Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ภาพพจน์ของสามีในการทำงาน vs ความจริงอีกด้านหนึ่ง : แม่เลี้ยงเดี่ยวจิตตกค่ะ vote ติดต่อทีมงาน

ขอความเห็นชาวชานเรือนด้วยค่ะ

ขอเล่ายาวหน่อยนะคะ หาทางออกไม่เจอจริงๆ

ก่อนแต่งงาน เราทำงานในองค์กรในกำกับของรัฐ ตำแหน่งก็ไม่ขี้เหร่
แรกๆเราต้องประจำอยู่ต่างจังหวัด ซึ่งก็ไม่ไกลกรุงเทพฯนัก ก็ไปกลับได้แต่เหนื่อยหน่อย
ส่วนสามีเป็นผู้จัดการฝ่ายขายในบริษัทเอกชน
คบกันได้ประมาณ 2 ปี ก็แต่งงาน
เราสองคนมีเรือนหอ มีรถคนละคัน มีการงานที่ดี ปลอดหนี้
แม้รายได้จะไม่มากมายแต่ก็พออยู่ได้อย่างพอเพียง
เราว่าเป็นความลงตัวของการเริ่มต้นครอบครัวเลยทีเดียว

หลังแต่งงาน สามีบรรจุเข้าทำงานในองค์กรเดียวกัน
(แต่คนละหน่วยงานกับเรา และอยู่คนละที่ตั้ง มีการบริหารงานแยกกันชัดเจน)
ซึ่งหน่วยงานนี้มีแม่สามีเป็นผู้บริหารระดับสูงอยู่
สามีก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในสายบริหาร (แน่หล่ะ มีแบคดี)
ทำโครงการก็ผ่านฉิว เพราะผู้บริหารทั้งหลายก็เห็นมาตั้งแต่เด็กๆ
ส่วนเราเลือกที่จะโตในสายผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้ย้ายกลับเข้ากรุงเทพฯ
แต่ตำแหน่งเราจะตันในระยะยาว แต่ก็เพื่อครอบครัว เรายอม
ในทางกลับกัน เรากลับเข้ากรุงเทพฯ สามีเลือกไปเป็นเป็นผู้บริหารสาขาต่างจังหวัด
ซึ่งอยู่ไกลมาก ไม่สามารถไปกลับได้ เพราะต้องไปเอาตำแหน่ง
แม่สามีมีบทบาทต่อการทำงานของสามีมาก เพราะวางแผนให้ทุกอย่าง

ไปอยู่ได้สักพัก เราท้อง พร้อมกับคำสัญญาว่า จะย้ายกลับมาก่อนคลอด
ใกล้คลอด แม่สามีบอกว่าตำแหน่งดีแล้ว ยังไม่อยากให้กลับ
เราอุ้มท้อง ดูแลตัวเอง ขับรถไปทำงานเอง
ช่วงนี้เอง แม่สามีให้น้องสาวสามีเข้ามาอยู่ในบ้านด้วย แรกๆก็มาแบบมานอนเป็นเพื่อน
หลังๆสมบัติเยอะมากขึ้น จนอยู่ถาวร แรกๆเราก็โอเคนะ น้องสามีก็เหมือนน้องเรา
ระยะนี้แม่สามียังดีกับเราอยู่ ท่าจะเห่อหลานในท้อง
เราเองก็อุ้มท้องกระเตงๆขับรถไปรับแม่สามีบ่อยๆ เต็มใจ ไม่คิดอะไร แม่สามีก็เหมือนแม่เรา

จนคลอด เราลาคลอดพร้อมลาเลี้ยงลูกแบบไม่รับเงินเดือนต่ออีก 3 เดือน
มีแม่เรามาช่วยเลี้ยง ช่วงนี้เรารับงานพิเศษเล็กๆน้อยๆ ต้องออกไปทำงานอาทิตย์ละวัน สองวัน
ตอนลูกคลอด ทุกคนทั้งฝ่ายเราฝ่ายสามีก็ดูเห่อหลาน รักหลาน
สามียังคงทำงานอยู่ ตจว กลับบ้านไม่เป็นเวลา อาทิตย์ละครั้งบ้าง สองอาทิตย์ครั้งบ้าง
กลับมาแต่ละครั้งก็กิจกรรมเยอะ ต้องไปหาพ่อแม่ ไปกินข้าวกับเดอะแกงค์ ฯลฯ
หน้าที่เลี้ยงลูกจึงมีเราและแม่เราเป็นหลัก ลุกเราเป็นเด็กเลี้ยงยาก ร้องเยอะ
แม่เราเองเลี้ยงลูกๆมาทุกคนเองกับมือ ยังลงความเห็นว่าสุดๆเลยคนนี้

