ความคิดเห็นที่ 1 เอาเป็นสะกดเเบบพาสาลาวดีไหม เขียนง่ายไม่ต้องมีวันนะยุก การัน เหมือนเมืองไท จากคุณ : jaijainoi เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 11:04:11

ความคิดเห็นที่ 2 อารมณ์เดียวกับที่จะให้เขียนคำทับศัพท์ไทย-อังกฤษป่ะคะ เราว่าความมีเสน่ห์ของภาษาไทยก็ตรงที่เรามีเสียงสูงกลางต่ำนี่แหละค่ะ แถมการมีทั้งพยัญชนะและสระที่มากมายของเรา ก็ช่วยให้เราสามารถออกเสียงคำได้หลากหลายมากด้วย แล้วยังเกี่ยวกับคำพร้องเสียงอีกด้วย ที่เขียนโดยใช้พยัญชนะและมีความหมายต่างกันแต่ออกเสียงเหมือนกัน ถ้าไม่มีอักษรสูง กลาง ต่ำ มันจะทำให้เกิดปัญหาอื่นตามมาอีกหรือเปล่า ถ้าเทียบความยุ่งยากที่คุณกล่าวมากับคุณค่าทางภาษา เราว่าอนุรักษ์ภาษาไว้ไม่น่าจะเสียงหายอะไรนะคะ ส่วนตัวแล้วเห็นด้วยกับการหาวิธีสอนลูกที่ทำให้สามารถเข้าใจ และประยุกต์วิธีการเรียนรู้ภาษาไทยได้อย่างดีของคุณผู้ปกครองที่สอนลูกทีห้องชานเรือนมากกว่านะคะ มีความคิดสร้างสรรค์และเป็นประโยชน์มาก ๆ เลยค่ะ (ยังแอบใช้ทดสอบเล่นๆ เพลิน ๆ อยู่เลย) จากคุณ : คาราเมลมัคคิอาโต้ เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 11:16:06

ความคิดเห็นที่ 3 แบบปัจจุบัน มันก็มีมาตรฐานอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าขาดการเรียนรู้ที่ดี ขาดการสอนที่ดี ขาดความเข้าใจที่ดี และที่ภาษาไทยมีอักษรสูงกลางต่ำ เพราะมีรากฐานมาจากเสียงวรรณยุกต์สูงต่ำทำให้ความหมายเปลี่ยน ถ้าเปลี่ยนแปลงจริงๆ ก็คงเกิดปัญหาด้านอื่นให้คุณเจ้าของกระทู้มาปรับทุกข์อีก และข้อยกเว้นในระบบการประสมอักษรภาษาไทยผมว่าน้อยมากๆ ครับ และข้อยกเว้นมีทุกภาษา จากคุณ : The Little Prince เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 11:16:41

ความคิดเห็นที่ 4 #1 ยังไม่ถูกซะเลยทีเดียว มันต้อง.. "เอา เปะน สะ โกะด แบบ พา สา ลาว  ดี ไม๋ เขียนง่ายไม่ต้องมีวันนะยุกการัน เมื๋อน เมือง ไท" ตอบคำถาม เอาซิ แต่ต้องออกแบบใหม่และมีกฏเกณฑ์ตายตัวเท่าเทียมกันหมด เป็นประชาธิปไตย  เขียนอย่างไรก็อ่านอย่างนั้น  และออกแบบวิธีวางสระใหม่ด้วย เพราะตอนนี้มันอยู่ทุกทิศเลย   นึกขึ้นมาได้ พาสาลาว ไม่มี ร.เรือ และไม่มีตัวควบกล้ำ ผู้นำไทยก็ใช้แบบนี้อยู่นะ เช่น ซงพะจะเลิน  อันนี้ไม่เห็นด้วย เราควรจะมีตัวควบกล้ำและร.เรือเหมือนเดิม จากคุณ : จันทร์สุขสดใส เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 11:20:27

