 |
เฮ้อ
ผมว่ามันเป็นปัญหาเรื่องการแปลมากกว่า คือคนไทยมักจะแปลคำว่า dictatorship, autocracy, authoritarian แบบหลวม ๆ เหมือนกันหมดว่า "เผด็จการ" แต่ที่จริงแล้วมันมีศัพท์บัญญัติอยู่ชัดเจนคือ
dictatorship บัญญัติว่า เผด็จการ autocracy บัญญัติว่า อัตตาธิปไตย authoritarian บัญญัติว่า อำนาจนิยม
autocracy นั้นมักจะใช้เปรียบกับ oligarchy กับ democracy เพื่อเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของการปกครองโดยคนคนเดียว คนจำนวนน้อย หรือคนจำนวนมาก autocracy ก็คือ ปกครองโดยคนคนเดียว oligarchy ก็คือปกครองโดยคนจำนวนน้อย democracy ก็คือปกครองโดยคนจำนวนมาก
ปัญหาอีกเรื่องที่ระบอบการปกครองต่าง ๆ พยายามจะ address ก็คือเรื่องการสืบทอดอำนาจ การสืบทอดอำนาจเป็นปัญหาสำคัญในทางการเมือง คือถ้าไม่มีระบบสืบทอดอำนาจที่ดี เวลาคนที่ถืออำนาจอยู่ หรือคนที่เป็น power broker ที่สำคัญตายไป มันก็มีคนมาอ้างสิทธิในอำนาจกันมากมาย ถ้าตาร้ายบางทีก็เกิดเป็นสงครามกลางเมือง ชาวบ้านตาสีตาสาก็ได้แต่รอลุ้นให้ผู้มีอำนาจทั้งหลายตกลงกันได้ซะที
ระบอบที่ประสบความสำเร็จที่สุดในเรื่องการสืบทอดอำนาจมานมนานก็คือระบอบกษัตริย์ (monarchy) ซึ่งใช้ระบบสืบทอดทางสายเลือด โดยการบัญญัติกฎการจัดลำดับการสืบทอดราชบัลลังค์ไว้อย่างชัดเจน ถ้าใครอยู่ลำดับต้น ๆ ก็ถือว่ามีความชอบธรรมมากกว่า โอกาสอ้างสิทธิแบบมั่ว ๆ มันก็มีน้อยลง ส่วนในสมัยใหม่นั้นระบอบประชาธิปไตยใช้ระบบเลือกตั้งและระบบพรรคการเมืองในการจัดการการสืบทอดอำนาจ ก็มีกฎการสืบทอดอำนาจชัดเจนเหมือนกัน คือใครชนะเลือกตั้งก็ได้อำนาจการปกครองไปชั่วคราว พอหมดวาระก็มาเลือกกันใหม่ มีพรรคการเมืองเป็นสถาบันที่ทำหน้าที่จัดการการสืบทอดอำนาจอย่างเป็นระบบ ทั้งระหว่างพรรคและภายในพรรคเอง
dictatorship นั้นเป็น autocracy อีกรูปแบบหนึ่ง คือการปกครองโดยคน ๆ เดียวเหมือนกัน แต่ไม่ได้มีการสืบสายเลือด dictatorship มีที่มาจากสมัยโรมันที่มีการแต่งตั้งให้คนบางคนมีอำนาจเบ็ดเสร็จชั่วคราว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่ dictatorship สมัยใหม่ก็คือการที่คน ๆ นึงขึ้นมามีอำนาจ ยึดอำนาจปกครองเบ็ดเสร็จไว้ที่ตัวเอง ทำให้คนเรามักจะโยงระบอบเผด็จการเข้ากับอำนาจนิยม คือใช้อำนาจในการปกครอง ที่สำคัญคือ dictatorship นั้นไม่ได้ address เรื่องการสืบทอดอำนาจ ทำให้เป็นระบอบที่ไม่ยั่งยืน คือถ้า dictator มีอำนาจมีบารมีก็ครองใจคนทั้งประเทศได้แค่ในช่วงชีวิตตัวเอง ถ้าอยากให้ลูกหลานขึ้นมาครองอำนาจต่อ ก็ต้องปูทางอำนาจไว้ให้ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยจะประสบความสำเร็จ
ดังนั้นถ้าเอาตามนิยามแบบนี้ absolute monarchy ก็ถือเป็น autocracy คือให้คนเดียวมีอำนาจปกครองทั้งหมด แต่ไม่ใช่ dictatorship
ส่วนเกาหลีเหนือปัจจุบันผมว่าถ้านับตามจำนวนคนที่มีอำนาจปกครองก็คือว่าเป็น oligarchy คือ WPK เป็นผู้มีอำนาจสูงสุด ถึงจะมีลักษณะคล้าย ๆ monarchy คือตำแหน่งประธานาธิบดีสืบทอดทางสายเลือดมาถึงรุ่นที่สามแล้ว แต่เกาหลีเหนือไม่ได้พยายามจะวางกฎการสืบทอดตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างที่ระบอบ monarchy ทำ ที่เกาหลีเหนือทำก็คือการสร้าง personality cult ให้กับประธานาธิบดีแต่ละรุ่น ซึ่งก็เป็นระบบที่น่าสนใจน่าติดตามว่าจะอยู่ไปได้กี่รุ่น แต่ที่จริงแล้วการที่เกาหลีเหนือไม่สนใจที่จะจัดระบบการสืบทอดตำแหน่งประธานาธิบดีก็น่าจะเป็นเพราะว่ามันไม่สำคัญ เกาหลีเหนือไม่ใช่ระบอบ autocracy อำนาจไม่ได้อยู่ที่คน ๆ เดียวแต่อยู่ที่พรรค ปัญหาในการสืบอำนาจก็เป็นปัญหาเดียวกับระบอบ oligarchy ทั่วไปคือการจัดการผลประโยชน์ระหว่าง faction ให้ลงตัว ให้สามารถอยู่ในอำนาจร่วมกันต่อไปได้นาน ๆ เสียมากกว่า ถ้ามองในแง่นี้ประธานาธิบดีก็เป็นแค่ปัจจัยหนึ่งที่อาจมีผลต่อดุลย์อำนาจระหว่าง faction มากกว่าที่จะเป็นปัจจัยหลักในการสืบทอดอำนาจระหว่างรุ่น
จากคุณ |
:
วัว (cookiemonmon)
|
เขียนเมื่อ |
:
8 ธ.ค. 55 13:33:29
|
|
|
|
 |