ความคิดเห็นที่ 1 ยังไม่ได้อ่านเลยครับ สรุปมันคือการมองโลกในแง่ดี และคิดดี ใช่ไหมครับ ? มารอฟังด้วย อิอิ จากคุณ : GG เขียนเมื่อ : 26 พ.ค. 55 17:17:13 A:27.55.7.66 X: TicketID:312375

ความคิดเห็นที่ 2 หมายถึง The Secret ที่ Rhonda Byrne เขียนนะ ไม่ใช่ไอ้หนังสือชื่อคล้ายๆกันที่หมอฟันไทยเขียนเกทับ Rhonda Byrne แต่เขียนไม่ดีเท่า อันนั้นไม่ต้องพูดถึงนะ เราอ่าน The Secret ของ Rhonda Byrne แล้วนำ the law of attraction ไปสลายอาถรรพ์ของการกินเนื้อวัวได้สำเร็จ concepts จาก the law of attraction มันกระตุ้นให้เรากลับไปอ่านคัมภีร์การฝึกกำลังภายในของนักพรตเต๋าซ้ำอีกหลายๆรอบ แล้วตีความได้เป็นอย่างอื่น ทำให้เรารักษาอาการป่วยเรื้อร้งของตัวเองได้สำเร็จ คือตอนนั้นขาขวากำลังจะพิการเพราะกระดูกสันหลังมีปัญหา แต่อยู่ดีๆเรารักษาตัวเองได้ด้วยพลังจิต และขาขวารอดจากความพิการได้อย่างหวุดหวิด ไปอ่าน คคห 20, 21, 26 ในกระทู้เก่าอันนี้ (เขียนแต่เรื่องล้างอาถรรพ์ของการกินเนื้อวัวนะ) http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2011/06/K10672730/K10672730.html จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 26 พ.ค. 55 22:37:05

ความคิดเห็นที่ 3 ใช่ค่ะ คุณ  fortuneteller ของ Rhonda  น่ะค่ะเราอ่านแล้ว เกิดความเชื่อมากมาย   พยายามนำมาปฏิบัติบ้าง   เรามีลูกป่วยเป็นโรค TICS อยากนำมาบำบัดเค้าบ้าง  เพราะว่าจิตแพทย์ที่เคยรักษา ก็ทำอะไรไม่ได้  มีแค่การพูดคุยให้ระบายความเครียด  ซึ่งในระยะหลังๆ ลูกเราเบื่อที่จะพบหมอ  ก็เลยพยายามตอบคำถามทาง positive   หมอก็เลยสรุปว่าลูกเราดีขึ้น  แต่เราสังเกตุว่าอาการเป็นมากกว่าเดิม   เลยอยากจะถามเพื่อนๆในบอร์ดนี้ว่า   มีใครเคยนำหลักการไปปฏิบัติแล้วได้ผลบ้างๆหมคะ แล้วใช้เวลานานไหมคะ จากคุณ : ลูกคนที่หก เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 14:59:04

