เสื้อครุยตามภาพทั้งหมดนี้เรียกว่า "ตรุยเสนามาตย์" จากลักษณะเสื้อครุยที่นายกรัฐมนตรี ประธานรัฐสภา และประธานศาลฎีกาสวมนั้น ปักเป็นดอกกระจาย เทียบได้กับเสื้อครุยชั้นโท ซึ่งถ้าว่าตามหลักที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า เสื้อครุยชั้นนี้ใช้กับผู้ที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นที่ ๒ หรือ ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ และทุติยจุลจอมเกล้า
แต่ตามพระราชกำหนดเสื้อครุย ร.ศ. ๑๓๐ ที่ประกาศใช้ในรัชกาลที่ ๖ กำหนดให้ข้าราชการชั้นมหาอำมาตย์ มหาเสวก จางวาง และนายพล ใช้เสื้อครุยชั้นเอก ถัดลงมาเป็นเสื้อครุยชั้นโท สำหรับข้าราชการยศชั้น อำมาตย์ เสวก หัวหมื่น รองหัวหมื่น และจ่ามหาดเล็ก ซึ่งเทียบเท่านายทหารชั้นนายพัน และชั้นตรีสำหรับข้าราชการชั้นรองอำมาตย์ รองเสวก หุ้มแพร รองหุ้มแพร และมหาดเล็กวิเศษ ซึ่งเทียบเท่านายทหารชั้นนายร้อย
ในความเห็นที่ ๔ นาฬิวันสยายผม คือ พระราชครูพราหมณ์ เดินกลาง และพราหมณ์เดินขนาบซ้ายขวานั้น พระราชครูสวมครุยชั้นโทตามแบบธรรมเนียมครั้งรัชกาลที่ ๖ ที่ ๗ ที่พระมหาราชครูพราหมณ์พิธี มียศเสมอเพียงจ่าหรือรองหัวหมื่นมหาดเล็ก ที่มียศเทียบเท่านายพันตรีหรือนายพันโททหารบกเท่านั้น จึงได้ใช้เสื้อครุยชั้นโท ส่วนพราหมณ์ระดับรองลงมาสวมเสื้อครุยพื้นขาวนั้น เรียกว่าเสื้อครุยชั้นตรี
ภาพข้างล่างนี้เป็นภาพจางวางตรี พระยาพิทักษ์ภูบาล (สวัสดิ์ วิเศษศิริ) สารวัดใหญ่ในพระราชสำนัก สวมเสื้อครุยชั้นเอก ปักลายก้านแย่งเต็มทั้งตัว
จากคุณ |
:
V_Mee
|
เขียนเมื่อ |
:
18 ธ.ค. 55 19:01:09
|
|
|
|