อยู่ไปสักพัก น้องสาวสามีเริ่มก่อปัญหาแบบซึมลึก
หล่อนขายรถยุโรปรุ่นเก่า เพื่อรอซื้อรุ่นใหม่ ระหว่างนั้นก็ใช้รถญี่ป่นรุ่นธรรมดาๆของเรา
โดยปกติ หล่อนจะใช้รถเราขับไปรับแม่สามีที่ที่ทำงาน เพราะเราลูกอ่อน ไม่สะดวก
บางครั้งแม่สามีประชุมนาน ต้องรอกันเป็นชั่วโมง หน้าที่รับแม่สามีจึงเป็นของน้องสามีไป
แต่ถ้าวันไหนเจ้าหล่อนไม่ว่า เราก็อาสานะ

สามีเริ่มต่อว่าเราเรื่องเลี้ยงลูก ว่าเลี้ยงลูกไม่ดี นู่นนี่นั่น
แม่สามีเริ่มไม่ค่อยพูดกับเรา มาเยี่ยมหลานก็ตินู่นนี่ นี่ไม่ดี นั่นไม่ดี เราก็อดทน
และไม่ค่อยมาหา หลังๆหนักเข้ากลายเป็นหาเราหวงลูกซะงั้น
น้องสามีเริ่มมีปัญหากับแม่เรา ด้วยเรื่องเล็กน้อย เช่น แม่เรามองหล่อนไม่ดีตอนเอารถเราไปใช้
แม่เราเก็บกับข้าวไม่ให้เค้ากิน เราไม่พาลูกไปให้แม่สามีชื่นชม ฯลฯ
เราเองอยากรักษาความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัว เลยเลือกที่จะตัดปัญหา
ให้แม่เลี้ยงลูกอยู่แต่ในห้องนอนเราเวลาน้องสาวสามีอยู่บ้าน ลดการกระทบกระทั่ง
ช่วงนี้เรากลับไปทำงานเต็มเวลาแล้ว เลยจ้างน้องต่างด้าวมาเป็นลูกมือแม่เราคนนึง

ปัญหาเริ่มก่อตัวมากขึ้น
น้องสาวสามีเริ่มยึดบ้าน ให้คนมาจัดบ้านตามใจหล่อน โดยไม่ถามเรา
ซื้อเฟอร์นิเจอร์มาใส่บ้าน โดยบอกว่าแม่สามีให้ซื้อมาวางตรงนี้ อย่างนี้อย่างนั้น
เปลี่ยม่าน เปลี่ยนสวน (ทำสวนเราเละไปเลย) กระนั้นสามียังบอกว่าน้องมีน้ำใจ
พอซื้อของมา ก็ทำการยึดพื้นที่ เราเองไม่เคยนั่งหรือแตะต้องเฟอร์นิเจอร์เจ้าหล่อนเลย
เราเลือกที่จะเงียบ อัดเสียงที่หล่อนพูดกับคนอื่นแสดงความเป็นเจ้าของบ้านในบ้านเรา
ถ่ายรูปสิ่งที่เจ้าหล่อนทำ เช่น เอาของเราไปทิ้ง ฯลฯ

เราตัดสินใจคุยกับสามี ขอให้น้องสามีกลับไปอยุ่กับพ่อแม่
แสดงหลักฐานต่างๆ แต่สามียังยืนกรานว่าน้องสาวไม่มีอะไร มาอยู่เป็นเพื่อน
(ไม่เคยช่วยเลี้ยงใดๆ มีแต่กระแทกประตูดังๆให้ลูกเราตื่น เอาของเน่าๆมาใส่ตู้เย็นที่เราแช่นมแม่ ฯลฯ)
สามีขอเวลาให้ลูกครบขวบ จะย้ายกลับมา และน้องสาวจะกลับไปอยู่กับพ่อแม่
เราอดทน ตอนนี้พื้นที่เรามีเพียงห้องนอนเท่านั้น เราลงมาข้างล่างแค่ซักผ้า ตู้เย็น ล้างขวดนม
เราอดทนเช่นนี้เป็นเวลากว่า 6 เดือน

