ความคิดเห็นที่ 1 เพิ่มเติมได้ครับ แต่เซลส์จะทำหน้าหงิก แล้วเดินหนีหายไปหา ผจก. แล้วก็อาจจะหายไปเลย จากคุณ : suttigan เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 11:46:17

ความคิดเห็นที่ 2 รัดกุมดีนะ บางโครงการไม่ลงกำหนดเสร็จด้วยละ ระวังสัญญาให้ดี จากคุณ : พ่อน้องเนย เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 14:21:46

ความคิดเห็นที่ 3 สำหรับตัวผม จะซื้ออะไร ถ้าไม่สบายใจ ผมก็ไปซื้อที่อื่นครับ ตอนผมหาซื้อบ้าน กว่าจะได้หลังนี้ ก็ค้นในหนังสือขายบ้าน (ยังไม่มีเน็ทใช้) โทรถามไปเรื่อยๆ จนมาเจอหลังนี้ เนื้อที่เยอะมาก ราคาขายถูกที่สุด อยู่ก้นซอยตัน ติดทางรถไฟ แรกๆ ตกใจตื่นเวลารถไฟผ่าน ยี่สิบปีผ่านไป ตอนนี้จะไปใหนก็นั่งรถไฟฟรี มีถนนติดรั้วบ้านยาวร่วมสี่สิบเมตร มีรถสายสีแดง กำลังจะมีทางด่วนใหม่ในอีกสามปี เสียงรถไฟก็เบาลงเพราะย้ายรางห่างออกไป ทำกำแพงกันเสียงตลอด ไปทำงาน ออกจากบ้านเกือบเจ็ดโมง เดินไปขึ้นรถไฟฟรีไปบางซื่อ หรือบางซ่อน เลิกงานแล้วราวห้าโมงเย็นก็กลับถึงบ้าน ไม่ต้องใช้รถ เพื่อนบ้านก็ดีๆ ทั้งนั้น ไม่จอดรถริมถนน ไม่เลี้ยงหมานอกบ้าน ช่วยกันกวาดถนน เอาของมาฝากกันเรื่อย นี่มีการถามกันแล้วว่า ปีใหม่ถ้าไม่ไปใหน ก็มากินเลี้ยงกัน จากคุณ : KittySP เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 15:04:53

ความคิดเห็นที่ 4 แล้วเจ้าของกระทู้จ่ายเงินค่าจองไปแล้วหรือยัง  แล้วถ้าเขาไม่ยอมเพิ่มข้อความในสัญญาให้  จะทิ้งเงินค่าจองหรือครับ? จากคุณ : marupong เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 15:11:51

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ              เราจ่ายค่าจองไปแล้วค่ะ 50,000.- น้องเซลล์บอกว่าจะคุยกับนิติกรให้ คิดว่าน่าจะเพิ่มเป็นบันทึกได้              และหลังจากนั้นก็ให้วิศกรโทรมาอธิบาย ขั้นตอนการตรวจบ้านก่อนโอน เราพูดดีๆว่า เราเข้าใจขั้นตอน และต้องการเป็นลายลักษณ์อักษรตามสาระสำคัญที่บอกไว้             เราบอกกับน้องเซลล์กับวิศกรว่า เราไม่ได้ตั้งใจงอแง หรืออยากแก้ไขบ้านจนพรุน เราต้องการบ้านที่มีคุณภาพก็เท่านั้นค่ะ ขั้นตอนต่อไป...             ถ้าโครงการไม่ยอมทำบันทึกแนบท้าย เราก็จะเป็นฝ่ายทำหนังสือแจ้งความจำนง แล้วให้โครงการเซ็นรับทราบ             และถ้าไม่ยอมเซ็นอีก เรายอมทิ้งเงินจองค่ะ เพราะถ้าโครงการไม่แสดงความบริสุทธิ์ใจแบบนี้ เราก็ไม่อยากปวดหัวภายหลังค่ะ             เอ๊ะ...หรือเราเยอะไปหรือป่าว? จากคุณ : สายรุ้งสีเทา เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 16:21:48