ความคิดเห็นที่ 5 #2 คนละอารมณ์กับการเขียนภาษาไทยให้ตรงกับคำอ่านภาษาอังกฤษค่ะ เรื่องคำพ้องเสียง ต่างรูป อันนี้เห็นด้วยว่ามีคำใช้เยอะขึ้น  แต่ที่บอกว่ามีพยัญชนะ ต่ำกลางสูงแล้วออกเสียงได้มากขึ้น คงไม่ใช่อย่างนั้น  เพราะเรามีวรรยุกต์ที่พร้อมจะใช้ผันได้ทั้ง 5 เสียงอยู่แล้ว เช่น คา(เสียงสามัญ) ค๋า(เสียงจัตวา)จะเขียนเป็น ขา ก็ได้   เพียงแต่เพราะเราใช้เราใช้ตัว ข เป็นอักษรสูง จึงทำให้ ค๋า ในอักษรต่ำ จึงไม่ถูกใช้และไม่มีความหมายไป(เท่าที่รู้)   จะเห็นว่า หากเราเลือก ค ข ฃ เอาเพียงตัวเดียวก็ผันได้ครบทุกเสียงแล้ว  (อ้าวแล้วมีเหตุผลอะไรที่ยกเลิก ฃ) ส่วนเรื่องเสน่ห์ อันนี้ก็แล้วแต่ละคน  อย่างกรรมการฟุตบอลตัดสินถูกๆผิดๆประธานยูฟ่ายังว่าเป็นเสน่ห์ไม่ควรใช้โกล์ไลน์หรือภาพช้า  ประเด็นนี้คงเป็นความรู้สึกที่ต่างกัน เพิ่มเติม: มันมีอักษรคู่(ต่ำสูง)เช่น ขค ฮห แต่มีอักษรต่ำบางตัวที่ไม่มีคู่สูง จึงต้องมี ห.นำแล้วใช้รูปสามัญ  ในขณะเดียวกันมีอักษรต่ำอีกหลายตัวที่ไม่มีคู่สูงเช่นกันแต่ไม่มีการใช้ ห.นำ เช่น คำว่า หบาน อ่านว่า บ๋าน  จะเห็นว่ามันยังมีอีกหลายเสียงในภาษาไทยที่ไม่ถูกใช้ ดังนั้นไม่ต้องกลัวเรื่องความหลากหลายเลย แก้ไขเมื่อ 13 ธ.ค. 55 12:29:13 จากคุณ : จันทร์สุขสดใส เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 11:38:58

ความคิดเห็นที่ 6 #3 ปัญหาด้านอื่น อาจจะเป็นไปได้ เช่น บางคน ผันวรรณยุกต์ ไม่เป็น คือไม่มีดนตรีในหัวใจ ร้องเพลงก็เพี้ยน  จะมาไล่เสียงก็คงไม่ได้  มันมีจริงๆนะคนแบบนี้ บางคนไม่รู้จักซ้ายขวา ไม่รู้ทิศก็มี ตอนแรกๆ อาจจะงง กันบ้างล่ะ เลี้ยง ม๋า ไว้เผ้าบ้าน    เลี้ยง ม๊า ไว้ขี่เล่น จากคุณ : จันทร์สุขสดใส เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 11:44:25

ความคิดเห็นที่ 7 ส่วนตัวมองว่าหากจะเปลี่ยนทั้งระบบจริงๆก็คงเปลี่ยนได้ แต่คงต้องค่อยๆชำระ ไม่ใช่นึกอยากจะเปลี่ยนก็ปุบปับเปลี่ยนไปเลย ภาษามันเป็นเรื่องของคนหมู่มากที่เห็นตรงกัน ใช้ร่วมกัน ภาษาใดที่คนไม่เห็นด้วย เห็นว่าการใช้ยุ่งยาก ไม่เหมาะจะใช้ในชีวิตประจำ ภาษานั้นก็จะตายไปเอง อย่างเช่น ภาษาละติน ภาษาบาลี ภาษาสันสกฤต การที่ภาษาไทยเป็นแบบที่เป็นทุกวันนี้ แสดงว่าคนที่ใช้ภาษาไทยส่วนใหญ่เห็นด้วยและยอมรับกฎเกณฑ์เหล่านี้แล้วนั่นเองครับ ฉะนั้นถามว่าเปลี่ยนได้มั้ย ก็คงต้องตอบว่า เปลี่ยนได้ แต่คงต้องใช้เวลาให้คนส่วนใหญ่ยอมรับนั่นเอง ปล. ขอแก้ไขความเข้าใจของ คห.5 ครับ อักษรต่ำเดี่ยวมี 10 ตัว ได้แก่ ง, ญ, ณ, น, ม, ย, ร, ล, ว, ฬ หรือจำง่ายๆว่ามี 7 เสียง ได้แก่ /ง/ /ย/ /ล/ /ร/ /ว/ /ม/ /น/ ส่วนตัง บ. อยู่ในกลุ่มอักษรกลาง สามารถผันได้ครบ 5 เสียง ฉะนั้น บ๋าน สะกดด้วยจัตวา ไม่จำเป็นต้องมี ห. นำ จากคุณ : แมลงภู่บนหูกระต่าย เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 14:38:01

