|
ประสบการณ์เจ็บแสบไม่มีสแตนด์อิน เพราะเป็นเรื่องจริงของบรรดาคู่รักก่อนเริ่มต้นชีวิตคู่ด้วยการแต่งงาน ที่จำต้องมาเสียค่าโง่เป็นแสนๆ เพราะจับพลัดจับผลูหลงเข้ามาใช้บริการ 'เวดดิ้ง สตูดิโอ' หน้าเลือดอาศัยความรักของผู้อื่นกอบโกยรายได้เข้ากระเป๋า!!!
จะว่าไปเหตุการณ์เหล่านี้เป็นเรื่องที่หมกเม็ดกันในแวดวงธุรกิจแต่งงานมานาน อธิบายง่ายๆ ก็คือเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่เข้าข่ายใช้วิชามารขูดเลือดขูดเนื้อว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาว แน่นอนเห็นเหยื่อตัวโตหอบเงินมาขนาดนี้ เวดดิ้ง สตูดิโอ บางแห่ง(หรือหลายแห่ง)มีหรือจะพลาด เริ่มปฏิบัติการสูบเงินอย่างไม่ปรานีในทันที
เรื่องเล่าเคล้าน้ำตาของคู่รักที่กำลังจะร่วมเป็นคู่ชีวิตที่ถูกแชร์ผ่านเฟสบุ๊ค เพจ Buddy's Wedding ของ วิน - ภูริต เนติมงคลชัย ช่างภาพอิสระที่ผันตัวเองมาเป็นเจ้าของธุรกิจเวดดิ้ง สตูดิโอ เขาเป็นตัวแทนแชร์เรื่องราวเจ็บแสบก่อนเข้าพิธีวิวาห์ของคู่รักคู่หนึ่ง ที่โดนฟันค่าแพคเกจแต่งงานมหาโหดนับแสนโดย เวดดิ้ง สตูดิโอ แห่งหนึ่งย่านทองหล่อ เพียงเพราะความเชื่อใจ และความประมาทที่ไม่ทันไตร่ตรองเนื้อหาสัญญาจ้างอย่างรอบคอบ
แว่วว่าหุ้นส่วนใหญ่กิจการ เวดดิ้ง สตูดิโอ แห่งนี้ เป็นถึงเจ้าพ่อชาเขียวใจบุญที่คนทั่วไปรู้จักกันดี บอกได้สั้นๆ ว่างานนี้เสียเงิน..ยังไม่เท่าเสียความรู้สึก
รีดค่าโง่คนรวย กำไร 100%++
เป็นเวลากว่า10ปีที่ช่างภาพหนุ่ม วิน - ภูริต เนติมงคลชัย หรือที่รู้กันในชื่อ Vin Buddy's Wedding ทำงานในแวดวงเวดดิ้งฯ แน่นอนว่าเขาได้สัมผัสเบื้องลึกเบื้องหลังหลุมพรางของบรรดา เวดดิ้ง สตูดิโอ จำนวนหนึ่งที่กระทำต่อผู้บริโภค
ถามถึงกำไรที่บรรดาเวดดิ้ง สตูดิโอ ที่หมกเม็ดข้อเท็จจริงต่อลูกค้าได้ วิน เผยว่า เกิน 100 เปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว กำไรเขาหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ ยิ่งลูกค้าหัวอ่อน ยิ่งลูกค้ายิ่งโง่เข้าไปยิ่งโดนหนัก ลูกค้าใจดี โดนหนัก
ลูกค้าบางคนเข้ามาหาเราชอบงานเรา แต่ไม่มีเงิน เพราะว่าโดนสตูดิโอพวกนี้เอาไปหมดแล้ว ราคาเริ่มต้นของพวกนนี้จะค่อนข้างถูก 10,000-60,000บาท แต่ส่วนใหญ่มาจบหลักแสน คือในตอนแรกที่ขายของราคานึง มีครบให้หมดเลย อย่างเช่น ชุดแต่งงานเจ้าสาวเจ้าบ่าว บางที่มีการ์ดมีของชำร่วยด้วย ถ่ายรูปพรี เวดดิ้งกัน 2 วัน กรุงเทพฯวันนึง ต่างจังหวัดวันนึง
หรืออย่างเช่น ซื้อแพกเกจวันนี้ 5,000 บาท แถมฟรี 1 อัลบั้ม แต่บอกไม่หมดไงที่แถมน่ะเป็นแค่อัลบั้มเปล่านะ ส่วนรูปถ่ายแพกเกจทั่วไปก็จะอยู่ 20-30 ภาพ ส่วนถ้าอยากได้ที่เหลือก็ต้องเพิ่มเงิน 500-2,000 บาท
