ความคิดเห็นที่ 1 และสิ่งที่จะเล่าต่อไปนี้ คือจุดเริ่มต้นของปัญหาต่างๆค่ะ ปีนี้เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา น้องสาวเค้าจะกลับไปเที่ยวไทยเป็นระยะเวลาเดือนกว่าๆ ไปเที่ยวกับผู้ชายคนนั้น ซึ่งแม่แฟนรู้ว่าห้ามน้องสาวไม่ได้ เพราะนิสัยเค้าเป็นคนไม่ยอมใครเลย แม่ก็ตามใจเค้ามาตั้งแต่เด็กๆเลยทำให้เป็นคนนิสัยเอาแต่ใจ แม่แฟนเราไม่รู้จะทำยังไงเลยบอกให้แฟนเรากลับไปด้วย เพื่อที่จะให้ไปดูแล แฟนเราไม่อยากไปเพราะเค้ามีเงินเก็บไม่มาก ถ้ากลับก็อยากเที่ยวแบบสบายใจ แต่แฟนเราขัดใจแม่ไม่ได้ เพราะแม่ขอร้องอยากให้ไปดูแลน้อง ใจจริงของเราก็ไม่อยากให้แฟนเรากลับเหมือนกัน เพราะน้องสาวอายุ 20 แล้วเค้าดูแลตัวเองได้ และแม่แฟนเราเป็นคนที่ถ้ากลับไทยเค้าจะไม่ชอบเที่ยวไหนเลย จะอยู่บ้านอย่างเดียว และเวลาแฟนเราหรือน้องสาวเค้ากลับ ก็จะไม่ค่อยชอบให้ลูกๆไปเที่ยวไหนค่ะ อันนี้เราก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน อาจจะเป็นห่วงมั้งคะ ครอบครัวแฟนเราเป็นคนจังหวัดนึงทางภาคอิสาน เป็นชาวบ้านแท้ๆเลยล่ะค่ะ ในที่สุดแฟนเราก็ต้องยอมกลับไทยเพื่อที่ตามไปดูแลน้องสาว แฟนกับเราโทรคุยกันตลอดแฟนเราบ่นทุกครั้งที่คุยกันว่าไม่มีความสุขเลย สุขอยู่อย่างเดียวที่ได้อยู่กับตากับยาย มาก็ไม่ได้ดูแลน้องอย่างที่แม่ต้องการ เพราะน้องสาวไปกับผู้ชายคนนั้นเที่ยวเสร็จถึงกลับมาเจอแฟนเราที่บ้านตากับยาย ตั้งแต่คบกันมาเรารู้นิสัยน้องสาวแฟนอยู่บ้างว่าเค้าเป็นคนเอาแต่ใจ เห็นแก่ตัวอยู่บ้าง เค้ามาอยู่กับเรานับครั้งได้ที่จะช่วยงานบ้านภายในเวลาที่อยู่กับเราปีกว่าๆ บางทีเรากลับมาจากทำงาน จานก็ยังกองไม่เก็บล้าง เสื้อผ้าชุดชั้นในรอยเปื้อนประจำเดือนเราก็ซักให้ เวลาทิ้งผ้าอนามัยก็ไม่ห่อให้เรียบร้อย ไม่รู้ติดนิสัยฝรั่งมากไปหรือยังไงไม่ทราบ บางครั้งเราก็ให้แฟนเตือนๆ แต่เราก็ยังคงเต็มใจทำให้ เพราะด้วยความที่เค้าเป็นน้องสาวของแฟนเราและอยากให้แฟนเราสบายใจ จากคุณ : บัวบุษราคัม เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 20:14:12

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่ไหวมั้งคะ ถึงขนาดซัก กกนเปื้อนปจด. นี่เกินไปค่ะ เป็นผู้หญิงไม่ว่าจะอยู่ในไทยหรือต่างประเทศ ก็ควรจะมีความเป็นแม่บ้านแม่เรือนบ้าง นี่อะไรซกมกสิ้นดี ใครได้เป็นเมียคงเจริญหรอก คุณรักและอยากช่วยเหลือเค้าก็ทำแต่พอเหมาะเถอะ อย่ามากไปเค้าจะเคยตัว จากคุณ : นางในวรรณคดี เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 20:34:28

ความคิดเห็นที่ 3 ระหว่างที่แฟนเราอยู่เมืองไทย อยู่ๆเราก็ไม่สบายมากเป็นไข้ เหนื่อยเพลีย แต่ยังไม่มีอาการอาเจียน เราเลยคิดว่าเป็นเพราะเราทำงานหนัก เพราะตอนนั้นเราทำงานหน้าร้อนไปด้วยเป็นผู้ช่วยพยาบาลที่สถานดูแลผู้ป่วยแห่งนึง เราเลยคิดว่าเราคงเครียดมากเกินไป นอนซึมเศร้า ร้องไห้อยู่คนเดียว จิตใจอ่อนไหวคิดถึงแฟนมาก เป็นแบบนี้อยู่เกือบเดือน จนพอครบ 1 เดือน แฟนเรากลับมา แต่ก่อนแฟนเรากลับประมาณสองอาทิตย์ เริ่มมีอาการอาเจียน เหม็นตู้เย็นมากเปิดทีไรเราอาเจียนทุกที เราก็ยังไม่รู้อีกว่าเป็นอะไรก็เลยคุยกับแฟนว่าถ้าแฟนกลับมาแล้วเรายังไม่หายจะพาไปหาหมอ เพราะเรียนทางจิตเวชมา เราก็เลยคิดว่าหรือเราเป็นโรคซึมเศร้า เราก็เลยกลัว พอแฟนเรากลับมาเราก็ยังไม่ได้ไปหาหมอทันที เพราะเราบอกว่าถ้าที่รักกลับมาอาจจะดีขึ้นก็ได้ อาจจะเพราะเหงา ซึมอยู่คนเดียวละมั้ง แฟนเราก็ยอมรอดูอาการไปซักอาทิตย์ แต่สุดท้ายก็ไม่ดีขึ้นค่ะ แม่แฟนเลยบอกว่าท้องรึป่าว เราตอบแบบมั่นใจว่าเราไม่ท้องแน่นอนเพราะเราเข้าข่ายคนมีลูกยาก ประจำเดือนเรามา 2 3 เดือนครั้งเป็นแบบนี้มานานตั้งแต่เริ่มมีประจำเดือนแล้ว แฟนเราเค้าก็ขอให้ปล่อยตามธรรมชาติประมาณที่คบกันปีที่สองค่ะก็ปล่อยมาตลอดแต่ก็ไม่มีไรเกิดขึ้น แต่เราก็ไม่ได้เร่งรีบค่ะ ถ้าถึงเวลาเค้าก็มาเอง ส่วนแม่แฟนเค้าลุ้นมาก เค้าอยากมีหลาน ขนาดหวยยังไม่ออกแม่วางแผนไว้ให้เรากับแฟน จะเห่อกว่าเราสองคนมากค่ะ วันนึงแม่แฟนมาหาแฟนที่บ้านหลังจากที่แฟนเรากลับมาจากเมืองไทยเค้าซื้อที่ตรวจครรภ์มาให้เรา เพราะเห็นเราไม่ไปหาหมอซักที แต่เรายังไม่ตรวจเราจะตรวจตอนรุ่งเช้าของอีกวัน ระหว่างที่เค้ามาเยี่ยมเค้าก็คุยเรื่องอนาคตเราและแฟนและลูกเรา ตัวน้องสาวเค้าก็นั่งอยู่ด้วย เค้าก็พูดขึ้นมาว่า "มาศจะฆ่าลูกมัน" ก่อนหน้านี้ตั้งแต่คบกันเวลาคุยกันเรื่องทีไรน้องสาวจะพูดแบบนี้เสมอ แต่เราไม่เคยใส่ใจค่ะ คิดว่าเค้าพูดเล่นๆเพราะหวงพี่ชายแค่นั้นเราไม่ติดใจเอาเก็บมาคิด จนมาถึงวันนี้วันที่เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต ที่เราคิดว่าใหญ่ที่สุดในชีวิตเลยค่ะ เช้าวันรุ่งขึ้นประมาณตี 5 ตอนนั้นจำได้ดีเป็นวันอาทิตย์ค่ะ เราลุกขึ้นมาเพื่อที่จะตรวจครรภ์ ในใจไม่มีอาการตื่นเต้นหรือลุ้นใดๆเลย เพราะคิดอยู่แล้วว่าไม่ท้องแน่ๆ เรานั่งรอเพื่อให้ขีดมันขึ้น ตอนนั้นเรานั่งรออยู่ที่ชักโครกในห้องน้ำ นั่งแบบสลึมสะลือเพราะง่วงด้วย พอมันขึ้นที่ตรวจเป็นสองขีด เราตื่นตาสว่างเลยค่ะ อึ้ง งง หน้าชา หัวใจเต้นแรงมาก ตกใจด้วย คิดในใจ..เราท้องจริงๆเหรอเนี่ย?... เรายืนอยู่ในห้องน้ำประมาณเกือบสิบนาที ก็ตัดสินใจเดินมาหาแฟนในห้องนอน จากคุณ : บัวบุษราคัม เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 20:41:17

