ความคิดเห็นที่ 1 ไม่แน่ใจนะครับ แต่เท่าที่ทราบ ในยุคศตวรรษที่ 11 พระเจ้าวิลเลี่ยมผู้พิชิต ซึ่งขณะนั้นเป็นดยุคแห่งนอร์มังดี ซึ่งอยู่ในดินแดนของฝรั่งเศสในปัจจุบัน ได้ยกทัพไปยึดเกาะอังกฤษ แล้วตั้งต้นเป็นกษัตริย์อังกฤษ รวมถึงยังคงถือครองดินแดนนอร์มังดีอยู่ด้วย หลังจากนั้นเป็นต้นมาจึงเกิดการอ้างสิทธิ์ในราชบัลลังก์ของกันและกันระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศสกันมาอย่างต่อเนื่องหลายร้อยปี จนที่มาของสงครามยืดเยื้อระหว่างสองประเทศนี้ จากคุณ : เกียรตินำ เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 55 18:49:12

ความคิดเห็นที่ 2 กษัตริย์ฟิลลิปที่ 4 ของฝรั่งเศสมีลูก 4 คน คือ หลุยส์ ฟิลลิป ชาร์ล และอิซาเบลลา อิซาเบลลาแต่งงานกับกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 2 ของอังกฤษไปนะครับ และมีลูกชาย 1 คนคือเอ็ดเวิร์ดที่ 3 เมื่อฟิลลิปที่ 4 ตายไปลูกชายทั้งสามก็ขึ้นครองราชย์ต่อทีละคน แต่ว่าทุกคนก็ตายโดยไม่มีทายาทที่เป็นชายเลย ทำให้ราชวงศ์ Capet สิ้นสุดลง ทีนี้ใครจะเป็นกษัตริย์ฝรั่งเศสต่อล่ะ ก็มีตัวเลือกสองคน คือเอ็ดเวิร์ดที่ 3 ซึ่งเป็นหลานปู่ของฟิลลิปที่ 4 ผ่านทางแม่(อิซาเบลลา) หรือ หลานลุงของฟิลลิปที่ 4 (ลูกของน้องชาย) ชื่อฟิลลิปเหมือนกัน ทางขุนนางฝรั่งเศสเข้าข้างฟิลลิปเพราะฝรั่งเศสมีกฎหมายห้ามสตรีขึ้นครองราชย์ แต่ทางอังกฤษก็โต้แย้งว่าห้ามสตรี(ในที่นี้คืออิซาเบลลา)ขึ้นครองราชย์ก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าตัดสิทธิ์ลูกหลานทั้งสายตระกูลของสตรีนั้น ลูกชายของอิซาเบลลาซึ่งเป็นหลานปู่ควรมีสิทธิ์มากกว่าฟิลลิปซึ่งเป็นหลานลุง ถ้าไล่ลำดับจากชาร์ลกษัตริย์วงศ์ Capet คนสุดท้ายก็ยิ่งสมเหตุสมผล เพราะเอ็ดเวิร์ดเป็นลูกของน้องสาว ในขณะที่ฟิลลิปเป็นลูกของน้า ตกลงกันไม่ได้ก็เลยรบกันเป็นสงครามร้อยปีครับ หลังสงครามอังกฤษแพ้ เสียดินแดนในฝรั่งเศสทั้งหมด แต่ก็ยังคงการอ้างสิทธิ์ในบัลลังค์ฝรั่งเศสไว้ คำเรียกชื่อกษัตริย์อังกฤษจึงมีกล่าวถึงว่าเป็นกษัตริย์ฝรั่งเศสด้วยจากนั้นเป็นต้นมา จนถึงการปฏิวัติฝรั่งเศสเลยครับ จากคุณ : HotChoc เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 55 23:41:56

ความคิดเห็นที่ 3 ขอบคุณมากนะคะ จากคุณ : angsumaree01 เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 55 23:54:32

