Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ไปอ่านเจอมาค่ะ ความรักความเอาใจใส่เป็นสิ่งสำคัญมากๆ vote ติดต่อทีมงาน

การทำร้ายเด็กที่เลวร้ายและส่งผลถาวรมากสุด ไม่ใช่การลงมือทำร้ายร่างกายหรือการบริภาษด่าทอ แต่เป็นการทอดทิ้งเขาเป็นเวลาต่อเนื่องกัน

Dani's Story เป็นเรื่องราวของเด็กสาวที่เดิมชื่อ Danielle ต่อมาได้กลายเป็นบุตรบุญธรรมของ Diane และ Bernie สามีภรรยาที่มีลูกโตแล้วสี่คน และวัยไล่เลี่ยกับเดเนียลอีกหนึ่งคนคือ Willie ชะตากรรมของเดเนียลทำให้เราตระหนักว่า การทำร้ายเด็กที่เลวร้ายและส่งผลถาวรมากสุด ไม่ใช่การลงมือทำร้ายร่างกายหรือการบริภาษด่าทอ

แต่เป็นการทอดทิ้งเขาเป็นเวลาต่อเนื่องกัน เย็นชาต่อเขา ไม่พูดคุยใยดีเขา ปิดกั้นเขาจากโลกภายนอก เพราะการขาดความรักเป็นสาเหตุร้ายแรงสุดที่ทำให้เกิดบาดแผลต่อจิตใจ สมองและพัฒนาการของเด็กไปจนชั่วชีวิต


ตอนที่ตำรวจไปตรวจพบสาวน้อยเดเนียล เธออยู่ในบ้านหลังเล็ก ๆ มีพี่ชายด้อยพัฒนาการด้านสมองคนหนึ่ง และอีกคนปรกติ รวมทั้ง “แม่” ของเธอ ห้องนอนของเดเนียลใหญ่ไม่เกินห้องน้ำเล็ก ๆ มีฟูกนอนเก่า ๆ เศษอาหารทิ้งเกลื่อนกลาด และกองผ้าอ้อมใช้แล้วสูงกว่า 4 ฟุต แมลงสาบ เห็บ หมัด เศษอุจาระปัสสาวะกระเซ็นอยู่เต็มบ้าน แม้แต่ในตู้เย็นก็มีแมลงสาบ

ตอนนั้นเดเนียลอายุจริงเกือบ 7 ขวบแล้ว เธอนอนขดเหมือนหนอน ไม่แสดงอาการรับรู้โลกภายนอก เพราะตลอด 7 ปีนั้น เธอไม่เคยเห็นโลกภายนอก เธอจับตุ๊กตาไม่เป็น เพราะทั้งชีวิตไม่เคยเห็นตุ๊กตา เธอไม่รู้จักหนังสือ เพราะทั้งชีวิตไม่เคยมีใครอ่านหนังสือให้ฟัง เธอเดินไม่ได้ เวลาเดินจะเขย่งเท้าตลอดเวลา เพราะทั้งชีวิตไม่เคยได้เดินเล่น แน่นอน เธอพูดไม่ได้ ทั้งชีวิตไม่เคยมีใครพูดกับเธอ แม้แต่ “แม่” แท้ ๆ ของตัวเอง

กุมารแพทย์ที่วินิจฉัยเธอทดสอบพัฒนาการด้านต่าง ๆ ทั้งสมองและกล้ามเนื้อ สรุปว่าเธอมีพัฒนาการไม่ต่างจากทารกอายุ 2 เดือน “สองเดือน” จริง ๆ และมี IQ ต่ำกว่า 50 หมอฟันธงว่าเดเนียลจะพิการไปตลอดชีวิต
"ถ้าให้ของอะไรกับเดนี่ เขาจะเอายัดใส่ปากหมด"

สายตาเดเนียลเหม่อลอย นัยน์ตาไม่มีประกาย ไม่รับรู้การดำรงอยู่ของโลกภายนอก หรือคนอื่น ๆ เวลามีคนกอด เดเนียลจะไม่แสดงอาการอะไรเลย อาจจะเพราะไม่เคยมีคนกอดเธอเลยในชีวิต

