ความคิดเห็นที่ 1 ครูยุ่งยาก เป็น อจ มหาวิทยาลัยดีกว่าครับ ตราบใดระบบครูยังห่วยกีดกันคนเก่ง อย่าไปสนเลยครับ จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 55 12:56:42

ความคิดเห็นที่ 2 ครูเป็นข้าราชการ  อ.มหาวิทยาลัยไม่ใช่นะ  เป็นลูกจ้างราชการ(มหาวิทยาลัยออกนอกระบบจะหมดแล้ว) อะไรมั่นคงกว่า  มันก็มั่นคงทั้งคู่แหละ แต่ข้าราชการครูมันจะมีตัวช่วยเยอะกว่า ตอนนี้เป็นข้าราชการยากนะ  แค่ใบปริญญามันไม่การรันตรีหรอก สอบบรรจุ มันมีเรื่องอีกมากที่คุณต้องอ่านเพิ่ม ยิ่งคุณจบโทแล้ว จะมาเป็นครู ขาดทุนแน่ เพราะเขานับวุฒิ ป.ตรี นะ วุฒิ ป.โทที่จบก่อนหน้านั้น ไม่สามารถนำมานับเป็นคุณสมบัติการขึ้นเงินเดือนได้   พูดง่ายๆคือเรียนฟรีนั่นเอง ถ้าอยากอัพตัวเอง ก็ต้องเรียนโทใหม่หลังรับราชการเท่านั้น   ส่วนเรื่องเป็น อ.มหาวิทยาลัยอย่างไร ผมไม่รู้ข้อมูล ไม่ขอพูดแล้วกัน จากคุณ : ttno1 เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 55 13:27:13

ความคิดเห็นที่ 3 ระบบครูไม่ได้ห่วย กีดกันคนเก่งนะครับ กีดกันคนห่วยๆที่คิดว่าตัวเองเก่งมากกว่า จากคุณ : ttno1 เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 55 13:28:57

ความคิดเห็นที่ 4 ลองอ่านดูครับ ผมบังเอิญเสริชเจอตะกี้นี้เอง อาจให้ข้อมูลคุณจขกทได้บ้าง คุณภาพชีวิตการทางานของอาจารย์มหาวิทยาลัยในกรุงเทพมหานคร (มาลินี คาเครือ) 2554 http://libdcms.nida.ac.th/thesis6/2554/b171727.pdf จากคุณ : โจโฉ (joechou) เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 55 13:44:54

ความคิดเห็นที่ 5 อายุคุณ+ความรู้ เป็นอาจารย์ดีกว่าครับ เพราะถ้าเป็นครู กว่าจะได้ใบประกอบวิชาชีพ และสอบเข้าจนรับราชการได้นั้นคิดว่าคงใช้เวลาไม่น้อย นอกจากนี้เงินเดือนเริ่มต้นน้อยกว่ามาก เมื่อนับอายุราชการแล้วเป็นอาจารย์น่าจะไปได้เร็วกว่า แต่ความมั่นคงก็ต่างกันมากเช่นกัน ส่วน คศ. 1 2 3 4 5 เมื่อเริ่มบรรจุครูจะเรียกครูผู้ช่วยผ่านการประเมิน 2 ปี จึงเป็นครู คศ.1 และ 6 ปี ถึงจะสามารถขอเลื่อนโดยการทำผลงานเป็น คศ.2 แต่ถ้าจบ ป.โท มาใช้เวลา 4 ปี ก็ได้แล้ว ความแตกต่างอยู่ที่แท่งของเงินเดือนที่ต่างกัน และเงินประจำตำแหน่งที่ต่างกัน อย่าง ครู คศ.3 เทียบเงินประจำตำแหน่งได้เท่ากับ ผศ. และก็ต่อๆไป ส่วนตัวคิดว่าใบประกอบวิชาชีพไม่ได้กีดกันคนเก่งเลย ในทางกลับกันผมสงสัยว่าคนที่บอกว่าตัวเองเก่งมากๆ ทำไมไม่เรียนครูตั้งแต่ทีแรกแล้วมาเป็นครูสอนเด็ก นี่แสดงว่าไม่ได้มีใจรักในอาชีพจริงๆ แล้วทำไมถึงอยากเป็นครูในภายหลัง หรือว่าคนเก่งไม่มีที่ไป ?? จากคุณ : TARASIN เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 55 15:37:53

ความคิดเห็นที่ 6 จขกท ไม่ต้องไปเป็นครูหรอก อ.มหาลัย ทุกมหาลัย ไม่ว่าเอกชนหรือรัฐ ต้องทำวิจัยอย่างน้อยปีละเรื่อง ส่วนมากจะเป็นสัญญาจ้าง ยิ่งเอกชน สัญญาจ้างปีต่อปี จากคุณ : mak2010 เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 55 17:05:30

ความคิดเห็นที่ 7 ตอบ คคห 3 คุณพูดว่า "ระบบครูไม่ได้ห่วย กีดกันคนเก่งนะครับ กีดกันคนห่วยๆที่คิดว่าตัวเองเก่งมากกว่า" ^ ข้อความที่คุณพูดน่ะ พูดผิด (แค่เล่นคำหน่อยๆ แต่ก็คิดจากสมองที่ตรรกะพิการ(คือโง่แล้วอวดฉลาด) แล้วคนตรรกะพิการอีกหลายๆคน (คงเป็นครูที่ไม่เก่งด้วย) ก็มาให้ gifts ซะแล้ว) เราจึงขอแก้ใหม่เป็น "ระบบครูห่วย กีดกันคนเก่ง โดยครูส่วนใหญ่คิดว่าคนที่เก่งกว่านั้นต้องเป็นคนห่วย จึงต้องกีดกันเพื่อปกป้องอาชีพตนเองซึ่งเป็นครูห่วยๆไม่เก่ง" ถ้าไม่เชื่อก็เชิญไปอ่านกระทู้นี้ได้ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K13097023/K13097023.html จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 55 17:40:32

ความคิดเห็นที่ 8 คห. 7 แก่ขนาดนี้แล้วความคิดยังวนในอ่างอยู่เลยแล้วจะแนะนำคนอื่นอย่างไรล่ะ ในเมื่อตัวเองยังจมอยู่ในโลกของตัวเองอยู่เลย ระบบครูกีดกันคนเก่งตรงใหนครับอธิบายที มีใครห้ามเด็กจบ ม.6 แล้วไปเรียนครูบ้างล่ะ แล้วทำไมไม่เรียนกัน ที่นี่เมื่อไม่เรียนจะเอาใบอนุญาตจากใหนล่ะครับ คนที่เรียนต้องได้ใบอนุญาตน่ะถูกแล้ว ผมอยากเป็นครูแทบตายยังไม่ได้เป็นเพราะไม่มีใบอนุญาตเลย เลยต้องเรียนต่อเพื่อไปเป็นอาจารย์แทน บอกตรงๆ ผมเบื่อพวกโทษนั่นโทษนี่แต่ไม่เคยโทษตัวเอง ผมไม่เคยโทษรัฐที่บังคับเรื่องใบอนุญาต สำหรับผมทุกคนเก่งกันทั้งนั้นล่ะครับ แล้วพวกคนเก่งที่ลุงว่ามันไม่มีที่ไปแล้วเหรอครับถึงดิ้นรนอยากเป็นครู แบบนี้จะเอาจิตวิญญาณมาจากใหนในเมื่อพอหมดทางไปก็จะมาเป็นครูระบบยิ่งแย่เข้าไปอีก ในเมื่อตอนเรียนเลือกจะเรียนอยากอื่น แบบนี้แสดงว่าไม่เชี่ยวในทางตัวเอง แล้วถ้ามาเป็นครูไม่แย่ไปอีกเหรอลุง คนที่คิดว่าตัวเองเก่งกว่าคนอื่น คนนั่นล่ะคนโง่ น้ำเต็มแก้วจะเอามาสอนคนอื่นได้อย่างไร จากคุณ : TARASIN เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 55 18:25:15

