Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ฮ่องเต้เจ้าสำราญ (๑) vote ติดต่อทีมงาน

ฮ่องเต้ในพงศาวดารจีน

ฮ่องเต้เจ้าสำราญ

ตอนที่ ๑ เบื่อเมืองหลวง                                                                                                

             “เจียวต้าย”

ขึ้นชื่อว่าฮ่องเต้แล้ว ในพงศาวดารจีนเราจะได้อ่านพบว่า มีแต่เรื่องยุ่งเหยิงวุ่นวายมากมาย บางทีก็เกิดพระสนมซึ่งมีมากมาย จนเกิดอิจฉาริษยาแก่งแย่งชิงดีกัน บางครั้งก็เกิดจากพวกขันที ที่มีความโลภอย่างมีอำนาจเหนือขุนนางเพื่อหาประโยชน์เข้าตนเอง ก็ยุยงให้ฮ่องเต้กระทำสิ่งที่ผิดแบบธรรมเนียมประเพณี  บางคราวก็เกิดจากขุนนางกังฉินซึ่งมีอิทธิพลเหนือฮ่องเต้ด้วยการ ยกบุตรสาวให้เป็นมเหสีหรือพระสนมแล้วก็กระทำการชั่วร้ายโดยไม่เกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง  บางโอกาสก็เกิดจากฮ่องเต้ยังเป็นผู้เยาว์ ต้องมีผู้สำเร็จราชการ เหมือนหุ่นที่ถูกเชิด โดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ อะไรเลย

ฮ่องเต้ที่ผู้อ่านรู้จักกันดี ก็คือฮ่องเต้ในยุคสมัยสามก๊ก ซึ่งมีรวมกับ ๑๕ พระองค์  และมีผู้เอามาเขียนเล่าไว้มากมายแล้ว  ลองไปค้นหาดูในนิยายอิงพงศาวดารจีนเรื่องอื่น ๆ ดูบ้างเป็นไร

จากเรื่อง อิวกังหนำ ซึ่งสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงสันนิษฐานว่า สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ให้แปลในรัชกาลที่ ๕ เป็นเรื่องสมัยราชวงศ์เหม็ง ได้มีฮ่องเต้เจ้าสำราญพระองค์หนึ่ง ที่มีพฤติกรรมแปลกออกไปจากที่กล่าวมาข้างต้น และน่าสนใจมาก

ในยุคนั้น เริ่มตั้งแต่ พระเจ้าไทโจ๊เก๊าฮ่องเต้ เป็นปฐมวงศ์ แล้วสืบราชสมบัติต่อมาอีกเก้าองค์รวมเวลาถึงร้อยห้าสิบสามปี จึงถึง พระเจ้าเจงเต็กฮ่องเต้ ขึ้นเสวยราชย์เมื่ออายุได้สิบห้าปี มี เนียฉู เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ต่อมาอีกสามปี พระเจ้า เจงเต็ก ออกจากการไว้ทุกข์ให้ พระเจ้าฮงตีฮ่องเต้ พระราชบิดาแล้ว ก็ออกว่าราชการเอง แต่พระองค์ยังชอบการละเล่นต่าง ๆ จึงมีขันทีนิสัยไม่ดีคนหนึ่ง ชักนำให้หลงใหลมัวเมาไปในทางอบายมุขจนแทบจะเสียหายแก่แผ่นดิน แต่ได้ขุนนางที่ซื่อสัตย์ ช่วยแก้ไขเหตุการณ์ให้ผ่านพ้นมาได้

และมีนายทหาร ชาวเมืองกังหนำ ที่มีความซื่อสัตย์จงรักภักดีคนหนึ่ง เป็นราชองครักษ์ นายทหารผู้นี้ชื่อ  จิวหยง มีเพื่อนร่วมสาบาน เป็นนายทหารอีกคนหนึ่งชื่อ ฮ่อจีนปัง

