|
ขออนุญาตเอา บันทึก ที่เราเคยเขียนไว้มาให้อ่านนะคะ
กลับจาก ร.พ ตั้งแต่เมื่อวาน วันที่ 3 ส.ค ต้องบอกว่าการผ่าคลอดครั้งนี้ ...เป็นอะไรที่เจ็บปวดทรมานที่สุด... ปกติโอ๊ตจะเป็นคนที่อึด และอดทนมาก..... แต่ครั้งนี้ เหมือนเราเจ็บมากจนแทบทนไม่ไหว ...เจ็บจนร้องให้ ... วันแรกที่คลอด..... น้องเคธี่ คลอดโดยการผ่าตัดที่ ร.พ นครธน คุณหมอเชิดพงษ์ เป็นคนทำคลอดให้ เวลาคลอด 09:01 น. ต้องออกจากบ้าน ไปรอผ่าคลอดตั้งแต่ตี 5 ครึ่ง ครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่ออกจากบ้านตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง 555 สัดส่วนน้องเคธี่ น้ำหนัก 3,330 g สูง 53 cm ถือว่าตัวโตใช้ได้เลย อาจเพราะตอนท้อง โด๊บเยอะ ไม่ใช่ลูกจะได้มากมายนะมันมาลงที่แม่เพียบ ก่อนท้อง หนัก 45 หลังท้อง 71 พอคลอดแล้ว... เหลือ 65 ตามอีก 20 กิโล ...ชิวๆ... T-T คลอดครั้งนี้..โอ๊ตถือโอกาสทำหมันไปเลย เพราะอายุเยอะแล้ว..จะได้เจ็บครั้งเดียว แต่หารู้ไม่ว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดมากๆ เพราะมันเจ็บเจียนตาย แผลผ่าคลอด... ไม่เจ็บเท่าไหร่ค่ะ ..แต่แผลที่ทำหมันน่ะสิ ...โอ๊ย..แม่เจ้า หมอบอกเป็นพังผืดด้านในจากการคลอดครั้งทีี่แล้ว... หมอเลย ต้องเลาะเป็นแผลที่เป็นพังผืดออก ยาวมาก ตรงบริเวณที่ทำหมัน บอกเลยว่ามันเจ็บจนไม่มีคำบรรยาย เจ็บจนอยากกลั้นใจตายไปเลย... ตอนผ่าคลอดเคธี่ เคธี่ ออกไม่ได้ เพราะติดพังผืด หมอตั้วดันน้องจากใต้ราวนมเรา จนเราหายใจแทบไม่ออก แต่ดีที่น้องออกมาปลอดภัย
วันแรกที่คลอดเลย ไม่ค่อยเจ็บค่ะ อาจเพราะยังมียา ที่บล็อกหลังและยาแก้ปวดที่หมอให้ทางทางสายน้ำเกลือช่วยอยู่ สิ่งที่อึดอัดคือ มีสายยางที่สวนปัสสาวะ ทำให้อึดอัด ไหนจะ มีน้ำคาวปลาอีก ขยับตัวก็ไม่ได้ วันแรก หลังผ่าตัด ต้องงดน้ำ งดอาหาร 24 ช.ม บอกตรงๆว่าข้าวน่ะ ไม่หิวหรอก แต่น้ำนี่สิ หิวมาก ที่ทานอะไรไม่ได้ เพราะป้องกันท้องอืด เราต้องพยายามพลิกตัว ทุก 3 ช.ม เพื่อป้องกันท้องอืด แต่ก็อึดอัดอยู่ดี ....
วันแรกผ่านไป ไวเหมือนโกหก...วันที่สอง ได้เวลาถอดสายน้ำเกลือ ถอดสาย สวนปัสสาวะออก ....รู้สึก....โล่ง....สุดๆ ...เลยทำความสะอาดร่่างกายด้วยตัวเอง ด้วยความทุลักทุเล..ปนเจ็บปวด..แต่ก็ให้ความรู้สึกที่ดีกว่าให้พยาบาล ทำความสะอาดร่างกายให้ ...เพราะเรามีความรู้สึกว่าไม่สะอาดเอาซะเลย ระหว่างที่คลอด...สามี..เป็นคนเฝ้าไข้ ..วันแรก..อาจเป็นมือใหม่ เพราะเฝ้าจริงๆ ช่วยเหลืออะไรเราไม่เป็นเลย ไม่ว่าจะจับพลิกตัว จับนั่ง จับยืน..ตอนแรกสามีใช้แรงดึงกระชาก เราเจ็บจนร้องให้ ..เค้าเลย พยายามทำให้เบาลง...แต่สุดท้ายเค้าก็เรียนรู้ได้เร็ว ว่า วิธีจับเราลุก ยืน นั่ง เดิน นอน ต้องทำยังไง ..สุดท้ายก็ผ่านไปด้วยดี .... วันที่สอง ได้ กินข้าว กินน้ำ ตามปกติ ..ค่อยยังชั่วหน่อย วันนี้ พี่เจตน์ พี่พจน์ พี่หนู ส่งกระเช้าผลไม้ใบใหญ่ให้ด้วย โดยพี่เจตน์โทรสั่งร้านค้าที่ ร.พ ...พี่เจตน์จะรู้มั๊ยเนี่ยว่า ร้านที่พี่เจตน์สั่ง ผลไม้ทั้งตระกล้า กินได้ลูกเดียว นอกนั้นเน่าหมด...อยาก ประณามจังเลย หากินกับคนป่วย ใส่แต่ของดีด้านบนสุด นอกนั้น ด้านล่าง มีแต่ของเน่า กินไม่ได้เลย....แย่จริงๆ คนสมัยนี้.... วันที่สาม เป็นวันที่เจ็บปวดทรมานที่สุด ปวดแผลผ่าตัด และแผลทำหมันมาก พลิกตัวทีนึง เจ็บจนน้ำตาไหล พอถามหมอ หมอบอก เพราะต้องเลาะพังผืดออกเยอะ เจ็บสุด ก็ตรงแผลทำหมัน ตรงพังผืดที่โดนเลาะนี่แหล่ะ ต้องหาผ้ามารัดเอาไว้ เวลานอน นอนตะแคงไม่ได้เลย เพราะเจ็บมาก ต้องนอนหงาย หัวสูง เป็นช่วงที่ทรมานจริงๆ พยาบาลเอาลูกมาดูดกระตุ้นน้ำนม วันที่สามแล้ว นมยังไม่ออกเลย เห็นพยาบาลเอาแก้วนมป้อนให้น้อง ...เออ..เทคนิค แบบใหม่ ไม่เคยเจอวุ๊ย สงสัยถ้าป้อนขวด กลัวเด็กจะติดจุกนมมั้ง เรายังท้องอืดอยู่ มีลมในท้อง ทรมานจัง ต้องขอยาขับลมพยาบาล ตลอด แถมยังไม่ถ่ายด้วย ..เฮ้อ..!! วันที่สี่ วันนี้ น้ำนมมาแล้ว อาการเจ็บแผลยังเจ็บ เหมือนเดิม แต่ดีขึ้นจากเมื่อวาน แต่เริ่ม ช่วยเหลือตัวเองได้มากขึ้น พยายามลุกเดินเอง พอเดินแล้ว อาการดีขึ้น แต่ถ้านั่งเมื่อไหร่ ลุกยาก เหมือนเดิม วันนี้กลับบ้านแล้ว ...
จากคุณ |
:
แม่น้องเคธี่ (Katie Anne Coe)
|
เขียนเมื่อ |
:
30 ธ.ค. 55 12:31:57
|
|
|
|
|