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาตอบนะคะ ที่คุณ ttnol ว่ามาทำให้ตกใจนิดหนึ่ง(จริงๆจะว่ามากก้ได้)ค่ะ แต่พอค้นข้อมูลการสอบครูผู้ช่วยครั้งล่าสุดก็เป้นจริงอย่างที่คุณว่าเลย เขาไม่ให้ใข้วุฒิโทมาปรับเงินเดือนหลังบรรจุ เงินที่ได้รับเลยอยุ่ที่แค่แปดพันเศษสำหรับวุฒิปอตรีสี่ปีที่ไม่ได้จบสายครุมา ตรงนี้เลยทำให้งงไปอีกเมื่อคุณบอกว่า จะปรับวุฒิได้ต้องเป็นวุฒิปอโทที่เรียนจบหลังบรรจุเท่านั้น คนออกนโยบายเขาคิดอะไรของเขาค่ะที่ได้ไอเดียแบบนี้มา? แล้วที่ว่าวุฒิปอตรีได้หมื่นห้าอย่างต่ำสำหรับคนครุทุกคนที่ประกาศออกมาไม่นานมานี้เป้นเรื่องโกหกอย่างนั้นเหรอคะ คือตัวเองไม่ได้เอาเงินอะไรเป้นตัวตั้งหรอดนะคะเพราะรุ้อยุ่แล้วว่าเป้นครุอาจารย์ในระบบนี้เงินน้อยอยุ่แล้ว เพียงแต่นึกไม่ถึงว่ารัฐเขาจะเอาเปรียบมากขนาดนี้เหมือนเขาไม่ให้ความสำคัญกับการศึกษาเลย ครุอยุ่กันยังไงกับค่าครองชีพแสนแพงกับเงินแปดพันบาทยิ่งค่าครองชีพในกรุงเทพด้วยแล้ว จริงๆตัวเองรับสอนพิเศษข้างนอกได้เงินมากกว่าเงินเดือนครุหลายเท่าเพียงแต่อยากหาประสบการณ์และเอาความรุ้ที่เรามีสอนเด้กในโรงเรียนที่ไม่มีโอกาสจ่ายตังค์แพงๆเพื่อไปเรียนติวในโรงเรียนกวดวิชาดังๆ เท่านั้นเอง ที่คุณ TARASIN ว่ามากว่าจะสอบเข้าราชการได้จะใช้เวลาไม่น้อยนี้ รบกวนช่วยขยายความต่ออีกหน่อยได้ไหมค่ะ อีกอย่างที่คุณบอกว่าความมั่นคงก็ต่างกัน หมายความว่าเป้นครูยังไงก้มั่นคงมากกว่าอาจารย์มหาลัยกลุ่มที่ดิฉันว่ามาใช่หรือเปล่าคะ คือตอนนี้ต้องการเก้บข้อมูลให้มากที่สุดนะค่ะ ที่ถามอย่างนี้คือทราบมาว่าคนเป้นอาจารย์ก้มีความยุ่งยากลำบากใจในระบบการทำงานมากเหมือนกัน เห้นเมื่อต้นปีมีข่าวอาจารย์ย้ายจากการเป้นอาจารย์มหาลัยมาสอบครูกันเยอะเลย ก้เลยยังงงๆ และตัดสินใจไม่ถุกกับข้อมูลนะค่ะว่า เป็นครูหรือาจารย์ตกลงอันไหนน่าจุเหมาะกับตัวเองกันแน่ ส่วนท่านอื่นๆ ก้ให้ข้อมุลเพิ่มเติมได้ตลอดนะคะ ดิฉันอยากฟังทุกความคิดเลย แต่อย่าทะเลาะกันเลยนะคะ รักกันๆ ^ ^ จากคุณ : เลือกทางไหนดี เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 55 19:18:02 A:125.25.142.254 X: TicketID:340028

ความคิดเห็นที่ 10 เท่าที่เจอ...ย้ำว่าที่เจอ...ร้อยละ ๑๐๐ ของคนที่เรียนอย่างอื่นแล้วหันมาเป็นครู มีแต่กลุ่มคนที่พยายามสอบเข้าทำงานที่ตรงกับสาขาที่เรียนแต่สอบไม่ได้ เลยเบนเข็มจะมาเป็นครู ไม่เคยเจอประเภท หัวแถวของคณะเบนเข็มมาเป็นครูเลย...แม้แต่คนเดียว (ประสบการณ์ส่วนตัว) เลยไม่อยากเรียกคนกลุ่มนี้ว่า "คนเก่ง" เช่นกัน แต่ก็ไม่เห็นด้วยเรื่องใบประกอบวิชาชีพ   เพราะคิดว่าคนจะเป็นครูที่ดีได้ คือต้องมีสติปัญญา และคุณธรรม (ไม่เห็นแก่เงิน ไม่เห็นแก่ตัว เห็นคุณค่าของการพัฒนาคนอย่างแท้จริง)  ซึ่ง ๒ อย่างนี้ก็ไม่คิดว่าจะสามารถกลั่นกรองได้ด้วยใบประกอบวิชาชีพ หรือ ๙ มาตรฐานอะไรนั่น ดังนั้น อยากให้เปิดโอกาสให้ใครก็ตามที่อยากเป็นครู... ...ไม่ว่าจะอยากเป็นครู ตั้งแต่จบมัธยมเลยเลือกเรียนครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ ...หรือไม่ได้อยากเป็นครู  แต่จำใจเรียนครู (เพราะสอบอย่างอื่นไม่ได้)   ...หรือไม่อยากเป็นครู สอบเรียนอย่างอื่นได้ แต่สอบทำงานตรงสาขาไม่ได้ ...หรือจะเป็นกลุ่มที่สอบเรียนอย่างอื่นได้ สอบทำงานก็ได้ แต่ไม่เอา อยากจะเป็นครูอย่างเดียว ไม่ว่าจะกลุ่มไหน  ถ้าผ่านแบบทดสอบกรองคนเก่ง (ที่สุดในบรรดาที่อยากเป็นครู) ก็น่าจะให้เค้าได้เป็นครูสมความตั้งใจ ลืมไป ยังไม่ได้ตอบคำถามของ จขกท   ส่วนตัวคิดว่ามั่นคงพอๆ กันค่ะ  ทั้งข้าราชการครูและอาจารย์มหาวิทยาลัย แต่ความรู้ของ จขกท ป.โท ด้านภาษาอังกฤษจากจุฬา  ควรเป็นอาจารย์ระดับอุดมศึกษาดีกว่านะ  จะได้ใช้ความรู้ได้คุ้มกว่า แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นก็แล้วแต่ความชอบส่วนตัวของ จขกท เอง ว่าอยากสอนเด็กวัยไหนมากกว่า ประถม  มัธยม หรืออุดมศึกษา ก็อวยพรให้ จขกท สมหวังในสิ่งที่หวังนะคะ แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 55 19:30:42 จากคุณ : ruralcrue เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 55 19:20:02

ความคิดเห็นที่ 11 ขอคุณคุณโจโฉมากนะคะสำหรับงานวิจัยเรื่องอาจารย์มหาวิทยาลัย จะค่อยๆศึกษาค่ะ จากคุณ : เลือกทางไหนดี เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 55 19:21:40 A:125.25.142.254 X: TicketID:340028

ความคิดเห็นที่ 12 ตอนนี้อาจารย์มหาลัยบังคับให้ทำวิจัยกันหมดแล้วนะคะ ถ้าไม่ทำอย่างของคณะเรา คณบดีจิ้มเป็นรายตัวเลย อาจารย์เป็นพนักงานค่ะ แต่กฎระเบียบยังใช้ของราชการอยู่ค่ะ จากคุณ : ล่องลอยในความฝัน เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 55 19:38:08

