ความคิดเห็นที่ 1 พูดยากนะคะ สมัยนี้ รู้สึกอะไรๆ มันจะเสรีไปสะหมด คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็สอนลูกหลานลำบากกันนิดหนึ่ง ยกตัวอย่างลูกชาย 4 ขวบเลยค่ะ นั่งรถตอนเช้า เปิดวิทยุฟังเพลง เจอดีเจเรียกกันว่า เจ้....แต่ลงท้ายด้วยครับ และเสียงก็เป็นผู้ชาย เจ้าลูกชายด้วยความงง เลยว่า เจ้นี้ผู้หญิงหรือผู้ชายกันแน่ สุดท้ายเราต้องเปลี่ยนคลี่นหนี ไม่ฟังคลื่นนั่นไปเลย จากคุณ : nanoSmile เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 55 16:13:00

ความคิดเห็นที่ 2 คือผมเองที่ตั้งกระทู้ เพราะเวลาสอนหลานที่บ้าน มันตอบคำถามเค้ายากมากอ่ะครับ เผื่อใครมีไอเดียจะแชร์กันบ้าง จากคุณ : หลงรักคนขับเครื่องบิน เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 55 16:20:26

ความคิดเห็นที่ 3 บอกว่า ในสังคมเรา มีคน 2 ประเภท คือ ทำอะไรถูกต้อง กับทำอะไรไม่ถูกต้อง แล้ว ก็ถามเขากลับว่าเขาอยากจะเป็นคนประเภทไหน จากคุณ : ton_21 เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 55 16:31:30

ความคิดเห็นที่ 4 ด้วยความที่เป็นทั้งแม่และครูนะคะ ลูกจะเห็นพี่ๆที่มีแฟนเป็นเพศเดียวกันบ่อย ปัจจุบันมีเยอะเราหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เราเลือกจะอธิบายได้ค่ะ ส่วนตัวพอลูกเห็น เค้าย่อมสงสัยอ่ะ เค้าไม่ใช่ ผช ผญ เหมือนพ่อกะแม่ที่แสดงความรักกัน แต่เค้าคือ ผชกะผช ผญกะผญ เราจะบอกเค้าว่า ความรักเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่โดยปกติแล้วคนที่เป็นแฟนกัน เป็นครอบครัวกันคือ ผชกับผญ แต่มันก็ยังมีบางคนที่เค้ารักคนเพศเดียวกัน ซึ่งมันไม่ผิดหรอกลูก เพราะเค้าไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน อะไรแบบนี้ค่ะ และพยายามบอกให้เค้าคิดบวก บอกเค้าว่าดีแล้วที่คนเรารักกัน มันดีกว่าไม่ชอบกันใช่มั้ยลูก แต่ถ้าหนูโตขึ้นแม่ก็อยากให้หนูรักและมีครอบครัวกับเพศตรงข้ามค่ะ หนูจะได้มีลูกน่ารักๆ และhappyเหมือนพ่อกับแม่ไงคะ เราก็ไม่รุ้จะบอกเค้ายังไงอ่ะค่ะ แต่พยายามอธิบาย ไม่แสดงท่าทางรังเกียจอะไร เพราะอย่างที่บอกว่าพวกเค้าไม่ใช่ฆาตกร ไม่ใช่คนไม่ดีซักหน่อย เรามาคิดว่าโตขึ้นลูกจะเป็นยังไงก็แล้วแต่เค้า แต่ขอให้เค้าเป็นคนดี ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใครเป็นพอ และคิดว่าถ้าเราแสดงท่าทางรังเกียจ หรือหนี ไม่อธิบายเด็กจะยิ่งสงสัยค่ะ จากคุณ : Supaktinee เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 55 16:35:38

