ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าถามว่ายังเป็นมหาอำนาจอันดับหนึ่งอยู่หรือไม่ คิดว่าไม่ใช่แล้วครับ แต่ที่ยังมีบทบาทอยู่มาก ส่วนหนึ่งเพราะมหาอำนาจอันดับ 1 ในยุคนั้นคือสหรัฐอเมริกา ซึ่งขึ้นมาแทนที่อังกฤษแล้วตั้งแต่หมดสงครามโลกครั้งที่ 1 (เนื่องจากไมได้รับความบอบช้ำจากสงครามโลกที่ผ่านมาเลย) เลือกที่จะทำตัวเป็น "ฤาษีเฝ้าถ้ำ" ไม่อยากเข้ามายุ่งกับปัญหาในยุโรป ถึงขนาดไม่สมัครเข้าเป็นสมาชิกของสันนิบาตชาติ ทั้งที่ตัวเองก็มีส่วนร่วมในการก่อตั้งองค์กรนี้ขึ้นมาเองแท้ ๆ ก็เลยทำให้อังกฤษกับฝรั่งเศส ซึ่งเป็นชาติใหญ่ที่สุดในยุโรปที่ชนะสงคราม ต้องเป็นตัวตั้งตัวตีในการจัดการกับปัญหาในยุโรปกันเอง ตรงนี้ผิดกับหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งตอนนั้นสหภาพโซเวียตตั้งตัวได้และเริ่มแผ่อิทธิพลเข้ามายังยุโรปตะวันออกแล้ว ทำให้สหรัฐอเมริกาซึ่งเกรงว่าถ้าไม่เข้ามาช่วยยุโรปไว้ ยุโรปทั้งหมดอาจจะตกอยู่ในอิทธิพลของสหภาพโซเวียตได้ ก็เปลี่ยนนโยบายต่างประเทศจากที่เคยไม่อยากยุ่งกับใคร กลายเป็นจอมจุ้นไปทั่วโลกไปมาจนถึงทุกวันนี้ กรรม จขกท ถามถึงอังกฤษ แต่ดันพล่ามถึงอเมริกาเสียมาก ต้องขออภัยด้วย จากคุณ : เกียรตินำ เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 21:16:58

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้ามองด้านศักยภาพ   อเมริกาเหนือกว่าแล้ว     แต่ถ้าในมุมมองของประเทศต่างๆ    อังกฤษกับฝรั่งเศสยังคงสถานะมหาอำนาจที่ควบคุมโลกอยู่ครับ     มีอิทธิพลมากกว่าประเทศอื่นๆ แต่ก็เริ่มๆที่จะมีคนไม่เกรงแล้ว    เพราะหลายๆประเทศเริ่มที่จะพัฒนากองทัพจนเข้าใหล้อังกฤษ-ฝรั่งเศสได้      สังเกตได้จากอิตาลีเมินสันนิบาตชาติบุกยึดอบิสซีเนีย / เอธิโอเปีย       เยอรมันสั่งเกณฑ์ทหารและสร้างกองทัพอากาศ     ญี่ปุ่นบุกจีนไม่สนใจมติสันนิบาตชาติ จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 21:58:32

ความคิดเห็นที่ 4 อังกฤษเป็นมหาอำนาจอยู่ครับ แม้กระทั่งหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จะมาสิ้นสุดการเป็นมหาอำนาจ ก็ตอนที่เสียคลองซูเอซไปนี่แหละครับ ก็เพราะเพื่อนอเมริกาหักหลัง และมีความทะเยอทะยานอยากเป็นจ้าวโลกครับ ก่อนเสียซูเอซอเมริกายังไม่ได้ครองน่านน้ำเลยนะครับ แล้วเทคโนโลยีการบินของอังกฤษเหนือกว่าอเมริกามากมาย สามารถผลิตเครื่องบินที่ยิงจรวดนิวเครีย เครื่องบินทิ้งระเบิดเพดานบินสูง เครื่องไปพ่น หรือแม้กระทั่งเทคโนโลยีเครื่องบินขึ้นลงแนวดิ่ง มีสนามบินอยู่ในเยอร์มันตะวันออกกว่า 50 แห่ง สามารถยิงขีปนาวุธติดหัวรบนิวเครียใส่เมืองใหญ่ๆ ของรัสเซีย ก่อนอเมริกาคิดจะยิงเสียอีก แต่ด้วยต้องทำสงคราม และดูแลอานานิคมมากมาย จึงต้องกู้เงินจากอเมริกา อเมริกาให้เงินกู้ แลกกับการลดกำลังอาวุธ และเทคโนโลยี และแถมเพื่อนรักอเมริกาไม่ช่วยรบในซูเอสอีก ทำให้อังกฤษต้องทิ้งอานานิคมในตะวันออกไกลทั้งหมด จนทำให้อเมริกาครองน่านน้ำทั้งหมด และเป็นมหาอำนาจตั้งแต่นั้น จากคุณ : jo guevara เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 22:25:22

ความคิดเห็นที่ 5 หลังจบสงครามโลกครั้งที่ 1 นั้นอเมริกาไม่มีบทบาทในเวทีโลกเลยนะครับ ดังนั้นจะบอกว่าอเมริกาเป็นมหาอำนาจในช่วงนั้นก็ไม่น่าจะถูกต้อง นอกจากนี้ในยุค 30s นั้นอเมริกาก็โดนพิษ Great Depression เข้าไป ทำให้คนในประเทศอยู่ในสภาวะลำบากยากแค้นพอสมควรเลย ช่วงนั้นอังกฤษกับฝรั่งเศสยังเป็นมหาอำนาจอยู่ครับ แต่ก็อยู่ในช่วงขาลงแล้ว อังกฤษนั้นเป็นประเทศเกาะ ก็เลยไม่ต้องเกรงกลัวภัยอันตรายจากประเทศในยุโรปเท่าไหร่ตราบที่กองทัพเรือยังเข้มแข็ง ดังนั้นก็เลยเน้นการฟื้นฟูประเทศจากความเสียหายของสงครามโลกครั้งที่ 1 เพราะคนตกงานกันเยอะ และปล่อยปละละเลยสภาพการเมืองในยุโรปพอสมควร แต่ก็ยังจัดการกับอาณานิคมได้ไม่มีปัญหาอะไร ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้นทางอังกฤษโดยเฉพาะเชอร์ชิลก็รู้แล้วล่ะครับ ว่าอังกฤษสิ้นสภาพความเป็นมหาอำนาจแล้ว อาณานิคมตะวันออกไกลก็ปกป้องไม่ได้ รบในภาคพื้นยุโรปก็แพ้สิ้นท่า เชอร์ชิลรู้ดีว่าสงครามครั้งนี้อังกฤษไม่สามารถเอาชนะได้ถ้าอเมริกาไม่มาช่วย ลองไปฟัง speech ของเชอร์ชิลในช่วงนั้นดูจะเห็นว่าพูดออกอากาศขอร้องให้อเมริกามาช่วยตั้งหลายรอบ พอจบสงครามโลกครั้งที่สองอังกฤษก็เลยปล่อยอาณานิคมหลายแห่งให้เป็นอิสระ จากคุณ : HotChoc เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 23:07:54

ความคิดเห็นที่ 6 ไม่ใช่แล้วครับ  เบอร์ 1 ของโลกก็เป็นสหรัฐแล้ว คือถ้า สหรัฐไม่โดดมาช่วย   ผลของสงครามอาจจะเป็นไปอีกแบบ จากคุณ : stryker เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 07:00:28