ใกล้ครบขวบ เราคุยอีกครั้ง สามีบอกว่าแม่สามีต้องการให้น้องอยู่บ้านเรา
เพราะไม่เห็นว่าจะเป็นอะไร สะไภ้ต้องมีน้ำใจให้ครอบครัวสามี พร้อมถอยรถยุโรปคันหรูให้น้อง
บ้านเราจอดรถได้ 2 คันก็จริง แต่มันเป็นแนวยาว คือต้องถอยเข้าทีละคัน
เราเลือกที่จะจอดรถที่ข้างตึกแถว แทนที่จะจอดในบ้าน เพื่อตัดปัญหาถอยจอด
เราไม่อยากจับรถเจ้าหล่อน และถ้าหล่อนจอดปิดรถเรา เราทำงานเช้า เรียกก็หงุดหงิดอีก
เราเครียดมาก น้ำหนักเราลดไปจากก่อนท้อง 10 กก เหลือแต่หนังหุ้มกระดูก

เราถามน้องสาวสามีดีดี ว่ามาอยู่บ้านเราทำไม หล่อนตอบว่ามาใช้สิทธิของพี่ชาย ใครจะทำไม
กระแทกเราอีกนะว่า เมียพี่ชายไม่ได้มีคนเดียว ใครที่พี่ชายนอนด้วยก็เมียทั้งนั้น

เราคุยกับสามีเป็นครั้งที่ 3 ว่าเราไม่ไหวแล้ว เป็นการทะเลาะกันครั้งแรกระหว่างเราสองคน
เราเลือกที่จะออกมาอยู่คอนโดของเราขนาด 30 ตรม เล็กนะ สำหรับคน 4 คน
มีเรา ลูก แม่เรา และน้องต่างด้าว
สามีบอกว่าถ้าเราไม่สบายใจอยากออกไปก็ไป ให้กลับมาเจอกันทีบ้านวันที่สามีกลับมาแล้วกัน
เพราะสามีไม่อยากไปคอนโด ไม่เป็นส่วนตัว
เราย้ายออกมาโดยเอามาเฉพาะของจำเป็น

เราเข้าใจว่า ให้เวลาสามีจัดการเรื่องของสามี โดยเราไม่อยากเร่งรัด
ให้เค้าหาวิธีเจรจาให้น้องสามีกลับไปอยู่บ้านเดิมก่อน
เหตุการณ์ไม่เป็นไปตามที่เราคาด เรามองโลกแง่ดีเกินไป
เพราะจากนั้นไม่นานสามีมาที่คอนโด มาขอกุญแจบ้าน เราให้ไปโดยไม่คิด
ทำให้ปัจจุบันเราไม่มีกุญแจเข้าบ้านเราเลย ของเราก็ไม่ได้เอาออกมามากมาย
อาศัยซื้อเอาใหม่ทั้งหมด เพราะห้องที่คอนโดเล็ก แค่ของๆลูกก็ล้นแล้ว
และการมาเอากุญแจ เป็นครั้งสุดท้ายที่เราพบหน้าสามี
หลังจากมาเอากุญแจ สามีโทรมาหาบ้าง คุยดีนะถามว่าลูกเป็นไง แต่ไม่มีการพูดว่าจะมาหาลูก
เราให้โอกาสเค้าเรื่อยๆ คิดในแง่ดีว่าเค้าคงมีเหตุผลที่ไม่อยากบอกเรา ให้เวลาเค้าแก้ปัญหา
มองโลกแง่ดีอีกแล้ว เพราะเวลาผ่านไปอีก 6 เดือน ไม่มีการแสดงจำนงค์ว่าต้องการพบลูก
จากนั้นเราก็เลือกที่จะไม่รับโทรศัพท์อีก เพราะคุยกันเราก็เศร้า จิตตก นอนไม่หลับ

ลูกเริ่มโตขึ้นมีปัญหาพูดช้า เราเลยพาลูกเข้าคลีนิคพัฒนาการ พร้อมกับจิตเวชเด็ก
เพราะลูกร้องไห้แบบไม่มีสาเหตุอย่างรุนแรงในเวลากลางคืน
(ตอนนี้ลูกสามขวบแล้ว เรามาสรุปเองว่าอาจเป็นเพราะเราเครียดมาก ลูกรับนมแม่ไปคงเครียดตาม)
ส่วนเราก็พบจิตแพทย์เช่นเดียวกัน เพราะเครียดมาก น้ำหนักลดลงมากจนใครเห็นก็ตกใจ
(มีแต่คนมาถามสูตรลดความอ้วนหลังคลอด เราชอบบอกติดตลกว่า เป็นทุกข์ซิน้ำหนักลดแน่)
แต่เราปฏิเสธการรักษา เพราะถ้ากินยาต้องเลิกให้นม เราต้องการให้นมแม่ให้นานที่สุด
(พึ่งเริ่มไปพบหมออีกทีเมื่อไม่นานมานี้)