ความคิดเห็นที่ 5 ดิฉันสอนลูกชายทั้งสองคนตั้งแต่ห้าหกขวบ (คือพอรู้เรื่องชายคู่กับหญิง และที่โรงเรียนก็มีการสอนให้เข้าใจถึงเรื่องเพศและการล่วงละเมิดทางเพศแล้ว)  ว่า คนเราเกิดมามีเพศชายเพศหญิง ส่วนใหญ่เพศชายจะชอบเพศหญิง เป็นแฟนกัน แต่งงานกัน  แต่ก็มีเพศชายที่เลือกจะเป็นแฟนกับเพศชาย และเพศหญิงเลือกจะเป็นแฟนกับเพศหญิง  ซึ่งเป็นเรื่องส่วนตัวของคนคู่นั้น  แม้จะเป็นพฤติกรรมที่เบี่ยงเบนไปจากปกติ  แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวที่คนคู่นั้นจะเป็นได้  ที่สำคัญต้องไม่สำส่อน  ซื่อสัตย์ ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน (คือสอนเรื่องการปฏิบัติตัวเผื่อไว้ด้วย เผื่อลูกชายอยากจะชอบเพศชายก็จะได้ทำตัวถูก) พอดีลูกชายคนโต (ป.5) มีเพื่อนชายและหญิงในห้องอย่างละหนึ่งคนที่แสดงออกชัดเจนว่าเบี่ยงเบน และคุณพ่อคุณแม่เพื่อนก็ยอมรับได้ดี คือพ่อแม่เด็กชายยอมให้เด็กชายไว้ผมยาวเล่นบาร์บี้  ส่วนพ่อแม่ของเด็กหญิงยอมให้ตัดผมทรงเด็กผู้ชาย และตอนอนุบาลให้ลูกใส่ชุดเด็กชายมาเรียน แต่ตั้งแต่ ป.1 คุณครูขอร้องให้ทำให้ถูกระเบียบ ส่วนเพื่อนๆ ก็ยอมรับได้อย่างดี เวลามีปาร์ตี้ที่เชิญเฉพาะเด็กผู้ชาย เด็กผู้หญิงคนนั้นจะถูกเชิญมาด้วย  ในขณะที่เด็กชายผมยาวจะไม่มา แต่จะไปปาร์ตี้เด็กหญิงแทน  ซึ่งดิฉันว่าเป็นสังคมที่น่ารัก และมีการยอมรับความแตกต่างกันได้อย่างดีมาก ในห้องยังมีเด็กออทิสติก เด็กสมาธิสั้น เด็ก dyslexia ซึ่งเด็กๆ เข้ากันได้ดี จากคุณ : กรรมใดใครก่อ เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 55 16:49:54

ความคิดเห็นที่ 6 ผมก็ไม่รู้ว่าแบบอย่างที่ถูกต้องควรจะสอนเด็กกันอย่างไร แต่ตัวผมเองคิดว่าจะสอนเขาไปเลยตามความเป็นจริง สอนเรื่องเพศว่ามันก็มีแค่ ผู้ชาย ผู้หญิง เท่านั้นแหละ เพียงแต่มันแบ่งภายนอก และ ภายในด้วยนะ ซึ่งก็คือคือร่างกาย กับจิตใจ ทีนี้ก็จะกลายเป็น 4 ประเภท คนปรกติทั่วไปก็มี 2 ประเภท และเบี่ยงเบนก็อีก 2 หรืออาจย่อยมากกว่าอีก ก็ค่อยๆสอนไปตอนเขาโตและรู้ความมากขึ้น แต่ที่สำคัญ ก็คือคุมพฤติกรรมลูกไม่ให้เบน ตัวผมเองยอมรับ คนที่เป็นตุ๊ด เป็นเกย์ เป็นกระเทย หรือจะเป็นทอม คือเฉยๆ ก็คนเหมือนกัน แต่อย่ามามือไม้ถึง ก็คงสอนเขาลูกไปแบบนั้นแหละ เพียงแต่ไม่ยอมรับ ถ้าคนเหล่านั้นเขาวางตัวไม่ถูกต้อง ประมาณแรดเกินเหตุ กล้าเกินเหตุ มือไม้ไวชอบมาแต๊ะอั๋ง จากคุณ : nuttaponl เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 55 16:50:49