ความคิดเห็นที่ 4 เราไม่พูดอะไรเพราะไม่รู้จะพูดยังไง มันทั้งแบบจะดีใจและพูดไม่ออก แสดงท่าทางไม่เป็นจริงๆว่าเวลาเค้ากำลังจะมีลูกเค้าจะต้องแสดงท่าทียังไง เราปลุกและยื่นให้เค้าดู แฟนเราก็ตื่นแบบงงๆเหมือนกัน พอเค้าดูเสร็จแฟนเราก็ไม่มีคำพูดเหมือนกันค่ะ แต่เค้าดึงเราไปกอดแน่นมากๆ เค้าดีใจมากๆ และเค้าก็พูดออกมาว่า ...นึกว่าตัวเองไม่มีน้ำยาซะแล้ว... 55555+ ตอนเช้าเรากับแฟนนั่งทานอาหารเช้าด้วยกันในครัว มีน้องสาวนั่งทานอยู่ด้วย แฟนเราดีใจมากเลยจะบอกข่าวดีกับน้องสาวเค้า แฟนเราเลยคุยแบบขำๆว่า รู้มั้ยทำไมเอื้อยถึงเป็นแบบนี้(เรียกแทนเราเอื้อยค่ะ หมายถึงพี่สาวภาษาอิสาน)น้องสาวก็เลยถามกลับมาว่าเป็นอะไร แฟนเราก็ยิ้มๆตอบมาว่า ..ก็เพราะมีอะไรอยู่ในท้องไง.. แฟนเราก็หัวเราะเราก็หัวเราะกัน เราก็เลยบอกว่า ..พี่ยังไม่ทันตั้งตัวเลย มาแบบไม่พร้อมเลยนะเนี่ยลูก ทำซะตกใจ.. แต่มีคนเดียวค่ะที่ไม่ดีใจกับเราสองคน และก็ไม่มีใครคาดคิดด้วยว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรต่อจากนี้ น้องสาวแฟนลุกพรวดออกจากโต๊ะโยนช้อนใส่จานกินข้าว แล้วพูดเสียงดังว่า ..ถ้าเมิงสองคนไม่พร้อม บอกกรูได้นะกรูจะทำแท้งให้เอง.. อึ้งสิคะเรากับแฟน ขอโทษที่ต้องหยาบนะ เค้าพูดแบบนี้จริงๆ เรานี้หน้าซีดเลยเราถามแฟนว่าทำไมเค้าพูดแบบนี้ ไหนบอกกับเราว่าเราเป็นคนดี อยากให้พี่ชายเค้าอยู่กับเรา แล้วไหนบอกญาติๆตากับยายว่าเราเป็นคนดีมากไง ? จากนั้นน้องสาวก็เลยโทรศัพท์หาแม่เค้า ร้องไห้ตะโกนด่าเราต่างๆนาๆ ว่าทำไมต้องปล่อยตัวเองให้ท้อง สาระพัดจะหาคำมาด่า เรายิ่งงงสิคะ เราจะอายุ 30 แล้วนะ ไม่ใช่เด็กที่อายุ 15-16 หรือยังเรียนไม่จบ จากนั้นเค้าก็ไม่พูดกับเราอีกเลย แต่ยังพูดกับแฟนเราเหมือนเดิม เอ่อ...นี่เราเป็นคนผิดเหรอเนี่ย จากนั้นแม่แฟนก็โทรมาคุยกับเราบอกว่า อย่าไปคิดมากนะ เค้าคงไม่ได้ตั้งใจพูดแบบนั้นไป เราก็พยายามเข้าใจค่ะคิดว่าเค้าคงหวงพี่ชาย กลัวพี่ชายจะรักลูกรักเมียแล้วไม่สนใจเค้า เราก็เลยกลับไปพูดกับน้องสาวเหมือนเดิมตามปกติเหมือนไม่มีไรเกิดขึ้น แต่ในใจอะเสียความรู้สึกไปแล้วบ้าง แต่น้องสาวก็ไม่พูดกับเรา อืม..ไม่เป็นไรเราถือว่าเราทำตามที่แม่แฟนขอเราแล้ว วันนั้นเราก็พยายามทำทุกอย่างให้เป็นปกติ เพื่อที่จะได้ไม่มีปัญหาอะไร เพราะเราก็ไม่อยากเครียดตอนนี้ก็มีอีกหนึ่งชีวิตที่กำลังจะมาเป็นลูกของเรา เช้าวันต่อมาเราทานข้าวเช้าอยู่ในครัว แต่วันนี้เราอยู่กับน้องสาวสองคนเพราะเป็นวันจันทร์แฟนไปทำงานตั้งแต่เช้า เราก็คุยกับเค้าตามปกติชวนทานข้าวด้วยกัน เค้าก็ไม่พูดกับเราไม่มองหน้า เหมือนเราไปทำอะไรผิดใหญ่หลวงมายังไงยังงั้น เราก็เลยเฉยๆไป เสร็จแล้วเราก็เข้าไปห้องนอนไปนอนพักผ่อน แต่ไม่ได้หลับอ่านหนังสือเกี่ยวกับเด็กไปเรื่อย ลืมบอกไปพอวันที่ตรวจครรภ์แฟนก็พาไปหาหมอเลยค่ะ หมอบอกว่าเราตั้งครรภ์แล้วประมาณ 7-9 สัปดาห์ จากคุณ : บัวบุษราคัม เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 21:04:58

ความคิดเห็นที่ 5 รอฟังต่อค่ะ จากคุณ : ล๊อคอินน้องสาว (เด็กหญิงเพลงรัก) เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 21:05:31

ความคิดเห็นที่ 6 ค้างค่ะ กำลังลุ้นเลย จากคุณ : yukkiw เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 21:14:58

ความคิดเห็นที่ 7 ระหว่างที่เรานอนอ่านหนังสืออยู่ในห้อง เสียงโทรศัพท์น้องสาวก็ดังขึ้น เป็นเสียงตาของแฟนเราโทรมาจากเมืองไทย ตาคงรู้เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างน้องสาวกับเราเพราะแม่แฟนอาจจะโทรไปปรึกษาตามา เราไม่รู้ว่าตาพูดอะไรบ้าง แต่เราได้ยินเสียงที่น้องสาวคุยตอบกับตาทุกอย่าง "ไม่สงสารมันหรอก ทำไมมันต้องปล่อยให้ท้องล่ะ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ค่อยมีตอนอื่นไม่ได้หรอ ก็เห็นใจมันสองคนไปแบบนั้นแหละ ไม่ได้รักอะไรมันหรอก" ตอนนั้นแฟนเราเข้ามาบ้านมาเอาของและนั่งดื่มกาแฟกับเพื่อนที่ทำงานพอดี แต่เราไม่ได้ออกไปหา เรานอนฟังสิ่งน้องสาวกำลังพูดกับตา เราพยายามอดทนให้ถึงที่สุดเท่าที่จะทำได้ น้องสาวก็คงยังคุยกับตาอยู่ "ทำไมตาต้องไปเห็นใจมันด้วย มันก็ไม่เห็นดีตรงไหน มาอยู่เกาะผู้ชายรึป่าวก็ไม่รู้ เงินก็ไม่ช่วยจ่ายค่าอะไรเลย งานการก็ไม่หาทำ ขี้เกียจงานบ้านก็ไม่ทำ" เราได้ยินแบบนั้นเราก็นึกในใจ "เฮ้ยยย...ทำไมพูดแบบนี้วะ แล้วที่เมิงเห็นๆนี่มันอะไร ทำไมกล้าพูดโกหกให้ตาฟังแบบนั้นหน้าด้าน ถือว่าเราไม่กล้าด่าหรือยังไง กับข้าวกรูก็ทำให้กิน งานบ้านกรูก็ทำให้ เงินกับข้าวค่าบ้านกรูก็จ่าย มันจะมากเกินไปแล้วนะ" เราไม่นางเอกขนาดนั้น ที่เราทนถือว่าเราทำเพื่อแม่แฟนและแฟนที่ดีกับเรา และเราพยายามจริงใจให้เค้าเห็นแล้วว่าเรารักพี่ชายเค้า แต่ในเมื่อเค้ากล้าทำแบบนี้ เราจะไม่ทนอีกต่อ เราก็เลยเดินออกจากห้องไปและถามว่า "..ทำไมพูดออกไปให้ตาฟังแบบนั้น ที่ผ่านมายังไม่ดีสำหรับมาศอีกหรอ.." ที่จริงเราเป็นคนไม่ยอมคนอยู่แล้ว เราก็เหมือนภูเขาไฟถ้าเรานิ่งคือเรานิ่ง แต่วันไหนเราระเบิดมันออกมามันก็แรงแน่นอน จากคุณ : บัวบุษราคัม เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 21:17:45

ความคิดเห็นที่ 8 รอตามค่ะ น้องแฟน เป็นสไตล์โรคจิต หลงรักพี่ตัวเอง ไรงี้ป่าวคะ จากคุณ : BigSom เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 21:21:01

ความคิดเห็นที่ 9 รอค่ะ จากคุณ : tang-tong เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 21:25:37

ความคิดเห็นที่ 10 อย่าไปยอมค่ะ เสียความรู้สึกมาก น่าโมโหแทนที่ต้องซักกางเกงในเปื้อนเลือดให้ ไม่ต้องไปทำให้แล้วนะค่ะดูน้องเค้าจะเคยตัวมาก. จากคุณ : ล๊อคอินน้องสาว (เด็กหญิงเพลงรัก) เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 21:36:11

ความคิดเห็นที่ 11 จี๊ดแทน!!!!!!! จากคุณ : ลาบัน เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 21:41:18

ความคิดเห็นที่ 12 น้องสาวโยนโทรศัพท์ที่กำลังคุยกับตาอยู่ แล้วตะคอกด่าเราทั้งที่ยังไม่วางสาย "..ไหนตรงไหน เมิงดีอะไรกับกรูนักหรอ.." เราเงียบค่ะยืนอยู่หน้าห้องนอนที่เดิม นึกในใจแสดงว่าเมิงไม่ใช่คนมีจิตใต้สำนึกเลยนะเนี่ย กรูไม่แปลกใจเลยทำไมเมิงเลือกที่จะไม่คุยกับแม่เป็นปีสองปีแล้วหนีไปอยู่กับผู้ชาย จังหวะเรายืนนิ่งแต่ในใจแค้นมาก จะบอกว่าสติจะหลุดก็ว่าได้ ไม่ทันมองว่าน้องสาวเค้าจะเดินเข้ามาทำร้ายเรา เค้าเดินมาหยิบซ้อมจากถ้วยที่กินข้าวเสร็จเมื่อกี้ จะมาแทงเราที่ท้องแล้วพูดว่า "..เมิงกล้ากับกรูหรอ.." พอเราได้สติแต่เราก็ไม่หลบ เราไม่กลัวไม่ใช่เพราะเราไม่ห่วงลูก เราพร้อมจะโต้กลับแน่นอน เพราะน้องสาวตัวเล็กกว่าเรามาก ถ้าเราสวนกลับรับรองเอาเราไม่อยู่ แต่ก็นะเหมือนละครไทย แฟนเรากับเพื่อนที่ทำงานเค้านั่งฟังอยู่นานแล้วคงเห็นท่าไม่ดี แฟนเราเลยมาคว้าเอาซ้อมที่น้องสาวเค้าจะแทงเราทัน เราก็ยังยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นแหละ อยากจะเดินไปตบเหมือนกัน แต่ก็อดทนไว้ เพื่อนแฟนตกใจมากเลยขอตัวไปทำงานก่อน โทรศัพท์ตาตะโกนถามออกมาเป็นระยะๆ เพราะเค้าได้ยินเสียงเรื่องที่เกิดขึ้น แล้วโทรศัพท์ก็ดังเปิดลำโพงซะด้วย แต่ไม่มีใครสนใจตาเลย เรายืนห่างจากโทรศัพท์มากเพราะอยู่ใกล้น้องสาว และแฟนเราก็ลากน้องสาวไปอีกมุมตรงโทรศัพท์พอดีเป๊ะอีก แฟนเราก็ยังจับแขนน้องสาวเค้าทั้งสองข้างไว้อยู่ เพราะน้องสาวเค้ายังกำซ้อมไว้แน่น แฟนเราก็พูดกับน้องสาวเค้า เราก็ไม่เคยเห็นแฟนเราโกรธขนาดนี้มาก่อนเหมือนกัน วันนี้คงเกินไปจริงๆ เราจะพิมพ์สนทนาเท่าที่เราจำได้นะคะ แฟนเรา ทำไมทำแบบนี้ ซักวันพี่ก็ต้องมีครอบครัว พี่กับแม่ช่วยเลี้ยงเอ็งมาตั้งแต่ลำบากมาด้วยกัน พี่เจอคนที่ดี พี่ก็อยากมีลูกมีครอบครัวกับเค้า น้องสาว (ทั้งตะโกน ตะคอก กรี๊ดไปด้วย)ไม่ เมิงไม่รักกรู ถ้าเมิงรักกรู เมิงต้องไม่มีลูก เมิงต้องอยู่กับกรู เราก็คิดอะไรวะ ตลอดที่ผ่านที่ทำดีกับเรานี่เสแสร้งหรือป่าว ตอนนั้นมึนงงไปหมด นานมากแล้วน้องสาวเคยเล่าให้เราฟังว่า เค้าเคยไปหาจิตแพทย์ไปคุยเวลาเครียด แต่เราไม่สงสัยว่าเค้าป่วยหรือป่าว เพราะเราเห็นว่าอยู่ต่างประเทศไปหาจิตแพทย์เป็นเรื่องปกติของคนที่นี่ แฟนเรา (เริ่มโมโหมาก)เมิงทำแบบนี้แล้วเมิงรักกรูตรงไหน ถ้าเมิงรักกรูเมิงก็ต้องไม่ทำแบบนี้เหมือนกัน กรูไม่เข้าใจเมิงเป็นอะไร แค่กรูกำลังจะมีลูก เมิงเป็นไปได้ขนาดนี้เลยหรอ น้องสาว กรูไม่รู้ กรูไม่อยากให้เมิงมี กรูจะฆ่าลูกเมิง กรูจะทำให้มันแท้งตายทั้งแม่ทั้งลูก แฟนเรา เมิงทำแบบนี้ทำไม น้องสาว กรูมีลูกไม่ได้ทำไมพวกเมิงถึงมีได้ กรูไปทำแท้งเพราะกลัวเมิงเสียใจกลัวแม่เสียใจ กรูจะให้เมิงเลือกระหว่างกรูกับเมียเมิง ถ้าเมิงเลือกเมีย กรูจะไปเอง แล้วไปสร้างครอบครัวใหม่กรู ไม่มีใครรักกรูหรอก ต่อไปก็จะไปรักลูกเมิงกันหมด!! แค่ได้ยินแค่นั้นแหละค่ะเรารู้เลยว่าเป็นเพราะแบบนี้นี่เอง แต่อย่างไรก็ตามทั้งแม่แฟน แฟน และตัวเราเอง เคยพยายามเข้าใจในตัวเค้าว่าเค้าอาจจะขาดความอบอุ่น และเอาใจเค้ามาก และพอเอาใจเค้ามากไปหรือป่าว ทำให้เค้าเป็นแบบนี้ และที่เค้าไปทำแท้งแม่แฟนและแฟน เราด้วยไม่มีใครรู้มาก่อน ยังเคยบอกตัวน้องสาวเองเสมอว่า มีไรคุยกันนะ ยังไงครอบครัวก็รักเค้าเสมอ แต่เค้าเลือกจะทำแต่ไม่บอกใคร สิ่งที่ทุกคนพยายามทำให้เค้าคิดว่าเค้าไม่ได้ถูกทิ้ง มันไม่ได้ทำให้เค้าคิดแบบนั้นเลย และก่อนที่จะเค้าจะพลาดท้องและไปทำแท้ง ทุกคนเตือนเค้าหลายต่อหลายครั้ง เหมือนที่เราพิมพ์ไปข้างต้น เค้าเลือกไปอยู่กับผู้ชายคนนั้นและไม่คุยกับแม่เค้าเป็นเวลาหลายปี จากคุณ : บัวบุษราคัม เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 21:43:55

