 |
ตอบคุณเอ๋นะครับ บอกตามตรงครับทางบ้านผมไม่ค่อยมีฐานะเท่าไหร่นะครับ ยึดอาชีพเกษตร มากว่า 25 ปีแล้วครับ คุณพ่อคุณแม่ปลูกผักในดินมานาน ทำให้คุณภาพดินค่อนข้่งไม่สมบูรณ์อ่ะครับ ต้องใช้พวกมูลวัวมูลไก่ + ปุ๋ยเคมี ปต่หลายเหตุผลที่ผมพบความแตกต่างอย่างมาก ระหว่างปลูกในดินกับระบบไฮโดรนะครับ 1 โตเร็วกว่าในดินประมาน 30-50 % ครับ 2 ไม่ต้องถอนหญ้าเพราะไฮโดรไม่มีวัชพืชครับ 3 กำหนดผลผลิตที่จะเก็บเกี่ยวได้ล่วงหน้า จึงสามารถคำนวนความต้องการของตลาดได้ครับ 4 ไม่ต้องใช้สารเคมีจำพวก ยาปราบวัชพืช และยาฆ่าแมลง ซึ่งปกติที่บ้านจะใช้เฉพาะถั่วกับแตงกวาครับ นอกนั้นๆม่ได้ใช้ครับ 5 ต้นทุนการผลิตต่ำกว่าในแง่ของเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ยเคมี 6 สภาพฝน ฟ้า อากาศ ไม่สร้างความเสียหายให้แก่ระบบไฮโดรครับ ข้อนี้ค่อนข้างสำคัญเพราะที่บ้านผมอยู่ที่ใต้ ฝนตกค่อนข้างบ่อย ทำให้ปลูกผักดินได้ยาก ช่วงหน้าฝนจึงขายผักได้ราคาสูง โดยถ้าฝนตกยิ่งเป็นผลดีกับระบบไฮโดรด้วยครับ 7ไม่มีเชื้อโรค พยาธิ ไส้เดือน จึงสามารถควบคุมผักให้ออกมาได้อย่างสะอาด มีคุณภาพครับ 8 ถ้ามีการวางระบบที่ดี การจัดการจะง่ายมากครับ แรกๆผมก็ค่อนข้างแป้ะครับ วัดค่า เช็คค่าทุกวัน หลังๆ อาทิตย์นึงวัดทีนึงครับ ซึ่งทำให้เรามีเวลา เพิ่มมากขึ้น สำหรับผม เพาะกล้า ลงปลูก เติมปุ๋ย นานๆเช็คสารละลายที ปล้วก็รอเก็บได้เลยครับ ซึ่งถือว่าเป็นการจัดการที่มีประสิทธิภาพมากครับ เราสามารถตั้งราคาขายขั้นต่ำเพื่อกำหนดรายได้ในแต่ละเดือนล่วงหน้าได้เลยครับ เช่นผักสลัดนอกปกติขายปลีกต้นละ 20-25 บาท แต่เราคิดขั้นต่ำ 10 บาท มีสัก 2000 ต้น ก็ได้เดือนละ 20000 แล้วครับแต่ในความเป็นจริงอาจขายได้ถึง 40,000-50,000 เลยนะครับ เพราะทราบกันนะครับว่าผักไฮโดรค่อนข้างมีราคาสูง เนื่องด้วยต้นทุนโครงสร้างครั้งแรกค่อนข้างสูง ซึ่งผมพยายาม เลียนแบบ ดัดแปลง ต่อยอด จากอุปกรณ์สำเร็จรูปที่ขายกันราคาสูงๆ โดยหาวัสดุที่หาซื้อได้ตามท้องถิ่น เพื่อให้เพื่อนๆที่สนใจ ปลูกผักสดๆปลอดสารพิษไว้กินเอง หรือใครสนใจจะยึดเป็นอาชีพก็สร้างรายได้อย่างดีเลยครับ เหตุผลยังมีมากกว่านี้อีกนะครับ แต่โดนใจผมมากๆที่เห็นได้อย่างชัดเจน ก็8 ข้อนี้แหละครับ
จากคุณ |
:
bird_ใส่ใจ
|
เขียนเมื่อ |
:
22 ธ.ค. 55 11:59:58
|
|
|
|
 |