ความคิดเห็นที่ 5 |
|
มีคุณพี่ที่เคารพทางภาษาท่านนึงฝากมาโพสต์ค่ะ ( ไม่รู้ยังมีใครกลับมาอ่านป่าวเนี่ย -_-' ) . สมัยก่อนเนี่ย การเขียนมันมีความลักลั่นของการใช้ตัวอักษร ดังนั้น การเขียนสะกดตามเสียงที่ได้ยิน ก็เลยปรากฏอยู่มาก จะเห็นได้ว่า ไม่ว่าคำไหน ก็กำหนดลงไม่ได้ว่าจะเขียนว่าไงกันแน่ แล้วก็อาจเป็นเพราะภาษาเรามันรุ่มรวยตัวอักษร ดังนั้น คนก็เขียนไปเรื่อยตามความเข้าใจ ข้อนี้ยังปรากฏอยู่ในชื่อคน อาทิ มีคนชื่อ รวิวรรณ ที่เขียนเป็น ละวิวรรณ์ หรือคนชื่อ นงราม ที่เขียนเป็น นงค์ลาม คนชื่อ วาณิช ที่เขียนเป็น วานิจ เป็นต้น คือ มุ่งเอาความเข้าใจทางเสียงเป็นหลักไง
แต่เมื่อมีองค์กรราชบัณฑิตยสถานขึ้นมาปุ๊บ เพื่อมุ่งการใช้ภาษาที่มีคำกลางไม่ลักลั่นเช่นเมื่อก่อน จึงได้มีการบัญญัติคำอ่าน และการสะกดคำ นั้นๆ เข้าไว้ โดยสืบเสาะมาจากที่มาของคำ ความหมายของคำเอาไว้ แล้วก็ออกมาเป็นพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน อย่างที่เห็น ส่วนหนึ่งคงต้องบันทึกไว้ว่า ราชบัณฑิตเองก็คนไม่มากนัก แล้วคำที่เป็นคำเจ้าปัญหาก็มีอยู่ไม่น้อย ดังนั้น ก็เป็นไปได้ ที่จะดูแลไม่ทุกคำ หรือมีบางคำ ที่อาจเกิดความเข้าใจผิดไปบ้าง โดยเฉพาะคำที่เกี่ยวกับภาษาถิ่น แต่ทีนี้ อย่าลืมว่า คนเราเกิดความเคยชินที่จะใช้คำที่เห็นมาตั้งแต่เด็กๆ แม้ว่า คำนั้นจะผิดก็ตาม
ทีนี้ปัญหามันอยู่ที่ว่า ในราวๆ ปี 2525 หรือ หลังจากนั้นไม่กี่ปี มีพจนานุกรม ฉบับหนึ่งพิมพ์ขึ้นมา ที่มีรูปวัดพระแก้ว กับพระบรมมหาราชวังอยู่ที่หน้าปกน่ะ พจนานุกรมฉบับนั้น เต็มไปด้วยข้อผิดพลาดมากมาย ที่เกิดจากระบบการพิมพ์ และการไม่ตรวจพิสูจน์อักษร ซึ่งแน่นอนว่า คนที่ไม่ได้ศึกษาด้านภาษาจริงๆ หรือไม่ได้สนใจตรวจสอบจริงๆ ก็หลงหูหลงตาไปได้ ประกอบกับระยะนั้น พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ก็ขาดตลาด (ช่วงปี 35-37 มั้ง) พจนานุกรมฉบัยนี้ก็เลยเป็นที่นิยมกันทุกองค์กรเอกชน และผู้ที่หาซื้อฉบับราชบัณฑิตยสถานไม่ได้ อันนี้พี่เคยทำงานด้านพิสูจน์อักษรในองค์กรอุตสาหกรรมอยู่ ต้องเปิดใช้เล่มนี้ประจำ เลยชักแหม่งๆ ว่ามันมีอะไรแปลกๆ ก็ต้องโทรศัพท์ถามไปทางราชบัณฑิตอยู่เนืองๆ ว่าจริงๆ คำนี้แปลว่าอะไร อย่างไร เขาพิมพ์ผิดใช่ไหม แต่ให้ยกตอนนี้ยังนึกไม่ออก เพราะนานแล้วที่ไม่ได้เปิดดู
ต่อมาถ้าติดตามข่าว ก็จะพบว่า พจนานุกรมเล่มนี้ เป็นคดีความขึ้นโรงขึ้นศาลอยู่พักใหญ่ (ไม่รู้ตอนนี้คดีสิ้นสุดหรือยังนะคะ) ว่าจริงๆ ไม่ใช่ฉบับที่ทำขึ้นมาใหม่เลย แต่คนทำ copy มาจากฉบับราชบัณฑิต นั่นเอง เมื่อก็อปปี้มาแล้ว ก็นำมาให้คนพิมพ์ขึ้นมาใหม่ แต่ทีนี้ คนพิมพ์ ก็อาจจะเหนื่อย เพราะคำมันเยอะ ก็เลยมีที่พิมพ์ผิดเยอะมากๆ แล้วคนทำก็ดันไม่ได้ตรวจพิสูจน์อักษรให้ดี เร่งๆ เข็นกันออกมา ซึ่งในที่สุด ก็ได้ผล คนอ่านกันทั่วบ้านทั่วเมืองโดยไม่รู้ว่ามันผิด โดยอาศัยคำว่า "เฉลิมพระเกียรติ" เป็นการพะยี่ห้อ
