ทุกวันนี้เวลาถามเยาวชนว่าโตขิ้นอยากเป็นอะไร หลายคนตอบไม่ได้ด้วยซำ้ เวลาสอบเข้ามหาวิทยาลัยก้เลือกเรียนตาม ๆเค้าไป เพราะไม่รู้เป็าหมายในชีวิตต้องการอะไรกันแน่
คนไทยไม่ค่อยสนใจเรื่องการค้นพบตัวเองมากเท่าไร การศึกษาไทยเป็นการศึกษาที่ออกแบบมาเพื่อให้คนไทยทำอะไรไปตามฝูง ไม่ใช่ระบบการศึกษาที่กระตุ้นให้คนไทยค้นพบอัจฉริยภาพ
การศึกษาของเราถูกออกแบบมาเพื่อให้ใช้กับคนเป็นโหล เก่งก้ต้องเรียนแบบนี้ โง่ก้ต้องเรียนแบบนี้ แล้วใครที่เกิดแสดงอัจฉริยภาพทอประกายขิ้นมาเป็นพิเศษ ครูก้จะเห้นว่าเป็นเด็กที่มีปัญหา
ตามเค้าเเล้วเก่ง คิดเองเราโง่
เราถูกกระตุ้นให้วิ่งตามคนอื่นไป ให้ชื่นชมคนอื่น ยกเว้นชื่นชมตนเอง แต่ในพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้เลยว่า เพื่อเอ๋ย เธอก้เอาดีได้ ใยจึงมาดูถูกตัวเองเสียเล่า
คนจำนวนมากเข้าใจผิดคิดว่าปริญญากับปัญญาเป็นเรื่องเดียวกัน ทุกวันนี้เรามีบัณฑิตมากมายที่ไม่รู้จักใช้ปัญญาอย่างแท้จริง เขาเพียงแต่ทำตามอย่างที่คนส่วนใหญ่เค้าทำกัน
ทุกวันนี้คนอยากเป็นซัมบอดี้เพียงเพราะอยากสนองปมบางปมปมอีโก้ ปมอัตตาปมอยากได้รับการยอมรับ สิ่งเหล่านี้เรียกว่าปมภวตัณหา อยากเป็นั้นอยากเป็นนี่ ในทางพุทธศาสนาท่านบอกว่า อย่าไปอยากเป็นนั้นอยากเป้นนี่ แต่ให้อยากทำนั้นอยากทำนี่ ทำเหตุให้มาก ปล่อยวางในผล หมายความว่าท่าทำเหตุให้ดีแล้ว ผลที่ดีจะไหลมาหาเอง
คนไทยเรานั้นไม่ค่อยจะคิดเองในเชิงวิเคราะห์ แต่จะชอบสะเดาะเคราะห์กันเสียมากกว่า
ศรัทธาเป็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคล เราจะศรัทธา อะไรก้แล้วแต่เป็นเรื่องที่บังคับใจกันไม่ได้ พุทธศาสนาเป็นศาสนาที่ไม่บังคับให้ศรัทธา ไม่เชื่อเป็นสิทธส่วนบุคคล ดังนั้นในทางพุทธศาสนาเรื่องศรัทธาจึงเป็นเรื่องที่ปัจเจกบุคคลเลือกเชื่อและเลือกปฎิบัติกันตามวิจารณญาณของตนเอง
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเหมือนดั่งฝน แล้วคนเราก็มีทั้งแก้วควำ่และแก้วหงาย