ความคิดเห็นที่ 8 #7 ขออภัย พลาดจริงๆ บ.เป็นอักษรกลาง และอักษรต่ำเดี่ยวที่ไม่มี ห.นำมีแค่ ตัว ณ ตัวเดียว สรุปว่า อักษรต่ำ มันก็มีคู่สูงหรือห.นำหมดเลย (ณ ไม่ใช้ เพราะใช้ หน. แทนอยู่แล้ว)  ทำให้มีประเด็นต่อไปว่า ทำไมคนออกแบบโครงสร้างภาษาจึงทำไว้แบบนั้น จากคุณ : จันทร์สุขสดใส เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 15:04:51

ความคิดเห็นที่ 9 เปลี่ยนได้ครับ  แต่ต้องทำแบบ จิ๋นซีฮ่องเต้ สมัยก่อน ตัวหนังสือจีน มีหลายแบบ ความหมายเดียวกัน (เช่นคำที่แปลว่า ฉัน-สรรพนามบุรุษที่ ๑) แต่ละสำนัก เขียนไม่เหมือนกัน ออกเสียงไม่เหมือนกัน จิ๋นซีฮ่องเต้ จึงเลือกตัวหนังสือไว้ชุดหนึ่ง เรียกเจ้าสำนักต่าง ๆ  มาประชุมทางวิชาการ ตอนกินเลี้ยง ก็มอมยาให้สลบ เจ้าสำนักไหนที่เวลาประชุม  ไม่เห็นด้วยกับแบบของจิ๋นซีฮ่องเต้ ก็เอาไปฆ่าเสีย ตำราก็เอาไปเผาทิ้งเสียให้หมด ตัวหนังสือจีน จึงมีอยู่แบบเดียว ทั่วแผ่นดินใหญ่  มาจนทุกวันนี้ จากคุณ : นายช่างปลูกเรือน เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 15:16:44

ความคิดเห็นที่ 10 #9 อุ่ย ถ้าอย่างนั้น  ใช้แบบเดิมไปดีกว่าค่ะ  ปล่อยให้เป็นความนิยมไป อย่างคำว่า ข้า กัน ก็ไม่ค่อยมีใครใช้แล้ว คำว่ากูก็เป็นแบบเพื่อนสนิท คำว่าข้ามักจะมีใช้ในหนังโบราณ คำว่า เขา(ผู้ชาย)ก็ยังมีแปลจากภาษาอังกฤษอยู่  แต่คำว่า หล่อน(ผู้หญิง)เดี๋ยวนี้ใช้ในคำเหยียดหยามเสียมากกว่า ทั้งที่ก่อนหน้านี้ คำว่าหล่อนเป็นคำแปลอย่างเป็นทางการของ she และมีใช้อยู่ในตำราเรียนด้วย คิดได้อีกคำยังสงสัยอยู่ คำว่า หัว ทำไมเดี๋ยวนี้คนทั่วไป ไม่ค่อยกล้าใช้ ต้องใช้คำว่า ศีรษะแทน  หัวนี่ไม่สุภาพแล้วเหรอ  แม้แต่นักพากษ์บอลอย่างลุงวิรศากดิ์ นิลกาดก็มักใช้คำว่าศีรษะ  ทั้งๆที่ศีรษะน่าจะเป็นภาษาหนังสือ และหัว น่าจะเป็นคำสามัญ  ส่วนคำว่าเท้ากับคำว่าที(ต)นนั้นพอเข้าใจได้ แก้ไข: ขออภัย ลุงวิรศากดิ์ นิลกาด เป็นแค่ชื่อล้อเลียนในเฟซบุค เขาชื่อจริงวีรศักดิ์ นิลกลัด เป็นน้องชายคุณพิศณุ สะเก็ดข่าว แก้ไขเมื่อ 13 ธ.ค. 55 15:41:47 จากคุณ : จันทร์สุขสดใส เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 15:39:15