พระเจ้าเจงเต็กฮ่องเต้ นั้น ก็ตั้งอยู่ในยุติธรรม ราษฎรมีความสุข ข้าวปลาอาหารและผลไม้ก็บริบูรณ์ วันหนึ่งพระเจ้าเจงเต็ก เสด็จออกขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยเฝ้าพร้อม จึงมีรับสั่งให้จัดโต๊ะและสุรามาตั้ง พระราชทานให้ขุนนางทั้งปวงกินหน้าที่นั่ง เป็นที่ถูกพระทัย

ขณะนั้น จิวหยง ปรึกษากับ ฮ่อจีนปัง ว่า เราทิ้งบ้านเรือนเสีย มาทำราชการนานแล้ว บัดนี้บ้านเมืองค่อยมีความสุข เราคิดจะทูลลากลับไปเยี่ยมที่ฝังศพบิดา มารดา และจะได้รับครอบครัวเข้ามาเมืองหลวง พี่จะเห็นประการใด ฮ่อจีนปังก็เห็นชอบด้วย

ครั้นปรึกษากันพร้อมแล้ว จึงไปคุกเข่าลงกราบทูลว่า ข้าพเจ้าทั้งสองจะขอถวายบังคมลาไปบ้านเดิมคำนับศพบิดามารดาสักครั้งหนึ่ง ฮ่องเต้จึงตรัสว่า

".....ท่านทั้งสองจะไปคำนับศพบิดามารดานั้น ได้ชื่อว่ากตัญญูสมควรแล้ว แต่อย่าอยู่ช้ารีบกลับมาสามเดือนให้ถึงเมืองหลวง....."

จิวหยงกราบทูลว่า บ้านเดิมข้าพเจ้าอยู่เมืองกังหนำ แต่บิดามารดายกครอบครัวมาตั้งบ้านเรือนค้าขายอยู่ที่เมืองเซงเกียจนถึงแก่กรรม ข้าพเจ้าคำนับศพบิดามารดา ที่เมืองเซงเกียแล้ว จะต้องเลยไปคำนับศพปู่ย่าที่เมืองกังหนำด้วย ซึ่งพระองค์โปรดจะให้กลับมาในสามเดือน หนทางไกลจะไม่ทันกำหนด

ฮ่องเต้ได้ทรงฟังจิวหยงกราบทูลว่าจะไปเมืองกังหนำ ก็มีพระทัยยินดีด้วยพระองค์ทรงทราบว่าเมืองกังหนำสนุก มีของเล่นต่าง ๆ อยากจะเสด็จไปประพาสอยู่เนือง ๆ จึงตรัสถามว่า เมืองกังหนำเล่าลือสืบกันมาว่า คนมีปัญญาคิดทำเครื่องเล่นอย่างดีมีมากจริงหรือ

จิวหยงทูลว่าเมืองกังหนำนั้นเป็นเมืองใหญ่ กว้างขวางภูมิฐานก็งามดี กว่าเมืองทั้งปวง มีภูเขาสลับเป็นชั้น ๆ มีต้นไม้ที่ประหลาดอยู่หลายอย่างผลไม้โอชารส แถวถนนก็ราบรื่น ผู้มีปัญญาฉลาดคิดการทำของเล่นก็มีมาก นักปราชญ์ที่รู้หนังสือก็ลึกซึ้ง วัดใหญ่ก็งดงามหลายตำบล มีศาลเจ้ารูปพระกัษศปอยู่แห่งหนึ่ง ถ้าถึงเทศกาลชาวบ้านชาวเมืองคิดกัน ตั้งกระบวนแห่ที่หน้าบ้าน แต่งเครื่องบูชาประกวดกันเป็นที่สนุกยิ่งนัก

