ความคิดเห็นที่ 1 ภาษาญี่ปุ่นไม่ได้มีแค่ตัวคันจิที่รับมาจากจีนจากเกาหลีโบราณเท่านั้น ยังมีคันจิที่คิดขึ้นเอง　(和製漢字) เพราะฉะนั้นคันจิแสดงวัฒนธรรม   อย่างศัพท์ที่เกี่ยวกับศาสนา เช่น  榊　 แล้วก็ไม่ได้รับมาใช้ดื้อๆตรงๆ เขารับมาใช้แต่รูป ส่วนความหมายมีของเขาต่างหาก เพราะฉะนั้นคันจิก็แสดงการพัฒนาของภาษาด้วย  อย่าง 湯　คันจีตัวเดียวกัน แต่ความหมายต่างกันไปจากภาษาจีน จากคุณ : akebi1 เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 55 08:09:01

ความคิดเห็นที่ 2 ช่วยให้ไม่น่าเบื่อ แล้วเข้าใจความหมายได้เร็วครับ ไม่น่าเบื่อเหมือนเกาหลีตัวแบบเดียวกันติดกันเป็นพืด จากคุณ : สาหร่ายเกลียวทอง เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 55 09:54:28

ความคิดเห็นที่ 3 ภาษาญี่ปุ่นมีเสียงอยู่ไม่กี่เสียง ถ้าไม่มีคันจิ เขียนประโยคยาวๆ อ่านแล้วตาลายมากนะครับ จากคุณ : J-Renderer เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 55 10:47:43

ความคิดเห็นที่ 4 เพิ่งทราบว่าคันจิไม่ได้มาจากจีนอย่างเดียว เท่าที่ทราบ ของเกาหลีก็เป็นบล็อคค่ะ แต่เดี๊ยนจำการเขียนแบบซับซ้อนไม่ได้แล้ว แต่สรุปว่าเหมาะต่อการเรียงพิมพ์ได้ง่ายเหมือนอักษรจีน จากคุณ : อวัยวะชิ้นนั้น เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 55 10:48:49

ความคิดเห็นที่ 5 ตอนแรกเกลียดคันจิมาก  แต่พอเรียนไปสักพักนึง เจอบางคำหรือบางประโยคที่เขียนศัพท์บางตัวเป็นฮิรากานะ ไม่ใช้คันจิแล้วเซ็ง ประมาณทำไมไม่ใส่คันจิมา จะได้รู้ว่าพูดถึงคำไหนกันแน่  ทั้งนี้เพราะคำที่พ้องเสียงกันมีเยอะครับ ถ้ามีคันจิก็จะได้เข้าใจเลยว่าหมายถึงคำนี้แน่ๆ จากคุณ : ฟ้าสาง...ที่บางโพ เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 55 11:01:07

ความคิดเห็นที่ 6 แบ่งคำง่ายขึ้น(ภาษาสายตะวันตกน่ารักกว่าตรงนี้แหละ วรรคทุกครั้งที่จบคำ ไม่มี ตากลม) กันพ้องเสียง(ซึ่งญี่ปุ่นเยอะมาก) เหมือนเคยอ่านว่าหลังสงครามก็ลดให้เหลือน้อยตัวแล้วนะ แต่เก็บเสียงจีนไว้ทำไม แต่เป็นเอกลักษณ์ทางภาษาเขาล่ะนะ สามารถทำให้เกิดพร้องรูปได้ทุกตัว) จากคุณ : desmothenes เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 55 15:40:41

ความคิดเห็นที่ 7 น่าจะเพราะว่าญี่ปุ่นมีตัวอักษรไม่มาก ผสมออกมาคงไม่หลากหลายเท่าไหร่ มีอักษรหลายตัวเมื่อผสมออกมาแล้วมันจะพ้องกันหมด ทั้งรูปและเสียงอาจจะทำให้สับสนได้ ดังนั้นจึงต้องมีตัวคันจิ กำกับ ว่าตัวนี้ ความหมายนี้นะยะ อย่าเข้าใจผิด จากคุณ : via iPhone (Yu!eZ) เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 00:23:01