ความคิดเห็นที่ 11 คห 1 พาสาลาวมีวรรณยุกต์ เอก โท เหมือนกันครับ -------------------------------------------------- คห 9 เรื่องการเปลี่ยนตามใจผู้นำ บางครั้งก็ทำให้คำเก่า ๆ ประวัติศาสตร์เก่า ๆ เลือนหายไปได้เหมือนกัน อย่างชื่อย่าน "นางเลิ้ง" ที่จริงแต่ก่อนเรียกว่า "อีเลิ้ง" ซึ่งเป็นชื่อตุ่มชนิดหนึ่งที่มีการนำขายกันที่ย่านนี้มาก แต่ต่อมาด้วยความบ้าจี้ของท่านผู้นำ ที่เห็นว่า "อี" เป็นคำไม่สุภาพ เลยเปลี่ยนเป็น "นาง" ทำให้ย่าน "อีเลิ้ง" กลายเป็น "นางเลิ้ง" ซึ่งไม่มีความหมายอะไรเลย เคราะห์ดีที่คนยุคนี้ไม่เจอผู้นำแบบนี้เข้าอีก ไม่งั้นคงได้ส่ง "นางเมล์" อ่าน "นางบุ๊ค" ซื้อของจาก "นางเบย์" กันบ้างล่ะ แก้ไขเมื่อ 13 ธ.ค. 55 17:59:02 จากคุณ : เกียรตินำ เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 17:58:41

ความคิดเห็นที่ 12 ขออภัยอย่างแรง แข็งขัน คุณจอขอกอทอ วันที่21 นี้ขอให้โลกแตกไปก่อนดีไหมคะ อิชั้นจะได้หายสาบสูญไปก่อนที่จะได้เห็นภาษาที่พัดทะนาใหม่ อิชั้นทำใจได้กะเด็กรุ่นใหม่ๆ ที่เขียนคำ ตามเสียง  เช่น ม๋า คัย มา กัด นู๋ แต่คงทำใจไม่ไหวกะเรื่องเปลี่ยนแบบแผน   อย่างที่เสนอมา ไม่ไหวจริงๆค่ะ ได้โปรด ถ้าทนกับแบบแผนเดิมๆไม่ไหว อิชั้นว่า ไปอยู่ประเทศอื่น ที่มีแบบแผนง่ายๆ จะง่ายกว่าเยอะ  เชื่อเถิ้ด จากคุณ : วันจัน เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 19:04:12

ความคิดเห็นที่ 13 ถ้าการผันวรรณยุกต์คำเป็น มันง่ายครับ เรียนรู้นิดหน่อยก็ได้แล้ว ไม่ต้องไปแก้อะไรหรอก แต่ปัญหามันอยู่ที่คำตายนี่สิ มันผันยาก เช่น กัก กั้ก กั๊ก กั๋ก ผมงงว่า มันจะมีเสียงจัตวาทำไม ทั้งที่เกิดมา ยังไม่เคยใช้เลย ตัดออกไปเลยก็ได้นะ แล้วก็ น่าจะเพิ่มคำตายเสียงสามัญ หรือเสียงสั้นที่ไม่เน้นด้วย เช่น สะพาน ทะเล คติ ซึ่งเราไปเน้นตัวหลังมากกว่า เสียง สะ ทะ คะ จะเบาจนไม่เป็นเสียงเอก-ตรี เหมือนภาษาอังกฤษที่มี Streesed-Unstressed นั่นแหละ จากคุณ : La Luz เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 19:07:12