ทั้ง ๆ ที่หมอวินิจฉัยว่าในด้านพันธุกรรม เธอเหมือนเด็กปรกติ ไม่มีอาการปัญญาอ่อนหรือออทิสติกแต่อย่างใด แต่เดเนียลไม่มีพัฒนาการอย่างเด็กในวัยเดียวกัน เจ็ดขวบแล้ว เธอต้องใช้ผ้าอ้อมตลอดเวลา ไม่เข้าใจการใช้ห้องน้ำ เธอไม่สามารถแม้แต่จะกิน ต้องมีคนคอยป้อน และเคี้ยวไม่เป็น ต้องมีคนหั่นอาหารจับใส่ปากเป็นชิ้น ๆ ไม่อย่างนั้นเธอจะจับอาหารทุกอย่าง รวมทั้งที่อยู่บนจานคนอื่นยัดใส่ปาก แต่ไม่เคี้ยว

พัฒนาการของสมองมนุษย์ 85% เกิดขึ้นในช่วงห้าขวบแรก Montessori และ Steiner นักปรัชญาการศึกษาบอกตรงกันว่าสมองมนุษย์ช่วงแรกเกิดถึง 5 หรือ 7 ขวบเป็นช่วงสำคัญสุด (critical or sensitive period) ถ้าขาดพัฒนาการในช่วงนี้ เหมือนอย่างเดเนียลที่ถูก “ทอดทิ้ง” อย่างสิ้นเชิง พัฒนาการด้านภาษา การเคลื่อนไหว ระเบียบ ทักษะต่าง ๆ จะไม่บังเกิดขึ้น และยากจะฟื้นฟูในภายหลังได้

แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อที่มีพ่อแม่ที่อยากได้เด็กอย่างเดเนียลเป็นลูก เขาก็คือไดแอนกับเบินนีย์ และลูกชาย วิลลี่ ซึ่งไม่ได้มีฐานะอะไรนัก Dani's Story เป็นเรื่องเล่าถึงเดเนียลที่ตอนหลังเปลี่ยนชื่อเป็นเดนี่ (Dani) ให้สมกับชีวิตใหม่ของเธอ เป็นเรื่องจริงที่ยืนยันว่า ยารักษาโรคที่สำคัญสุดของมนุษย์คือ ความรักและความอดทน

อ่านที่พ่อแม่คู่นี้เขียนบรรยายการเลี้ยงดูฟูมฟักเด็กน้อยเดนี่แล้วรู้สึกอาย ความรักที่เขามีต่อเด็กน้อยที่ไม่ใช่สายเลือดของตนมีมากมายมหาศาล ทั้งการเช็ดขี้เช็ดเยี่ยว เพราะหลายปีที่มาอยู่ด้วย เดนี่ยังใช้ห้องน้ำไม่เป็น เช็ดอ้วก การผลัดกันนอนเฝ้าเดนี่เพราะช่วงปีแรก ๆ เดนี่ไม่สามารถนอนหลับได้เกินชั่วโมง แต่จะนอนโยกตัวไปมาจนกลิ้งตกจากเตียง ต้องคอยประคองขึ้นมา และเดนี่มักละเมอเดินไปในครัวบ่อย ๆ

เรียกว่าพ่อแม่บุญธรรมคู่นี้และลุกชายต้องรับมือกับเด็กที่แม้อายุจริงจะถึง 7 ขวบแล้ว แต่พัฒนาการต่าง ๆ ไม่เกินทารก และเป็นอย่างนี้เป็นปี ๆ จนถึงปัจจุบันที่อยู่ด้วยกันมา 7 ปีแล้ว (เดนี่อายุประมาณ 14 ปีแล้ว) เดนี่ยังคงควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ แสดงความรู้สึกได้น้อยมาก และยังพูดไม่ได้! เธอยังคงต้องเรียนหนังสือร่วมกับเด็กพิเศษ (special needs children) ต่อไป

ประสบการณ์ที่พ่อแม่คู่นี้เล่า ความหวังของเขาที่มีต่อเด็ก การมองเด็กในแง่ดี เขาไม่มองว่าอาการดื้อเป็นเรื่องเลวร้าย แต่กลับมองว่าเป็นพัฒนาการที่แสดงว่าเดนี่เริ่ม “คิดเป็น” สิ่งเหล่านี้พ่อแม่จำนวนมากไม่มี หรือบกพร่อง รวมทั้งตัวเราเองด้วย เรามักมองว่าลูก “ซน” นั้นไม่ดี แต่ถ้าเรามีลูกอย่างเดนี่ที่เฉยเมย ไม่ขยับทำอะไรเลย เราจะรู้ว่าอาการซนเป็นของดี


เครดิตจาก
http://www.danisstory.org/

http://www.tampabay.com/features/humaninterest/article750838.ece

http://www.tampabay.com/specials/2011/photo_galleries/girl_in_the_window/

จากคุณ : แม่หญิงฟุ้งซ่าน
เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 09:41:24




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com