ความคิดเห็นที่ 1 ความหมายประมาณว่า ถ้าเรือพระประเทียบล่ม เจ้าพนักงานในเรือต้องว่ายน้ำออกจากบริเวณรอบ ๆ เรือ ถ้ายังอยู่ในบริเวณเรือที่ล่มนั้น มีโทษประหารชีวิต ถ้าเรือพระประเทียบล่ม หรือเจ้านายตกน้ำ กำลังว่ายตะเกียกตะกายเอาชีวิตรอดอยู่ ให้ภูดาษ (?) และเจ้าพนักงานในเรือ (ที่ว่ายออกบริเวณที่เรือจม ขึ้นฝั่งแล้ว) เอาไม้ยาว ๆ หรือโยนลูกมะพร้าวให้เจ้านายเกาะ เท่าที่มีอยู่ ถ้าไม่มี ห้ามเจ้าพนักงานว่ายลงไปช่วยเจ้านาย ใครว่ายลงไปช่วยเจ้านาย มีโทษประหารชีวิต เจ้าพนักงานคนไหนที่โยนลูกมะพร้าวให้เจ้านายเกาะแล้วรอด จะได้รางวัลขั้นต่ำเป็นเงินสิบตำลึง ถึงขั้นสูงสุดขันทองคำหนึ่งใบ แต่ถ้าคนที่โยนลูกมะพร้าวช่วยเจ้านายนั้นไม่ใช่เจ้าพนักงาน คนที่โยนนั้น มีโทษประหารยกโคตร จากคุณ : ABP@BDZ เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 18:01:12

ความคิดเห็นที่ 2 ตามกฎมณเฑียรบาลข้อนี้ กำหนดไว้ชัดเจนว่า คนที่จะช่วยเจ้านายในเรือพระประเทียบที่จม ต้องเป็นเจ้าพนักงานเท่านั้น แล้วการช่วยของเจ้าพนักงาน ก็ทำได้แค่ยื่นไม้ยาว ๆ หรือโยนลูกมะพร้าวจากรอบนอกเท่านั้น และห้ามเจ้าพนักงานแตะต้องพระวรกายของเจ้านายที่อยู่ในเรือที่จมนั้นด้วย และที่น่าสนใจคือ ห้ามคนนอกเข้ามาช่วยเจ้านายด้วย เหตุผลของการบัญญัติกฎมณเฑียรบาลในส่วนนี้ น่าจะมีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยายุคหลัง ๆ ที่มีการชิงอำนาจกันอย่างดุเดือด ที่ฝ่ายกบฎอาจจะวางแผนล่มเรือพระที่นั่ง แล้ววางคนรอช่วยขึ้นจากน้ำอยู่ พอเจ้านายขึ้นจากน้ำได้ ก็อยู่ในเงื้อมมือฝ่ายกบฎทันที ส่วนจะเอาตัวไปทำอะไร ไปสำเร็จโทษหรือแค่คุมตัวไว้เป็นตัวประกัน ก็อีกเรื่อง ฝ่ายกษัตริย์ผู้บัญญัติเอง ซึ่งคงอยู่ในช่วงอยุธยาตอนปลาย ก็คงอาจจะเคยคิดแผนการเช่นนี้มาก่อน ก็เลยออกกฎมณเฑียรบาลดักทางไว้ และกำหนดโทษถึงขั้นประหารทั้งโคตร เทียบเท่ากับการเป็นกบฎ เพราะสถานการณ์เช่นนั้น อาจจะไปเข้าทางพวกกบฎนั่นเอง เลยต้องกำหนดให้เจ้าพนักงาน (ที่ไว้วางใจได้) เท่านั้นที่ต้องมีหน้าที่ช่วยเจ้านายขึ้นจากน้ำ จากคุณ : ABP@BDZ เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 18:13:32

ความคิดเห็นที่ 3 ถามเพิ่มคะ กรณีนางอิน บางปะอิน สมัยนั้นนั้นยังไม่มีกฎมณเฑียรบาลข้อนี้ใช่ไหม? จากคุณ : nana5104 เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 18:51:32

ความคิดเห็นที่ 4 เห็นด้วยกับความเห็นที่ 1-2 ยกเว้นการแปลตอนท้าย ผมคิดว่า ตอนท้ายน่าจะหมายความว่า ถ้าเจ้าพนักงานไม่ยื่นเสร้าหรือซัดมะพร้าวให้เกาะ แต่มีผู้อื่นเห็นและช่วยแทนเจ้าพนักงาน เจ้าพนักงานนั้นเองที่จะต้องรับโทษประหาร เพราะเท่ากับจงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการช่วยเจ้านาย   ตามธรรมดากฎหมายเก่ามักจะเขียนไม่ค่อยรัดกุม เพราะหลักในการร่างกฎหมายแตกต่างไปจากสมัยนี้ การตีความก็คงเป็นไปตามที่เข้าใจกันอยู่แล้วโดยประเพณี จึงไม่มีความจำเป็นต้องเขียนให้ชัดเจนรัดกุมเพื่อป้องกันปัญหาการตีความแต่อย่างใด ลองกลับไปค้นในกฎหมายตราสามดวง ฉบับมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์ (พิมพ์ใหม่ พ.ศ. 2548) มีข้อความดังนี้ "ถ้าเรือประเทียบล่ม มีผู้อื่นเหนแลซัดหมายพร้าวเอาขึ้นให้รอด โทษ [ภูดาษแลชาวเรือ] ทวีคูนตายทังโคต" ไม่แน่ใจว่าที่มีวงเล็บเอาไว้เป็นไปตามต้นฉบับตัวเขียน หรือเป็นการเพิ่มเติมของบรรณาธิการ สำหรับความเห็นที่ 3 กฎมณเทียรบาล ตราขึ้นใน จ.ศ. 722 (พ.ศ. 1903) สมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) ครับ จากคุณ : ประดู่ป่า เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 19:39:50