เวลาผ่านไป เราเลือกเริ่มต้นใหม่กับลูก เลี้ยงลูกกับทำงาน แค่นี้เวลาก็หมดไปแล้ว
ไม่มีเวลาไปสู้รบปรบมือกับใคร
มีข่าวลือว่าสามีเรามีกิ๊กกับเลขา เราเองก็ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริง เราไม่ไปโวยวาย วีนใดๆ
จะให้เราอุ้มลูกไปที่ทำงานเค้าที่ต่างจังหวัด เราก็คงไม่ทำ
แต่ก็มีความเป็นไปได้ เพราะสามีไม่ได้ทำการใดๆที่เป็นการรักษาครอบครัวแม้แต่น้อย
เราเองไม่อาจคาดเดาได้ ว่าเหตุการณ์ใดเกิดก่อน ระหว่างมีกิ๊ก จึงส่งน้องสาวมาแกล้งเรา
หรือมีปัญหาครอบครัวแล้วอ่อนแอ จนมีเลขามาใกล้ชิด ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม
ครอบครัวเราก็ล่มสลายแล้ว

ปัจจุบัน น้องสาวสามีย้ายลงมานอนในห้องนอนเรา ยึดบ้านเรา พร้อมโพสรูปลงเฟสบุีค
คงต้องการให้เราช้ำใจ
ส่วนสามี หายไปจากสารระบบ ไม่ติดต่อเพื่อนเก่าๆด้วย
เราเองก็ไม่ได้บอกใคร นอกจากเพื่อนเราที่รู้กันเอง ส่วนเพื่อนที่ทำงานก็รู้เพียงว่า
สามีเราทำงานต่างจังหวัด

สรุป สามีพบเราและลูกครั้งสุดท้ายเมื่อลูก 1 ขวบ เราเลิกรับโทรศัพท์สามีตั้งแต่ลูก 1 ขวบครึ่ง
และปัจจุบันลูกเรา 3 ขวบ สินสมรสทุกอย่างสามีและครอบครัวสามียังใช้ประโยชน์อยู่

ประเด็นที่ทำให้เราจิตตกอีกครั้งก็คือ
ช่วงนี้มีตำแหน่งบริหารที่ปริมณฑลว่างลง และเป็นตำแหน่งที่ดีซะด้วยซิ
แม่สามีวางเกมให้สามีย้ายลงมารับตำแหน่งนี้ (เป็นตำแหน่งที่แย่งกันทีเดียว)
ภาพพจน์ของสามีจะเป็นแฟมมิลี่แมน กอร์ปกับหน้าตาดี ดูสะอาดสะอ้าน
คุยเก่ง ต่อรองเก่ง ตามแบบผู้จัดการฝ่ายขาย
ต่ำแหน่งนี้ ศีลธรรม เป็นภาพลักษณ์ที่ค่อนข้างสำคัญทีเดียว สามีเราเลยต้องสร้างภาพ

ปีที่แล้ว เราไปประชุม มีผู้ใหญ่ในองค์กรมาคุยกับเราว่าเจอสามีเรา
ยินดีด้วยที่มีลูกน่ารัก สามีบอกว่าลูกพูดอ้อแอ้ วิ่งเก่ง ซน และยังแสดงภาพครอบครัวอบอุ่น
ทั้งๆที่ตัวเองเห็นลูกครั้งสุดท้ายลูกกำลังหัดเดิน

ปีนี้ ข่าวเรื่องแยกทางกับเราคงจะปิดไม่มิด สามีเลยเปลี่ยนภาพใหม่
สร้างกระแสว่า เราหอบลูกหนีไป ไปไหนไม่รู้ ติดต่อไม่ได้
พร้อมโชว์โทรศัพท์ว่ามีมิสคอลร้อยสาย
แต่ผมก็ส่งค่าเลี้ยงดูทุกเดือน (ส่งมาให้เดือนละ 5000 จริง แต่ถอนเงินเก็บจากงานแต่งไปแสนนึง)
ผมคิดถึงลูกมาก แต่ภรรยาเป็นโรคประสาทอ่อนๆ เลี้ยงลูกไม่ดี ไม่ให้ผมพบลูก
ส่วนแม่สามีก็สร้างภาพว่า ลูกสะไภ้หวงลูก ไม่ยอมให้แม่ย่าจับลูก พาลูกหนีไป ติดต่อไม่ได้
(ที่เราทราบเพราะผู้ใหญ่ในหน่วยงานเราคนหนึ่งซึ่งเกษียรไปแล้วไปเป็นที่ปรึกษาที่หน่วยงานสามี
แต่ก็แนวผู้ใหญ่ คือรอมชอม และไม่ยุ่งมากเพราะเป็นเรื่องส่วนตัว)