ความคิดเห็นที่ 13 ถ้าเป็นเราไม่หวังดีกะเราแบบนี้ ตบสั่งสอนเลยดีกว่า ฟังแล้วโมโหแทน จากคุณ : โบนัสลูกหมวย เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 21:44:25

ความคิดเห็นที่ 14 เป็นเรานี่จะไล่ออกจากบ้านไปเลย  จะไปอยู่ไหนก็ไปเถอะ อายุขนาดนี้ยังแยกแยะอะไรไม่ได้  พาไปรักษากับจิตแพทย์ก่อนดีกว่า  เป็นห่วงจขกท.กับลูก แก้ไขเมื่อ 15 ธ.ค. 55 21:53:34 จากคุณ : bussayayee เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 21:49:17

ความคิดเห็นที่ 15 เป็นห่วงความปลอดภัยจขกท. ค่ะ  อย่าเครียดนะคะ เดี๋ยวมีผลถึงเด็กในท้อง จขกท.เป็นทำดีมาตลอด ความดีต้องคุ้มครองค่ะ แผ่เมตตาให้น้องสาวแฟนนะคะ จะได้ช่วยบรรเทาความมืดบอดได้บ้าง แก้ไขเมื่อ 15 ธ.ค. 55 22:06:30 จากคุณ : Lady Girly เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 21:58:02

ความคิดเห็นที่ 16 เราเครียดมากเลยเดินเข้ามาร้องไห้ในห้อง ไม่คิดว่าเราจะต้องมาเจอเรื่องน้ำเน่าแบบนี้ เราร้องไห้แบบปล่อยออกมาเต็มที่ คงนึกออกใช่มั้ยคะ เวลาคนเราเสียใจมากจะร้องแบบแหกปากเลยอะค่ะ ซักพักสองคนนั้นก็เงียบกัน คือคุยจบกันแบบไม่ดี แฟนเราเข้ามาดูเราในห้องนอน ส่วนน้องสาวเค้าเก็บเสื้อผ้าจะไปอยู่บ้านเพื่อน เราพูดและร้องไปด้วยแบบหมดเปลือกเลยว่า "เราไม่ใช่คนดีอะไรมาก แต่พอมาเจอคนอย่างที่รัก ที่รักดีมากจนเราเปลี่ยนตัวเองให้ใจเย็นขึ้น ทำให้แม่และน้องสาวเค้าเห็นเสมอต้นเสมอปลายทุกอย่าง ทำไมเค้าต้องทำกับเราแบบนี้" แฟนเราพูดไรไม่ออก เรารู้ว่าเค้าก็คงตกใจว่าน้องสาวเป็นมากขนาดนี้ เค้าได้แต่ปลอบใจเรา ก่อนน้องสาวเค้าออกไป แฟนเราพยายามใจเย็น เดินเข้าไปคุยใหม่เพื่อที่จะได้ปรับความเข้าใจ แต่ไม่เป็นผล เราเลยถามว่าคุยอะไรกันไปบ้าง แฟนเราพยายามบอกเค้า ให้สงสารเราเถอะ ไม่เห็นใจเราหรอ มาศก็เห็นว่าเราเอาใจดูแลมาศดีแค่ไหน แต่คำตอบของน้องสาวคือ ไม่ว่าจะยังไงเค้าจะทำให้เราตายให้ได้ ทั้งลูกและเราต้องให้เราแท้ง จะแช่งเราทุกวัน พอได้ยินแบบนั้นเราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทำดีอีกต่อไป เราเปลี่ยนมาแบบเกลียดและแค้นจริงจัง เราพูดกับแฟนว่าถ้าเราตายตอนนี้แล้วท้องกลมด้วย เรานี่แหละจะไปหักคอหรือจะไปทำให้น้องสาวคุณเป็นบ้าไปเลย หลังจากที่น้องสาวออกจากบ้านไป แม่แฟนโทรมาคุยกับเราเค้าห่วงเรามาก และก็เหมือนแม่เค้าได้เปิดใจระบายคุยกับเราเรื่องน้องสาว แม่บอกว่า "แม่เสียใจมากๆนะที่ลูกสาวเค้ามาทำกับเราแบบนี้ แม่ผิดเองที่เลี้ยงลูกสาวเค้าไม่ดี ลูกสาวเค้าคงเป็นคนบาปหนาทำแม่เสียใจร้องไห้ยังไม่พอ ยังมาก่อกรรมแบบนี้อีก แม่เสียใจโกรธมัน แต่แม่ไม่อยากแช่งมันให้มันมีบาปติดตัว มันเป็นคนไม่รู้จักกตัญญูู ดีแล้วที่มันออกจากบ้านเรามาไม่งั้นแม่นอนไม่หลับกลัวมันจะบ้ามาทำอะไรเรา" เราก็ได้แต่ฟังแล้วก็แค่ ค่ะๆ ไป จากเหตุการณ์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเรานอนไม่หลับเลยแทบทุกคืน หลับก็สะดุ้งตื่นแบบผวา จะทำใจให้ปลงก็ช่างยากเหลือเกิน พยายามนึกถึงลูก ไม่โกรธไม่แค้น แต่ก็ทำยากจริงๆ ไอเราก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูน ขนาดฟังธรรมก็ใจเย็นแค่ชั่วคราว แต่มันก็ได้แค่นั้น ก็เกลียด แล้วยิ่งคนท้องอารมณ์แปรปรวนเป็นแบบนี้นี่เอง จะเล่าให้แม่ตัวเองฟังก็ไม่ได้ แม่ต้องมาเครียดไปกับเราด้วย เรายิ่งแสดงออกว่าเราเกลียดน้องสาวแฟนเรามากขึ้นทุกวัน แฟนเราเค้าเข้าใจว่าเรารู้สึกยังไง จากคุณ : บัวบุษราคัม เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 21:59:05

ความคิดเห็นที่ 17 ดิฉันอยากเตือนคุณ ถ้าอิเด้กนี้ยังอยู่บ้านเดียวกับคุณ คุณไม่ปลอดภัยแน่นอน ไม่ใช่แค่คุณคนเดียวสิ ลูกคุณไม่ปลอดภัยแน่ๆ ถ้าอิเด้กนี้ยัง ยู่ คุณก้อย้ายออกมาเถอะ เป็นห่วงคุณกับลูกอะคะ อยู่ด้วยกันไม่ได้แล้วคนแบบนี้ ชั่วช้า เห็นแก่ตัว  โมโหแทน จขกท คุณควาจะเปลี่ยนลูกกุญแจนะคะ ทุกอันกันมันกลับมาทำร้ายคุณ แก้ไขเมื่อ 15 ธ.ค. 55 22:02:00 จากคุณ : pettucci เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 21:59:41

ความคิดเห็นที่ 18 ดีแล้วค่ะให้เค้าออกไป เพราะคนแบบนี้ มีอาการทางจิตนะคะ เค้าควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ได้ แล้วตรรกะเพี้ยนมาก เพราะฉะนั้นเหตุผลเค้าไม่มีหรอกค่ะ ไม่มีการยับยั้งชั่งใจ ระวังตัวเอง เพราะคนนี้ บทจะขู่ก็ขู่ แต่บทจะเอาจริง ก็ทำจริงนะคะ เราไม่ได้ขู่ จขกท.แต่ เป็นห่วงชีวิตจริงๆค่ะ เค้าอาจจะไม่เอาถึงชีวิตเรา แต่เค้าคงกะเอาให้แท้งจริงๆค่ะ เพราะเค้าฝังใจเรื่องเค้าไปทำแท้ง และเค้ากลัวโดนแย่งความรักไป ..ชีวิตเค้าไม่ประสบความสำเร็จ ทั้งชีวิต การงานความรักก พอเจอที่ดีกว่า.....ก็เลยเป็นแบบนั้น คนในครอบครัวที่คิดว่าพึ่งได้ที่สุด คือพี่ชายตนเอง ไปรักกับคุณ ที่ดีกว่า...เค้าเลยอิจฉา ไม่อยากให้ได้ดี กลายเป็นความเกลียดชัง จากคุณ : หมูหวานน้ำกะทิ เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 22:08:44

ความคิดเห็นที่ 19 ห่วงคุณ ห่วงเด็กในท้อง สติหลุดมา น้องสาวแฟนคุณฆ่าคุณตายทั้งกลมได้นะคะ หรือไม่คุณคลอดน้องแล้วเขาฆ่าลูกคุณล่ะ คนโรคจิตอย่างไรก็ไม่น่าไว้ใจ เฮ้อ...กลัวแทน แก้ไขเมื่อ 15 ธ.ค. 55 22:10:43 จากคุณ : อิมาอิซัง เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 22:09:36