ความคิดเห็นที่ 5 กฎบ้า กฎบอ อะไรฟะแบบนี้เจ้านายก็ตายสถานเดียวน่ะสิ หากเจ้านายยังเยาว์อยู่ก็ไม่รอดแน่นอน จากคุณ : buta_king เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 22:48:45

ความคิดเห็นที่ 6 อันนี้ เฉพาะ ฝ่ายใน เท่านั้น เรือประเทียบ ใช้เฉพาะฝ่ายใน(ผู้หญิง ของ กษัตริย์) หลักคือ ห้ามถูกตัว ฝ่ายในทุกกรณี ถูกตัว โดนประหาร แต่ต้องช่วย ถ้ามีคนเห็นว่าไม่ยอมช่วย ประหารทั้งโคตร จากคุณ : ลมธรรม เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 23:14:53

ความคิดเห็นที่ 7 คห.5 ลองคิดง่ายนะตามที่ข้างบนแปลไว้ คือยอมให้ตายดีกว่าให้ไปเป็นตัวประกันคนอื่นเขา  แล้วปกติเจ้านายฝ่ายในก็ว่ายน้ำได้อยู่แล้ว  ดูอย่างเจ้านายพี่น้องของพระนางเจ้าสนุนทาก็เคยว่ายน้ำไปช่วยลูกท่านด้วยตัวเองมาแล้ว  ถ้าจะบอกว่าไม่สมเหตุสมผลในตอนนี้ ต้องมองด้วยสายตาและองค์ประกอบของคนยุคที่บัญญัติกฏด้วยคับ  ส่วนตัวกฏหมายนี้ก็รู้สึกว่าจะมีการแก้ไขกันหลังจากเหตุการณ์นี้ หลังจากที่ไม่ได้เปลี่ยนกันมานาน เพราะเหตุเช่นนนี้มันไม่ค่อยเกิดเรยไม่ค่อยมีคนใส่ใจ จากคุณ : เพชรน้อย เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 55 14:15:40

ความคิดเห็นที่ 8 #7 ใช่ครับ case ของพระนางเจ้าสุนันทา ไม่ใช่ว่าพระองค์ท่านช่วยพระองค์เองไม่ได้ แต่พระองค์ท่านจะเข้าไปช่วยพระราชธิดาที่ยังติดอยู่ข้างในเรือ ก็เลยสิ้นพระชนม์ทั้งแม่ทั้งลูก + พระพี่เลี้ยง + พระราชบุตรในครรภ์ x4 เด็กผู้หญิงเล็ก ๆ ที่ยังว่ายน้ำไม่เป็น จำเป็นต้องมีคนเข้าไปช่วย แต่โชคร้ายที่เป็นพระราชธิดาพระมหากษัตริย์ ตามกฎมณเฑียรบาล อย่างที่บอกไปแล้ว ไม่มีเจ้าพนักงานที่ว่ายน้ำแข็งคนอื่นเข้าไปช่วยแน่นอน แล้วพระพี่เลี้ยงเอง ที่แตะัต้องตัวได้ ผมเข้าใจว่าคงอาจจะว่ายน้ำไม่เป็นด้วย หรืออาจจะว่ายเป็น แต่ยังติดอยู่ในเรือ ออกมาไม่ได้แบบสุดวิสัยจริง ๆ ก็เลยไม่สามารถอุ้มเอาสมเด็จพระเจ้าลูกเธอฯ ออกมาจากเรือได้ สุดท้าย สถานการณ์มันคงเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ ที่พระนางเจ้าสุนันทาฯ ด้วยความเป็นแม่ ต้องลงไปช่วยเอง กลายเป็นที่มาของโศกนาฏกรรมที่บางพูดแบบ x4 จากคุณ : ABP@BDZ เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 18:41:28

ความคิดเห็นที่ 9 ในเหตุการณ์นี้พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ เคยทรงปรารภไว้ด้วยพระองค์เองครับ ว่าแต่เดิมนั้นสมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงว่ายน้ำเก่งอยู่แล้ว แต่สาเหตุในครั้งนี้คงจะมาจากการที่ทรงห่วงพระราชธิดาหนึ่ง ทรงมีพระครรภ์ทำให้อ่อนเพลียหนึ่ง และโดยกฏมณเฑียรบาลนั้นอีกหนึ่ง จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ในครั้งนี้ จากคุณ : Sith Lord Nindle เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 17:28:24