ความคิดเห็นที่ 14 ระบบวรรณยุกต์ไทยเกิดจากอักษรวรรค กะ ขะ คะ ฆะ งะ แถวแรกเป็นอักษรกลาง ตามด้วยอักษรสูง สามแถวที่เหลือเป็นอักษรต่ำ ถ้าปรับวรรณยุกต์ใหม่เป็น มา ม่า ม้า ม๊า ม๋า แล้วอยากคงตัวอักษรที่ซ้ำกัน (ท ธ ฒ ถ ฐ) ไว้ ก็กำหนดให้ทุกตัวมีเสียงวรรณยุกต์เหมือนกัน (ทอ=ธอ=ฒอ=ถอ=ฐอ) ตัวอย่างคำ ถนน -> ถ่น๋น อ่านว่า ท่ะ-น๋น เศรษฐศาสตร์ -> เศร่ษฐ่ศ่าสตร์ อ่านว่า เส่ด-ท่ะ-ส่าด คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาให้ปรับภาษาใหม่ -> ค๊ณ๊ะรั๊ฐ่มนตรีได้พิ๊จาร๊ณาให้ปรั่บภาษ๋าใม่ จะไม่มีภาษาสก๊อยอีกต่อไป -> จ่ะไม้มีภาษ๋าส่ก๊อยอี่กต่อไป แต่ถ้าไม่เอาตัวที่เสียงซ้ำกันไว้ ก็จะเขียนภาษาบาลีสันสกฤตไม่ได้ กลายเป็น ท่ะน๋น เส่ดท่ะส่าด ค๊ะน๊ะรั๊ดท่ะมนตรีได้พิ๊จาร๊ะนาให้ปรับพาส๋าใม่ จ่ะไม้มีพาส๋าส่ก๊อยอี่กต่อไป ...คิดว่าไม่ใช่ภาษาที่สวยงามเลยครับ แก้ไขเมื่อ 14 ธ.ค. 55 22:44:59 แก้ไขเมื่อ 14 ธ.ค. 55 22:42:17 แก้ไขเมื่อ 14 ธ.ค. 55 22:41:52 จากคุณ : ==KEN== เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 22:41:30

ความคิดเห็นที่ 15 #14 ดูเข้าท่าดีทีเดียวค่ะ  วรรณยุกต์เยอะไปหน่อย แต่เราสามารถปรับหรือออกแบบรูปแบบวิธีการเขียนใหม่ได้นี่ เช่น สระให้มีรูปเพียงตัวเดียวแล้ววางไว้หลังพยัญชนะต้น  เพื่อประโยชน์ในการเขียนติดกันเป็นพรืดโดยไม่งงว่าตัวไหนเป็นพยัญชนะต้น ตัวไหนเป็นตัวสะกด  สำหรับตัวที่ไม่มีตัวสะกดอาจจะต้องออกแบบใส่ตัวสะกดดัมมี่แบบไม่ออกเสียงแทนก็ได้   เพราะถ้าเขียนเป็นคำๆแบบภาษาอังกฤษดูมันเปลืองเนื้อที่ไป  คำแปลกๆต่อไปก็ไม่มี เช่น เอนก ก็เขียนเป็น อะxนเก(ตัวxเป็นตัวสะกดดัมมี่) เป็นต้น  การงการันต์ตัดทิ้งหมดเพราะมันวุ่นวายบางตัวไม่ใส่การันต์แต่ไม่อ่่านออกเสียง บางตัวใส่การันต์แต่ยังอ่านเหมือนไม่มีการันต์ บางทีมีการันต์เบิ้ล(ฮอนด้าคาร์ส์ประเทศไทย) ทีนี้มาสงสัยอีกสองข้อที่ท่านว่ามาคือ จะเขียนภาษาบาลีสันสกฤตไม่ได้   ตรงนี้ไม่เข้าใจคะ  ก็เราจะเขียนภาษาไทยนี่ แล้วจะเขียนบาลีเขียนสันสกฤติก็ไปเขียนภาษาเขาซิ(ไม่รู้มีภาษาเขียนหรือเปล่านะ) อีกเรื่องหนึ่ง ไม่ใช่ภาษาที่สวยงาม  ท่านหมายถึงรูปร่างทางกายภาพใช่ไหม  เราก็ออกแบบใหม่ซิให้สวยงามไปเลย  มีหลายภาษาที่ไม่สวยดูเหมือนปูไต่ก็มีนี่  ส่วนหากเห็นว่ามีวรรณยุกต์เยอะเต็มไปหมด จะยกเลิกวรรณยุกต์ไปเลยแล้วเพิ่มตัวอักษรเอา ยกเลิกอักษร ต่ำ กลาง สูง แล้วไปทำเป็น อักษรสามัญ เอก โท ตรี จัตวา ก็ได้นี่   ซึ่งทุกวันนี้เราก็ปนกันอยู่ระหว่างเสียงในอักษรกับเสียงของวรรณยกต์อยู่แล้ว ซึ่งบางทีมันซ้ำ เช่น ขา ค๋า(ไม่เคยเห็นใช้ที่ไหน)..เป็นต้น คิดสนุกๆ นะคะ ไม่ได้หมายความจะเอาจริงๆ จากคุณ : จันทร์สุขสดใส เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 10:13:13