ความคิดเห็นที่ 20 จะว่าตอนนั้นเราจะเข้าข่ายเป็นโรคประสาทก็ไม่แปลกใจตัวเองเลย เป็นใครเจอเหตุการณ์แบบนี้คงไม่ต่างอะไรจากเรา ผ่านมา 1 เดือนเราเริ่มเย็นลงบ้าง แต่ก็แน่นอนไม่มีใครหายโกรธได้ง่ายๆ เราดูแลตัวเองมากขึ้น พยายามรักษาจิตตัวเองให้ดีเพื่อลูก จะทำอะไรก็ต้องนึกถึงลูกไว้ก่อน แต่อาการผวานอนไม่หลับยังเป็นอยู่ไม่หาย แม่แฟนโทรมาคุยกับเราเรื่อยๆ มาให้กำลังใจ โทรมาเล่าว่าตอนนี้น้องสาวย้ายกลับมาบ้านแม่เค้ามาอยู่กับแม่เค้าแล้ว เวลาจะโทรมาหาเรา มาเยี่ยมเราแม่ต้องแอบทำ เพราะถ้าน้องสาวรู้จะอาละวาด โกรธ ตะคอกแม่ จนพ่อเลี้ยงของแฟนเราเค้าบอกว่า จะให้ชั้นโทรไปหาหมอให้มั้ย (หมอจิตแพทย์) แม่แฟนเค้าก็คงรักลูก อีกอย่างคงกลัวลูกสาวอายคนไทยด้วยกัน เลยบอกว่ารอซักพักได้มั้ย เผื่อน้องสาวจะใจเย็นลงกว่านี้ อาจจะดีขึ้น พ่อเลี้ยงเลยตามใจแม่ แต่แม่จะบอกให้น้องสาวเป็นคนไปหาหมอเอง ไปคุยกับหมอว่าชั้นป่วย แต่คำตอบของน้องสาวคือ ไม่ได้เป็นอะไร ทำไมต้องไป.... เราไม่รู้ว่าน้องสาวเค้าเอาเรื่องไปพูดอะไรเติมแต่งให้ใครฟังว่าอะไรบ้าง เพราะๆอยู่วันนึงเพื่อนของน้องสาว ซึ่งรู้จักกับแฟนเราด้วยเค้าโทรมาคุยให้ฟังว่า น้องสาวไปบอกว่า แฟนเราไม่ต้องการได้ลูก แต่เราปล่อยให้ท้องแล้วจับแฟนเรา น้องสาวเลยทะเลาะกับเราแล้วออกจากบ้านมา แฟนเราฟังเลยอธิบายความจริงไปทั้งหมด แล้วบอกเพื่อนน้องสาวว่า อย่าไปฟังน้องสาวเราพูดเพราะเค้าคิดว่าตอนนี้น้องสาวกำลังป่วยอยู่ ถ้าน้องสาวใจเย็นยังไงก็ช่วยบอกให้เค้าไปหาหมอ ถ้าเพื่อนพูดเค้าอาจจะฟัง เพื่อนเค้าเลยรับปากไปว่าจะพูดให้ เวลาแฟนเราไปหาแม่ที่บ้าน น้องสาวก็จะออกมาตะโกนไล่แฟนเราเหมือนหมูเหมือนหมาตลอด เรากลายเป็นนางเอกในสายตาญาติๆแฟนมาก คงเป็นเพราะโชคดีที่เราเป็นฝ่ายเงียบ เหมือนจะไม่ตอบโต้ ญาติแฟนเราโทรมาร้องไห้กับแม่ว่าสงสารเรา คนท้องคนไส้มาเจอเรื่องแบบนี้ จะอยู่ได้ยังไง ทำไมน้องสาวต้องทำแบบนี้ ตอนมาเมืองไทยก็พาไปทำบุญ อ่านธรรมะให้มันฟัง เรื่องบาปบุญคุณโทษ มันไม่เข้าหัวน้องสาวเลยหรอ แล้วญาติแฟนก็ถามแม่ว่า ถามอะไรตรงๆนะตอนมันมาทำบุญเห็นมันทำสังฆทานชุดใหญ่เกี่ยวกับคนทำแท้ง มันไปทำอะไรมาหรือป่าว แต่แม่ไม่กล้าบอก เรื่องนี้ไม่มีใครรู้เลยนอกจากแม่ แฟนเรา และเรา จากคุณ : บัวบุษราคัม เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 22:13:55

ความคิดเห็นที่ 21 น้องแฟนมีปัญหาทางจิตค่ะ พาไปรักษาโดยด่วน ถ้ารักษาดีๆ เค้าอาจจะดีขึ้นนะคะ ลองปรึกษากันดู ลองติดต่อจิตแพทย์ที่เค้าเคยไปหา ส่วนคุณก็อย่าคิดมาก คิดซะว่าเค้าเป็นคนบ้า ดูแลตัวเองดีๆ ระวังตัวมากๆ อย่าไปไหนตามลำพังในที่เปลี่ยวๆ จะเข้าบ้านมองซ้ายขวาให้ดี น้องเค้ามีกุญแจบ้านเปล่าคะ ถ้ามีเปลี่ยนเลยค่ะ  คนิตไม่ปกติ คลั่งขึ้นมา ทำไรไม่คิดนะคะ จากคุณ : Nam_kang เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 22:24:22

ความคิดเห็นที่ 22 จนผ่านเราน่าจะตั้งครรภ์ประมาณเข้าเดือนที่ 3 ช่วงเดือนกันยาที่ผ่านมานี่เอง เราเริ่มมีเลือดออกจางๆ และตอนนั้นแหละที่ไม่รู้จะทำยังไงว่าเป็นอะไรหรือป่าว โทรไปถามหมอ หมอก็บอกอาจจะเป็นเพราะเลือดคล้ายๆประจำเดือน (หรือคนไทยเรียกว่าเมนส์ล้างหัวเด็ก) แต่เราก็ยังไม่วางใจเลยมาตั้งกระทู้ถามแม่ๆห้องชานเรือน ก็ได้รับคำตอบมากมายเป็นความรู้ เราก็ระมัดระวังตัวเองมากขึ้นๆ เรามีเลือดสีน้ำตาลส้มจางๆออกมาประมาณ 4-5 วัน และคืนนั้นประมาณตี 3 เราตื่นมาเพราะหิวพอลุกมาแล้วก็มีน้ำไหลๆมา เราเข้าห้องน้ำไปเช็ดว่ามันคืออะไร ปรากฏว่ามันเป็นเลือดสดๆมีก้อนเลือดออกมาด้วย เราตกใจมากแต่ยังคุมสติอยู่ คิดในแง่ดีไม่มีอะไรๆ เข้าไปเรียกแฟนให้แฟนดู แฟนเลยรีบพาเรามาโรงพยาบาลเข้าห้องฉุกเฉิน หมอตรวจวัดความดัน ชีพจร แล้วก็ให้เรารอหมอเฉพาะทางเพราะตอนนั้นตี 3 จะตี 4 หมอติดเคสคลอดคนไข้พอดีอีกตึกนึง พยาบาลไม่ให้เรากลับบ้าน แต่เข้ามาถามอาการตลอดว่าปวดท้องมั้ย เราไม่ปวดท้องหรือมีอาการอะไรน่าเป็นห่วง แฟนเราอยู่กับเราตลอดเวลาไม่ไปไหน ไม่ได้นอนเลยทั้งคู่ จนถึงเวลาหมอมาตรวจ หมอให้เราไปนอนบนขาหยั่ง เพื่อที่จะอุนตร้าซาวด์ หมอใช้เครื่องอุนตร้าซาวด์แบบสอดเข้าไปในช่องคลอด เราเจ็บมาก เพราะเรายังตั้งครรภ์อ่อนๆเลยไม่สามารถใช้อีกแบบได้ หมอกดท้องเรา และส่องหาตัวเด็ก ส่องซักพักก็เจอตัวทารก ลูกเราคล้ายๆลักษณะยังเป็นเหมือนเม็ดถั่ว 3 เดือนต้องมีการพัฒนามากกว่านี้ หมอได้อธิบายให้เราและแฟนเราฟัง ตรวจเสร็จได้แค่พูดกับแฟนเราว่า "เสียใจด้วยค่ะ ตัวอ่อนไม่เติบโตตามปกติ" เรากับแฟนช็อคมาก เราหน้าซีดมาก เกิดมาไม่เคยมีอาการเป็นลม แต่ครั้งนี้รู้สึกเลยว่าอาการจะเป็นลมเป็นยังไง เรากับแฟนเรายังมีความหวัง ถามหมอให้แน่ใจหลายรอบ และประโยคสุดท้ายหลังจากที่หมออธิบายเสร็จ หมอถามเราสองคนว่า "คุณจะเลือกเอาออกแบบไหนดี เรามีสองแบบคือแบบทานยาและระบบสุญยากาศ" เราช็อคหนักกว่าเดิม ทั้งหมอมาบอกแบบนี้เราจะตอบถูกไหมเนี่ย ยังไม่เคยรู้เลยว่าเค้าเอาเด็กออกกันยังไง? จากคุณ : บัวบุษราคัม เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 22:27:23

ความคิดเห็นที่ 23 เห็นใจคุณค่ะ เราเข้าใจคุณเราก็นิสัยเหมือนคุณ เป็นคนแรงแต่กับคนที่แคร์อะไรยอมได้ก็จะยอมแต่อย่าให้ ตบะแตกค่ะ ต้องพังกันไปข้างนึง..ถ้าเราเป็นคุณ อิเด็กนี่ไม่ก็เราต้องตายกันไปข้างนึง เราจะเอาเลือดหัวมันออกให้ได้เลย หึหึ... จากคุณ : bombgolf เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 22:29:11

ความคิดเห็นที่ 24 อ่านแล้วเป็นห่วงจขกท. จังค่ะ ทำไมคนที่บ้านเค้าใจเย็นจัง น่าจะพาน้องสาวคุณไปหาจิตแพทย์ได้แล้ว ถึงขั้นขู่ฆ่าเอาชีวิตกัน เราว่าเกินไปหน่อยนะคะ ยังไงดูแลรักษาตัวเองให้ดี อย่าเครียดนะคะ พยายามอย่าอยู่คนเดียว ถ้าอยู่คนเดียวก็ล็อกบ้านให้เรียบร้อย เปลี่ยนกุญแจบ้านก็น่าจะดี ขอให้พระคุ้มครองเจ้าของกระทู้นะคะ ใครที่คิดไม่ดีก็ขอให้มันแพ้ภัยตัวเอง จากคุณ : Trippy เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 22:30:45