ผู้หญิงในเมืองนั้นมักมีรูปกิริยาดี แต่งตัวก็สะอาดงดงาม ในลำแม่น้ำใหญ่มีเรือเท้งจอดอยู่รียงราย และชาวเมืองนั้นเล่นนักขัตฤกษ์ทั้งสี่ฤดูเป็นที่สนุกสนานเพลิดเพลินทุกตำบล ฮ่องเต้ได้ทรงฟังก็อยาก จะเสด็จไปเที่ยวเล่น จึงตรัสเป็นอุบายว่า

"...เวลาคืนนี้ประมาณสามยามเศษเรานอนหลับสนิทนิมิตฝันว่าเทวดาองค์หนึ่งเหาะลอยมาในอากาศ ร้องบอกว่าให้เราไปเมืองกังหนำสืบหาผู้มีปัญญาซื่อตรง มาช่วยรักษาแผ่นดิน บ้านเมืองจึงจะอยู่เย็นเป็นสุข เราคิดว่าจะไปยังไม่เห็นผู้ใด จะป้องกันอันตรายได้ บัดนี้ท่านจะไปก็สมดังใจคิด เราจะไปด้วย..”

จิวหยงได้ฟังก็ตกใจ คิดว่าเรากราบทูลผิดเสียแล้ว ด้วยฮ่องเต้พอพระทัยในการเล่น ครั้นเราทูลว่าเมืองกังหนำสนุก ก็อยากเสด็จไปเที่ยว จึงแกล้งรับสั่งว่านิมิตฝัน ถ้าเรานำเสด็จไปมีเหตุอย่างไรขึ้น ขุนนางทั้งปวงก็จะติโทษเราได้ คิดแล้วจึงกราบทูลว่า

".....ซึ่งพระองค์ทรงพระสุบิน จะเชื่อถือเอาเป็นแน่ไม่ได้ ทางที่จะไปนั้นกันดารนัก เป็นซอกห้วยเชิงเขา ทั้งสัตว์ร้ายก็มีมาก แม่น้ำก็กั้นหลายตำบล อย่าเสด็จไปให้ลำบากพระองค์เลย...."

ฮ่องเต้ก็ตรัสว่า

"....เราไปเที่ยวสืบหาผู้มีปัญญามาตั้งเป็นขุนนาง เพราะเห็นแก่การแผ่นดินมิได้กลัวความลำบาก จะเปลื้องเครื่องกษัตริย์ออกเสีย แต่งตัวเป็นพ่อค้าปลอมไปไม่ให้ใครรู้จัก แต่ท่านทั้งสองป้องกันก็คงจะคุ้มภัยได้....."

จิวหยงก็ทูลว่า

"...พระองค์ไม่ควรเสด็จ ด้วยโบราณกล่าวไว้ว่า ราชสมบัติว่างขาดเจ้าจนวันหนึ่งก็ไม่ได้ ด้วยราชการบ้านเมืองใหญ่โตนัก เกลือกจะเป็นอันตรายสิ่งใดขึ้น ฮองไทเฮากับขุนนางทั้งปวง จะลงโทษข้าพเจ้าถึงสิ้นชีวิต พระองค์จะขืนเสด็จไปให้ได้ ข้าพเจ้าทั้งสองจะยอมตายอยู่หน้าที่นั่ง...."

พระเจ้าเจงเต็กได้ทรงฟังจิวหยงกราบทูลถูกอย่างธรรมเนียม จึงทรงคิดว่าจะข่มขืนไปให้ได้ ก็จะเป็นที่ยากใจแก่คนทั้งสอง จึงตรัสว่า

".....ท่านพูดถูกต้อง แต่ไปอย่าอยู่ช้า ห้าเดือนจึงกลับมาให้ถึงเมืองหลวง....."

