Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
If you care enough vote ติดต่อทีมงาน

หนังสือIf you care enoughโดยคุณวิไลรัตน์ เอมเอี่ยม(บรรณาธิการบริหารนิตยสารแจกฟรี a day Bulletin)
จริงแล้วIf you care enoughเคยตีพิมพ์ครั้งแรกสุดเมื่อเดือนตุลาปี53 แต่เมื่อปลายปี54ถูกตีพิมพ์อีกครั้งทุกอย่างเหมือนยังเดิม แต่ที่เพิ่มเติมคือคำว่า Best seller ที่หน้าปก (หน้าปกเป็นรูปพาสเตอร์ชวนให้หยิบขึ้นมาอ่าน ^^ )
เป็นหนังสือที่น่าอ่านมาก มีเรื่องต่างๆที่เชื่อว่าทุกคนเคยละเลยไป ได้อ่านแล้วทำให้กลับมาฉุกคิด และใช้เป็นแง่คิดที่ดีในการดำเนินชีวิตได้เลยทีเดียว
หนังสือเล่มนี้เป็นการรวบรวมบทบรรณาธิการของคุณวิไลรัตน์ที่เขียนลงใน a day Bulletin วันนี้ขอแนะนำสักเรื่องที่พูดได้ว่าเป็นที่มาของหนังสือเล่มนี้ ...