ดังนั้น พอเข้าใจแนวคิดใช่ไหมจ๊ะ ว่าคนที่เข้าใจผิด ว่าคำ ๆ หนึ่ง เขียนแบบนี้ๆ สิ (ไม่เฉพาะคำว่า รสชาติ นะจ๊ะ) ก็มี 3 กรณี คือ 1. คนที่อ้างอิงพจนานุกรม ฉบับนี้ ในบางคำที่เขาพิมพ์ผิด 2. คนที่ชินกับภาษาเก่า ก่อนปี 2500 หรือก่อนหน้านั้น ที่กระบวนการเขียนยังลักลั่นอยู่ 3. อ้างถึงพจนานุกรมฉบับอื่นๆ ที่ไม่ได้มีการรับรองว่าถูกต้องหรือไม่ หรือเขียนตามใจผู้อ่านหรือไม่นั่นเอง
กับคำถามว่า จะทำอย่างไรต่อไป ก็คือ 1. เมื่อมีคำที่เขาสอบสวนแล้วว่า เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ณ เวลานี้ ก็ควรจะใช้คำตามนั้นเพื่อให้สื่อสารเข้าใจตรงกัน ประเด็นนี้ห้ามตอบว่า อย่างนั้นจะเขียนอย่างไร ให้สื่อสารตรงกันก็ได้สิ ก็ไม่ใช่ คำตอบแบบนี้ดูมักง่าย และไม่ได้หาข้อมูลมากสักนิด ประเด็นสำคัญก็คือ สื่อสารกันได้ก็จริง แต่ถ้าสื่อสารได้เข้าใจตรงกันแล้ว ยังสื่อสารด้วยถ้อยคำและข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วนด้วยก็จะยิ่งดีกว่าใช่ไหม 2. ถ้าคำนั้นเรามีหลักฐานยืนยันได้ว่า ราชบัณฑิตเขียนผิดจริงๆ หรือสอบสวนผิดพลาดจริงๆ สามารถติดต่อไปที่ราชบัณฑิตขอคำอธิบายได้ว่าเป็นอย่างไร และสอบถามได้ว่า เหตุใดจึงใช้เช่นนั้น และแน่นอนว่า ราชบัณฑิต สามารถเปิดแถลงการณ์ได้ทันที ที่สอบสวนว่าผิดจริงค่ะ หรืออย่างน้อย ส่งหลักฐานไปยืนยันกับสื่อมวลชนให้ช่วยตรวจสอบอีกแรงก็ได้ ไม่ใช่มาแอบๆ เถียงว่าราชบัณฑิตผิด คนๆ หนึ่ง (คนเดียวตะหากที่เขียนถูก) แหะๆ น้ำหนักมันน้อยไปนิด เพราะราชบัณฑิตเขาทำงานกันเป็นคณะอ้ะค่ะ ไม่ใช่ทำงานคนเดียว
ที่นี้ มาดูกันว่า การเขียนแบบลักลั่น ในภาษาไทยยังมีอยู่ไหม คำตอบก็คือมี ดูได้จากหนังสือที่พิมพ์ใน สนพ. ในเครืออัมรินทร์ ทุกเล่ม เมื่อพิมพ์คำว่า มอเตอร์ไซค์ จะเป็น มอเตอร์ไซคล์ ทุกคำ โดยแจ้งว่า ถอดมาจากเสียงในภาษาเดิม (อันนี้ต้องดูหลักเกณฑ์ในบัญญัติเรื่องการถอดคำจากภาษาดั้งเดิมประกอบนะคะ) แล้วจะทราบว่า คำไทย ไม่นิยมคำที่รุงรังมากๆ ยกเว้นคำที่จะทำให้เข้าใจผิด อย่าง โค้ก กับ โคก น่ะ
หรือบางคำ มีการรณรงค์ให้เขียนแบบใหม่ โดยยังไม่ได้สอบทานเลยว่า ที่เข้าใจเนี่ยถูกต้องไหม อันนี้จะเป็นเยอะในชื่อบ้านนามเมือง อันนี้ไม่เกี่ยวกับที่คุยกันเรื่องรสชาติแล้วนา เดี๋ยวจะว่าหลงประเด็น อย่างเกาะภูเก็ต หลายๆ คนบอกว่า มันน่าจะเป็น ภูเก็จ ที่แปลว่า ภูเขาแก้ว โดยลืมไปว่า ท้องถิ่นนั้น บาลีสันสกฤตเข้ามาทีหลัง หรือมีอิทธิพลน้อยกว่าภาษายาวีเยอะเลย เพราะถ้าสอบสวนจากนิทานพื้นบ้าน หรือภาษาพื้นบ้าน จะพบคำว่า บูกิต ที่แปลว่า ภูเขา อยู่ด้วย ดังนั้น ถ้าเขียน ภูเก็ต ก็น่าจะใช่มากกว่า ภูเก็จ ที่เป็นแขกใช่ปะ ทำนองนี้แหละ
จากคุณ : ว่านน้ำ - [ 6 มิ.ย. 46 12:48:02 ]
=====================================
จากคุณ |
:
พลายแป้ง
|
เขียนเมื่อ |
:
6 ธ.ค. 55 21:02:29
A:101.108.136.77 X: TicketID:120371
|
|
|
|