ความคิดเห็นที่ 4 ^ ^ ^ เราคิดว่าถ้าคุณเอาอาหาร macrobiotic ให้ลูกคุณกิน มีความเป็นไปได้ที่ลูกคุณจะคลายเครียดและอาการดีขึ้นมากๆ ตอนเด็กๆเราป่วยเป็น ocd เราก็ไม่ไปหาจิตแพทย์ เพราะจิตแพทย์รักษาแม่เราที่ป่วยทางประสาทเหมือนเรา (จริงๆแล้วเราป่วยเหมือนแม่เราคงเป็นเพราะกรรมพันธ์) จนแม่เราเพี้ยนเพราะฤทธิ์ยา พอเราไปอยู่ต่างแดนเราศึกษาวิชา  Zen Macrobiotics แล้วฝึกกินอาหารปลอดสารพิษออกแนวอาหารเจของญี่ปุ่น อาการป่วยของเราก็ดีขึ้นเรื่อยๆ พอเรากลับมาเมืองไทยเรากินอาหารไทยแล้วป่วยหนักอีกรอบ เวลาเราเขียนใน pantip เพื่อเล่าให้ฟังถึงอันตรายของอาหารไทย (ซึ่งใช้เครื่องปรุงและกรรมวิธีการทำอาหารที่ทำให้มีสารเคมีตั้งมากมายลงไปในอาหาร) ที่คนไทยหลายๆคนคิดไม่ถึง เราเคยโดนคนตั้งหลายร้อยที่ชาตินิยมรุมด่าเราด้วยความโกรธแค้นที่เราบังอาจตำหนิว่าอาหารไทยกินแล้วสุขภาพไม่ดี ในกระทู้ใน pantip เคยโดนรุมด่าแบบนี้ 2 กระทู้แล้ว...555+++....พอโดนรุมด่า เราจะยิ้มอย่างมีความสุข ด้วยเหตุผลที่ว่า "มันเป็นความจริงที่เราหายป่วยเรื้อรังได้เพราะเลิกกินอาหารไทย!" ส่วนเรื่องการรักษาอาการป่วยทางประสาทให้หายขาดแบบธรรมชาติบำบัดนัั้น ผู้ป่วยจำเป็นต้องฝึกสมาธิและกำลังภายใน แนวคิดเรื่อง the law of attraction ในหนังสือ The Secret เป็นเพียงแค่สอนให้คิดบวกเพื่อสร้างพลังขับเคลื่อน qi (ลมปราณ) "ถ้าผู้ป่วยคิดบวกได้ และเดินหน้าฝึกสมาธิและกำลังภายใน เขาจะสามารถทะลวงจุดชีพจรและสายลมปราณต่างๆที่มีการอุดตัน เมื่อทำสำเร็จ qi (ลมปราณ) จะไหลเวียนสะดวกและหายป่วยได้เองโดยธรรมชาติ" แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 55 23:28:19 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 23:21:14