จิวหยง กับฮ่อจีนปังก็มีความยินดีถวายบังคมลากลับมาบ้าน จัดแจงสิ่งของพอสมควรสั่งบ่าวไพร่ให้อยู่รักษาบ้านเรือน ครั้นเวลาเช้าก็ไปคำนับลาขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยเสร็จแล้ว ก็รีบออกจากเมืองหลวง ขุนนางทั้งปวงก็ตามไปส่งจนนอกประตูเมือง

จิวหยงกับฮ่อจีนปังเดินไปถึงเก๋งใหญ่อยู่ห่างกำแพงเมืองสิบลี้ ชื่ออางเต๋งกวางเอียะกว้างใหญ่งดงาม มีขุนนางเจ้าพนักงานรักษา เป็นของหลวงสำหรับแขกเมืองพักอาศัย พอดีเวลาเย็นก็หยุดพักอยู่ ณ ที่นั้น

ฝ่ายพระเจ้าเจงเต็กฮ่องเต้ใช้ให้ขันทีไปสืบดู ทราบว่าจิวหยงกับฮ่อจีนปังออกจากบ้านไปแล้ว ก็ทรงพระอักษรฉบับหนึ่งมอบให้ขันที และรับสั่งว่าท่านอย่าแพร่งพรายไป ถ้าขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยเข้ามาเฝ้า จงบอกว่าเราป่วยออกว่าราชการไม่ได้ ต่อครบห้าวันแล้วจึงเอาหนังสือนี้ไปส่งให้ เนียฉู

รับสั่งแล้วก็ผลัดเครื่องทรงออกแต่งตัวเป็นพ่อค้าเอาตราและกำไลหยกสำหรับกษัตริย์ กับหยิบทองห่อติดพระองค์ไปด้วย เดินหลบหลีกออกจากพระราชวัง ไปถึงนอกกำแพงเมือง ทรงคิดว่าจิวหยงกับฮ่อจีนปังเห็นจะพักอยู่ที่เก๋งอางเต๋งกวางเอียะเป็นมั่นคง

พอเวลาพลบค่ำเดือนหงายสว่าง ก็รีบเดินไปได้ประมาณยามเศษ ก็ถึงเก๋งใหญ่จึงเคาะประตูร้องเรียก ผู้รักษาประตูเปิดออกมาดู เห็นชายหนุ่มแต่งตัวเป็นพ่อค้ากิริยาเรียบร้อย จึงถามว่าท่านชื่อไรมีธุระสิ่งใด ฮ่องเต้ก็บอกว่าเราชื่ออึงหลุน มาหาจิวหยงฮ่อจีนปังท่านจงบอกให้ทราบด้วย ผู้รักษาประตูก็เข้าไปแจ้งความแก่คนทั้งสองตามสั่ง ทั้งสองก็สงสัยด้วยชื่ออึงหลุน มิได้เคยรู้จัก พอเดินออกมาดูก็จำได้ว่าเป็นพระเจ้าเจงเต็ก แต่ฮ่องเต้โบกพระหัตถ์จึงชงักนิ่งอยู่ แล้วเชิญเสด็จเข้าไปข้างใน คุกเข่าลงคำนับตามธรรมเนียม แล้วทูลถามว่าพระองค์เสด็จมาที่นี่ มีพระราชประสงค์สิ่งใด

พระเจ้าเจงเต็กฮ่องเต้ตรัสว่า

".....ตั้งแต่ท่านมาเราไม่มีความสุข จึงได้ลอบแปลงตัวหลบหลีกตามมา ปรารถนาจะไปเมืองกังหนำด้วย...."

จิวหยงฮ่อจีนปังได้ฟังก็ตกใจกราบทูลว่า

".....ขอพระองค์ได้ทรงพระกรุณาอย่าเสด็จไปเลย ข้าพเจ้าทั้งสอง ก็ยังไม่กลับบ้านเดิม จะตามเสด็จเข้าเมืองหลวง ทำราชการฉลองพระเดชพระคุณก่อน ต่อว่างลงเมื่อใด จึงจะถวายบังคมลาต่อครั้งหลัง....."