ลูกค้าคู่หนึ่ง เล่าว่า ได้ใช้บริการเวดดิ้ง สตูดิโอ ย่านทองหล่อ และว่าจ้างทางสตูฯ เดินทางไปถ่ายภาพพรีเวดดิ้งในประเทศเกาหลี เบ็ดเสร็จเสียค่าใช้จ่าย ราวๆ 600,000 บาท แบ่งเป็นค่าแพคเกจ 300,000 บาท ที่เหลือก็เป็นค่าเดินทาง ค่ากิน ฯลฯ ที่ทั้งคู่ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด
แต่สุดท้ายว่าที่บ่าวสาวกลับมีสิทธิเลือกรูปเพียง 18 ภาพ ตามข้อสัญญาในแพคเกจ ถ้าต้องการอีก 1,000กว่าภาพที่เหลือก็ต้องจ่ายเงินเพิ่ม ตกภาพละ 1,900 บาท! แน่นอนว่าที่บ่าวสาวยอมรับว่าตัวเองไม่ได้ดูในรายละเอียดสัญญาให้ดี แต่ก็เป็นหน้าที่ของเซลล์ด้วยไม่ใช่หรือที่ต้องบอกรายละเอียดอย่าชัดเจนแก่ลูกค้า
บ่าว-สาว หัวอ่อนระวัง จ่ายแล้วแต่ไม่จบ
กลายเป็นว่าการใช้บริการเวดดิ้ง สตูดิโอ เครื่องมืออำนวยความสะดวกให้คู่รักที่กำลังจะเข้าพิธีแต่งงาน จากอัตราค่าใช้จ่ายที่ตกลงกันว่าจบที่จำนวนเท่านี้ แต่พอเอาเข้าจริงกลับถีบตัวสูงขึ้นจนน่าตกใจ ก็เป็นอุทาหรณ์ให้คู่รักต้องระแวดระวัง และถี่ถ้วนในการใช้บริการเวดดิ้งฯ ให้มากๆ
ช่างภาพหนุ่มคนเดิม เล่าขึ้น จากประสบการณ์ที่ผมเห็นสตูดิโออย่างนี้ พวกนี้ยังทำอย่างนี้ได้เสมอๆ ทำได้จนรวย เพราะว่าในธุรกิจเวดดิ้ง ทุกปีมันมีคู่รักมือใหม่ที่ไม่รู้เรื่องแต่งงานมาก่อนเข้ามาใช้บริการ สื่อเวดดิ้ง สตูดิโอมันใหญ่ เข้าถึงคนหมู่มาก มือใหม่ไปไหนไม่ถูกก็วิ่งหาเวดดิ้งฯ
ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้จะเจอได้บ่อยๆ ในเวดดิ้ง สตูดิโอ ระดับไฮเอนด์ อีกอย่างตามสตูดิโอพวกนนี้จะมีเซลล์ไว้ค่อยเชียร์ขายแพกเกจแก่ลูกค้า ยิ่งลูกค้ารวยๆ แถมหัวอ่อนมากๆ ก็เข้าทางโจรเลยละ
วิน Buddy ฝากถึงผู้ประกอบการธุรกิจแต่งงาน คู่บางคู่เก็บเงินมาเอง เพื่อแต่งงาน เพื่อความรักของคนสองคน แต่โดนแบบนี้เข้าไปมันไม่ใช่ สิ่งที่คุณมารีดเลือดออกจากปูผมว่ามันไม่ใช่
พร้อมทิ้งท้ายถึงคู่รักที่กำลังมองหาเวดดิ้ง สตูดิโอ เพื่อเข้ามาเป็นเตัวช่วยในการจัดพิธีแต่งงานของตน วิน กล่าวว่า คุณต้องดูทุกอย่าง สอบถามข้อมูลทุกอย่างอย่างละเอียดรอบคอบ เริ่มตั้งแต่ช่างภาพเป็นใครจะได้ภาพแนวที่ต้องการหรือไม่ ได้ภาพทั้งหมดกี่ภาพ ปริ้นเอาร์เป็นอย่างไร เอาภาพทั้งหมดจ่ายเพิ่มเท่าไหร่ พิจารณาว่าทั้งหมดมันได้คุ้มค่ากับเงินที่เสียหรือไม่ และจำเอาไว้เลยว่าในแวดวงธุรกิจแต่งงานคุณไม่สามารถได้ของดีในราคาที่ถูก
บทเรียนราคาแพง มีสตางค์ก็ต้องมีสติ