a day bulletin issue 148

Everyone knows a person more than a side
ในโลกที่เราต้องคบหาผู้คนมากหน้าหลายตา สิ่งที่เรามักจะลืมนึกถึงเสมอแต่มันก็เกิดขึ้นจริงเสมอก็คือ เรารู้จักคนแต่ละคนแค่บางด้านเท่านั้น และไม่มีด้านไหนที่สามารถอธิบายตัวตนของคนคนหนึ่งได้ครบถ้วน ด้านของคนหนึ่งที่เรารู้จัก อาจเป็นด้านที่คนอื่นๆ นอกจากเราไม่เคยรู้เลย ขณะเดียวกัน ด้านที่คนอื่นเขารู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองเราก็อาจบอดใบ้ และเมื่อมารู้ทีหลัง ก็อาจถึงขั้นตะลึงงันอ้าปากค้างไปก็มี แล้วอย่าว่าแต่เราไปรู้จักคนอื่นๆเลย คนอื่นที่รู้จักเราก็เช่นกัน กับคนหนึ่งที่เราอาจเปิดเผยแทบทุกเรื่องกับเขา แต่กับอีกคนเราเลือกให้เขารู้แค่บางเรื่อง และถ้าหากเขาก้าวเข้ามารู้ในสิ่งที่เราไม่อยากเปิดเผยแล้ว เราอาจจะรู้สึกเหมือนพื้นที่ส่วนตัวถูกล่วงล้ำและไม่สบายใจที่จะคบหาต่อไปอีก
ไม่แปลกที่เราจะไม่รู้จักใครคนใดคนหนึ่งครบทุกด้าน เพราะตัวเราเอง บางทียังไม่รู้จักตัวเราเองเลย คำว่าจิตมนุษย์นี้ไซร้ยากแท้หยั่งถึงจึงใช้ได้กับมนุษย์ทุกคน รวมทั้งเราด้วย และที่จิตใจคนมันยากแท้หยั่งถึงก็เพราะมันเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์พันลึกของโลกที่สามารถแปรเปลี่ยนได้ทุกวินาที ตัวเราวินาทีนี้กับวินาทีที่แล้วอาจคิดไม่เหมือนกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ ดังนั้นการไปคาดหวังความเที่ยงตรงแน่แท้ในตัวคนอื่นคงลำบาก และอาจเป็นทุกข์ไปเปล่าๆ สิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่เราจะคาดหวังได้จากตัวคนอื่นก็คือ ขอให้ด้านที่เรารู้จักเป็นด้านที่ดี และไม่ทำให้เราเดือดเนื้อร้อนใจก็พอ ซึ่งผู้เขียนเชื่อว่า โดยทั่วไปเราก็มักจะใช้หลักการนี้ในการคบหาสมาคมกับใครอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เราอาจจะคบเพื่อนคนหนึ่งได้มาตั้งนมตั้งนานโดยไม่มีปัญหาอะไรกับเขาเป็นการส่วนตัว แต่คนอื่นที่รู้จักเขาเช่นกันอาจขยาดที่จะคบหา และบางครั้งก็เลี่ยบๆ เคียงๆ บอกให้เราเลิกคบหรือให้อยู่ห่างๆไว้ เรื่องแบบนี้จึงไม่มีคำตอบสำเร็จรูปหรือฟันธงได้ว่าเราควรทำอย่างไรกับสถานการณ์ที่เพื่อนที่ดีของเราเป็นคนที่แย่ในสายตาคนอื่น เจอปัญหาแบบนี้ คงต้องใช้เหตุผลในการพิจารณาให้มาก เพราะการที่เขาแย่กับคนอื่นย่อมเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น นิสัยใจคอเข้ากันไม่ได้ มีปัญหาขัดแย้งไม่ลงรอย ไปจนถึงเหตุผลว่าแค่ไม่ถูกชะตาเท่านั้น เอาเข้าจริงๆ คนแต่ละคนก็แสดงด้านร้ายกับคนอื่นไม่เหมือนกันและไม่เท่ากันอีก แต่ถามว่าเราควรระวังด้านที่คนอื่นบอกว่าเพื่อนเราแย่ไหม เรื่องนี้จะระวังไว้ก็ไม่เสียหาย แต่ก็อย่าระวังจนเกิดอาการระแวง แล้วกลายเป็นคบหากันได้ไม่สนิทใจเสียเปล่าๆ แต่เมื่อไรที่แจ็คพ๊อตแตก เขามาแสดงด้านร้ายกับเราจนเกินงาม เมื่อนั้นนั่นแหละ ก็ลองหันไปดูซิว่า เพื่อนที่สนิทที่สุดของเราเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ยังอยู่ไหม?หรือย้อนไปไกลกว่านั่นคือเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ย้อนไปสมัยเรียน ย้อนไปสมัยไหนก็ได้ เราไม่ได้มีเพื่อนสนิทคนเดิมมากนักหรอก แล้วเผลอๆ วันนี้เพื่อนที่เคยสนิทกับเรากลายเป็นใครก็ไม่รู้ที่ต่อให้เรากลับไปคบหาอีกครั้งก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว เพราะวันเวลาได้ใช้พลังของมัน เปลี่ยนนิสัยใจคอคนไปแล้วตามกฎธรรมชาติเมื่อนิสัยใจคอเปลี่ยน คนเราก็ต้องจากกันไปหาคนอื่นที่มีนิสัยใจคอที่เหมาะสมกว่า จริงๆ ถ้าวันนี้ยังพอคบหาเพื่อนคนไหนได้ก็คบหากันไปไม่ถึงกับต้อรีบร้อนไปทุกข์กับด้านร้ายของเขาก็ได้ ยกเว้นเพื่อนจะเป็นเอเยนต์ค้ายาบ้าอยู่ ซึ่งแบบนี้ก็คิดว่าสมควรจะรีบทุกข์ร้อน และหาทางหลบเลี่ยงกันบ้าง เพื่อไม่ให้พลอยติดร่างแหแก็งค์ค้ายาไปอีกคน
มีคำพูดหนึ่งบอกว่า เพื่อนแต่ละคนที่เราคบจะอธิบายความเป็นตัวเราได้ไม่เหมือนกันเลบ เช่นเดียวกันกับที่เราเองไม่อาจอธิบายนิสัยใจคอเพื่อนคนนี้ได้เหมือนกับคนอื่นๆที่เขารู้จัก ท่องไว้เลยว่า คนเราย่อมมีมากกว่าด้านเดียวเสมอ บางทีเราเองก็เผื่อใจกับบางเรื่องที่ไม่คาดคิดของเพื่อนไว้บ้าง แต่ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับตัวตนของเขาอย่างที่เขาเป็นจนกว่าจะรับไม่ได้กันไปข้างหนึ่ง
อย่างไรก็แล้วแต่ แม้เราจะมีด้านอื่นๆ กันอีกคนละหลายๆด้าน แต่การที่คนเราจะคบหากันได้ยืนยาวนั้น อย่างไรก็หนีไม่พ้นด้านที่จริงใจและไม่ทำร้ายเพื่อนนั่นแหละ พูดจริงๆว่า ถ้าคนเราคบกันแล้วมีแต่ทำร้ายความรู้สึกกันไม่จบไม่สิ้น ทำให้เดือดร้อนจบนับครั้งไม่ถ้วน มันก็ดูชอบกลอยู่ แน่นอนว่าเพื่อนคุณอาจให้อภัยคุณได้ครั้งแล้วครั้งเล่าแต่เคยคิดไหมว่า แม้เพื่อนที่ดีกับคุณมาตลอดนั้น อาจเหมาะสมที่จะเรียกว่าเพื่อนจริง แล้วตัวคุณล่ะ เหมาะสมที่เขาจะเรียกว่าเพื่อนอยู่ไหม
เรื่องแบบนี้ ไม่หยุดคิดบ้าง ก็ไม่รู้ตัว
วิไลรัตน์ เอมเอี่ยม

ลองซื้อมาอ่านกันดูนะ รับรองเป็นหนังสือที่ดีมาก ขอยกนิ้วให้หนังสือ If you care enough

จากคุณ : Antipyretic
เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 01:23:55




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com