ฮ่องเต้ตรัสว่า

"..ท่านอย่าพูดวุ่นวายเลย เรามิได้เชื่อฟัง ถึงท่านทั้งสองไม่ป้องกัน เราก็คงจะไปแต่ผู้เดียว.."

ทั้งสองได้ฟังก็คิดว่า ถึงจะทูลทัดทานสักเท่าใดที่ไหนจะเชื่อฟัง ด้วยพระทัยมุ่งหมายอยากจะไปฝ่ายเดียว คิดแล้วจึงกราบทูลว่า ถ้าพระองค์จะเสด็จไปเมืองกังหนำให้ได้ ข้าพเจ้าทั้งสองก็จะป้องกันไปมิให้เป็นอันตราย

ฮ่องเต้ได้ฟังก็ยินดีจึงตรัสว่า ตั้งแต่นี้ไปถ้าพบผู้คนอย่าถวายบังคมเหมือนข้ากับเจ้าเลย จงคำนับอย่างอาหลานเถิดคนทั้งปวงจึงจะไม่สงสัย จิวหยงทูลว่าทิ้งอย่างธรรมเนียมเสีย มิเป็นการล่วงเกินพระองค์ไปหรือ ฮ่องเต้ก็ตรัสว่าเราอนุญาตแล้วไม่เป็นไร

ครั้นเวลารุ่งเช้าพระเจ้าเจงเต็กฮ่องเต้ กับจิวหยงฮ่อจีนปังออกจากที่ เก๋งอางเต๋งกวางเอียะ เดินตรงไปเมืองหงยุนกุ้ย เมื่อถึงบ้านทั้งสองจึงทูลว่าพระองค์จงพักอยู่ข้างนอกก่อน ข้าพเจ้าทั้งสองจะเข้าไปแจ้งกับมารดาให้จัดที่รับเสด็จ ฮ่องเต้ก็รับคำ ทั้งสองก็คำนับลาเข้าไปในบ้าน

ฮ่อจีนปังจัดที่เรียบร้อยแล้วก็ออกไปรับฮ่องเต้เข้ามาในบ้าน เชิญเสด็จประทับในที่อันสมควรแล้ว ครอบครัวทั้งหมดก็คุกเข่าลงถวายบังคม ฮ่องเต้เห็นไม่มีคนอื่นจึงรับคำนับอย่างธรรมเนียมกษัตริย์ แล้วตรัสถามทุกข์สุขตามสมควร

พระเจ้าเจงเต็กฮ่องเต้ก็ประทับอยู่ที่บ้านของฮ่อจีนปังด้วยความสำราญพระทัยทั้งการเสวยและบรรทม มิได้คิดถึงราชการ และความวิตกห่วงใยของขุนนางทั้งปวงที่เมืองหลวงแต่ประการใด.

พระเจ้าเจงเต็กฮ่องเต้ พักอยู่บ้าน ฮ่อจีนปัง ได้สองวันพอหายเหนื่อยแล้วจึงตรัสชวน     จิวหยง ไปเมืองกังหนำ จิวหยงก็จัดแจงแต่งตัวเป็นพ่อค้า ถือกั๋นอาวุธคู่มือตามเสด็จ มิให้คนทั้งปวงสงสัย ฮ่องเต้กับจิวหยงก็ลามารดาฮ่อจีนปังออกจากบ้านไป ครั้นไปตามทางทรงชมเขาและไม้ เห็นที่ใดชอบกลก็แวะเข้าไป ทอดพระเนตรแห่งละเล็กละน้อยเพลิดเพลินพระทัยหลายเวลา จนถึงแดนเมืองกังหนำ