ความคิดเห็นที่ 6 อ่านดูแล้วผมว่าก็สมควรจะเพิ่มไปในสัญญา  แต่ผมขอพูดจากประสบการณ์ซื้อบ้านในตำนานเหมือนกัน ผมค่อนข้างเชื่อมั่นว่าเขาไม่แก้ไขเพิ่มเติมสัญญาให้แน่นอนครับ รวมทั้งหนังสือแจ้งความจำนงด้วย เสนอให้โครงการเอาไปเซ็น ผมว่าเขาไม่เซ็น ถึงมีคนยอมเซ็นก็คงเป็นเจ้าหน้าที่ระดับล่าง ซึ่งในท้ายที่สุด โครงการจะบอกปัดความรับผิดชอบอยู่ดี   ตลาดบ้านถ้าจะซื้อโครงการใหญ่ มีชื่อเสียง ผมว่าไม่ใช่ตลาดของผู้ซื้อ ด้วยความที่โครงการพวกนี้มักอยู่ในทำเลที่เด่นกว่าใคร ชื่อเสียงดี ขายได้ง่ายอยู่แล้ว เลยไม่ง้อลูกค้า   โครงการของผู้ประกอบการรายเล็กที่ดีก็มี ที่แย่ยิ่งกว่าก็เยอะ แถมส่วนใหญ่ทำเลก็ไม่ค่อยดี  ประเทศไทยก็มีทางเลือกแบบนี้จริงๆครับ ส่วนหนึ่งเพราะกฎหมายเราไม่พัฒนา โทษเบา ขั้นตอนเยอะ ผู้ประกอบการเลยไม่สนใจ ผู้บริโภคก็เหนื่อย ต้องลุ้นว่าบ้านจะออกมายังไง แล้วแต่บุญแต่กรรม จากคุณ : Coolzero เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 17:03:10

ความคิดเห็นที่ 7 ช่วยตอบ ความคิดเห็น ที่ 5 ครับ   ตรวจจนกว่าจะเป็นที่พอใจของผู้ซื้อละครับ ตามมาตราฐานที่ถูกต้องและปลอดภัย ในระยะยาว 200กว่า จุดผมก้อเคยตรวจมาแล้ว 3 หน้ากระดาษ ข้อความชำรุดบกพร่องภายในบ้าน จัดเต็ม ครับ บู้ ทั้ง ข้อหลักกฎหมาย และ ทฤษฎีทางวิศวกรรม มาบังคับโอนไม่ได้จนกว่าเราจะตรวจเป็นที่เราจะพอใจถึงจะยอมเซ็นให้ผ่านไปได้ อย่าไปยอมคำหวานๆของพวก วิศวกรโครงการ หรือ ไม่พนักงานฝ่ายขาย ว่า โอนไปก่อนแล้วทางโครงการจะไม่ทิ้งบ้านท่าน อย่าหลงคำเหล่านั้นเด็ดขาด ไม่งั้นท่านจะตามงานไม่ได้อีกเลยเมื่อทำการโอนบ้านไปแล้ว ผมใช้เวลาตรวจรับและให้โครงการแก้ไข ใช้เวลา 3 เดือน ในการตรวจซ้ำๆบริเวณที่มีปัญหา จนกว่าเราจะพอใจ กับผลงานของช่างว่า ทำออกมาแล้วออกมาดีหรือยัง งานฝีมือต้องใช้ความละเอียด งานฉาบ งานสี งานปูน ส่วนใหญ่ โครงการใหญ่ๆใช้แรงงาน ต่างด้าวมาทำการก่อสร้างเยอะ งานเลยออกมา ไม่ดี ไม่เรียบร้อย  เหนื่อยครับ กว่าจะได้บ้านมา 1 หลัง แต่ก้อต้องยอมเหนื่อยเพราะ เงินทั้งนั้น ผ่อนเป็นล้านเป็นหนี้อีก จะมาเอาเปรียบเราได้อย่างไร  อย่าไปกลัวอย่าไปเกรงใจโครงการ  เอกสารส่งเป็นลายลักษณ์อักษร แจ้งไปเลยเราต้องการอย่างไร ทำไม่ได้ ในข้อสัญญา ที่ระบุไว้ผิดเงื่อนไข ก้อฟ้องไป เอาเงินคืนก้อแค่นั้น โครงการอยากได้เงินเราเค้าก้อจะแก้ไขให้ละครับ  เสนอสนองถูกต้องตรงกัน ไม่เอาเปรียบกัน จบ จากคุณ : spring-ton (spring-ton) เขียนเมื่อ : 1 ม.ค. 56 04:25:58