ความคิดเห็นที่ 13 ตอบ คห. 9 นะครับ เงินเดือนครูตอนนี้ครู 4 ปี กับ 5 ปี รับเงินเดือนต่างกันอยู่ แต่เมื่อรวมค่าครองชีพก็จะได้ 15000 บาท (ราชการ) เมื่อก่อนถ้าจบโทหลังบรรจุ + ให้ 1000 แต่ปัจจุบันไม่แน่ใจว่ามีอีกหรือเปล่า ส่วนที่ผมบอกว่าใช้เวลานาน เนื่องจากถ้าต้องการใบประกอบวิชาชีพ ทางลัดคือสอนเอกชนแล้วให้เอกชนส่งเรียน ป.บัณฑิต หรือไม่ก็ต้องสอบ 9 มาตรฐานให้ผ่าน หลังจากนั้นต้องสอบบรรจุซึ่งขั้นตอนนี้จะยากที่สุดเนื่องจากต้องแข่งขันกับคนจำนวนมากและนอกจากสอบวิชาเอกของคุณแล้ว ยังต้องสอบระเบียบราชการอีกหลายๆ ถามว่าทำไมต้องมีสอบ เพราะการเป็นข้าราชการคุณต้องทราบระเบียบต่างๆ พรบ.ต่าง เพื่อประโยชน์ของคุณเองในการทำงาน เพราะคุณอาจต้องเป็นกรรมการตรวจรับ หรือปฎิบัติงานใน 4 ฝ่ายหลักๆ ของโรงเรียน เช่น การเงิน บุคลากร บริหารทั่วไป วิชาการ ซึ่งแต่ละฝ่ายก็มีระเบียบที่ต้องใช้ต่างกันไปในการปฎิบัติงาน ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณต้องเรียนรู้ใหม่ทั้งหมด นอกจากนี้การสอบบรรจุเมื่อขึ้นบัญชีแล้วก็ต้องดูลำดับ และอัตตราการว่างของตำแหน่งอีกซึ่งบางคนขึ้นบัญชีสองปีแล้วไม่ได้บรรจุบัญชีตัดไปก็มากครับ ส่วนความมั่นคงราชการมั่นคงกว่าอยู่แล้วครับ มหาวิทยาลัยคงเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยต่อสัญญาประเมินต้องทำวิจัยอย่างน้อยปีล่ะเรื่องครับ ลองเลือกเอานะครับว่าจะทางใหนดี สู้ๆ ครับผมเป็นกำลังใจครับ จากคุณ : TARASIN เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 55 20:28:28

ความคิดเห็นที่ 14 ถ้าถามความมั่นคง ครูมั่นคงกว่าแน่นอน เพราะเป็นข้าราชการ อาจารย์ต้องพัฒนาตัวเองตลอดจนกลายเป็นนักวิชาการหรือนักวิจัย เพราะมัวแต่พัฒนาตัวเองจนไม่ได้สอน หรือสอนแบบส่งเดชไป แถมต้องต่อสัญญาเรื่อยๆ เพราะไม่ใช่ข้าราชการแล้ว ประเมินไม่ผ่านก็ให้ออก หรือไม่ขึ้นเงินเดือน แต่ถ้าคุณขยันชอบทำงานวิชาการอยู่แล้ว ก็สมัครเป็นอาจารย์เลย แต่ถ้าไม่อยากเครียด หรือผูกมัดตัวเอง ก็แนะนำให้คุณเป็นอาจารย์พิเศษดีกว่า จากคุณ : Alex on the rock เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 55 21:06:18

ความคิดเห็นที่ 15 ทำไมผมว่าครูห่วย? ถ้าไม่ห่วย ทำไมสอบวิชาที่ตัวเองสอนระดับที่เด็กสอบ ม.ปลายก็สอบ ตัวเองเรียนจบปริญญาตรี แต่ก็สอบตกวิชาวิทย์ คณิตย์ อังกฤษ กว่าครึ่ง แบบนี้ไม่ห่วยจะเรียกว่าอะไรครับ? เ็ด็กยังมีข้ออ้างว่าต้องสอบหลายวิชา ครูสอนวิชานั้นๆ แล้วยังสอบวิชานั้่นๆ ตก แบบนี้ไม่โคตรห่วยแล้วจะเรียกว่า โคตรเก่งหรือ? ครูดี ครูเก่งมี แต่น้อย เพราะสอบผ่านก็มีครับ สอบได้คะแนนสูงก็มี ก็เหมือนเด็ก ม.ปลาย สอบผ่านก็มี สอบได้คะแนนสูงก็มี แต่ครูสอนเด็กนะครับ แล้ววิชาที่ตัวเองสอนยังสอบตก แบบนี้จะเรียกว่าโคตรเก่งหรือ? ผมรับรอง จขกท ให้ทดสอบวิชาภาษาอังกฤษระดับมัธยมปลายที่ครูสอนภาษาอังกฤษส่วนใหญ่สอบตก รับรอง จขกท อยู่ระดับท้อปแน่ๆ คนที่เป็นครูแล้วว่าครูดี เก่ง คุณมีลูกแล้วอยากให้ลูกเรียนภาษาอังกฤษกับครูที่สอบวิชาอังกฤษตกหรือ? ตอบผมหน่อยได้ไหม พวกครูเฮงซวยทั้งหลายที่มาปกป้องพวกกันเองที่ห่วยๆ ปล ไม่ว่าครูดี ครูเก่งที่มีน้อยนะครับ มีแน่นอน ส่วนใหญ่อยู่ กทม โรงเรียนดัง หรือ โรงเรียนประจำจัุงหวัดที่ดังๆ จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 55 21:51:51

ความคิดเห็นที่ 17 #5 ใบวิชาชีพ ถ้าไม่เรียกว่ากีดกันคนเก่ง ก็เรียกว่าให้โอกาสเพิ่มกับคนที่เก่งน้อยกว่าละกันครับ เด็กได้อะไร ประเทศได้อะไร หลายคนพบตัวเองช้าหรือก่อนหน้านี้ยังไม่มีความพร้อมครับ #10 ขอแก้ไขหน่อย ที่ผมเจอ เห็นว่าร้อยละ 80ก็พอ แต่นิยามหัวแถวของผมใจดีกว่าคุณหน่อยนึง เพิ่มเติมว่า เพื่อนผมที่เรียนครุ(วิทย์)เกือบทุกคนไม่สมัครเป็นครู แต่ไปทำโรงงาน เพื่อนครุพละที่ไปเป็นครูหมดเลย แถมส่วนตัวอีกนิด http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K13079851/K13079851.html#6 แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 55 22:46:32 แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 55 22:36:35 แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 55 22:02:03 แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 55 22:01:03 แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 55 21:59:42 จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 55 21:53:25

ความคิดเห็นที่ 18 สงสัย ต้องรื้อฟื้น ระบบ "สอบไล่" ในสมัยพระนารายณ์กลับมาใช้ใหม่แล้วกระมัง กล่าวคือ ในยุคนั้น บุรุษเข้ามาบวชเป็นพระมากมาย แต่ไร้คุณภาพ ไม่มีความรู้พอจะสอบเปรียญ หรือสอนสั่งคนอื่นได้   จึงได้เกิดการ "สอบไล่" หรือขับกากแห่งร่มกาสาวพักตร์ออกไป เพื่อให้คงไว้เฉพาะผู้ที่มีคุณสมบัติจะเป็น พระ ที่มีคูณภาพไว้เท่านั้น ดีไหมครับท่าน จากคุณ : ปากกัดตีนถีบ จีบไม่ลง (ปรารถนาดี ไม่มีแอบแฝง) เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 55 22:46:26

ความคิดเห็นที่ 19 #18 สอบแล้วไล่ คงไม่ผ่านศาลปกครอง รับรุ่นใหม่ ด้วยมาตรฐานแบบใหม่ แท่งเงินเดือนใหม่ +คนเก่ารับสิทธิสอบอัพเกรดตามแบบใหม่ งี้น่าจะได้ครับ จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 55 22:49:50

