|  | 
มหาวิทยาลัยออนไลน์ ..ปฏิวัติการศึกษา
 มติชนสุดสัปดาห์ แลไปข้างหน้า  ศิริพงษ์ วิทยวิโรจน์ siripong@kidtalentz.com
 
 
 เชื่อว่าท่านผู้อ่านส่วนใหญ่น่าจะเคยได้ยินเรื่องราวข่าวคราวของรถยนต์ไร้คนขับของกูเกิ้ลกันมาบ้างไม่มากก็น้อย จนถึงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา กูเกิ้ลประกาศว่ารถยนต์อัจฉริยะวิ่งได้เองโดยไม่ต้องอาศัยคนขับผ่านการวิ่งมาแล้ว 300,000 ไมล์โดยไม่เกิดอุบัติเหตุ
 
 และถึงเดือนกันยายนที่ผ่านมามีสามรัฐของอเมริกาที่อนุญาตให้รถไร้คนขับวิ่งได้บนท้องถนน ได้แก่ เนวาด้า, แคลิฟอร์เนีย และฟลอริด้า
 
 คีย์แมนที่อยู่เบื้องหลังรถไร้คนขับของกูเกิ้ลคือ เซบาสเตียน ทรุน ศาสตราจารย์ด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งสแตนฟอร์ด
 
 ซึ่งสองปีหลังจากชนะเลิศในการประกวดรถยนต์ไร้คนขับจากดาร์ปร้าในปี 2005 และได้เงินรางวัลมา 2 ล้านเหรียญ จากกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ก็ลาออกจากสแตนฟอร์ดไปทำงานให้กูเกิ้ล
 
 
 
 นอกจากรถยนต์ไร้คนขับแล้ว ทรุนยังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังโครงการสำคัญใหม่ๆ หลายอย่างของกูเกิ้ล เช่น กูเกิ้ล สตรีต วิว, แว่นตาความเป็นจริงเสมือน และโครงการห้องปฏิบัติการลับสุดยอด กูเกิ้ล เอ็กซ์
 
 และสุดท้ายคือโครงการใหม่ที่ทรุนบอกว่ามันคืออนาคต หรืออีกนัยหนึ่งคือภารกิจที่เขาเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยม อนาคตที่ว่านั้นไม่ใช่สิ่งประดิษฐ์ล้ำยุคใดๆ แต่มันคือ "การศึกษา" หรือกล่าวให้เจาะจงยิ่งขึ้นก็คือการศึกษาออนไลน์ ซึ่งสำคัญยิ่งกว่าสิ่งที่เขาเคยทำๆ มาทั้งหมด
 
 การศึกษาออนไลน์ที่เข้าถึงคนได้อย่างขนานใหญ่ที่เปิดเสรีสำหรับทุกคน
 
 ในทัศนะของเขาเห็นว่าเทคโนโลยีนำความเปลี่ยนแปลงมาสู่วงการอื่นๆ มาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นวงการเพลง สิ่งพิมพ์ การขนส่ง การค้าปลีก คราวนี้ถึงตาของการศึกษาบ้างละ
 
 เขาเชื่อว่ามันจะต้องเปลี่ยนแปลงอย่างไม่มีอะไรให้ต้องสงสัย โดยเฉพาะการศึกษาขั้นสูง
 
 
 
 เมื่อปีที่แล้วทรุนกับนักหุ่นยนต์อีกสองคนร่วมกันก่อตั้งมหาวิทยาลัยออนไลน์ขึ้นชื่อว่ายูแดซิตี้ (Udacity) เสนอหลักสูตรวิทยาการคอมพิวเตอร์ผ่านมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด จนถึงปัจจุบันมีหลักสูตรออนไลน์อยู่ถึง 15 หลักสูตร หลักสูตรแรกที่เปิดคือปัญญาประดิษฐ์มีผู้สมัครเรียนถึง 160,000 คน ผู้สมัครเรียนออนไลน์มีมาจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก
 
 คนเหล่านี้ได้เรียนเหมือนกันกับนักศึกษาสแตนฟอร์ดในหลักสูตรเดียวกัน 200 คน รวมทั้งจะจบหลักสูตรได้ใบรับรองกฎต้องผ่านการสอบแบบเดียวกัน
 
 ซึ่งก็ใช่ว่าจะง่ายเพราะจากผู้เรียนเป็นแสนนั้นมีจบหลักสูตรมาเพียง 23,000 คน อย่างไรก็ตาม คนที่ได้คะแนนสูงสุด 400 คน เป็นผู้เรียนออนไลน์
 
 พิจารณาจากตัวเลขผู้เรียนและผู้เรียนจบหลักสูตรแล้ว จะพบว่าแนวทางการศึกษาออนไลน์นี้เปิดโอกาสให้กับคนได้อย่างกว้างขวางสมกับที่เรียกว่าเป็นการศึกษาแบบขนานใหญ่
 
 เพราะหากเรียนตามระบบปกติจะมีนักศึกษาในหลักสูตรซึ่งไปเรียนที่สแตนฟอร์ดจริงๆ แค่ 200 คน ซึ่งตอนจบอาจจะไม่ถึง
 
 ทว่า ยูแดซิตี้กลับทำให้มีคนมีโอกาสเรียนจากที่ไหนก็ได้จนผ่านหลักสูตรรวมแล้วมากกว่าสองหมื่นคน
 
 ยูแดซิตี้เป็นเพียงตัวอย่างเดียวเท่าในการพยายามสร้างมหาวิทยาลัยออนไลน์เพื่อให้คนจากทั่วโลกมีโอกาสเข้าถึงได้โดยไม่ได้ตั้งเป้าจะทำธุรกิจการศึกษา แต่หัวใจของมันอยู่ที่ตัวการศึกษาแท้ๆ
 
 เหมือนอย่างที่ยูแดซิตี้เชื่อว่าเทคโนโลยีทุกวันนี้เอื้อให้เราเข้าถึงการศึกษาคุณภาพสูง ค่าใช้จ่ายต่ำได้ ไม่ใช่เป็นตรงกันข้ามเฉกเช่นหลายมหาวิทยาลัยที่มีอาคารตั้งตระหง่าน
 
 
 http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1355131657&grpid=03&catid=&subcatid=
 
				 
				
					| จากคุณ | : 
หมาป่าดำ     |  
					| เขียนเมื่อ | : 
11 ธ.ค. 55 08:58:36   |  
					|  |  |  |  |