ความคิดเห็นที่ 25 เรายังไม่ตอบหมอ เราหันไปมองหน้าแฟนแล้วถามย้ำเค้าว่า นี่เราสองคนเสียลูกไปจริงๆหรอ? ณ เวลานั้นเรายังจะกรี๊ดออกมาดังๆ อยากร้องไห้ แต่เข้าใจคำว่าช็อคจนน้ำตกในมั้ยคะ เรากับแฟนควบคุมสติตัวเองมากๆ แต่ก็ควบคุมไม่ดีเท่าไหร่ เราพูดบ่นพึมพำๆ ว่าเราต้องเอาลูกออกจริงๆหรอ เราแท้งหรอ ทำไมๆต้องเป็นเรา แฟนจับมือเราตลอดเวลา ตาแดงๆแต่ไม่มีน้ำตาออกมาให้เห็นเลย หมอก็รอคำตอบจากเราสองคน เราจึงถามหมอว่าวิธีไหนที่หมอคิดว่าดีที่สุด หมอบอกว่าทานยาขับ แต่ตัวยาจะไม่ได้เกิดผลกับทุกคน แต่ส่วนมากจะเห็นผล ถ้าไม่เห็นผลคือใช้วิธีดูดออก ซึ่งหมอบอกไม่ค่อยอยากทำมันยุ่งยาก เราฟังแล้ววิธีไหนเราก็ไม่อยากทำ ดูเรื่องคนอื่นมาก็เยอะ ไม่คิดเลยว่าจะเจอกับตัวเอง ใจนึงที่กลัวมากคือกลัวบาปมาก เราทำใจไม่ได้ พอรู้ว่ามีเค้ามาเกิดด้วย เรารักเค้ามาก รักที่แม่คนนึงมีต่อลูก เราฝืนบอกไปทั้งๆที่ไม่อยากจะพูดเลยเราเลือกกินยา หมอก็เลยให้เราเขียนเอกสาร ให้คนพาเราไปแผนกสูติ เราหน้ามืดมากเค้าเลยพาเรานั่งรถเข็นไป พอมาถึงก็มีพยาบาลสองคนที่เป็นคนจะดูแลเราพาเราไปห้องคนไข้ เรายังถามหมอย้ำอีกครั้งชั้นต้องทำจริงหรอ หมอบอกว่าถ้าไม่ทำคุณจะเสียชีวิตเพราะทารกเสียชีวิตตั้งแต่ในครรภ์แล้ว เราเหมือนหลุดออกไปจากโลกเลยตอนนั้น จิตใจเลื่อนลอยมากๆ พยาบาลพาเรามาที่เตียง ตรวจความดัน เจาะเลือด ให้น้ำเกลือ เพราะไม่ได้กินอะไรตั้งแต่มาโรงพยาบาล หมอให้เรากินยาขับทั้งหมด 3 ครั้งเราเจ็บปวดมากที่สุดในชีวิตทั้งกายและใจ เราระเบิดร้องไห้ตอนที่ยาให้ขับเลือดเราออกมา หมอคุยกับเราว่าเราต้องการพบจิตแพทย์มั้ย เราบอกว่าไม่เป็นไรศาสนาเราสามารถคุยกับพระไปที่วัดได้ หมอก็ตามใจตามเจตนาของเรา คืนนั้นเรานอนโรงพยาบาล 1 คืน สภาพเราเหมือนคนวิญญาณออกจากร่างไปเลย จากคุณ : บัวบุษราคัม เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 22:38:15

ความคิดเห็นที่ 26 น้องสาวเนี่ยโรคจิตแล้วล่ะค่ะแบบนี้ จากคุณ : ning and the cat เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 22:44:00

ความคิดเห็นที่ 27 เสียใจเรื่อง ลูกในท้องด้วยจริงๆค่ะ เสียใจด้วยจริงๆ เราสงสารคุณจังเลย จากคุณ : bombgolf เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 22:49:05

ความคิดเห็นที่ 28 เอาใจช่วยคะ ขอให้มีตัวเล็กไว ๆ ( จากการที่เราเคยแท้งมา ตอนนี้ มี 2 คนแล้วค่ะ) จากคุณ : แม่มดสีฟ้า เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 22:49:12

ความคิดเห็นที่ 29 แฟนเราก็คงแย่ไม่ต่างอะไรจากเราแต่เค้าต้องทำตัวเข้มแข็งเพื่อที่จะดูแลเรา เราสงสารและยิ่งรักเค้ามากขึ้น กลับมาบ้านเราสองคนก็อยู่เหมือนคนไม่มีญาติ นานๆทีแม่แฟนจะมาหาเราสองคน เพราะเค้าคงต้องดูแลลูกสาวเค้าด้วย ถามว่าน้อยใจมั้ย น้อยใจค่ะแต่เราพยายามเข้าใจว่ายังไงแม่ก็ต้องรักลูกตัวเอง ถึงแม้ลูกจะทำอะไรไม่ดีมาก็ตาม นับจากวันนั้นถึงวันนี้เข้าเดือนที่ 4 ที่เราเสียลูกไปพร้อมกับเจอปัญหาร้ายๆถาถมเข้ามา เราสองคนอยู่แบบต่างคนต่างไม่ยุ่งกัน ไม่ติดต่อกัน นอกจากแม่แฟนยังมาเยี่ยมมาหาเราสองคนอยู่บ้าง คอยเป็นคนกลางสื่อสารแทน เราเริ่มปลงได้ ความโกรธแค้นจางลง แต่ถ้าถามว่าพร้อมจะอภัยหรืออโหสิหรือยัง กล้าตอบเลยว่ายัง เพราะเหตุการณ์มันร้ายแรงกว่าจะอภัยกันได้ง่ายๆสำหรับเรา และถ้ากลับมาดีกันยังไงมันก็ไม่เหมือนเดิมเท่าไหร่ เพราะที่ผ่านมามันทำให้เราได้รู้ว่า คนนั้นเค้ารู้สึกกับเรายังไง สองอาทิตย์ที่ผ่านมา แม่แฟนพยายามชวนให้แฟนไปนั่นด้วยพร้อมกับน้องสาว เราไม่ขัดขวางหรอกค่ะเรารู้ว่ายังไงเค้าสองคนก็พี่น้องกัน ตัดขาดกันไม่ได้หรอกแต่เราไม่ไปด้วย ไปก็คงอึดอัดแต่แฟนเราบอกว่าเค้าก็ยังไม่คุยกับน้องเค้า ทั้งที่น้องสาวเค้าก็เหมือนจะพยายามคุยเหมือนจะกลับมาเข้าแฟนเราอีกครั้ง และเมื่อวานนี้เอง แม่แฟนโทรมาหาเราอยากให้เรามากินเค้กวันเกิด กินข้าวที่บ้านน้องสาว แม่มาจัดวันเกิดที่บ้านน้องสาว (น้องสาวเพิ่งย้ายออกมาจากบ้านแม่ค่ะ) แม่ก็พยายามเล่าให้เราฟังว่า น้องสาวเค้าสำนึกผิด เค้ารู้สึกผิดที่ทำเอาไว้มากทำไม่ดี และวันนี้เราก็ตัดสินใจไม่ไป ให้แฟนเราไปแทน ที่เราตัดสินใจไม่ไปคือน้องสาวเค้าคงรู้สึกผิดกับพี่ชายเค้ามากกว่ารู้สึกผิดกับเรา และแม่แฟนก็บอกว่าแต่น้องสาวยังไม่พร้อมที่จะขอโทษหรือขอขมา เพราะเค้าอาย เราตอนนั้นคิดว่า เออ..ยังดีนะถ้ารู้สึกแบบนั้นจริงๆ แต่เค้าทำกับเราไว้มากจริงๆเราก็ยังไม่พร้อมที่จะกลับไปทำหรือพูดดีเหมือนเดิม น้องสาวลบเบอร์โทรเราออก ตัดทุกอย่างเราออกหมดทุกอย่าง โกรธเพียงเพราะว่าเราท้อง เราผิดที่ปล่อยให้ท้องแค่นั้นเอง ซึ่งมันเป็นเหตุผลที่ไร้สาระที่สุด ถ้าเราหายโกรธ อภัยเค้า แล้วถ้าเราเกิดพร้อมที่จะมีลูกอีกครั้ง เค้าจะมาทำแบบนี้กับเราอีกหรือป่าว นี่แหละเลยทำให้เรายังไม่พร้อมจะที่ไปเจอหน้าเค้าเหมือนไม่มีอะไรเกิด ขอบคุณที่มาอ่านและฟังเราระบายนะคะ มันเป็นเรื่องจริงไม่แต่งแน่นอน เราเล่าให้ญาติที่เมืองไทยฟังเค้ายังบอกเลยว่า ถ้าเราไม่ใช่ญาติคงคิดว่ามันพลอตละครน้ำเน่า 555 ถ้าสงสัยอะไรก็ถามได้นะคะ เราจะตอบเท่าที่จะตอบได้ค่ะ จากคุณ : บัวบุษราคัม เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 22:57:17

ความคิดเห็นที่ 30 เราว่าน้องสาวแฟนคุณป่วยค่ะ ถ้าจะมีลูกกันอีกจริงๆ คงต้องคิดแล้วหล่ะค่ะว่าจะทำยังไงกับคนๆนี้ เธออาจะมาทำร้ายคุณอีกหรือถ้ามีลูกก็ควรที่จะไม่ให้ลูกเข้าใกล้ ถ้าเป็นเราแฟนเรารักเรา เรารักแฟนมากขนาดนี้ เราคงดีใจ แต่จะไม่ให้ผู้หญิงคนนี้เข้าใกล้เราและลูกเราเป็นเด็ดขาด เอาใจช่วยนะคะ ขอให้ทุกๆอย่างดีขึ้นค่ะ จากคุณ : nandy_gal เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 23:06:43

ความคิดเห็นที่ 31 เป็นกำลังใจให้ จขกท นะคะ จากคุณ : dewproud_2915 เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 23:17:39

ความคิดเห็นที่ 32 แฟนเราอ่านทู้นี้ เค้าบอกถ้าเค้ามีน้องสาวแบบนี้ กระทืบก่อนตรงนั้นแล้วจับส่ง รพ บ้าสถานเดียวค่ะ ขอโทษที่หยาบคายนะคะ แต่มันขึ้นอะ คือนางป่วยอะ ดูเป็นอันตรายมาก คุณไว้ใจได้แค่ไหน กับคำพูดที่นางบอกว่านางสำนึกผิด เป็นเราไม่มีวันให้อภัยนะ คิดฆ่าเรายังพอทน นี่คิดจะฆ่าลูกเราตั้งแต่อยู่ในท้อง อิบ้า ยังไงก็ขอให้ จขกท สู้ ๆ นะคะ เลี่ยงได้ก็เลี่ยง อย่าอยู่ตามลำพังกับนางนะ เป็นห่วงค่ะ จากคุณ : CAKECAKECAKE เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 23:27:03

ความคิดเห็นที่ 33 เอาใจช่วยนะค๊ะ เราก้เป็นอีกคนที่เคยแท้งลูกเพราะสาเหตุเดียวกะคุณเลยค่ะต้องขุดมดลูกทิ้ง เข้าใจเลยว่าน้ำตาตกในเปนยังไง ทำใจให้สบายนะคะคิดในทางที่ดีเพราะคนที่เคยขุดมดลูกมาแล้วจะมีโอกาสท้องครั้งต่อไปได้ง่ายค่ะ หลังจากนั้นไม่ถึงปีเราก้ท้องแล้วค่ะ(เปนคนประตำเดือนไม่ค่อยมาเหมือนกัน) คอยนับวันไข่ตกจะช่วยได้เยอะเลยค่ะ ส่วนเรื่องน้องสาวแฟนอย่าเอามาใส่ใจเลยค่ะคิดซะว่ามีเวรมีกรรมต่อกันในชาตินี้ คุณยังโชคดีนะคะที่แฟนแม่แม่เค้ายังมีใจเปนกลางเข้าใจคุณด้วย เรื่องราวมันเลยไม่เลวร้ายไปมากกว่านี้ ทำใจให้สบายทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ลูกเยอะๆเค้าจะได้มีโอกาสมาเกิดใหม่อีกครั้ง สู้ๆนะคะ จากคุณ : ช่วยบอกทีจะให้ใช้ชื่ออะไร เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 23:38:02