ความคิดเห็นที่ 21 บางคนโลกแคบจริงแก่แล้วแก่เลย ขอยกข้อความประกอบซักนิดนะครับ Prof. David Dunning ศาสตราจารย์ทางด้านจิตวิทยา จาก Cornell University ค้นพบว่า "คนฉลาดจะยิ่งถ่อมตน และประเมิน   ความสามารถของตัวเองต่ำกว่าความเป็นจริง" และในทางตรงกันข้าม "คนโง่กลับยิ่งผยอง คิดว่าตนนั้นล้ำเลิศกว่าใครๆ" นี่งานวิจัยนะครับ ไม่ใช่การนั่งเทียนเขียนเอาแบบบางคน ส่วนบาง คห.ที่บอกว่าครูเก่งอยู่ใน กทม. หรือโรงเรียนประจำจังหวัดนี่แสดงว่ารู้ไม่จริงแล้วพูดนะครับ ที่ผมเคยเจอคนที่สอบได้ที่ 1 หรือเด็กคุรุทายาทมักจะได้บรรจุบนเกาะหรือชนบททั้งนั้น เพราะเดือดร้อนที่สุดใครได้ที่ 1 ทำใจได้เลยไม่ได้อยู่ในเมืองแน่ๆ เพื่อนผมสอบได้ที่ 1 ลงเกาะไปเลย ส่วนคนลำดับถัดมาได้อยู่ ร.ร.ประจำจังหวัดสบายตัวไป คนที่กล้าบอกว่าคนอื่นมันห่วยแสดงว่าตัวเองคงเก่งมาซินะครับ รู้สึกว่าจะภูมิใจกับตัวเองมาก บอกตรงๆ เล่น Pantip มา 8 ปี ผมเจอคนแบบนี้สองคนเอง เพราะปกติผมอยู่ห้องหว้ากอที่นั่นแม้แต่ อาจารย์เจษ ยังไม่เคยด่าว่าใครห่วยเลย เจอห้องสมุดนี่ละครับ บางเรื่องควรศึกษาให้มากเพื่อหาความจริงนะครับ ปล.ผมไม่ใช่ครูนะครับคงไม่ได้มาแก้ตัวแทนครู แต่เห็นบางคนด่าครูแล้วผมหดหู่จิตใจ เด็กๆผมก็ไม่เคยถามครูว่า ครูครับครูจบที่ใหนมาเหรอครับ ครูเก่งหรือเปล่าครับ ครูผมทั้งหลายคงแก่มากแล้ว ท่านคงนอนสะดุ้งเพราะคนด่าว่าครูมันห่วย ผมเป็นแค่นักศึกษาไม่เก่งเหมือนท่านทั้งหลายจึงต้องเรียนให้มากเข้าไว้ ไม่ใช่ปล่อยตัวเองอยู่ในกะลา ความคิดหมุนวนอยู่รอบตัวเอง จากคุณ : TARASIN เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 55 23:21:14

ความคิดเห็นที่ 23 บางคนโลกแคบจริงแก่แล้วแก่เลย ขอยกข้อความประกอบซักนิดนะครับ Prof. David Dunning ศาสตราจารย์ทางด้านจิตวิทยา จาก Cornell University ค้นพบว่า "คนฉลาดจะยิ่งถ่อมตน และประเมิน   ความสามารถของตัวเองต่ำกว่าความเป็นจริง" และในทางตรงกันข้าม "คนโง่กลับยิ่งผยอง คิดว่าตนนั้นล้ำเลิศกว่าใครๆ" นี่งานวิจัยนะครับ ไม่ใช่การนั่งเทียนเขียนเอาแบบบางคน ส่วนบาง คห.ที่บอกว่าครูเก่งอยู่ใน กทม. หรือโรงเรียนประจำจังหวัดนี่แสดงว่ารู้ไม่จริงแล้วพูดนะครับ ที่ผมเคยเจอคนที่สอบได้ที่ 1 หรือเด็กคุรุทายาทมักจะได้บรรจุบนเกาะหรือชนบททั้งนั้น เพราะเดือดร้อนที่สุดใครได้ที่ 1 ทำใจได้เลยไม่ได้อยู่ในเมืองแน่ๆ เพื่อนผมสอบได้ที่ 1 ลงเกาะไปเลย ส่วนคนลำดับถัดมาได้อยู่ ร.ร.ประจำจังหวัดสบายตัวไป คนที่กล้าบอกว่าคนอื่นมันห่วยแสดงว่าตัวเองคงเก่งมาซินะครับ รู้สึกว่าจะภูมิใจกับตัวเองมาก บอกตรงๆ เล่น Pantip มา 8 ปี ผมเจอคนแบบนี้สองคนเอง เพราะปกติผมอยู่ห้องหว้ากอที่นั่นแม้แต่ อาจารย์เจษ ยังไม่เคยด่าว่าใครห่วยเลย เจอห้องสมุดนี่ละครับ บางเรื่องควรศึกษาให้มากเพื่อหาความจริงนะครับ ปล.ผมไม่ใช่ครูนะครับคงไม่ได้มาแก้ตัวแทนครู แต่เห็นบางคนด่าครูแล้วผมหดหู่จิตใจ เด็กๆผมก็ไม่เคยถามครูว่า ครูครับครูจบที่ใหนมาเหรอครับ ครูเก่งหรือเปล่าครับ ครูผมทั้งหลายคงแก่มากแล้ว ท่านคงนอนสะดุ้งเพราะคนด่าว่าครูมันห่วย ผมเป็นแค่นักศึกษาไม่เก่งเหมือนท่านทั้งหลายจึงต้องเรียนให้มากเข้าไว้ ไม่ใช่ปล่อยตัวเองอยู่ในกะลา ความคิดหมุนวนอยู่รอบตัวเอง จากคุณ : TARASIN เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 55 23:22:38

ความคิดเห็นที่ 24 ผมมองในมุมมองของเด็กนะครับ ผมเห็นด้วยครับว่าใบประกอบวิชาชีพ เป็นตัวกีดกันคนเก่ง(กว่า) โรงเรียนผมนั้น เป็นโรงเรียนในมหาวิทยาลัยครับ ขอไม่เอ่ยนามนะครับ เพาระฉะนั้นอาจารย์ที่สอนจึงมีทั้งอาจารย์ที่จบสายครู และจบสายตรง ความแตกต่างก็เห็นค่อนข้างจะชัดเจนครับ คนที่จบสายตรงมาแน่นกว่าเยอะครับ ในความเห็นส่วนตัวนะครับ การเรียนครูในระดับมหาวิทยาลัยจะเรียน เอาความรู้เฉพาะที่จำเป็นจะต้องใช้สอนในระดับโรงเรียน นอกจากนั้นจะต้องเสียเวลาไปกับการเรียนพวกแผนการสอน หลักสูตร วิธีการสอน ในขณะที่สายตรงนั้นได้เรียนที่ตรงและลึกกว่าครับ บางครั้งการตอบข้อสงสัยน่ะครับ เป็นไปได้ราบรื่นกว่าฟังดูมีเหตุมีผลน่าเชื่อถือกว่า ผมเป็นคนหนึ่งครับ ที่อยากเป็นครู แต่ด้วยอะไรหลายๆอย่างที่เจอครับ ทั้งครูทั้งครูฝึกสอนเอย มันทำให้ผมกลัวการเรียนครูน่ะครับ ผมเห็นมาหลายคนนะครับ ครูฝึกสอนน่ะ เหมือนเป้นหุ่นยนต์ไขลาน ไม่ว่าคนใหน ก็จะมาเป็นบล็อคๆเดียวกันหมดเลยครับ อีกอย่างนะครับการสอบบรรจุครูนั้นเรื่องของความรู้ทางวิชาการแทบจะไม่มีเลยครับ ส่วนใหญ่จะเป็นระเบียบวินัยข้าราชการเสียมากกว่า และเช่นกันครับ ข้อสอบวัดความถนัดความเป็นครู PAT5 นั้น ข้อสอบที่ออกมา แทบจะไม่มีเรื่องของคุณธรรม จริยธรรมในการเป็นครู หรือความเป็นครูเลยครับ ออกแต่ความรู้รอบตัว หรือมิติสัมพันธ์เสียมากครับ อีกอย่างครูที่จบสายตรงนั้นก็ไม่ใช่ไม่มีทางเลือกในการทำงานนะครับ เกียรตินิยม อันดับ ๑ บ้าง ๒ บ้าง บางคนทำงานสถานฑูต กระทรวงต่างๆเหมือนกัน บ้างมีโอกาสเติบโตในมหาวิทยาลัย แต่เลือกที่จะมาเป็นครูครับ และที่สำคัญสอนดีด้วยครับ แนวการสอนไม่ซ้ำใคร ในอีกมุมหนึ่ง คนเรียนครูเก่งๆก็แยะครับ แต่ส่วนใหญ่แล้วคนที่ได้ต้นๆของคณะ จบมาไม่ค่อยมาเป็นครูกันหรอกครับ ไปหางานทำอย่างอื่นเสียมากกว่า ขอเสริมเรื่องของการศึกษาต่อสักนิดนะครับ เหมือว่าเราจะส่งเสริมกันผิดทางนะครับ ครูหลายๆคนเรียนต่อแทนที่จะเรียนในสาขาที่ต้วเองจะต้องสอน แต่ทุกวันนี้เรากลับเห็น คนจบ โท หรือ ด็อก บริหารการศึกษามากมายเต็มบ้านเต็มเมืองเลยครับ ในทางกลับกันการศึกษาของเราไม่ได้พัฒนาขึ้นเลยครับ เลยขอฝากเรื่องนี้ด้วยนะครับ จากคุณ : เด็กน้อยคับผม เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 55 23:23:14