สามีสร้างเฟสบุ๊คที่บล๊อกเราไว้ เราเข้าไปเจอโดยใช้เฟสของเพื่อนของเพื่อนที่ทำงาน
เลยเจอข้อความประมาณว่าให้กำลังใจสามี ซึ้งในความเป็นคนดีของสามี และอีกมากมาย
แต่เพื่อนคนนี้ไม่ได้อยู่ในกลุ่ม จึงไม่สามารถดูข้อความในกรุ๊ปได้ เห็นแต่ข้อความในวอลล์
ส่วนรูปภาพก็เอารู้แต่งงาน รูปเที่ยวด้วยกันออกหมด เหลือแต่รูปของตัวเองกับลูก
ในวอลล์ก็มีข้อความให้กำลังใจน้องสาวที่กำลังจะสอบจบปริญญาเอก ประมาณว่าเป็นพี่ชายที่แสนดี
แล้วก็ลบเพื่อนเราญาติเราทั้งหมด สร้างโลกใหม่ที่มีแต่เพื่อนที่ทำงาน

ตรรกะของมนุษย์ทั่วไปไม่เอะใจเลยเหรอว่ายุคนี้เป็นยุคดิจิตอล
เราเป็นคนทำงานในองค์กรบริการสังคม ตาสีตาสายังสามารถติดต่อเราได้
โซลเชียลเนทเวิร์ค บ้านเราก็รู้ คอนโดก็รู้ เบอร์โทรพ่อแม่พี่น้อง เพื่อน มากมาย
แต่แปลกที่สามีและครอบครัวติดต่อเราไม่ได้
หรือมีมูลเหตุจูงใจใดที่ผู้หญิงคนหนึ่งต้องการเป็นแม่เลี้ยงเดียวจึงหอบลูกหนี
เราอยากรู้จริงๆว่าเค้าสร้างภาพว่าอย่างไร

จิตตกค่ะ นอนไม่หลับเลยมานั่งระบายในชานเรือน
ทุกวันนี้เราไม่เคยตอบโต้สามีและครอบครัวสามี
แต่ไม่ได้หมายความว่าเราเต็มใจให้พวกเขาใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินของเราและลูก
พ่อแม่เราก็เป็นทุกข์ ที่ต้องมาเห็นเราเป็นแบบนี้ สงสารทั้งลูกทั้งหลาน
สามีเราก็เหมือนเป็นคนอื่นไปแล้ว จนเรานึกภาพไม่ออกว่านี่หรือคือคนที่เราเลือกมาร่วมชีวิต
เราเองก็ไม่รอบคอบ แต่งงานแล้วก็ไว้ใจสามี ไม่คิดว่าจะโดนหักหลัง
เวลาเจอครอบครัวที่มีพ่อเสียสละทำทุกอย่างเพื่อลูก รักลูก
เราอยากรู้มากๆว่าสามีคิดกับลูกอย่างไร
หรือเราบกพร่องเรื่องไหนมากมาย ถึงกับต้องแยกทางกันโดยไม่เหลียวแลลูกเลย

ยังไม่มีคำตอบให้ลูก ถ้าวันนึงเค้าถามขึ้นมาจริงๆว่าพ่อเค้าอยู่ที่ไหน
ตอนนี้ลูกถามลอยๆ แต่ลูกยังไม่รู้เรื่อง ในความเข้าใจของลูก เค้าคิดว่าคุณตาคือพ่อ

เคยปรึกษาทนายเรื่องฟ้องหย่า แต่ทนายก็บอกว่าศาลคงให้ไกล่เกลี่ย
เพราะเราไม่มีหลักฐานการคบชู้ของสามี ส่วนเรื่องญาติสามีคงเอามาเป็นประเด็นไม่ได้
เพราะสามีภรรยาศาลมองว่าต้องอุปการะญาติเป็นปกติ ถ้าหย่าก็คงแบ่งได้แค่บ้าน
แต่สมบัติส่วนตัวในบ้านคงยาก ซึ่งป่านนี้คงจะโดนหอบไปทิ้งหมดแล้ว หลักฐานการฝากของมีค่าก็ไม่มี ยิ่งคิดยิ่งเครียด
เห้อออออออออออ

เล่าวนไปเวียนมา พิมพ์ไปเรื่อยๆ ตีสองแล้วเหรอเนี่ยะ ขอบคุณที่รับฟังค่ะ

จากคุณ : นกน้อยในสวนพลู
เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 55 02:05:05




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com