ความคิดเห็นที่ 34 น้งสาวกลับมาทำดีเพราะดีใจที่คุณแท้งไม่ได้สำนึกผิดหรอกค่ะ โรคจิตอย่างรุนแรง ไม่เคยเห็นใครขี้อิจฉาขนาดนี้มาก่อน สงสารคุณจัง เหมือนละครน้ำเน่าเลย ขอให้ล๋กมาเกิดอีกครี้งเร็วๆนี้นะคะ จากคุณ : mom in taipei เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 23:38:53

ความคิดเห็นที่ 35 ในสายตาแม่เค้า แม่เค้าเล่าให้เราฟังว่า น้องสาวดีขึ้นค่ะใจเย็นลงเค้าเลยไม่ได้ไปบังคับเรื่องไปหาหมออีก น้องสาวเป็นคนอารมณ์รุนแรง แต่ทุกคนยอมหมด อาจจะเป็นเพราะความสงสารที่พ่อเสียตั้งแต่เกิดไม่เคยเห็นหน้าพ่อ แม่เลยให้ความรักความเอาใจมาก ด้านดีเค้าก็มีค่ะ ซึ่งเราก็เห็น เราก็ยังเคยพูดกับแฟนว่าแม่รักเค้ามากเกินไป จนกลายเป็นผลเสียแบบนี้ แต่กระนั้นเถอะไม่มีใครสามารถพูดอะไรได้ เรามันก็แค่สะใภ้ วัฒนธรรมไทยถ้าเราพูดอะไรมากไปอาจจะกลายเป็นว่าไม่ถูกกับแม่สามีเพิ่มไปอีกคนนึง ถ้าน้องสาวสำนึกผิดอย่างที่แม่บอกจริงก็ดีค่ะ แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกเราเชื่อว่าแม่ก็คงไม่ปล่อยไว้เหมือนกัน เราเชื่อแบบนั้น เรื่องหาหมอแม่ก็เคยขอร้องให้น้องสาวไปหาแล้วค่ะ แต่น้องไม่ไป เราเรียนทางด้านนี้มาพอรู้อยู่บ้าง ที่เมืองไทยเราไม่รู้นะคะ ถ้าที่นี่คนไข้จะไปรักษาได้คือต้องรู้ว่าตัวเป็น ถ้าไปแล้วเค้าปฏิเสธ เราก็ไม่สามารถรักษาได้ ถ้ากรณีหมอจะมาเอาตัวที่บ้านไปรักษาได้นั้นคงเหมือนเคสทั่วไปคือ คนไข้ขาดสติ ไม่มีสติ ตอนนี้เค้าเย็นลงได้ก็โอเคแล้วค่ะ เราเองก็ไม่ชอบเป็นคนที่ทำให้ครอบครัวคนอื่นแตกแยกเหมือนกัน จากคุณ : บัวบุษราคัม เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 23:43:43

ความคิดเห็นที่ 36 ขอบคุณมากๆค่ะที่ให้กำลังใจ หวังว่าทุกอย่างคงดีขึ้นและผ่านไปได้ด้วยดีเร็วๆ จากคุณ : บัวบุษราคัม เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 23:44:36

ความคิดเห็นที่ 37 น้องสาวสามี จขกท เหมือนเป้นพวกรักพี่ชายตัวเองเลยอ่ะ คือที่มีแฟนนี่ก็เอามาแทยพี่ เลยหาคนที่พี่ชายตัวเองรุ้จักหรือสนิท อย่างน้อยก็ยังใกล้เคียงพี่ตัวเอง ((เราคิดมากไปป่ะเนี่ย)) จากคุณ : หนมจีนเส้นหนึบ (kkasemos) เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 23:53:12

ความคิดเห็นที่ 38 สงสารคุณจังเลยค่ะ ขอให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีนะคะ ขอให้ตัวเล็กกลับมาไวไว ส่วนน้องสาว แยกบ้านแล้ว เดี๋ยวคงมีปั๋ว คงเลิกบ้า - - จากคุณ : rainswatch เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 23:53:55

ความคิดเห็นที่ 39 บุญรักษานะคะ แต่ก็อดห่วง ถ้าคุณท้องอีกครั้ง เกรงว่าน้องสาวสามีคุณจะสติแตกอีก ตอนนี้เหมือนเขาจะสมใจแล้ว ถึงได้นิ่งๆ อยู่ จากคุณ : อิมาอิซัง เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 23:58:27

ความคิดเห็นที่ 40 ไม่มีคำพูดไหนที่เหมาะสมกับน้องสาวแฟนคุณ เพราะทุกตัวอักษรที่จะว่ามันมีค่ามากกว่านางงงงงงจริงๆๆ จากคุณ : น้องเล้ง เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 23:58:52

ความคิดเห็นที่ 41 เป็นกำลังใจให้น๊ะค๊ะและขอให้ผ่านมันไปได้เร็วๆๆๆ จากคุณ : น้องเล้ง เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 23:59:33

ความคิดเห็นที่ 42 จะว่าเราแอบมองโลกในแง่ร้ายด้วยก็ได้ เพราะเราก็คิดเหมือนคุณ  mom in taipei และคุณ อิมาอิซัง เราถึงยังนิ่งๆ ยังไม่พร้อมจะเจอหน้าและคุยกัน จะว่าหลีกปัญหาก็ไม่ใช่ ถ้าเราผิดเรากล้าจะยอมรับผิด แต่นี่เราไม่ได้ทำอะไรให้เค้าเลย ลำบากใจเหมือนกันค่ะพูดตรงๆ จากคุณ : บัวบุษราคัม เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 55 00:15:49

ความคิดเห็นที่ 43 เรื่องลูก พยายามใหม่นะคะ ถ้าประจำเดือนมาไม่ปกติ ลองปรึกษาหมอดู ว่าเป็นเพราะอะไร ยาปรับฮอร์โมน หรือเร่งไข่ตกอาจช่วยได้ เรื่องน้องสาวแฟนเราว่าถ้าจะให้กลับไปคุย คงต้องยืนยันให้เค้ามาขอโทษคุณต่อหน้าแฟน และแม่เค้า ถึงแม้จะไม่มีวันกลับเป็นเหมือนเดิม แต่ถือว่าทำเพื่อสามี ยังไงก็ตัดกันไม่ขาด แต่ถ้าเค้าไม่ยอมมาขอโทษ จะด้วยเหตุผลอะไร ก็ไม่ต้องไปสนใจค่ะ ตั้งครรภ์คราวหน้าปิดเงียบ อย่าบิกน้องแฟนค่ะ จนท้องออกโน่น ให้เค้าเห็นเอง จะบ้าอะไรก็เชิญ ถ้าอยากลองของ อีกเดือนสองเดือนลองไปบอกเค้าสิคะว่าท้อง ดูว่าเค้าสำนึกผิดจริงมั๊ย จากคุณ : Nam_kang เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 55 00:23:07

ความคิดเห็นที่ 44 คุณ Nam_kang ลองของน่าสนมากๆค่ะ 5555 เรื่องขอโทษแม่แฟนโทรมาคุยกับเราเมื่อวานแล้วค่ะ แม่บอกให้เค้ามาขอขมาซะ แต่ถ้าเค้ามาจริงๆ เราก็ไม่ทราบว่าคนที่เค้าอยากจะขอจริงๆคือเราหรือพี่ชายเค้า แต่คงอยากจะพี่ชายมากกว่า ดูเชิงแล้ว แต่คงยากค่ะ น้องสาวบอกแม่ว่า ยังไม่พร้อมที่จะทำค่ะ จากคุณ : บัวบุษราคัม เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 55 00:36:05

ความคิดเห็นที่ 45 อ่านแล้วขนหัวลุก ร้องไห้ตามคุณไปด้วยเลย เด็กคนนี้ต้องพบจิตแพทย์นะคะ ...นับจากนี้ไปอย่าไว้ใจอะไรคนนี้อีก น้ำดื่ม ที่ทำงาน กุญแจบ้าน เค้ากลัวคุณท้องอีกแน่ .... คุณหายไปคนเดียว เค้าไม่รู้สึกผิดเท่าไหร่  เดี๋ยวพี่ก็หาภรรยาใหม่ ถ้าทั้งคุณทั้งลูกหายไป .... แม่และพี่ต้องเกลียดเค้ามากๆ คุณเข้าใจนะคะเราหมายถึงอะไร ลองประเมินสถานการณ์ดูนะคะ มองร้ายที่สุดไว้ก่อน กันไว้ดีกว่าแก้ ขอให้ปลอดภัยทุกทางนะคะ เอาใจช่วย จากคุณ : เสาไฟมุมถนน เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 55 00:42:50

ความคิดเห็นที่ 46 ถ้าเนื้อเรื่องเหมือนละคร ก็ทำเหมือนละครไปเลยค่ะ ถ้าท้องขึ้นมาอีก ก็หลบหน้าหลบตาทั้งแม่สามี ทั้งสามีไปอยู่คนเดียว หรือกลับมาอยู่ไทยเงียบๆเลยค่ะ คลอดแล้วค่อยเจอ อันตรายนะนั่น ถ้าผลักคุณล้มทำไง ดูแลตัวเองดีๆค่ะ จากคุณ : ยัยหมูกระต่าย (kitty_76) เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 55 02:15:12

ความคิดเห็นที่ 47 ขอให้เรื่องร้ายๆผ่านพ้นไปค่ะ ตอนนี้ก็แยกกันอยู่แล้ว เราเข้าใจ จขกท เลยเพราะเราก็ผ่านมาแล้ว ต้องมาร่วมชะตากรรมกับพวกโรคจิตมันเป็นยังไง  ยิ่งครอบครัวแฟนเรา ทั้งพี่ชายและน้องสาว ต้องพบหมอจิตตลอดแถมแม่แฟนก็อยู่ในวัยทอง แต่เราอยู่ด้วยกันแป๊บเดียว เรากับแฟนก็แยกออกมา  ก็ยังไปมาหาสู่กันบ้าง  พอเจอกันก็ทําสงครามเย็นกับเรา(ลับหลังสามี )เมื่อก่อนก็จะปรี๊ดดดมาก แต่เก็บอาการ   พอหลังมาก็พยายามเข้าใจ  เพราะถ้าเราโมโหทะเลอะไปเดี๋ยวตัวเราจะเป็นบ้าไปก่อนเค้า  เราเองเราพยายามเลี่ยงไม่เผชิญหน้้า นอกจากจําเป็นจริงๆ ถึงจะไปหา แต่ทุกวันนี้เราใช้วิธี ตาต่อตาฟันต่อฟัน กับครอบครัวสามี จําพวกมีโรคสําออยเรียกร้องความสนใจ ขนาดแยกกันอยู่ตอนเราท้องน้องสาวเค้ามีแฟน เค้าก็อยากมีแต่พ่อแม่เค้าไม่ยอมให้มี เพราะพ่่อเค้าเลี้ยงทั้งลูกสาวและแฟนลูกสาว พ่อหาสัตว์มาให้เลื้ยงเติมบ้านเลยแต่เรากับแฟนไม่เคยพิ่งพาเค้าแม้แต่แดงเดียว ตอนอยู่่บ้านเค้าเรากับแฟนก็จ่ายเป็นรายเดือนให้   ตอนลูกเล็กเราก็ทุกใจไม่น้อย  แต่ทุกวันนี้ไปใหนมาใหนลูกเกาะแขนเกาะขาพ่อตลอด จนโรคสําออยจากครอบครัวนั้นเริ่มหายไปเองแล้ว   ขอให้ จขกท เข้มแข็ง และให้เรื่องร้ายๆผ่านไป แต่อย่างหนึ่งที่อยากบอก คือ อย่าใว้ใจนะค่ะ เพราะคนมันเคยเป็นยังงัยมันยากที่จะเปลียนแปลงค่ะ จากคุณ : hagley เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 55 02:45:53