ความคิดเห็นที่ 7 เด็กสมัยนี้รู้จักค่ะ ว่ากระเทยเป็นยังไง  ส่วนเกย์ต่างๆ มันยังมองไม่ออกขนาดนั้นค่ะ ให้เวลาเป็นเรื่องการสอนของเขาไปค่ะ   เราก็รู้เรื่องเกย์อะไร จากการที่คุยกับเพื่อน ตอนช่วงมัธยมนะคะ ตอนประถมรู้จักแต่คำว่ากระเทยค่ะ สิ่งที่เราสอนได้ คือ คุณค่าของคนนั้นเท่าเทียมกัน ทุกคนมีหัวใจ มีความรู้สึก  เรื่องของกระเทย เกย์ มันเป็นเรื่องของฮอร์โมนในร่างกาย  มันไม่ใช่สิ่งที่เรามานั่งเลือกเมื่อเราอายุ 20 ปี  เหมือนสัญชาติ   ถ้าเขาเด็กมาก บอกไปว่าเขาสองคนนั้นเป็นเพื่อนสนิทกัน ดูแลกัน  แต่ธรรมชาติของผู้ชายแท้ๆ  ปกติเขาไม่แคร์ไม่สนใจอะไรหรอกค่ะ ... ใช่ไหมคะ อย่าไปดูถูก อย่าไปแบ่งแยก  สิ่งที่เราสอนได้คือ คนที่เราควรอยู่ห่าง คือ คนที่จะมาพาเราไปสู่อบายมุข สิ่งอัปมงคลต่างๆ นั่นต่างหากค่ะ จากคุณ : Mnki เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 55 18:33:38

ความคิดเห็นที่ 8 ...บอกลุกเสมอว่าโลกนี้ไม่ได้มีแค่สีขาวกับสีดำ แต่มีสีเทาๆ อยู่ด้วย ใครจะเป็นอะไรก็ตามขอให้เป็นคนดีแค่นั้นก็พอแล้วสำหรับการเป็นมนุษย์คนนึง จากคุณ : littlelion เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 55 20:41:42

ความคิดเห็นที่ 9 ไม่ต้องกังวลนะครับ...สิ่งที่คุณทำคุณได้พยายามไปอยู่ในมุมส่วนตัวแล้ว...ผู้ชายเป็นเพื่อนกับผู้ชาย....มีมากมายในสังคมบ้านเรา แต่ขอตำหนิคุณแม่ของเด็กผู้ชายก่อนว่า....ไม่มีมรรยาท ....ไม่ต้องสอนอะไร เว้นแต่เด็กถามก็จะตอบเป็นกลางๆ เช่นเค้าเป็นเพื่อนกัน เค้าขาเจ็บเบี่ยงเบนประเด็นออกไปเพราะวันหนึ่งเค้าจะรู้ด้วยตัวเค้าเอง....เด็กผู้ชาย...ถ้าเป็นแมนเค้าจะแมนตั้งแต่เกิด...ไม่มีใครเปลี่ยนเค้าได้...พ่อแม่อย่ากังวลครับ...ส่วนเด็กผู้หญิงอธิบายง่าย...ก็ใช้หลักการเดียวกัน....ไม่ใช่ปัญหาครับ...ผู้หญิงเข้าใจง่าย จากคุณ : In - flight (ลายพราง) เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 55 22:24:38