ความคิดเห็นที่ 26 คคห7 สอบมาตรฐานครูไม่ผ่านเหรอครับเลยมาพาลคนอื่น หรือสอบบรรจุไม่ได้ซักทีเลยเปรี้ยวปาก ตัวเองสอบสู้เขาไม่ได้ ยังจะว่าตัวเองเก่งกว่าอีก  เอากับมันสิ ตรรกะผมไม่ได้พิการหรอก  แค่ผมพูดความจริง ซึ่งมันไปทิ่มใจพวกห่วยๆ ที่สอบตกแล้วหาข้ออ้างให้ตัวเองดูดีมีชาติตระกูล มีใครปิดกั้นไม่ให้คุณอ่านหนังสือเหรอก่อนสอบ การสอบบอกเวลาชัดเจนว่าจะสอบวันไหน เรื่องอะไร  ข้อสอบตรงตามที่บอกไว้หรือไม่ มีใครปิดกั้นไม่ให้คุณขวนขวายหรือ เอะอะก็จะเรียนแต่ป.บัณฑิต(อยากซื้อวุฒิครู... พูดตรงๆนะขี้เกียจอ้อม) เป็นคนเก่งที่ไม่อยากถูกทดสอบ   (ชั้นเก่งนะ แค่ทำข้อสอบไม่ได้เท่านั้นเอง ข้อสอบมันห่วย  ถามอะไรก็ไม่รู้ เรื่องที่ชั้นรู้ดันไม่ถาม) ชั้นเก่งนะ  ที่ไม่ได้เป็นครูเพราะระบบมันห่วย  มันกีดกันชั้น(ที่สอบตก แต่ชั้นเก่งนะ ขอย้ำ) มันมีข้อแก้ตัวหมดแหละคนพวกนี้   นอกเรื่องซะเยอะ ขอตอบ คคห9 นะครับ เรื่องวุฒิป.โทต้องเข้าใจนะครับ  ข้าราชการไม่ได้มีแค่ครู และครูก็ไม่ได้มีแค่สาขาเดียว กฏนี้ใช้กับครูทุกสาขา  ครูบางคนก็ไม่ได้สอนตรงสาขาที่เรียนมา อันนี้คุณคงพอเข้าใจนะครับ เขามองครูทั้งหมดน่ะครับ กฏมันเลยหลวมๆบางข้อ และแน่นๆบางข้อ  ซึ่งถ้าไม่พอใจก็ไม่ต้องมาเป็นครูก็ได้ครับ ไม่มีใครบังคับ คุณแม้แต่คนเดียวครับ ซึ่งถ้าคุณลองมาเป็นครูจะเห็นภาพชัดเจนกว่านี้ครับ ยกตัวอย่างนะครับ ผมจบ ป.ตรี สอนมาก่อนคุณตั้งหลายปี ไม่มีวุฒิป.โท คุณพึ่งมาสอน  คุมเด็กก็ยังไม่เป็น วัดผลตัดเกรดก็ไม่เป็น ทำรายงาน ทำ sar ก็ไม่เป็น สอนวิชาเดียวกัน แต่เงินเดือนกลับได้เยอะกว่าผมเพราะคุณมีใบป.โท แบบนี้ยุติธรรมกับผมหรือไม่ แต่ถ้าคุณเข้ามาโดยวุฒิป.ตรี แล้วพัฒนาตัวเองระหว่างที่สอนจนได้วุฒิป.โททำให้มีเงินเดือน มากกว่าผม  แบบนี้ผมจะแย้งไม่ได้ เพราะผมสู้คุณไม่ได้จริงๆ ไม่สามารถสอนไปเรียนป.โทไป เหมือนคุณได้ อธิบายแค่นี้คงพอนะครับ จากคุณ : ttno1 เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 55 23:27:26

ความคิดเห็นที่ 28 เออยังไม่ตอบผมเลยครับ ที่ผมด่าว่าห่วย หรือคุณที่ว่าคนเก่งให้ถ่อมตัว คุณยอมรับได้หรือที่ให้ลูกหลานเรียนกับครูที่สอบวิชาที่ตัวเองสอน สอบตก? ชอบยกอ้างด่าว่าคนไม่ถ่อมตัว เพราะไม่มีปัญญาตอบคำถาม เลี่ยงไปเลี่ยงมา เพราะก็รู้่อยู่แก่ใจแล้วว่า ตัวเองก็คงไม่ได้อยากให้ลูกหลานเรียนกับครูที่ห่วยหรอก การยกว่าที่ 1 ไปอยู่เกาะ เขาเรียกว่า เรียนสถิติไม่เป็น ครูเก่งที่ว่า อยู่ รร ดังใน กทม โรงเรียนประจำจังหวัด เขาเอาค่าเฉลี่ยในการวัดความรู้ที่ทดสอบผ่่านวิชาที่ตัวเองสอนครับว่าเป็น percentage เท่าไร นี่เขาเรียกว่า ตรรกะบกพร่อง เอาแค่ 1 ตัวอย่าง แล้วจะให้เป็น representative ของกลุ่มตัวอย่างโดยมาโจมตีข้อความที่กล่าวเป็นกลุ่มตัวอย่าง มันก็เห็นความคิดของคนที่สนับสนุนครูว่า ตรรกะทรุด ความรู้บกพร่องเหมือนครูที่สอบตกครับ สงสัยคงสอบตกสถิติื หรือตรรกะแน่นอน ไม่งั้นจะไม่มาแย้งแบบโง่ๆ แบบนี้หรอก ใครกล้าตอบผมว่า อยากให้ลูกหลานเรียนกับครูที่สอบวิชาที่ตัวเองสอนพวกวิทย์ คณิตย์ ภาษาอังกฤษ สอบตกหรือไม่? พวกหนุนครูห่วย เลี่ยงไปเลี่ยงมา ไม่กล้าแหงนหน้ามาสู้ความจริงเลย ตราบใดที่ยังไม่ยอมรับว่า ครูห่วย มันก็ไม่คิดจะแก้ไขหรอกครับ ติวเตอร์ก็รวยๆ กันไปหมด จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 55 23:42:18