พอเวลาพลบค่ำก็เข้าหยุดพักในโรงเตี๊ยม ซื้ออาหารเสวยเสร็จแล้ว จึงตรัสถามว่าตำบลนี้ชื่ออะไร จิวหยงทูลว่าชื่อกังเหลงฮู้ขึ้นกับเมืองกังหนำ ฮ่องเต้ก็ตรัสถามเจ้าของโรงเตี๊ยมว่า ตำบลนี้มีที่เล่นและของประหลาดสิ่งใดบ้าง เจ้าของโรงไม่รู้ว่าเป็นกษัตริย์จึงตอบว่า ที่ตำบลนี้มีเขาและวัดโบราณงดงามต่าง ๆ กัน ถ้าท่านอยากเที่ยวชมเล่นข้าพเจ้าจะให้คนพาไป ฮ่องเต้ได้ทรงฟังก็มีความยินดี

ครั้นเวลาเช้าเจ้าของโรงเตี๊ยมก็ให้คนใช้นำฮ่องเต้กับจิวหยงไปเที่ยว ฮ่องเต้ทอดพระเนตรเห็นเขาเป็นทิวแถว มีห้วยน้ำเย็นใส ต้นไม้งดงาม นกจับเป็นคู่ ๆ ก็ตรัสกับจิวหยงว่า เมืองกังหนำนี้สนุกทุกอย่าง ตั้งแต่ดูมาก็จริงเหมือนคำท่าน แล้วชวนจิวหยงจะกลับ

ก็พอดีทอดพระเนตรเห็นหญิงแก่กับสาว เดินร้องไห้มาตามทาง ให้สงสัยในพระทัยจึงหยุดรออยู่ ครั้นหญิงสองคนเดินเข้ามาใกล้ จึงตรัสถามว่าท่านร้องไห้ด้วยเหตุสิ่งใด  หญิงแก่ได้ฟังพิเคราะห์ดูเห็นชายหนุ่มผิวพรรณสะอาด แต่งตัวเป็นพ่อค้าเรียบร้อยจึงบอกว่านางชื่อ หนาสี บุตรสาวชื่อ นางซุนหง่อ สามีชื่อ จิวแซ เป็นผู้รักษาเมืองบุนซุยคุยขึ้นกับเมืองซัวไซ ว่าราชการได้ปีครึ่งราษฎรมีความสุข

ครั้นอยู่มาเจ้าเมืองซัวไซแต่งขุนนางผู้หนึ่งชื่อ งุยบุนกวน เที่ยวตรวจตามหัวเมืองขึ้น จนถึงเมืองบุนซุยคุย งุยบุนกวนจะเรียกเอาเงินค่าธรรมเนียม แก่จิวแซพันตำลึง จิวแซเป็นขุนนางซื่อตรงไม่ได้เบียดเบียนราษฎร จึงไม่มีเงินทองจะให้ งุยบุนกวนโกรธบอกกล่าวโทษเข้ามาเมืองหลวง ว่าเงินสำหรับเมืองขาดไปสามพันตำลึง  

และบอกว่า บัดนี้มีตราออกมาให้เจ้าเมืองซัวไซ จับผัวของตนไปขังคุกไว้ แล้วริบทรัพย์สิ่งของทองเงินที่มีอยู่เล็กน้อย แต่เสื้อกางเกงเก่า ๆ ก็เก็บเอาไปจนสิ้น ตนเองสองแม่ลูกมีความน้อยใจ จึงเดินร้องไห้หวังจะไปหาพี่น้อง ขอเงินใช้สอยซื้อกินบ้าง ทั้งจะได้อ้อนวอนให้ช่วยผัวของตนด้วย

ฮ่องเต้ได้ทรงฟังก็ทราบว่า งุยบุนกวนเป็นขุนนางกังฉินไม่ซื่อตรง จึงแกล้งตรัสเกลื่อน ความว่า

".....จิวแซผัวของท่านเป็นคนรักใคร่กับเรามาช้านาน ซึ่งงุยบุนกวน เอาความเท็จไปกล่าวทำให้จิวแซได้ความผิดนั้น เราจะช่วยธุระให้พ้นโทษท่านอย่าวิตกเลย ....."