ความคิดเห็นที่ 10 ความรัก ไม่เเบ่งเพศ เเบ่งสีผิว เเบ่งเชื้อชาติ เเบ่งอายุ เเบ่งชนชั้นหรือเเม้เเต่เเบ่งแยก เเม่รักพ่อ พ่อรักเเม่ พ่อแม่รักหนู หนูรักปลา หนูรักหมา หนูรักต้นไม้ เรารักได้ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเรา ความรักจะทำให้เราอ่อนโยน เเละคิดถึงคนอื่นมากขึ้น เราจะสอนลูกเราประมาณนี้ค่ะ กรณีที่ จขกท ว่ามา คนบางคนก็อคติมากเกินไป เเฟนเก่าเรา ไม่ชอบคนมุสลิม เขามองว่ามุสลิมทุกคนสกปรก พ่อเราไม่ชอบเพศที่สามที่สี่ ไม่ว่าชายหรือหญิง มันผิดปกติ น้องเราไม่ชอบผู้หญิงไม่สวย เป็นผู้หญิงทำไมไม่ไปทำให้ตัวเองดูดี เเม่เราไม่ชอบผู้หญิงนุ่งน้อยห่มน้อย จะสวยจะดูดีเเค่ไหน เเม่ด่าหมด เราไม่ชอบคนใจเเคบ คนที่ไม่ฟังคนอื่น เเละคนที่ชอบตัดสินคนอื่น เพราะเราเจอมาทั้งสามคนในชีวิต(อยู่ด้วยทุกวัน) เเต่การจัดการในครอบครัวคือ ไม่ชอบก็เก็บไว้ คนทุกคนย่อมมีข้อดี เราอาจจะรับไม่ได้กับข้อเสียในตัวเขาบ้าง บางอย่าง เเต่เราชอบนิสัยส่วนใหญ่เรา หรือรักเขา เราก็จะมองข้ามสิ่งเหล่านี้ไปได้ อ่านข่าวหมาให้ลูกเเมวกินนม ขนาดสัตว์ข้ามสายพันธ์ มันยังเมตตาต่อกัน รักใคร่กันได้ ขนาดมันใช้สัญชาตญานนำทางนะ ก็มีเเต่มนุษย์รึเปล่า ที่ชอบหาข้อติของกันเเละกัน หาเรื่องเกลียดกันจนได้ ทั้งที่คนมีเหตุผล มีความคิดมากมาย ก็ได้เเต่ เฮ่อ ออกไป จากคุณ : darkheart เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 02:07:19

ความคิดเห็นที่ 11 พูดตามตรง... เรามีลูกชาย เราก็ไม่อยากให้ลูกเป็นเกย์หรอก แต่ไม่เคยรังเกียจคนเป็นเกย์ และเชื่อว่าคนจะเป็นเกย์ก็ต้องเป็นเกย์ ไม่ใช่เป็นเพราะเห็นคนอื่นเป็นกัน เวลาสอนลูกก็บอกลูกว่า ผู้ชายสองคนนี้เค้าเป็นแฟนกัน จะไม่ไปสอนเค้าว่าเป็นเรื่องน่ารังเกียจ เพียงแต่เป็นเรื่องที่ไม่ธรรมชาติ และบังเอิญลูกๆ เค้ารู้อยู่แล้วจากสิ่งแวดล้อม จากที่โรงเรียนสอนว่า  ผู้ชายกับผู้หญิงเป็นแฟนกันคือเรื่องปกติ  ผู้ชายกับผู้ชาย หรือผู้หญิงกับผู้หญิงเรียกว่าเกย์ เป็นสิ่งที่ไม่ได้เป็นตามธรรมชาติที่พระเจ้าสร้างมา (โรงเรียนเป็นคริสต์ ก็ถือว่าสบายไปเพราะเค้าจะเน้นเรื่องนี้)  สักวันเค้าก็คงมีเพื่อนเกย์ เค้าคงเข้าใจมากขึ้น หรือเผลอๆอาจเป็นเกย์ซะเอง  เราก็คงทำอะไรไม่ได้นอกจากทำใจและเข้าใจ และขอบอกว่ารู้สึกอนาถใจกับคุณแม่คนนั้นมาก  บางครั้งการปกป้องลูกมากเกินไปจนถึงกับแสดงท่ารังเกียจคนที่แตกต่างนั้น ก็เท่ากับปลูกฝังความเห็นแก่ตัวให้ลูกตัวเอง  ไอ้ที่สอนๆ ลูกว่าต้องใจดีมีเมตตาก็เป็นแค่คำสวยๆที่ว่ากันตามตำราเลี้ยงลูกเท่านั้น เจอของจริงเข้าก็จบเห่กันไปเลย หึหึ จากคุณ : Oscar Wyne เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 23:56:09