ความคิดเห็นที่ 48 ขอบคุณทุกๆคนมากนะคะที่เข้ามาให้กำลังใจเรา ตอนนี้เราก็คุมกำเนิดไว้ก่อน คิดว่าอยากกลับไปเที่ยวไทยก่อนหลังจากนั้นค่อยว่ากัน ถ้าท้องตอนนี้ลูกเราเกิดมาอาจจะเป็นเด็กอารมณ์ไม่สดใส เพราะแม่ยังมีอารมณ์เคือง ฮ่าๆ จากคุณ : บัวบุษราคัม เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 55 06:48:28

ความคิดเห็นที่ 49 น้องสาวนี่ไม่โรคจิตก็ติดยาค่ะ ยิ่งคบกับคนที่มีประวัติด้วยแล้ว ไร้สติถึงขั้นคิดจะทำร้ายคุณและลูก แว้ปแรกในใจคิดว่าต้องเล่นยาแน่ๆค่ะ แล้วอิจฉา คุณเป็นเหมือนคนนอกครอบครัวแต่ทำไมแม่กับพี่รักและเป็นห่วงมากกว่า นี่อาจเป็นสิ่งที่เค้าคิดนะคะบวกฤทธิ์ยา ลองให้แม่เค้าพาไปตรวจเลือดก่อนดีมั้ย ถ้าติดยาเนี่ยแก้ไม่ยาก แต่ถ้าโรคจิตเนี่ย ไม่หายง่ายๆแน่ค่ะ จากคุณ : Badabadu เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 55 07:51:06

ความคิดเห็นที่ 50 ตราบใดที่คุณยังเป็นพี่สะใภ้ คุณหนีการเผชิญหน้ากับเค้าไม่พ้นแน่ แม้ทุกอย่างจะผ่านไปแล้ว และเหมือนเค้าจะดีขึ้น ก็ไม่ได้หมายความว่าจะวางใจได้100% ขอให้ทำใจอภัยให้เค้าไปซะจะได้ไม่เกิดการจองเวรต่อกัน แต่ในขณะเดียวกันคุณต้องตั้งกำแพงป้องกันตัวเองเอาไว้ด้วย ทำให้รู้ว่าฉันไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว ถ้าเค้าพูดด้วย ก็ถามคำตอบคำพอแล้ว ไม่มีคำว่ายอมให้กันอีกต่อไป แม่และแฟนคุณยอมให้เค้ามันไม่แปลกเพราะส่ายเลือดเดียวกัน แต่คุณไม่ใช่ จะมาอ้างโรคจิต หรือขาดความอบอุ่น แล้วทุกคนต้องยอมให้เค้่าหมด นี่มันไม่ใบ่ทางออกที่ถูก ถึงคุณจะแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ชอบ ไม่อยากยุ่งกับน้องแฟนอีก เราเชื่อว่าครอบครัวแฟนทุกคนจะเข้าใจและเห็นใจคุณดี เพราะฉะนั้นจึงอยากแนะนำให้คุณขีดเส้นกั้นตัวเองเอาไว้ไม่ให้น้องเข้ามายุ่งกับคุณได้อีก จากคุณ : นางในวรรณคดี เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 55 09:09:37

ความคิดเห็นที่ 51 ต้องเข้ามารอบสองอีกแล้วเป็นห่วงจขกท. ถ้าเป็นเราคงไม่กลับไปคุยหรืออยู่ร่วมกับน้องสาวคนนี้แน่นอน อย่าได้พบเจอกันอีกเลยถึงจะให้อภัยไปแล้วก็ขอไม่ยุ่งเกี่ยวอีกต่อไป เธอจิตไม่ปกติ  และมั่นใจว่าหากคุณตั้งครรภ์อีกเธอก็จะกลับมาเป็นแบบเดิมหรือยิ่งกว่าเดิมแน่นอน   ตอนนี้เธอทำเหมือนสำนึกตัว  คงเพราะต้องการให้พี่ชายกลับไปเป็นเหมือนเดิมมากกว่า  ถ้าเราเป็นสามีคุณนะ ไม่ตัดขาดพี่น้องแต่คงไม่ยุ่งเกี่ยวหรือดีด้วยเหมือนเดิมแน่นอนและจะทำให้น้องสาวรู้ว่าสิ่งที่เค้าทำลงไปยิ่งทำให้พี่ชายรู้สึกรักน้องน้อยลง  ความรักที่น้อยลงเกิดจากการกระทำของเธอไม่ได้เกิดจากการที่คุณมีลูก  ควรใช้จิตวิทยากับเธอบ้าง  หากพี่ชายคุณกลับไปดีกันเหมือนเดิมเธอจะไม่สำนึกอะไรเลย หากเราเป็นแม่สามีคุณ  เราคงไม่ว่าอะไรเลยหากลูกชายกับลูกสะใภ้จะแยกห่างออกไป  เพราะเราคงไม่กล้าให้ลูกสาวไปยุ่งกับชีวิตครอบครัวคนอื่นแบบนี้แน่  สิ่งที่เกิดขึ้นมันเกินรับไหวจริงๆ จากคุณ : bussayayee เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 55 11:47:56

ความคิดเห็นที่ 52 สู้ๆ นะคะ อีกไม่นานน้องต้องกลับมาอีกแน่ๆ ทำใจให้สบายนะคะ อย่าคิดมาก ^^ จากคุณ : น้องสกัมฟ์ เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 55 12:33:09

ความคิดเห็นที่ 53 จขกท กลับมาเมืองไทยก็ทำใจให้สบาย ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยคุ้มครอง     เราว่าคุณจะสมหวังได้มีลูกแน่ๆ ค่ะ ส่วนเรื่องน้องสามี ต่างคนต่างอยู่เถอะ ไม่เจอกันก็เป็นการดี แต่ถ้าตั้งครรภ์คราวหน้าระวังตัวด้วย เพราะน้องสามีน่าจะเป็นโรคจิตจริงๆ อย่าให้เค้ามาอยู่ใกล้คุณ ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เค้า เราก็จะได้สบายใจไม่เครียด เราเองเคยคิดว่าเป็นคนมีลูกยากเหมือน จขกท ประจำเดือนมาไม่ปกติ 2-3เดือนมาทีนึง แต่มันไม่ใช่แบบที่เราคิดเสมอไปหรอกค่ะ แต่งงานไปประมาณ1เดือนก็ได้เรื่องเลย... สู้ๆ นะคะ จากคุณ : แม่น้องหมิ่นมิ้น เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 55 13:21:54

ความคิดเห็นที่ 54 ให้ตายสิ ยังไงเราอ่านเราก็ไม่มั่นใจในตัวน้องสาวเลย เขาไม่เลิกง่ายๆหรอกค่ะ ตอนนี้คุณแท้งเขาเลยเย็นลงได้ ถ้าคุณท้องขึ้นมาอีก เขาก็กลับไปบ้าอีก เชื่อเราเถอะ เอาเข้าพวกสถานพักฟืันแบบห้ามออกมาได้ไหมเนี่ย หรือหาแฟนให้น้องสาวไปเลย แบบให้แต่งงานแยกบ้านไปเลย ไอ้เรื่องที่ตัวเองไปทำแท้ง นั่นก็ทำเองแล้วหาข้ออ้างมากลัวแม่กับพี่จะเสียใจ แล้วทำแท้งไปเนี่ย เมียกับพี่ดีใจรึไง ตรรกะโรคจิตมากกกกก แถมยังจะฆ่าจะแกงเมียกับลูกพี่ตัวเอง คิดว่าทำอย่างนั้นแล้ว ทุกคนจะกลับมารักตัวเองเหรอ ล้าหลัง นอกจากจะติดคุก พี่จะเกลียดเข้าใส้ละไม่ว่า คิดอะไรตื่นมากๆ ไม่อยากให้ จขกท ไปเจอน้องสาวอีกแล้วเลยค่ะ คือคนคิดจะทำร้ายกันน่ะ ความคิดมันไม่หายไปไหนแน่นอน น่ากลัว แต่ถ้าเป็นเรานะ ถ้าแท้งเราจะรีบมีใหม่ มีหลายๆคนเลยยิ่งดี ถ้ามีไม่ได้จะอดอปเด็กมาเป็นลูก ให้น้องสาวอกแตกตายไปเลย จากคุณ : darkheart เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 55 15:08:36

ความคิดเห็นที่ 55 ขอบคุณทุกๆคนมากค่ะที่เป็นห่วงเรา และให้คำแนะนำนะคะ ใจเราตอนนี้ปล่อยวางบ้างแล้ว แต่ก็พูดกับแฟนตรงๆแล้วค่ะว่าไม่กลับไปทำดีกับน้องสาวเหมือนเดิมนะ แฟนเราไม่ว่าหรือบังคับใดๆเลย เมื่อวานวันเกิดแม่แฟนเราปล่อยให้แฟนไปอยู่สามคนแม่ลูก และเราถามว่าน้องสาวมีโอกาสคุยหรือขอโทษคุณบ้างหรือยัง แฟนเราตอบว่ายังเห็นยังเฉยๆอยู่ อย่างที่ทุกคนเข้าใจค่ะ ตอนเกิดเรื่องแรกๆแฟนเรากำชับให้ล็อคประตูบ้าน ไม่ให้ออกไปไหนลำพัง แต่พอหลังจากเราแท้งเรากลายเป็นไม่กลัว พร้อมเผชิญหน้า คิดอยู่ว่าทำเดินเข้ามาทำร้ายเราแม่จะซัดให้น่วมเลย ดีที่ไม่มีไรเกิดขึ้น เหอะๆๆๆ ตอนนี้เราก็แสดงให้แม่แฟนเค้ารู้ค่ะ ว่าเรารู้สึกยังไงดีที่เราเจอแม่สามีเข้าใจค่ะ ขอบคุณอีกครั้งสำหรับกำลังใจนะคะ แก้ไขเมื่อ 16 ธ.ค. 55 16:33:41 จากคุณ : บัวบุษราคัม เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 55 16:33:09

