ในบรรดา parts of speech ทั้งหมด verb เป็นส่วนที่สำคัญที่สุด และเรียนยากมากที่สุดด้วยสำหรับคนที่เริ่มเรียนอังกฤษใหม่ๆ เพราะมันพลิกผันกลับไปกลับมาได้ตั้งหลายรูปแบบ
สมัยเราอยู่ ม.1 เท่ากับ ป.5 สมัยนี้ ครูเราสอนเรา conjugate verbs (ผันกริยา) ออกมาเป็น 12 tenses ทั้ง active voice และ passive voice = 24 รูปแบบ โดยให้เอา pronouns ทั้งหมดมาสลับกันเป็น subject ของประโยค เชื่อไหม กว่าจะเรียนรู้หมดนี่ (ขนาดผันไม่ครบ irregular verbs ทั้งหมดนะ) เราหมดสมุดแบบฝึกหัดเล่มโตๆไปเกือบ 50 เล่ม! แล้วต้องไปยืนพูดหน้าชั้นด้วย แต่นั่นมันง่ายเพราะเราอายุยังน้อยอยู่
เมื่อไม่นานมานี้เราลองสอนภาษาอังกฤษให้คนโตแล้วดู สอนตั้งแต่ยังสร้างประโยคง่ายๆไม่ได้เลย แต่เราดัดแปลงวิธีการของครูเราหน่อยๆ นั่นก็คือเอา audios เสียงฝรั่งพูดให้นักเรียนฟังแล้วหัดพูดตามก่อน ขนาดสอนไม่ครบ 12 tenses นะ สอนแค่ 4-5 tenses เอง เอาแค่ให้นักเรียนผันกริยา 3 ช่องออกมาเป็นประโยคที่ meaningful (สื่อความหมายได้ดี) แบบ interactively คือให้พูดโต้ตอบกับเรา (สอนตัวต่อตัว) แบบออกมาเป็น dialogues ในชีวิตประจำวันทั่วๆไป นั่นก็คือเราให้นักเรียนจำประโยคตัวอย่างที่ฝรั่งพูดใน audio มาพูดใหม่พลิกกลับไปกลับมาให้ได้ก่อน แล้วเราถึงยอมให้นักเรียนเขียนออกมาได้ (แต่ครูเราให้นักเรียนเขียนก่อน)
เรากะจะเร่งสอนให้เร็วๆแต่นักเรียนร้องบอก "ใจเย็นๆครับพี่ ช้าๆก็ได้ มันต้องจำเยอะเหลือเกิน"
เวลาผ่านไป 4 เดือนกว่าๆ (แต่คิดเป็นเวลามันก็ไม่นานนักนะเพราะสอนแค่สัปดาห์ละ 2 ชม.เอง) นักเรียนเราเพิ่งผัน verbs กลับไปกลับมาและสร้างประโยคบอกเล่า คำถาม ปฏิเสธ คำถามปฏิเสธได้ถูกต้องหมด แต่พูดกับเขียนออกมาได้แค่ 4-5 tenses เอง และจำ irregular verbs 3 ช่องได้แค่อย่างมาก 30 กว่าตัวเอง ถ้าจำหมดหละสมองบานเลย เพราะ irregular verbs มีทั้งหมดตั้ง 300 กว่าๆ ถ้ารวมภาษาโบราณก็มี 400 กว่าๆแหงๆ ส่วน regular verbs ไม่ต้องไปผันมันให้ยุ่งยาก เพราะแค่เติม ed ก็ได้แล้ว และที่ความเป็นไปได้มันออกมาเยอะเพราะอะไร? ก็ลองเอาจำนวน pronouns คูณเข้าไปดิ ดูว่ามันจะออกมากี่ความเป็นไปได้ แต่พอเราเห็นนักเรียนฟัง audio ฝรั่งพูดประโยคสั้นๆพอฟังออกแล้วพูดตามได้สัก 50% นี่ก็ดีใจเห็นแววว่าพอจะไปรอดแล้ว แต่ถ้าฟังไม่รู้เรื่องเลยนี่ดิอาการสาหัส ส่วนใหญ่คนที่เรียนอังกฤษแล้วเขียนไม่ได้นั่นก็เพราะไม่เรียนฟังกับพูดให้ได้เป็นธรรมชาติซะก่อน (อย่างเช่นบางรายที่เรียนมหาลัยแล้วเขียน essay มาผิดธรรมชาติเละ แล้วมาแปะ essay ใน pantip ให้คนแก้ให้บ่อยๆ คนพวกนี้ที่ไม่เคยเรียนฟังกับและพูดไม่ได้จะเรียนเขียนลำบากแบบแสนสาหัสมากๆ ซึ่งเยียวยาได้ยากมากๆ ถ้าอาจารย์ไม่ไล่นักเรียนให้ไปเริ่มเรียนฟังกับพูดให้เก่งๆซะก่อน)
แต่เอาหละน่ะ 4 เดือนกว่าๆ (สอนแค่สัปดาห์ละ 2 ชม. นะ) จะว่าสอนช้า แต่ได้แค่นี้ก็ยังดีกว่าโรงเรียนบางโรงเรียนที่สอน 6 ปี ตั้งแต่ ม.1 ถึง ม.6 แต่นักเรียนผันกริยาผิดเละหมด แล้วพูดเขียนอังกฤษไม่ได้เลยสัก tense เดียว! แถมฟังอังกฤษไม่รู้เรื่องเลยสักเปอร์เซ็นต์เดียวอีกต่างหาก!
ส่วน verb to be นั้นเป็น verb ที่พิเศษกว่า verbs ตัวอื่นๆนั่นก็เพราะว่า
มันใช้กับ adjective ก็ได้ ใช้เป็นองค์ประกอบของ passive sentence ก็ได้ ใช้เป็นองค์ประกอบของ verb forms ที่ผันกลับไปกลับมาเวลาเปลี่ยน tenses ไปเรื่อยๆ ก็ได้ และมันใช้งานอื่นๆได้อีกมากมาย อีกทั้งวิธีการที่มันผันก็แหกคอกไม่ใช้กติกาเหมือน verbs ตัวอื่นๆ แถมผันด้วยหน้าตาประหลาดๆด้วยดิ ถ้าครูสอนไม่ดีนักเรียนงงตายแหงๆเลย (บอกแล้วว่า verb to be มันไม่มีปัญหาหรอก มันแค่มีลูกเล่นนิดหน่อยเอง แต่คนสอนนี่หละจะสร้างปัญหาให้คนเรียน ถ้าไม่รู้วิธีสอน ถ้าสอนๆมั่วๆไปอะนะ นักเรียนมีสิทธิ์มึนหัวเอาได้ง่ายๆ)
ไปดูที่่ website นี้ดิ ว่า verb to be มันทำอะไรได้บ้าง http://grammar.ccc.commnet.edu/grammar/to_be.htm
แก้ไขเมื่อ 11 ธ.ค. 55 08:42:33
แก้ไขเมื่อ 11 ธ.ค. 55 02:01:55
จากคุณ |
:
fortuneteller
|
เขียนเมื่อ |
:
11 ธ.ค. 55 01:44:44
|
|
|
|