นี่ไม่ใช่เหตุการณ์แรกที่เกิดขึ้นกับหนุ่มสาวที่ตกลงปลงใจใช้ชีวิตร่วมกัน แต่เป็นความซ้ำซากที่สร้างความบอบช้ำแก่หัวใจอีกหลายดวงที่ตกเป็นเหยื่อกลโกงธุรกิจแต่งงานหน้าเงิน
ผศ. เสริมยศ ธรรมรักษ์ หัวหน้าภาควิชาการสื่อสารตรา คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ได้วิเคราะห์ถึงตลาดธุรกิจแต่งงานที่ดูจะเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในยุคปัจจุบัน
หนึ่ง-แน่นอนความสะดวกสบาย มันคือการลดขั้นตอน คนยุคนี้ไม่ชอบอะไรที่ต้องเหนื่อยหรือลำบาก ฉะนั้นอะไรก็ตามที่มันครบวงจรจะรีบไขว้คว้า มันคือการตอบโจทย์ความสะดวกสบาย สอง-เรื่องของค่านิยม เพราะถ้าเราไปงานแต่งงานจะเห็นว่าต้องมีรูปติดอยู่ด้านหน้างาน มันกลายเป็นค่านิยม เช่นถ้าเธอมีฉันต้องมีด้วย สาม-เป็นเครื่องมือช่วยจัดบรรยากาศของงานแต่งงาน คือเราจะเห็นรูปแบบเลย เข้ามาในงานปุ๊บก็เห็นรูปถ่ายคู่บ่าวสาววางอยู่ แล้วก็พอเริ่มงงานก็จะมีวีดีโอพรีเซ็นเตชั่น ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันคือการสร้างบรรยากาศให้คนประทับใจ เกิดความรู้สึกที่ดี
อย่างไรก็ตาม เข้าใจว่าทางผู้ประกอบการเอง ก็มุ่งทำการตลาดส่งเสริมการขายเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจของตน แต่เบื้องต้นควรสร้างความเข้าใจให้กับผู้บริโภคไม่ใช่หวังแต่ผลกำไรโดยไร้มนุษยธรรม
มันต้องคุยกันตั้งแต่ต้น ถ้าคุณยอมรับในแพคเกจนั้นก็แค่นั้นจบ เพียงแต่ทุกวันนี้ภาคธุรกิจนั้นพยายามจะอัพเซลล์ตัวเองขึ้นไปเรื่อยๆ ในเชิงธุรกิจอาจจะสร้างความไม่ประทับใจแก่ลูกค้าแน่นอน มันถามว่าหลอกมั้ย..ก็คงไม่ได้หลอก แต่เป็นการค้ากำไรเกินควร
ผศ. เสริมยศ ทิ้งท้ายว่า เมื่อมีอุทาหรณ์ออกมาให้เห็นกันบ้างแล้ว ทางผู้บริโภคเองต้องรู้เท่าทันกลไกลการตลาดมากขึ้นจะได้ไม่ต้องมีคู่รักคู่ใดตกเป็นเหยืออีก ณ วันนี้เรามีช่องทางที่เรียกว่าโซเชียลมีเดีย เมื่อมันมีลักษณะแบบนี้ เราต้องช่วยกันบอกกล่าว เราต้องช่วยกันบอกต่อ ท้ายที่สุดธุรกิจแบบนี้มันก็จะอยู่ไม่ได้
.............................
อุทาหรณ์ที่คนในแวดวงธุรกิจเวดดิ้งฯ ออกมาแชร์ในครั้งนี้คงเตือนใจคู่รักหนุ่มสาวที่กำลังมองหาบริการด้านงานแต่งงานได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม เวดดิ้ง สตูดิโอ คุณภาพคุ้มราคา ไม่หลอกลวง ไม่หมกเม็ด ก็ยังมีให้บริการ ฉะนั้น ก่อนตกลงปลงใจใช้บริการคู่รักคงต้องพิจารณาข้อตกลงกันอย่างถี่ถ้วน เพื่อให้ได้เนื้องานที่คุ้มค่ากับจำนวนเงินที่ต้องเสียไป
ข่าวโดย ผู้จัดการ Live
| จากคุณ |
:
Eak_kang 
|
| เขียนเมื่อ |
:
19 ธ.ค. 55 10:26:32
|
|
|
|
ความรักทำให้คนโดนหลอก?