ความคิดเห็นที่ 29 คนที่ด่่าผม แล้วยกที่ 1 ไปอยู่เกาะ ผมขอถามแบบ 1 ตัวอย่างให้ชัดๆ เลยเป็นไง? ถ้าคุณมีลูกกำลังเรียน ม.5-6 กำลังติวเข้มเข้ามหาวิทยาลัีย คุณยินดี/อยากให้ลูกคุณเรีียนกับครูที่ทดสอบภาษาอังกฤษระดับ ม.ปลาย ที่เด็กต้องสอบ O-NET, A-NET อะไรพวกนี้ แล้วสอบตกหรือไม่ ครูคนนี้ก็สอน ม.ปลาย ให้เด็ก พูดง่ายๆ ครูสอบตก แต่จะสอนให้เด็กสอบผ่าน คุณยินดีส่งลูกเรียนกับครูคนนี้หรือไม่? เพื่อให้เห็นเป็นจริงๆ จัง คุณอยากให้ลูกคุณเรียนกับครูที่สอบตก เป็นข้าราชการครู มีใบประกอบ หรืออยากให้เรียนกับ จขกท จบปริญญาโทอังกฤษจากจุฬาที่ห่วยไม่มีใบอนุญาตแบบที่ครูว่ากัน เล่นยกตัวอย่างที่ 1 ไปเกาะ ผมก็ยกตัวอย่าง จขกท ปริญญาโทมาเทียบ กล้าตอบหรือไม่ ผมท้าแบบไม่ต้องเล่นตรรกะแล้ว ไม่เล่นกลุ่มแล้ว เล่นตัวต่อตัว คนต่อคนให้เห็นจะจะ เลยครับ เรียนกับครูสอบตก มีใบประกอบ หรือเรียนกับ จขกท ที่ไม่มีใบประกอบ แต่จบปริญญาโทอังกฤษจากจุฬา ไม่มีประสบการณ์สอนสักอย่าง ไม่ได้ร่ำเรียนวิชาครูใดๆ ทั้งสิ้น ใครๆ ก็ได้ที่หนุนครูห่วย กล้าตอบหรือไม่? รับ จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 00:07:16

ความคิดเห็นที่ 30 แล้วที่ถามว่า ที่ผมว่าครูห่วย ผมเก่งมาจากไหนถึงไม่ยอมถ่อมตัว ผมไม่แกล้งสีแสร้งถ่อมตัวหรอกครับ เพราะกลัวหลังงอก่อนวัย 555 ผมก็คงสอนสู้ครูที่ได้ใบประกอบแต่สอบทดสอบวิชาภาษาอังกฤษตกได้หรอกครับ แต่คุณไปถามเด็กๆ ม.5-6 ทั่วประเทศเลยว่า อยากเรียนกับครูทีสอบอังกฤษตก หรืออยากเรียนกับคนถล่มตัวไม่เป็นแบบผม ความรู้ผมก็แค่ระดับอ่านเขียนอังกฤษได้นิดหน่อยเท่านั้น (ลองสีแสร้งถล่มตัวบ้าง) อยากรู้ก็ search เอาเองก็แล้วกัน 555 จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 00:18:29

ความคิดเห็นที่ 31 เรื่องส่งลูกไปเรียนกับครูที่สอบหรือไม่ ตอนนี้ผมแค่ 25 ปี ยังไม่มีลูกหรอกครับท่าน และถ้าเกิดผมมีลูกขึ้นมาผมก็ส่งลูกเข้าโรงเรียนตามปกติ ผมคงไม่สืบประวัติครูผู้สอนหรอกครับว่าครูเก่งขนาดใหน ได้เหรียญทองโอลิมปิกมาหรือเปล่า ยังไงซะถ้าเด็กมันตั้งใจยังไงก็เรียนได้ ผมก็ไม่ได้เรียนกับครูขั้นเทพ เรียนฟิสิกส์ เคมี ชีวะ กับครูแก่ๆ แถวบ้านแค่นั้นเอง แต่ก็ไม่เห็นว่าท่านจะสอนไม่ดีตรงใหน คนที่เรียนเก่งใช่ว่าจะสอนเก่งถ่ายทอดเก่งตามไปด้วย ผมเรียน RS กับอาจารย์ที่จบจาก MIT สอนเด็กงงทั้งห้อง เพราะท่านเก่งเลยคิดว่าทุกคนต้องคิดตามท่านทัน แต่ไม่ได้คิดว่าเด็กแต่ละคนพื้นฐานต่างกันมากแค่ใหน เรียนเก่งกับถ่ายทอดเก่งต่างกันมากนะครับ ผมเคยเป็นติวเตอร์เด็กนักเรียนมาก่อนผมทราบดีกว่าการถ่ายทอดให้เด็กทุกคนเข้าใจตรงกันนั้นยากมาก ผมสอนวิทย์ ม.ปลาย บางครั้งผมก็อ่อนใจในสิ่งที่มเข้ใจแต่ไม่รู้จะถ่ายทอดให้เด็กยังไง ตรงกันข้ามกับครูอาชีพที่เขามีเทคนิคให้เด็กเข้าใจง่ายๆเพราะเขาเรียนการสอนมา ส่วนผมจบวิทย์เพียวๆ เลยถ่ายทอดไม่เก่งสู้เขาไม่ได้          ส่วนเรื่องความรู้ท่านมั่นใจว่าเด็กจะเรียนกับท่านหรือเปล่า ผมว่าเด็กคงไม่เรียนหรอกครับ คนแก่ที่น้ำเต็มแก้วแบบนี้ถ่ายทอดเป็นหรือเปล่ายังไม่รู้ประกาศตัวเองว่าถามเด็กทั้งประเทศน่าขำ ส่วนเรื่องที่ผมสอบสถิติตกมันน่าขำครับมากครับถ้าผมตกสถิติ เพราะปกติผมใช้ Matlab ในการคำนวนไม่รู้ว่าท่านจะรู้จักหรือเปล่า ถ้าท่านอยากให้งานตีพิมพ์ใน IEEE ต้องใช้ตัวนี้ครับ เป็นที่ยอมรับทั่วโลก  เรื่องตรรกะทรุด ตรรกะพิการเห็นมีอยู่สองท่านในห้องนี้ชอบพูดถึง สรุปใจความสำคัญคนที่ไม่เห็นด้วยกับพวกท่านคือตรรกะพิการ และที่คล้ายๆ กันอีกก็คือจะด่าว่าคนที่ให้กิฟท์ตรรกะพิการไปด้วย นี่นะเหรอคนที่บอกว่าตัวเองเก่ง ผมอยู่ในวงการวิชาการมา ไม่ค่อยเจอเลยคนเก่ง บอกตรงส่วนใหญ่เวลาผมไปปรึกษาเขา เขาจะบอกว่าพี่ไม่เชี่ยวเท่าไรหรอกน้องพวกเราศึกษาร่วมกัน ไม่เคยเจอคนที่บอกตัวเองว่ามาหาผมเลยเรื่องนี้ผมเก่งทั้งประเทศไทยถ้าผมจะทำเรื่องนี้ทุกคนต้องนึกถึงผมคนแรก อันนี้ไม่เรื่อกเก่งอันนี้เรียกบ้า คือคนที่คนอื่นไม่ยอมรับ พยายามประกาศตัวเองไง ปล. ครูทั้งประเทศสอบตกหมดเลยเหรอครับ อันนี้อยากรู้จริงๆ อ้างอิงเป็นอย่างไรอยากเห็นครับท่าน คิดเอาเองไม่เอานะครับ แก้คำผิด แก้ไขเมื่อ 23 ธ.ค. 55 09:34:07 จากคุณ : TARASIN เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 09:31:33

ความคิดเห็นที่ 32 เป็นข้าราชการก็มั่นคงดีครับ ถ้าเป็นพนักงานของรัฐในม. ก็ควรจะจบดร.ครับ ไม่งั้นก็อยู่ยาก ถ้าเข้าป.โทไปได้ก็คงต้องไปเรียนครับ ในความเห็นของผม การเป็นครูที่ดี ยากครับในยุคนี้ อย่างที่เห็นบ่นๆกัน ผมเองก็ไม่กล้าเป็นครับ กลัวทำได้ไม่ดี แต่ก็ให้เกียรติครูทุึกคน จากความเห็นจากคนเป็นอาจารย์มายี่สิบกว่าปีแล้วครับ จากคุณ : อุปนิกขิต เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 11:20:56