ความคิดเห็นที่ 4 เพราะก่อนหน้ารัชกาลของสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 1 อังกฤษยังครอบครองCalais ซึ่งเป็นดินแดนชายฝั่งทะเลทางตะวันตกของฝรั่งเศสในปัจจุบัน Calais นี้คนอังกฤษสมัยก่อนเปรียบว่าเป็นเสมือน เพชรยอดมงกุฎของอังกฤษ และการที่อังกฤษมี Calais นี้เอง ทำให้กษัตริย์อังกฤษเป็น King/Queen of England, Ireland, Scotland and France อังกฤษเสีย Calais ให้ฝรั่งเศสในรัชสมัยของสมเด็จพระราชินีนาถแมรี่ เหมือนที่พระนางทรงกล่าวไว้กับผู้ใกล้ชิดว่า " Calais will be engraved in my heart..." ประเพณีเรียกขานแบบนี้เพิ่งยกเลิกไปไม่นานนี้ เนื่องจากชาวฝรั่งเศสจำนวนมากไม่พอใจ จากคุณ : Jouette เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 14:21:58

ความคิดเห็นที่ 5 เมื่อคืนพิมพ์เสร็จก็ค่อนข้างดึก เลยพูดถึงการอ้างสิทธิ์บรรลังค์ของฝร่ังเศสโดยฝ่ายอังกฤษ ไม่ได้กล่าวถึงมุมมองของฝรั่งเศสต่ออังกฤษ ขอต่อในคคห.นี้เลยนะครับ ตามที่คุณเกียรตินำกล่าวไว้ในคคห.ที่ 1 ว่าดยุควิลเลียมแห่งนอร์มังดียกพลข้ามช่องแคบอังกฤษไปยึดดินแดนมาได้จากวงศ์กษัตริย์เดิมซึ่งมีเชื้อสายแองโกล-แซกซอน ปราบดาภิเษกตนเองขึ้นเป็นกษัตริย์ของอังกฤษแทน แต่ว่ากษัตริย์วิลเลียมสมัยยังเป็นดยุคได้เคยสาบานตนเป็นข้าขุนนางยอมรับกษัตริย์ฝรั่งเศสเป็นเจ้าเหนือหัวมาก่อน ดังนั้นราชสำนักฝรั่งเศสจึงมองว่ากษัตริย์อังกฤษที่ดำรงตำแหน่งดยุคแห่งนอร์มังดีด้วยนั้นจึงควรเป็นข้าราชบริพารของกษัตริย์ฝรั่งเศสด้วย และได้บังคับให้กษัตริย์อังกฤษมาปฏิญาณตนแสดงความจงรักภักดีพร้อมๆ กับขุนนางฝรั่งเศสอื่นๆ เมื่อมีการผลัดแผ่นดินฝรั่งเศสมาทุกยุคทุกสมัย การที่กษัตริย์อังกฤษต้องมาปฏิญาณตนเหมือนเป็นแค่ขุนนางในสังกัดของฝรั่งเศสนั้นเป็นสิ่งที่ของราชวงศ์อังกฤษรังเกียจมากนะครับ เพราะเป็นการหมิ่นศักดิ์ศรีของมงกุฏกษัตริย์อังกฤษโดยตรง ทางอังกฤษจึงหาทางเบี้ยวอยู่เรื่อย เมื่อใดที่ราชวงศ์ฝรั่งเศสเข้มแข็งทางอังกฤษก็ยอมปฏิญาณตน เมื่อใดเกิดเรื่องวุ่นวายหรือกษัตริย์ฝรั่งเศสอ่อนแอ ทางอังกฤษก็ไม่มาซะเฉยๆ ประเด็นนี้เพิ่มความรุนแรงของความขัดแย้งระหว่างสองราชวงศ์มากขึ้นไปอีก จนสุดท้ายเมื่อทางขุนนางฝรั่งเศสส่วนมากยกฟิลลิปขึ้นเป็นกษัตริย์ฟิลลิปที่ 6 และไม่ยอมรับการอ้างสิทธิ์ในบรรลังค์ของเอ็ดเวิร์ดที่ 3 เมื่อฟิลลิปขึ้นครองราชย์ทางเอ็ดเวิร์ดก็ไม่มาปฏิญาณตน ฟิลลิปตอบโต้โดยประกาศยึดดินแดนของเอ็ดเวิร์ดใน Aquitaine (แคว้นทางตะวันตกเฉียงใต้ในฝรั่งเศส เป็นของราชวงศ์อังกฤษผ่านการแต่งงาน) เอ็ดเวิร์ดก็ประกาศตนเป็นกษัตริย์ที่แท้จริงของฝรั่งเศสโดยอ้างสิทธิ์ผ่านมารดา(อิซาเบลลา) มีขุนนางฝรั่งเศสบางกลุ่มสนับสนุนด้วย เกิดเป็นสงครามชิงบรรลังค์ยาวนานกว่า 100 ปี จากคุณ : HotChoc เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 16:44:31

