยรู้สึกไม่สะดวกใจเท่าไหร่ คนมันเคยหาได้เองอ่ะนะ เง้อ จากคุณ : นนนี่จ๊ะจ๋า เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 20:14:19

ความคิดเห็นที่ 35 คนไม่เคยเป็นแม่บ้านมักอิจฉาคนไม่ต้องทำงานนอกบ้าน เราก็เคยรู้สึกอย่างนั้น เป็นแม่เฉยๆ สบายจัง ดีจัง ไม่ต้องเครียด ไม่ต้องเหนื่อย ช่วงลาคลอดเลี้นงลูกเอง 3 เดือนเท่านั้นแหละ เราเครียดมาก เหนื่อยมาก ไปทำงานเหนื่อยๆ เบื่อๆ ก็เดินไปชิลล์ เข้าไลน์ไปเม้าท์ ไปเบรค กินกาแฟ กลางวันแว่บไปกินข้าวข้างนอก เดินห้าง เป็นแม่เลี้ยงลูกอยู่บ้านจะไปเข้าห้องน้ำลูกยังร้องตามเลย จะกินข้าว จะเข้าห้องน้ำ ก็ไม่เป็นเวลา ลาป่วยก็ไม่ได้ ลูกไม่ให้ลา ตอนแรกสามีเราก็จะให้เราเป็นคุณแม่ฟูลไทม์ แต่เรารู้เลยว่าเราทำไม่ได้ เราเครียดกับการเลี้ยงลูก เครียดกับการไม่ได้ออกไปไหนต่อไหน เราเหนื่อยกับการไม่ได้กินข้าว และอดนอน พูดตรงๆ เราว่าเป็นคุณแม่ทำงานนอกบ้านด้วยเหนื่อยน้อยกว่าคุณแม่เต็มเวลาเยอะเลย อย่างน้อยช่วงเวลางานเราก็แอบไปพักได้ จากคุณ : แม่น้องอัณณา เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 21:41:55 A:180.180.140.159 X: TicketID:258399

ความคิดเห็นที่ 36 ขอแชร์นิดนึงในฐานะที่ผมเป็นคนนึงที่ให้เป็นภรรยาเลี้ยงลูกอยู่กับบ้าน ทำไม: สาเหตุหลักๆเลย ไม่ไว้ใจให้ใครมาเลี้ยงลูกให้ ไม่ว่าจะเป็นพี่เลี้ยง พ่อแม่เรา หรือ พ่อแม่เค้า และมักจะมีคนมาบ่นให้ฟังว่าเพราะคนแก่เลี้ยง เด็กถึงได้เอาแต่ใจ นิสัยถึงเป็นแบบนั้น แบบนี้ เราคุยกันตั้งแต่แต่งงานแล้วว่า ถ้าคิดจะมีลูก ภรรยาต้องเป็นคนออกจากงานมาเลี้ยงลูก โดยเราเป็นคนจ่ายเงินเดือนให้ (ไม่น้อยกว่าตอนทำงาน) จนกว่าลูกจะเข้าประถมกันหมด ถึงเวลานั้น ถ้าอยากจะกลับมาทำงานก็ทำ หรือ ถ้าไม่ทำเราก็จะให้เงินเดือนเค้าไปเรื่อยๆเหมือนเดิม                     นอกจากนั้น เรามองว่าเวลาที่ดีที่สุดของ แม่กับลูก คือระยะเวลาก่อนที่เค้าจะเข้าโรงเรียน มีเวลาอยู่ด้วยกัน และซึมซับเอาความทรงจำที่ดีของซึ่งกันและกันไว้ให้ได้มากที่สุด และหล่อหลอมเค้าออกมาให้เป็นในสิ่งที่อยากจะให้เป็น คำถาม: ถ้าผมเป็นอะไรไปก่อน ภรรยากับลูกจะอยู่ได้อย่างไรต่อไป? 1. อย่างแรกภรรยาได้เงินเดือนจากผมทุกเดือน เค้าจะมีเงินเก็บของเค้าเอง ส่วนหนึ่ง 2. ผมมีเงินเก็บอยู่ก้อนนึงทุกเดือน ไว้ใช้ตอนเกษียน ถ้าผมเป็นอะไรไปก่อน เค้ายังมีเงินเก็บก้อนนี้ ไว้ส่งลูกๆเรียนจนจบ 3. ผมมีเงินประกันชีวิต ทำไว้ก้อนใหญ่ อีกก้อนหนึ่ง ซึ่งถ้าผมเป็นอะไรไป เค้าจะมีเงินไว้ใช้ ไม่น้อยกว่า 30 ปี (ถ้าไม่ใช้จ่ายเกินตัว) ไม่รู้สิ ผมมองว่าการที่เราจะสร้างเจียรนัยคนซักคน ให้เป็นเพชรที่ดีต่อไปในวันข้างหน้า ย่อมต้องมีการหล่อหลอมและขัดเกราให้ดี ซึ่งถ้าเป็นไปได้ผมอยากจะเป็นคนที่ทำหน้าที่เป็นพ่อบ้านเสียเองด้วยซ้ำไป แต่ถ้ามันทำไม่ได้ ก็ต้องให้ภรรยาเป็นคนที่ทำหน้าที่ที่สำคัญนี้แทน จากคุณ : Neo31 เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 55 19:49:24

ความคิดเห็นที่ 37 สามีให้เราลาออกจากงานมาตั้งแต่แต่งงานแล้ว เพื่อนเราก็หาว่าเราสบายเป็นคุณนายไปวัน ๆ ไม่มีใครคิดเลยว่า เราก็ต้องเสียสละตัวเอง ออกจากงานที่รายได้เกือบแสน (แต่ก่อนทำงานที่ ตปท) มาเพื่อดูแลลูก และสามี (สามีไม่ไว้ใจพี่เลี้ยงค่ะ เลยขอให้เราดูลูกเอง แต่งานบ้านจ้างแม่บ้านมาทำแทน เพราะเค้ารู้ว่าเราไม่มีเวลา แค่เลี้ยงลูกก็จะเป็นลมแล้ว ห้ามหยุด ห้ามเหนื่อย ห้ามตาย) แต่ก็มีนะ บางครั้งที่ทะเลาะกันรุนแรง สามีเราจะแอบลำเลิกบุญคุณทางอ้อม เวลาที่เราไม่ค่อยสนใจเค้า ว่าเค้าทำงานเพื่อลูกเพื่อเมียทั้งนั้น (พูดให้คิด ว่าที่กินที่ใช้เงินตรูทั้งนั้น ทั้ง ๆ ที่เค้าเป็นคนขอให้เราออกงานเองแท้ ๆ อยากจะเปิดธุรกิจเล็ก ๆ น้อย ๆ ส่วนตัว ก็ไม่ให้เราทำ อยากให้เราเลี้ยงลูกอย่างเดียว แล้วจะให้เราทำยังไง) สำหรับเราหาทางหนีที่ไล่ไว้ตั้งแต่ก่อนแต่งงานแล้ว ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น เราก็มีเก็บเงินส่วนตัว พร้อมกับแผนสำรองเอาไว้ ไม่มีใครหยั่งรู้อนาคต เราเห็นตัวอย่างมาเยอะแล้ว เลยใช้ชีวิตโดยไม่ประมาท แก้ไขเมื่อ 17 ธ.ค. 55 00:14:23 จากคุณ : ล่าลาล้า เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 00:13:07