แล้วหยิบเอาทองแท่งหนึ่งหนักสิบตำลึง ส่งให้นางหนาสีและตรัสว่าอย่าต้องไปหาพี่น้องให้ลำบากเลย จงกลับไปบ้านเอาทองนี้จำหน่ายซื้อกินไปพลาง คอยอยู่สักสองสามวัน จิวแซคงออกจากโทษได้  แม่ลูกทั้งสองไม่รับเอาทอง นางซุนหง่อจึงว่าท่านเป็นเพื่อนรัก กับบิดาข้าพเจ้า จะช่วยสงเคราะห์ให้พ้นโทษ ก็มีพระคุณเป็นอย่างยิ่ง ไม่ควรจะรับเอาทองไว้ แล้วถามว่าท่านแซ่ไรชื่อใด จงบอกให้ทราบ ถ้าบิดาข้าพเจ้าออกได้ จึงจะคำนับขอบคุณท่าน ฮ่องเต้ก็ตรัสว่า

".....ทุกข์ของบิดาเจ้านั้น เราจะช่วยให้สำเร็จอย่าวิตกเลย แล้วจะได้เป็นขุนนางใหญ่ขึ้น เจ้าจงรับเอาทองนี้ไว้ ถ้าบิดาออกได้จงบอกว่า เราแซ่จู ตั้งบ้านเรือนอยู่ในกำแพงเมืองหลวง เป็นผู้ช่วยงเคราะห์....."

แม่ลูกทั้งสองมีความยินดีรับเอาทองแล้วคำนับลากลับไปบ้าน ฮ่องเต้กับจิวหยงและผู้นำทางก็กลับไปโรงเตี๊ยม เอาเบี้ยแปะให้เป็นค่าจ้าง แล้วค้างที่โรงเตี๊ยมอีกคืนหนึ่ง ฮ่องเต้ตรัสเล่าให้จิวหยงฟังก่อนจะบรรทมว่า

".....เจ้าเมืองซัวไซมีหนังสือบอกเข้าไปฉบับหนึ่งว่า จิวแซเอาเงินสำหรับเมืองไปใช้สอย เป็นอาณาประโยชน์เสียสามพันตำลึง แล้วเกลี้ยกล่อมผู้คนจะคิดกบฏ เราสำคัญว่าจริงจึงมีหนังสือบอกมาให้ทำโทษจิวแซตามกฎหมาย เราไม่รู้เลยว่างุยบุนกวนเป็นคนพาล ทำการไม่ดี พลอยให้เราหลงตัดสินผิดไปด้วย นี่หากว่าเรามาทางนี้จึงได้รู้ความ จะต้องชำระให้เป็นยุติธรรม เอาโทษงุยบุนกวนเสีย อย่าให้ขุนนางทั้งปวงเอาเยี่ยงอย่างต่อไป....."

ต่อมาเจ้าเมืองซัวไซแซก็ได้รับพระอักษรจากฮ่องเต้มีความว่า  งุยบุนกวนเป็นขุนนางไม่สุจริต ทำให้ราษฎรเดือดร้อน มีผู้มาร้องฟ้องใครครวญสืบสวนได้ความจริงว่า งุยบุนกวนจะเอาสินบนที่    จิวแซไม่ได้ จึงคิดอบายบอกกล่าวโทษจิวแซเข้ามาเมืองหลวงจนจิวแซต้องโทษ ข้อนี้งุยบุนกวนผิดมาก ให้เจ้าเมืองซัวไซแซ ถอดงุยบุนกวนออกจากที่ขุนนางเอาตัวขังคุกไว้ โปรดให้จิวแซพ้นโทษ รับตำแหน่งที่    งุยบุนกวน ต่อไป

จิวแซจึงพ้นโทษกลับไปอยู่ที่เมืองบุนซุยคุย กับภรรยาและบุตรสาวเป็นสุขดังเดิม

###############

จากคุณ : เจียวต้าย
เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 10:33:03




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com