ความคิดเห็นที่ 6 ส่วนเมือง Calais นั้นไม่ได้เป็นของอังกฤษมาตั้งแต่ต้น (ไม่เหมือน Normandy หรือ Aquitaine) แต่เอ็ดเวิร์ดยึดได้ตอนช่วงต้นของสงครามร้อยปีครับ Calais เป็นเมืองท่าสำคัญบนแผ่นดินยุโรปที่อยู่ใกล้กับเกาะอังกฤษที่สุด เป็นประตูของอังกฤษสู่ภาคพื้นยุโรป เอ็ดเวิร์ดใช้เวลาเกือบหนึ่งปีในการปิดล้อมและยึดเมืองนี้ครับ แสดงให้เห็นถึงความสำคัญทางยุทธศาสตร์ของเมืองนี้ เมื่อสงครามร้อยปีจบลง อังกฤษเสียดินแดนในฝรั่งเศสไปหมดยกเว้นเมือง Calais หลังจากสงครามไปอีกร้อยกว่าปีในยุคพระนางแมรี(พระพี่นางของพระนางอลิซาเบธที่ 1) ทางฝรั่งเศสถึงยึดคืนไปได้ ที่พระนางแมรีกล่าวเช่นนั้น (ตามคคห.ที่ 4) เป็นเพราะว่าถ้ายังมี Calais อังกฤษก็ยังมีหวังในการบุกยึดฝรั่งเศสในอนาคต เมื่อ Calais หลุดลอยไปความฝันของราชวงศ์อังกฤษที่จะเป็นกษัตริย์ของฝรั่งเศสด้วยก็ดับสูญ (แต่ในความเห็นผม อังกฤษไม่มีหวังอะไรในบรรลังค์ฝรั่งเศสตั้งแต่แพ้สงครามร้อยปีแล้วครับ) การเสีย Calais ไปจริงๆ แล้วเป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่เกิดขึ้นกับอังกฤษในยุคนั้นนะครับ เพราะเป็นการตัดทางเลือกของอังกฤษไม่ให้เข้ามาวุ่นวายในภาคพื้นทวีปยุโรป ซึ่งทางเลือกนี้มันไม่ค่อยเหมาะสมตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ทางอังกฤษยังดื้อดึงเลือกทางนี้เพราะเหตุผลทางสายตระกูล (เรื่องการอ้างสิทธิ์ในบรรลังค์ฝรั่งเศสของเอ็ดเวิร์ดนั่นแหละ) แต่พอเสีย Calais ไปทางอังกฤษก็จำเป็นต้องหาทางเลือกอื่น ซึ่งทางที่อังกฤษเลือกก็คือทางทะเล อังกฤษล้มเลิกความพยายามในการชิงดีชิงเด่นในทวีปยุโรปและตัดสินใจออกแสวงหาอำนาจและผลประโยชน์ที่จะได้จากการตั้งอาณานิคมและควบคุมการค้าทางทะเลแทน จากคุณ : HotChoc เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 17:14:53

ความคิดเห็นที่ 7 ส่วนตัวคิดว่า ชาวฝรั่งเศสที่ไม่พอใจ นี่ก็ดูใจแคบดีเหมือนกัน ทั้งที่ประวัติศาสตร์เป็นแบบนั้น และเป็นเรื่องระหว่างประเทศ จริงๆ จะไม่พอใจอะไรในเมื่อระบบกษัตริย์ของฝรั่งเศสก็สูญสลายไปหมดแล้ว การที่อังกฤษจะไปเรียกอย่างนั้น ชาวฝรั่งเศสไปคิดในแง่ลบจนเกินไป อันที่จริง น่าจะเป็นการบอกกลายๆ ว่า อังกฤษกับฝรั่งเศสมีความสัมพันธ์กันแต่ก็เอาเถอะนะ คนฝรั่งเศสก็ขึ้นชื่อเรื่องของความใจแคบอยู่แล้ว จากคุณ : bangkokguy เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 55 12:27:31