ความคิดเห็นที่ 33 เชียร์ให้เป็นอจ.มหาลัย ถ้าสอนดี พัฒนาตัวเองเรื่อยๆ ก็มั่นคงเหมือนกันค่ะ แล้วพวกมหาลัยที่ จขกท ระบุมา ในเมื่อไม่เลือกว่าต้องม.ดังๆ ใช้วุฒิโทภาษาอังกฤษทั่วไปก็ได้ สมัครได้แน่นอน ขาดอีกเยอะค่ะ ขึ้นอยู่กับว่า จขกท จะเลือกที่หรือเปล่าแบบจังหวัดไรงี้ แต่เด็กก็อาจต่างกับม.รัฐบาลดังๆอยู่บ้าง ต้องทำใจเตรียมรับมือเลยนะคะ เรื่องวินัย ความเอาใจใส่ การตั้งใจเรียน เข้าเรียน ฯลฯ แต่เนื้อหาอาจไม่ยากมาก ส่วนม.รัฐดังๆ ต้องเตรียมเยอะ เพราะเด็กจะขยัน ตั้งใจมาก เราต้องพร้อมที่สุดน่ะค่ะ อาจเหนื่อยเตรียมสอน ออก/ตรวจข้อสอบ แต่เวลาสอนๆสบายค่ะ แสดงความเห็นจากประสบการณ์ส่วนตัว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น จขกท ต้องพิจารณาเองว่าเราชอบสอนเด็กแบบไหน เด็กประถม มัธยม ก้ต้องเป็นครูสอนในโรงเรียน อาจต้องดูแลมากกว่าเรื่องสอน เด็กมหาลัย ก็ต้องเป็นอาจารย์ มันก็ต่างกันนะคะการสอนลูกศิษย์ในวัยที่ต่างกัน จากคุณ : BritLit เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 11:27:32

ความคิดเห็นที่ 34 ครู ม. 3 ณตอนนี้อาจจะเก่งสู้คุณไ่ม่ได้ แต่ครู ม.3 ณ ตอนนี้มีความรู้ ม.3 มากกว่าคุณ ๆ ตอนอยู่ม. 3 แน่นอน โรงเรียนมีหน้าที่วางรากฐาน สร้างพื้นฐานความรุ้ ไม่ได้มีหน้าที่สอนให้เด็กสอบติด เวลาเห็นกระทู้แล้วอยากให้คนเก่ง ๆมาเป็นครูมันให้อารมณ์ความรู้แบบว่า ครูที่สอนคณิตศาสตร์ม. 1 นั้นจะต้องมีความรู้ calculus differential equation analysis abstract algebra topology ในระดับดีเยี่ยม จากคุณ : เซียนแห่งmath เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 12:26:36

ความคิดเห็นที่ 35 ตอนผมอยู่ มศ 5 ผมสอบอังกฤษทั่วประเทศได้ 92% แล้วคุณไม่รู้หรือครูที่สอนมัธยมปลายอังกฤษ ทดสอบความรู้ระดับมัธยมปลายอังกฤษยังสอบตก มีครู ม.ปลายสอนภาษาอังกฤษเก่งกว่าเด็ก มศ.5 แบบผมเท่าไรหรือ? เท่าที่ทราบ ทดสอบความรู้ครูมัธยมปลายสอนอังกฤษส่วนใหญ่สอบตก และได้เกิน 90% มีไม่ถึง 1% นี่คือความซวยของเด็กไทยสมัยนี้ ที่อาจารย์สอนอังกฤษ math, science ส่วนใหญ่ของประเทศสอบความรู้ ม.ปลายตก ถ้าไม่ยอมรับเรื่องนี้ มันไม่มีทางแก้ไขปัญหาได้ มีแต่พวกโง่ๆ ที่หลงชื่นชมระดับห่วยแตก กีดกันคนที่เก่งทั้งที่ตัวเองก็สอนเด็กไม่ได้เพราะไม่่มีความรู้พอ จนบัดนี้ ก็ยังไม่มีใครกล้าพูดเต็มปากเลยว่า อยากให้ลูก ให้น้อง เรียนกับครูที่สอบวิชาที่ตัวเองสอนตก 555 เลี่ยงไปเลี่ยงมา เพราะไม่อยากโกหก 555 รู้ก็รู้อยู่ว่าครูห่วยแตกมีมาก แต่ก็ยังหลงในระบบอยู่ ครูดี ครูเก่ง มีครับ แต่มีน้อย และจำกัดใน รร ดัง รร ประจำัุจังหวัดเสียส่วนใหญ่เท่านั้น หลักการที่ถูกต้องคือ ครูที่สอบตก ต้องไล่ออกครับ ต้องทดสอบความรู้ทุกสองปี ไม่ถึงเกณท์ ไล่ออก เพราะ อาจารย์มหาวิทยาลัยยังต้องประเมินผลงาน แต่ครูห่วยแล้วห่วยอีก ไม่มีใครกล้าแตะอะไรเลย ปล่อยให้แม่ปูเดินเบี้ยวแล้วหวังว่าจะสอนให้ลูกปูเดินตรง ชาติหน้าตอนบ่ายๆ ครับ จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 13:51:57

ความคิดเห็นที่ 36 รู้สึกว่าผมจะตอบไปแล้วนะครับเรื่องถ้าผมมีลูกจะส่งลูกเรียนที่ใหน อ่านหรือยังครับ นี่ไงครับความห่วยที่มันเกิดขึ้นในสังคมไทย แค่เรื่องอ่านข้อความแค่นี้ยังอ่านไม่เข้าใจแล้วมาบอกว่าตัวเองเก่งเหนือใคร ผมบอกไปแล้วย้อนอ่านดีๆนะครับว่า ส่งเข้าเรียนโรงเรียนตามปกติ เพราะคงไม่ไปตรวจสอบกับกระทรวงหรอกครับว่าครูโรงเรียนนี้สอบผ่านหรือเปล่า เรื่องคุณสอบผ่านภาษาอังกฤษ 92 % แค่นี้เท่ากับบอกได้แล้วหรือครับว่าคุณเก่งกว่าครูทั้งประเทศ ??? ตรรกะ?? นั่งเทียน?? ข้อสอบคนล่ะข้อสอบกันระดับ มศ 5 คงนานตั้งแต่ผมยังไม่เกิดเอามาเทียบได้เหรอ ถ้าเป็นงานวิจัยผมตีตกตั้งแต่ตั้งสมมุติฐานแล้วล่ะครับ ทุกวงการมีทั้งคนเก่งและไม่เก่งปะปนกันไป เปิดใจให้กว้างนะครับ ส่วนที่บอกว่าครูเก่ง อยู่โรงเรียนประจำจังหวัดตอนบรรจุไม่เลือกไม่ได้หรอกครับว่าจะลงที่ใหน แต่ส่วนใหญ่ลำดับต้นๆ ลงชนบทแทบทั้งนั้น อืม..อีกอย่างนึงผมจบจากบ้านนอกมานะครับ ไม่ได้เรียนกับครูโรงเรียนระดับจังหวัด แต่ผมก็มีความรู้พอที่จะเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ได้เช่นกัน ของแบบนี้ไม่ได้อยู่ที่ครูทั้งหมดหรอกครับ อยู่ที่ตัวเด็กและผู้ปกครองด้วย ว่ามีความสนใจกับการเรียนแค่ใหน จากคุณ : TARASIN เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 14:18:04

ความคิดเห็นที่ 37 คุณมีลูกแล้วอยากให้ลูกเรียนภาษาอังกฤษกับครูที่สอบวิชาอังกฤษตกหรือ? >ไม่ครับ และนึกไม่ออกจริงๆว่าจะมีใครอยาก แต่ตอนที่ตัดสินใจส่งเข้าเรียนจริงก็ต้องเลือกจากตัวเลือกเท่าที่คิดว่าพอจะมั่นใจได้ครับ ผมก็ไม่ได้ตรวจประวัติครูรายคนหรอกครับ แต่ถ้าบังเอิญมารู้ว่ารร.ที่ตัดสินใจเลือกนั้นจัดครูอ่อนๆมาให้ลูกหลานผม ก็ไม่สบายใจครับ แต่คงยังไม่ถึงกับจับให้ลาออกด้วยเหตุเดียวหรือไม่กี่คน มันไม่ได้ถึงกับแย่ไปซะทั้งหมดหรอก แต่มันดีกว่านี้ได้ หลายคนบอกว่าการศึกษาดำดิ่งลงเพราะระบบเดิมไม่ดี นโยบายหลายตัวที่ทำมาแล้วช่วงหลังนี้จะทำให้ยิ่งดิ่งชันกว่าเดิมอีก ปล. ตอนอายุ20กว่า ผมมองเห็นโลกสวยกว่าทุกวันนี้เยอะเลยแฮะ แก้ไขเมื่อ 24 ธ.ค. 55 01:48:39 จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 22:16:59