ความคิดเห็นที่ 16 ภาษาบาลีสันสกฤต ไม่มีอักษรเขียนครับ ต้องใช้อักษรของภาษานั้น ๆ เขียน ส่วนเรื่องที่ว่ามีอักษรต่ำ กลาง สูง วรรณยุกต์ มีข้อดีอย่างไร ส่วนหนึ่งก็คือ การมีตัวอักษรมาก ๆ ก็ช่วยให้ลดคำพ้องรูปด้วยครับ ทำให้การสื่อสารทำได้สะดวกขึ้น พึ่งปริบทน้อยลง อย่างคำว่า "ข้า", "ค่า", "ฆ่า" ถ้าเขียนเหมือนกันหมดเป็น "ค่า" คนอ่านจะต้องเดาความหมายกันเอาเองว่า หมายถึงตัวไหน อย่าง เขามี "Kha+เสียงโท" มาก ถ้าไม่อ่านประโยคอื่นประกอบ เดาไม่ได้เลยว่าคนเขียนจะหมายถึง "เขามีค่ามาก" (หมายถึงเป็นคนเก่ง มีความสำคัญต่อองค์กร) หรือ "เขามีข้ามาก" (หมายถึงมีคนใช้หรือบริวารมาก) หรือ เขาอยาก "Lao+เสียงโท" อาจจะเป็น เขาอยากเล่า(อะไรให้ฟัง) หรือ เขาอยาก(กิน)เหล้า แก้ไขเมื่อ 16 ธ.ค. 55 01:30:41 แก้ไขเมื่อ 15 ธ.ค. 55 16:22:37 แก้ไขเมื่อ 15 ธ.ค. 55 16:20:26 จากคุณ : เกียรตินำ เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 16:19:46

ความคิดเห็นที่ 17 #15 เคยมีอักษรไทยที่เขียนบรรทัดเดียวกันหมดครับ จำไม่ได้ว่า ร.6 ร.7 หรือ ร.8 ทรงประดิษฐ์ แต่ไม่ได้รับความนิยม หลักการคือเขียนเหมือนภาษาตะวันตก สระตามหลังพยัญชนะเสมอ บางทีก็แปลงรูปอักษรไทยให้ดูคล้ายอักษรโรมัน เช่นสระอิ เขียนเป็นตัว I สระโอก็หดลงมาให้สูงเท่ากับตัวอื่น ๆ ผมหาแหล่งอ้างอิงในอินเทอร์เน็ตไม่เจอครับ แก้ไขเมื่อ 16 ธ.ค. 55 00:00:43 จากคุณ : ==KEN== เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 23:59:57