ความคิดเห็นที่ 56 พยายามอยู่ห่างๆไว้นะคะ เค้าเป็นโรคจิตนะเราว่า เพื่อนคนนึงมีอาการคล้ายน้องสาวสามี จขกท เลยค่ะ เค้าไปเที่ยวกับเพื่อนอีกคน ขับรถมอเตอร์ไซด์ไปกัน  แล้วเกิดอุบัติเหตุ  เพื่อนเราเสียขาไปเลย กระดูกขาแทบจะละเอียด ต้องใส่เหล็ก เธอก็อารมณ์ รับไม่ได้ หงุดหงิดมาก  ตอนแรกๆเพื่อนพากันระอา เอาแต่ใจ โวยวาย   เพื่อนเห็นเดินไม่ได้ก็จะเข้าไปพยุง เธอก็ใช้ขาข้างที่ดีๆถีบเพื่อนค่ะ บอกว่าเมิงไม่ต้องมาสมเพชกุ ไม่ต้องมาสงสารกุ กุไม่ต้องการ ด่าว่าคนอื่นสารพัด ขึ้นเมิงกุกับคนอื่น  และบอกว่าที่กุเป็นแบบนี้เพราะใคร ผ่านไปสักสองสามเดือน อาการทางใจคงดีขึ้น  เพราะเพื่อนที่เป็นคนขับก็รู้สึกผิด เลยเอาใจตามใจทุกอย่าง   ไปไหนพาไป  พยุงไป  อะไรก็ไม่กล้าขัด  ตัวติดกันเป็นตังเม พอเรียนจบ  ทุกคนต้องแยกย้ายไปทำงานคนละที่ เพื่อนที่เป็นคนขับก็ไปหางานทำ ได้งานที่ต่างจังหวัด  แล้วเพื่อนที่ขาไม่ดีรู้เข้า เธอก็ด่าว่าสารพดว่า เมิงทิ้งกุ เมิงทิ้งกุได้ยังไง กุเป็นแบบนี้เพราะใคร เพราะเมิง กุพิการ กุเดินขาเดี้ยงเพราะเมิง  แล้วเมิงยังมาทิ้งกุ เพื่อนน่ะไม่ถึงกับพิการแล้วนะคะ เพราะกระดูกเริ่มสมานดีขึ้น การเดินคล่องตัว   เพียงแต่เดินไม่คล่องเหมือนคนปกติ  ไม่สังเกตก็ไม่รู้ว่าขาเค้าไ่ม่ดี แต่เค้าจะเกาะติดเพื่อนที่เป็นคนขับตลอด  กดดันว่าเป็นหน้าที่ของเพื่อนที่ต้องรับผิดชอบ ตามใจเค้า เหมือนจะไม่ให้เพื่อนมีชีวิตของตัวเองอ่ะ  เพื่อนก็ยอมมาตั้งแต่ ม.ต้น ม.ปลาย จบจน ป.ตรี  เค้าก็อยากทำงานตามที่เค้าอยากทำ กลายเป็นว่าโดนด่า โดนแช่ง ขู่จะทำร้ายสารพัด เหมือนที่ จขกท โดนเลยค่ะ ผ่านไป 5 ปี ยังไม่ยอมคุยกันเลยค่ะ หาทางห่างๆเค้าไว้นะคะ   คนแบบนี้เค้าไม่ัฟังเหตุผล ตรรกะอะไรใช้กับเค้าไม่ได้แล้วค่ะ จากคุณ : เทมปุระ เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 55 16:33:32

ความคิดเห็นที่ 57 คุณเทมปุระ โอย น่ากลัวค่ะ เราคิดแบบแง่ดีคงเป็นกรรมเราด้วย นิสัยคล้ายๆอย่างที่คุณบอกแหละค่ะ ไม่ค่อยมีเหตุผล ไม่ฟังอะไร เคยทะเลาะกับแฟนเราเค้าคว้ามีดปอกผลไม้จะแทง เรานี่ใจหล่นตุ๊บเลย พอเกิดเรื่องขึ้นเราเลยยืนยันว่าจะไม่พบหน้า บางทีก็อยากให้เค้าสำนึกว่าไม่มีใครเอาใจเค้าได้ตลอด จากคุณ : บัวบุษราคัม เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 55 16:39:06

ความคิดเห็นที่ 58 เห็นใจคุนเจ้าของกระทู้จังค่ะ ต้องนับญาติกะคนโรคจิต ประสาทอย่างมาก ยังดีนะคะ แม่แฟนกับแฟนคุนมีความเข้าใจในเรื่องราวที่ลูกสาวน้องสาวเค้ากระทำกัยคุน ดีใจค่ะที่คุนไม่ยอม และฮึดสู้ อะไรที่ผ่านไปแล้ว เรื่องนังน้องประสาทรับทาน คุนต้องระวังตัวนะคะ เธอคุ้มดีคุ้มร้าย ออกจะสะตอ นะเราว่า แหม ทำมาเปนสำนึกได้ ตอนคุนแท้ง คุนอภัยให้เค้าได้ค่ะ ตามหลักศาสนาพุทธ แต่ อย่าเผลอ สงสารแล้วไปทำดีกับเค้าอีกนะคะ เราว่า เค้าไว้ใจไม่ได้ค่ะ กลัวคุนโดนแทงข้างหลัง ห่างได้เปนดีที่สุด คนคนนี้ เราว่า ร้ายลึก ตลอดเวลา เธอดูดีกับคุน จนมาเผยธาตุแท้(ที่อแบซ่อนไว้มาตลอด) ตอนคุนท้องเนี่ยแหล่ะค่ะ  จะอ้างความเปนโรคจิตไม่ได้นะคะ เราว่า มันเปนสันดานเค้ามากกว่าค่ะ ตรงเนี้ย หมอไหนๆก้อไม่สามารถรักษาได้หรอกค่ะ แตจะบอกว่า คุนโชคดีจริงๆค่ะ ได้แฟนดี เข้าใจคุน และพร้อมจะปกป้องคุน แม้แต่กับน้องสาวเเท้ๆเค้า  จากนี้ไป ขอให้คุนได้พบความสุข พ้นทุกข์พ้นพวกประสาท มีลูกน่ารัก ครอบครัวอบอุ่นนะคะ ท้องคราวนี้ มีปัญหาไป ขอให้คิดซะว่า คุน(เพราะนังน้องประสาท) ไม่ค่อยพร้อม ครั้งหน้า คุนจะพร้อมกว่านั้น ไม่ตกใจ ไม่ทุกข์ ไม่เครียด ตั้งท้องด้วยความสุขของคนที่กำลังเปนแม่ นะคะ เอาใจช่วยนะคะ แก้ไขเมื่อ 16 ธ.ค. 55 19:23:02 จากคุณ : พัด (พัดรี) เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 55 19:21:22

ความคิดเห็นที่ 59 โรคประสาทแน่ๆ แต่ดันไม่รู้ตัว อย่างว่าค่ะ คนเป็นโรคประสาทจะบอกว่าตัวเองไม่ได้เป็นประสาท อยู่ให้ห่างๆไว้เลยค่ะ จากคุณ : BigSom เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 55 20:12:27

ความคิดเห็นที่ 60 เป็นกำลังใจให้ค่ะ พร้อมทั้งร่างกายและจิตใจเมื่อไหร่ ก็ท้องเลยนะคะน้องเค้าคอยจะกลับมาเป็นอยู่ในท้องอีกแน่นอนค่ะ จากคุณ : ลมทะเลำัดโชย (oilname) เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 55 20:31:16

ความคิดเห็นที่ 61 อ่านแล้วเป็นห่วง... อยากให้คุณระวังตัวไว้นะคะ  ถึงจะไม่ได้ท้องแล้วก็ตาม คนระวังตัวกับคนจ้องจะทำร้ายนี่ ยังไงดีกรีมันก็ต่างกันค่ะ ถ้ามีอะไรที่เค้าแสดงออกถึงความโรคจิตต้องการจะทำร้ายคุณหรือขู่เอาชีวิตคุณอีกครั้งนะ ดิชั้นแนะนำ แจ้งตำรวจแล้วขอ restraint order เลยค่ะ น้องก็น้องเหอะ จากคุณ : คิม (NYgirl) เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 05:20:20

ความคิดเห็นที่ 62 ขอบคุณมากๆค่ะที่เป็นห่วงและให้กำลังใจเรานะคะ เราจะระวังตัว ถ้าเกิดเรื่องอีกเราก็ไม่ยอมเหมือนกันค่ะ ถ้ามีอะไรมาแชร์อีกจะมาเล่าสู่กันฟังนะคะ จากคุณ : บัวบุษราคัม เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 06:44:34

ความคิดเห็นที่ 63 อ่านแล้ว น่าติดตามมากๆ เลยค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้นะคะ ญาติเราเสียลูกในท้องไปตอนอายุครรภ์ราวห้าหกเดือน ใช้วิธีดูดออก เขากอดสามีร้องไห้ที่เสียลูก ต่อมา ตั้งท้องใหม่ ได้ลูกชาย แล้วก็ได้ลูกสาว ตอนนี้มีลูกฉลาดน่ารักสองคนแล้ว โอกาสหน้ายังมีสำหรับเจ้าของกระทู้นะคะ ทำบุญมากๆ บ่อยๆ นะคะ เราขออวยพรให้คุณตั้งท้องใหม่ ได้ลูกแข็งแรง ฉลาดน่ารัก แล้วก็อย่าไปเข้าใกล้น้องสาวสามี อย่าไว้ใจเขาเด็ดขาดไม่ว่าเขาจะดูดีขึ้นแค่ไหน อาการทางประสาทไม่มีวันหายขาดหรอกค่ะ ระวังตัวเองไว้ดีที่สุด จากคุณ : ใบไม้ เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 10:08:30 A:1.4.185.185 X: TicketID:139926

ความคิดเห็นที่ 64 ขอให้ จขกท. ปลอดภัยทั้งทางกาย และ ทางใจ จากน้องสาวแฟน จขกท.คนนั้นนะคะ และขอให้มีลูกน้อยน่ารักไวไว สู้ๆนะคะ เราเป็นกำลังใจให้ จากคุณ : Maymi _Mania เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 13:39:23

ความคิดเห็นที่ 65 ถึงกับซักเกงในเปื้นประจำเดือนให้  คุณเป็นพี่สะใภ้ที่ใจดีมากกกกกกก       ไม่เคยคิดเลยว่ายังมีผู้หญิงสกปรกโสโครกขนาดเกงในเปื้อนประจำเดือนแล้วไม่ซักเอง    เอาใจช่วยคุณจขกทนะคะ   ต่อไปนี้ขอให้มีแต่เรื่องดีๆเข้ามาแล้วกันคะ จากคุณ : ผัดกะเฉด (ผัดกะเฉด) เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 02:39:08

ความคิดเห็นที่ 66 ยังมีแม่ๆมาให้กำลังใจเรื่อยๆ ขอบพระคุณมากๆค่ะ T_T จากคุณ : บัวบุษราคัม เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 04:49:19

ความคิดเห็นที่ 67 เป็นกำลังใจให้นะคะ ชีวิตคนเราอาจมีทุกข์บ้าง สักวันมันจะลางเลือน แล้วความสุขจะมาแทนที่ค่ะ จากคุณ : มอคคาโอรีโอ เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 16:14:14

ความคิดเห็นที่ 68 ต่างคนต่างอยู่ดีกว่าค่ะ ถ้าเค้ามาขอขมาจริง ๆ ก็ให้อภัยได้ แต่ทุกอย่างคงจะไม่เหมือนเดิม คราวหน้าถ้าจะมาทำร้ายคุณอีกก็จัดการขั้นเด็ดขาดเลยค่ะ จะมาอ้างเหตุผลนั่นนี่เพื่อมาทำร้ายคนอื่นได้ไง ถ้ายิ่งยอมเค้ามาก เค้าก็จะไม่เคารพกติกาของส่วนรวมแบบนี้มันไม่ถูก จากคุณ : Bingster เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 55 23:23:33