ความคิดเห็นที่ 5 ผลกระทบของอาหารที่มีต่อจิตและประสาทเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากๆ เมื่อหลายปีมาแล้วเราไปเจอผู้หญิงคนหนึ่งที่ล้มป่วยทรุดอยู่ข้างทางเนื่องจากเธอเป็นแผลในกระเพาะอย่างแรง แถมยังป่วยเป็น bipolar เธอกำลังเดินหางานอยู่ เราทำอาหารเจด้วยข้าวกล้องและผัก organic ทิ้งไว้ให้เธอกินใน apartment ที่เราเช่าอยู่ แล้วเราออกไปทำงาน ตอนแรกไม่ค่อยได้ผล เพราะเธอยังมีเงินเหลือติดตัว เธอไม่กินอาหารเรา เธอเอาเงินไปซื้ออาหารรสจัดๆแบบอาหารอีสานกับอาหารเหนือมากินทุกวัน (เหตุเกิดขึ้นที่ ซ.กิ่งเพชร) ต่อมาเงินเธอเกลี้ยง เธอไม่ที่ทางเลือก ต้องกินอาหารญี่ปุ่นที่เป็นอาหารเจปลอดสารพิษของเรา มหัศจรรย์มากๆอีก 3 เดือนต่อมาเธอไปเอ็กซเรย์ที่โรงพยาบาลจุฬา แพทย์งงว่า "แผลในกระเพาะอาหารหายไปหมดได้ไง เพราะเธอไม่ได้มารับยาไปกินตั้ง 3 เดือน แล้ว" จริงๆแล้วเราเอายารักษาโรคกระเพาะเธอทิ้งลงชักโครกไป แถมยังเทนมวัวของเธอลงชักโครกไปด้วย ในขณะที่เธอมองเราตาปริบๆแล้วร้องออกมาดังๆว่า "ฉันจะต้องตายแน่ๆถ้าไม่กินนมวัวเพื่อเคลือบกระเพาะ แล้วไม่กินยาหมอเพื่อรักษาแผลในกระเพาะ" ^ แต่เราบอกเธอว่า "นมวัวนี่หละจะเจาะกระเพาะเธอขาด ถ้าไม่เลิกกิน" อีกหลายเดือนต่อมา เธอหายเป็นปกติดี ไม่มีอาการโมโหคลุ้มคลั่งสลับกับซึมเศร้า (อาการหลักของ bipolar) จากนั้นเธอก็แข็งแรงพอที่จะไปหางานทำได้ พอเธอมีรายได้ดี เธอก็หยุดกินอาหารเจแบบญี่ปุ่นรสจืดชืดแบบที่เราสอนให้เธอกิน แล้วเธอกลับไปกินอาหารรสจัดๆแบบอาหารอีสานกับอาหารเหนือเหมือนเดิม กับกินเนื้อสัตว์ที่ถูกเลี้ยงด้วยสารเคมีตั้งมากมาย อีกแค่ไม่กี่สัปดาห์ ทุกอย่างสายเกินแก้ อาการป่วยของเธอทรุดลงเรื่อยๆถึงขั้นโมโหทำร้ายร่างกายคนไปตั้งมากมายในที่ทำงาน (เธอเปลี่ยนงานหลายแห่งเพื่อหนีปัญหา) สลับกับพยายามฆ่าตัวตาย ^ อาหารบางอย่างมีผลกระทบอย่างแรงต่อจิตและประสาทจริงๆ เราทดสอบพลังหยินกับหยางในอาหารหลายชนิดมาหลายสิบปี จนรู้ว่าอาหารแบบไหนจะมีผลกระทบต่อร่างกายและ/หรือจิตกับประสาทได้ แต่จากการฝึกกินอาหารปลอดสารพิษที่เคร่งมากๆมาหลายสิบปี ทำให้เราลงเอยกลายเป็นมีภูมิคุ้มกันอาหารที่มีสารพิษ (หมายถึงอาหารที่กินนอกบ้าน ที่เราไม่ได้ทำเอง) ได้อย่างน่าประหลาด จนในที่สุดเราสามารถกินอาหารแบบสบายๆไม่ค่อยเคร่งนัก แต่ก็ไม่กลับไปป่วยอีก แต่ถึงจะไม่เคร่งมากเรื่องการกินอาหารในตอนนี้ เราก็ยังมักจะกลับไปกินอาหารเจแบบญี่ปุ่นบ่อยๆ เพราะกินแล้วทำให้มีความสุขใจมากๆ แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 55 23:54:43 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 23:49:10

ความคิดเห็นที่ 6 เราอ่านแล้ว  ปฏิบัติและได้ผลจริง  แต่มันไม่ต่อเนื่อง เพราะตัวเราเองแหละที่ไม่ฝึกฝนให้สม่ำเสมอ ตอนนี้ได้อ่าน The Magic เป็นเล่มล่าสุดของ Rhonda ซึ่งในนี้จะมีวิธีปฎิบัติให้ครบ 30 วัน ก็คือ  เหมือนมี to do list ให้เลยในทุก ๆ วัน ตอนนี้เราก็เลยหันมาใช้วิธีจากเล่ม The Magic แทนครับ  เห็นผลจริง ๆ เพราะต้องทำต่อเนื่องทุกวัน ...แต่คิดว่ายังไม่มีแปลไทย  โดยส่วนตัวคิดว่าสำนวนอ่านง่าย  เหมือนหนังสือเรียนสมัยมัธยมแหละครับ  ไม่ยากเลย  ลองดูครับ แค่เปิดใจแล้วลองทำตาม  อย่าเพิ่งไปต่อต้าน  อย่างน้อยที่สุด  ต่อให้คุณไม่ได้ผลอะไรเลย  คุณก็จะกลายเป็นผู้มองโลกในแง่ดีครับ จากคุณ : เป็ด (Brave_AE1) เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 22:53:14