ความคิดเห็นที่ 18 ถ้าจะทำ ทำแบบไหนก็ได้ทั้งนั้นครับ เช่น ภาษาลาวปัจจุบันก็เขียนตามคำอ่านหมดทุกตัว ภาษาเวียดนามกับมลายูก็เอาอักษรโรมันมาเขียนไปเลย เติมตัวอักษรพิเศษที่ต้องการเอา จำพวก à á â ơ ư ผมก็ทำไว้เขียนเล่นเองเหมือนกัน เปรียบเทียบ รัฐมนตรี รัถมนตรี รัดถะมนตรี ระดถะมoนตรi Rátthàmontrī ภาษาไทยยังเขียนง่ายกว่าภาษาเขมรนะครับ ทางนั้นเอาตัวอักษรมาซ้อนกันเลย ยิ่งซับซ้อนยิ่งทำให้สงสัยว่าคนสมัยก่อนเข้าใจคิดดีที่นำสระมาเขียนข้างหน้าบ้าง ข้างหลังบ้าง สร้างรสชาติให้กับภาษา ในทางกลับกัน ภาษาละตินที่ว่าไวยากรณ์ยากมากกลับเขียนง่ายมาก เขียนเรียงตัวธรรมดา คนสมัยก่อนอาจเน้นสร้างความยากให้กับภาษาตัวเอง เพีียงแต่สร้างความยากไปคนละด้านครับ จากคุณ : ==KEN== เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 55 00:46:11

ความคิดเห็นที่ 19 จริงๆ คนยิ่งได้เรียน ภาษาซับซ่้อนขึ้น ทั้งอักษรและไวยากรณ์ น่าจะยิ่งฉลาดขึ้นนะครับ ดูจาก ภาษายากๆ ประชากร เขา  IQ สูงกันทั้งนั้น ให้คนไทยได้ใช้สมองมั่งเถอะครับ แค่นี้ก็โง่ จนถูกนักการเมือง หลอกใช้ยิ่งกว่าฅวายแล้ว เหนื่อยแทน เอาเวลาว่างไปอ่านหนังสือเยอะๆดีกว่านะครับท่าน ศึกษาว่า ภาษาศาสตร์คืออะไร ให้จบสิ้นก่อน แล้วค่อยมาคิดปฎิวัติภาษาดีกว่าครับ จากคุณ : Paphmania เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 55 01:20:17

ความคิดเห็นที่ 20 ผมว่าเราอย่าไปดูถูกสติลูกหลานเราเลย รุ่นเรายังโตมากับภาษาไทยแบบยากๆได้เลย เด็กโตไปก็จะสังเกตุจดจำได้เอง มันเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของภาษาไทยนะครับ ผมอยากให้เรามีการหาแหล่งที่มาของให้หมดทุกคำดีกว่า ว่้ามีรากจากอะไร ยืมจากภาษาอะไร มีจุดร่วมกับรากภาษา ตระกูลไหนมั่ง อย่างนี้จะดีกว่านะครับ จากคุณ : YoshiDa_Bangkok เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 55 10:37:19

ความคิดเห็นที่ 21 ความจริงหลักมันก็ไม่มีอะไรมากนะ ถ้าจะเรียนรู้ แป๊บเดียวก็ได้ ถ้าจะเปลี่ยนนี่ก็ต้องศึกษาให้รอบด้าน ว่าแบบเก่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น เหตุผลข้อมูลมากมายที่ต้องเอามาประมวล เพราะของที่ใช้มานานมันย่อมมีการปรับปรุงแก้ไขมามากจนอาจจะดีแล้ว ถ้าจะเปลี่ยนจะแน่ใจได้อย่างไรว่าของใหม่จะไม่มีอะไรบกพร่องที่มองไม่เห็นซ่อนอยู่ แล้วก็ต้องให้กาลเวลาแก้ไขไปเรื่อยๆอีก เหมือนถอยหลังเข้าคลอง เรื่องที่เด็กรุ่นใหม่ หรือรุ่นเก่าแต่อยู่ในสมัยใหม่ ๕๕๕ ใช้คำแปลกๆ ผิดแผนไป ก็เป็นการสร้างสรรค์สีสันในสังคม ๕๕๕ แต่ถ้าจะไปเขียนอะไรจริงๆจังๆ ก็ต้องระวังอยู่ดี สิ่งที่สำคัญกว่าคือใช้ภาษาสื่อสารเข้าใจกันทั้งสองฝ่าย เปลี่ยนอะไรพวกนี้ต้องคิดเยอะอะครับ ผมว่าคิดน้อยๆลงหน่อยกับรู้สึกตัวมากๆขึ้นหน่อยจะฉลาดขึ้นอีกเยอะ ทุกวันนี้เราถูกฝีกให้คิดมากเกินไปแร้ว จากคุณ : นิกร เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 11:43:12