ความคิดเห็นที่ 1 มองในแง่ว่าเชื้อสายผสมๆกัน      ถ้าจะเอาจำนวนมันก็มันก็ต้องทวีปอเมริกาใต้แน่นอนอยู่แล้ว     ทวีปอเมริกาเหนือมีประชากร 550 ล้าน     ตัดอเมริกากับแคนาดาออกไป 350 ล้านก็เหลือ 200 ล้าน ในขณะที่ทวีปอเมริกาใต้มีประชากร 400 ล้านคน แต่ถ้าจะเอาชนพื้นเมืองแท้ๆเลยก็ต้องบราซิลมีเยอะที่สุด      ประเทศนี้มีป่าดงดิบอเมซอนที่ใหญ่โตมโหฬารอยู่      ในป่าก็ยังมีคนป่าเผ่าต่างๆที่ไม่ค่อยจะมีเชื้อสายอื่นเข้าไปปะปนอยู่ไม่น้อย จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 02:55:36

ความคิดเห็นที่ 2 ในอเมริกาเหนือมีชาวอินเดียน (แดง) เบาบางมากอยู่ก่อนแล้ว เพราะภูมิอากาศยากต่อการดำรงชีพ พอมีชาวยุโรปเข้ามามาก + โดนเข่นฆ่าไป เลยทำให้สัดส่วนน้อย จากคุณ : [-_-]][][][] เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 03:06:42

ความคิดเห็นที่ 3 สเปนโหดร้ายจริงครับ แต่สาเหตุที่ทำให้ชาวพื้นเมืองเหลือน้อยนั้นคือโรคระบาดที่มากับผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยุโรป อาณาจักรของคนพื้นเมืองในอเมริกากลางกับอเมริกาใต้นั้นมีประชากรรวมกันเกือบ 20 ล้านคน(ก่อนโคลัมบัสไปถึงอเมริกา) ทหารสเปนที่ยึดแอซเท็คและอินคาได้มีไม่เกิน 2,000 คนนะครับ ย้ายถิ่นฐานตามมาอีกก็เป็นหลักหมื่นคน ต่อให้สเปนโหดร้ายยังไงก็ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ไม่ไหวหรอก แต่โรคระบาดนี่ซิทำได้ มีการประมาณการไว้ว่าอัตราการเสียชีวิตของคนพื้นเมืองจากโรคระบาดของยุโรปนั้นอยู่ที่ 80% นะครับ เพราะคนพื้นเมืองไม่มีภูมิคุ้มกันโรคจากยุโรปเลย ทำไมเรารู้ว่าสเปนโหดร้ายกับคนพื้นเมือง ก็เพราะบาทหลวงสเปนยุคนั้นจดบันทึกไว้เองว่าพวกทหารทำอะไรกับคนพื้นเมืองบ้าง ผมไม่ได้หมายความว่าคนชาติอื่นไม่โหดร้ายกับคนพื้นเมืองนะ แต่สเปนนี่โหดเป็นพิเศษ มาอเมริกาแบบผู้พิชิตเลย และมันมีประเด็นเชิงประวัติศาสตร์ที่อธิบายความโหดร้ายของสเปนได้ด้วย ถ้าคุณจขกท.ดูแต่สถิติดีเอ็นเอก็จะไม่เข้าใจเรื่องนี้ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามประวัติศาสตร์เป็นต้นเหตุ ส่วนสถิติดีเอ็นเอเป็นผลลัพธ์ของเหตุการณ์เหล่านั้น จากคุณ : HotChoc เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 19:18:24

ความคิดเห็นที่ 4 และมันมีประเด็นเชิงประวัติศาสตร์ที่อธิบายความโหดร้ายของสเปนได้ด้วย . . . เป็นยังไงเหรอครับ จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 21:14:37

ความคิดเห็นที่ 5 ปีค.ศ. 1492 โคลัมบัสค้นพบอเมริกา ปีนั้นมีเหตุการณ์สำคัญอีกเรื่องที่เกิดขึ้นในสเปนครับ กรานาดาซึ่งเป็นที่มั่นสุดท้ายของแขกมัวร์ในสเปนนั้นโดนตีแตก จบสิ้นการยึดคืนคาบสมุทรไอบีเรียจากมุสลิม หรือที่เรียกว่า Reconquista ปีต่อมา 1493 โคลัมบัสกลับมาถึงสเปน ส่งจดหมายถึงกษัตริย์สเปน กล่าวถึงชนพื้นเมืองว่าไม่ประสีประสา ไม่มีแม้แต่ศาสนา (เพราะโคลัมบัสเจอเกาะในแคริบเบียน ไม่ได้มาถึงแผ่นดินใหญ่) และโคลัมบัสคาดว่าชนพื้นเมืองพร้อมที่จะ "conversion to the holy religion of Christ, to which in truth, as far as I can perceive, they are very ready and favorably inclined." จดหมายฉบับนี้ตีพิมพ์ไปทั่วสเปนครับ ตีพิมพ์ไปทั่วยุโรปด้วย ไปถึงโรมด้วย ลองคิดถึงมุมมองของคนสเปนตอนนั้นซิครับ ปีที่แล้วสเปนได้ชัยเหนือที่มั่นสุดท้ายของศัตรูต่างศาสนา ศัตรูที่คุกคามชาวคริสต์ทั้งปวง บัดนี้กลุ่มกษัตริย์ที่เชื่อมั่นในพระเจ้าร่วมมือกันขับไล่ออกจากไอบีเรียสำเร็จ แล้วปีนี้โคลัมบัสกลับมาพร้อมข่าวของดินแดนใหม่ ซึ่งมีแต่คนป่าเถื่อนที่ไม่รู้จักพระเจ้า นี่คืออะไรครับ ชัดเจนอยู่แล้วว่านี่คือพระประสงค์ของพระเจ้า ที่จะให้สเปนนำสารจากพระเจ้าไปให้คนเหล่านี้ ทำไมพระเจ้าให้สเปนทำงานที่ยิ่งใหญ่นี้ ก็เพราะสเปนพร้อม มีอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ครอบคลุมทั้งคาบสมุทรไอบีเรีย(ยกเว้นโปรตุเกส) มีกองทัพอันเกรียงไกรที่พึ่งเอาชนะแขกมัวร์ได้ และมีกลไกของศาสนจักรที่จัดการกับคนต่างศาสนาอยู่แล้ว (ที่เรียกว่า Spanish Inquisition) สเปนรู้อยู่แล้วว่าต้องทำอะไร ก็เหมือนกับที่ทำกับมุสลิมแขกมัวร์กับยิวในไอบีเรียนั่นแหละ คนสเปนกลุ่มแรกที่ไปยังโลกใหม่ก็คือทหาร ชาวนา กับพระครับ เป้าหมายคือการตั้งอาณานิคมเพื่อเป็นฐานในการเผยแพร่ศาสนาคริสต์ให้กับชนพื้นเมือง ดังพระประสงค์ของพระเจ้า จากคุณ : HotChoc เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 23:29:12

ความคิดเห็นที่ 6 งั้นเรื่องนี้คงเป็นจุดกำเนิดของหลักการยึดอาณานิคม     โดยอ้างหลัก The White Man's Burden - ภาระของคนขาว สินะครับ      เป็นภาระหน้าที่ของคนผิวขาวที่พระเจ้ามอบหมายให้นำศาสนาและแสงสว่างแห่งความรู้และปัญญาไปมอบให้แก่กลุ่มชนที่ป่าเถื่อนและนอกรีตทั้งหลาย จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 55 23:53:09