ความคิดเห็นที่ 38 ขอบคุณคุณ ruralcrue สำหรับคำอวยพร และคุณ TARASIN สำหรับกำลังใจนะคะ คำตอบของคุณ ttnol ทำให้เข้าใจมากขึ้นแล้วคะ ขอบคุณนะคะ แต่อยากรบกวนถามอีกนิดว่า ถ้าหากว่าหลังบรรจุสองเดือนดิฉันจบป.เอกพอดี อย่างนี้จะวุฒิป.เอกมาปรับเงินเดือนได้เลยหรือเปล่าคะ แบบว่าวุฒิโทใช้ปรับไม่ได้เพราะจบก่อนบรรจุ ข้ามไปใช้วุฒิป.เอกแทนเลย55 หลังจากสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมได้สองสามวันมานี้ ได้รุ้อะไรขึ้นมากขึ้นค่ะ ใจเริ่มเอียงมาทางการเป็นครูมากกว่า แม้จะเห็นความยุ่งยากเรื่องขั้นตอนและระเบียบที่ดูไม่เมคเซ้นอยู่บ้างก้ตาม แต่โดยรวมคิดว่ารับได้คะ ประจวบกับวันนี้มีโรงเรียนเอกชนมีชื่อแห่งหนึ่งแถวสาธรติดต่อมาให้เข้าไปคุยพอดีเลย เลยคิดว่าถ้าเขารับก้จะสอนที่นี้แหละคะ ปีหน้าก้จะพยายามสอบเก้ามาตรฐานให้ผ่านทีเดียวไปเลยพร้อมเก้บประสบการณ์สอนให้ได้หนึ่งปีตามเงื่อนไข ไม่ทราบว่าจะอ่านเล่มไหนดีคะ เห้นข้อสอบแล้วแอบเวียนหัวเหมือนกัน เหมือนมีแต่ข้อสอบเน้นจำเป้นส่วนใหญ่ ตัวเองยิ่งความจำไม่ค่อยดีด้วยค่ะ ขอบคุณทุกคนอีกครั้งนะคะที่เข้ามาช่วยตอบและแสดงความเห้นเรื่องอื่นๆร่วมกันด้วย ^ ^ จากคุณ : เลือกทางไหนดี เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 22:31:20 A:125.25.142.254 X: TicketID:340028

ความคิดเห็นที่ 39 เย้ๆ เป็นครูครับ เชียร์ๆๆๆๆๆ กว่าจะเป็นครูได้ผมว่าคงวุ่นวายมากครับ แต่ถ้า จขกท มาเป็นครู อย่างน้อยเราก็มีครูดีๆเพิ่งขึ้นอีกคนครับ ยึดมั่นในความตั้งใจมากๆนะครับ ถึงจะอยู่ยาก แต่ก็อยากให้อยู่ครับ :D จากคุณ : เด็กน้อยคับผม เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 22:59:03

ความคิดเห็นที่ 40 โลกนี้เป็นสีเทา     อย่าทำเขลามองเป็นขาว พิศดูแต่ด้านพราว    สุกสกาวเอาซึกเดียว โลกนี้มิใช่ดำ       ดูหมองช้ำระกำเชี่ยว สังคมไร้กลมเกลียว   ต้องแลเหลียวให้รอบไป โลกนี้สิซับซ้อน      เปี่ยมเงื่อนง่อนอสังขัย หากริแก้สิ่งใด       ต้องเพียรไชให้ทะลวง โลกนี้จะสุขยาก      ถ้ายังหากจะฝืนถ่วง พัฒนาท่าจะกลวง     หากยังห่วงห้วงจุดเดิม สิ่งร้ายต้องถ่ายออก    ต้องขุดลอกและสร้างเสริม ฐานรากเป็นประเดิม    ต้องพูนเพิ่มให้แกร่งไกร ความคิดติดหัวมา      ต้องหัดกล้ามาปรับใช้ อย่าดื้อทรนงไป       เหตุผลใหญ่ให้คำนึง จากคุณ : ปากกัดตีนถีบ จีบไม่ลง (ปรารถนาดี ไม่มีแอบแฝง) เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 23:10:17

ความคิดเห็นที่ 41 ขอบคุณคุณเด็กน้อยฯนะคะที่ช่วยเชียร์ จริงๆก้หวั่นอยุ่ว่าจะอยู่ยากคะ เพราะเห้นมีคนบ่นกับระบบเยอะมาก โชคดีหรือโชคร้ายก้ไม่รุ้ที่ดิฉันเป้นคนแบบว่าไม่รุ้กับตัวไม่เห้นกับตาจะยังไม่ปักใจเชื่อคะ มองอีกแง่ถ้ามันเลวร้ายถึงขนาดชาติเราคงต้องล่มสลายแน่เพราะไม่มีใครอยากมาเป้นครูกัน หลายคนอ่านถึงตรงนี้อาจรอสมน้ำหน้าก้ได้55 แต่ที่ตัดสินใจลองไปเป้นครูเพราะว่างๆนะคะ ตัวเองไม่ไช่คนที่ชอบดิ้นรนสะสมทรัพย์สินสมบัติเหมือนคนอื่นเขา กินง่ายอยุ่ง่ายมากๆ ขอแค่มีความมั่นคงในอาชีพตามสมควร เลยคิดว่าอาชีพครูที่ฟังดุโลกสวยช่วยเหลือพัฒนาการศึกษาเด้กๆน่าจะเหมาะกับตัวเอง ส่วนอาจารย์มหาลัยจริงๆคิดแล้วก้น่าจะดีเช่นกัน แต่พอคิดถึงการที่ต้องขยันทำวิจัยตลอดถึงจะได้ดีในสายงานนี้ คิดว่าไม่น่าจะเหมาะกับตัวเองเท่าไรเพราะรุ้ว่าตัวเองชอบสอนมากกว่ามากๆ ถ้าให้สอนน้อยแต่วิจัยมากตามนโยบายมหาลัยยุคใหม่คงไม่ไหว เข้าใจว่าเป้นครุก้ต้องทำงานวิจัยเหมือนกันถ้าอยากเลื่อนวิทยฐานะแต่คงไม่เข้มข้นและต้องทำสม่ำเสมอตลอดอายุการทำงานมากเท่าคนเป้นอาจารย์มหาลัย ใช่ไหมคะ ดิฉันตั้งใจจะให้ตัวเองเป้นกรณีศึกษาอีกตัวอย่างหนึ่งของคนที่ไม่จบสายครุแต่ชอบสอนและอยากเป้นครู อนาคตจะเป้นยังไงไม่อาจคาดได้ ตั้งกระทุ้นี้แล้วก้อยากตั้งกระทุ้อื่นๆ ที่เกี่ยวกับการเดินทางในอาชีพนี้ สุขทุกข์ยังไงไว้จะมาเล่าให้ฟังเป้นระยะนะคะ ^.^ กลอนของคุณปากกัดฯ สุโก้ยมากเลยคะ แต่งได้ขนาดนี้แสดงว่าไม่ใช่ธรรมดาแน่ๆ ^ ^ จากคุณ : เลือกทางไหนดี เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 00:05:12 A:125.25.142.254 X: TicketID:340028

ความคิดเห็นที่ 42 เห้อ ไปหยิบวิศวกรในโรงงานมาแล้วให้สอบความรู้วิศวกรรมพื้นฐาน กลศาสตร์ ทฤษฏีวงจรไฟฟ้า วัสดุวิศวกรรมระดับปริญญาตรีก็คงจะผ่านอยู่หรอกนะ สมมติผมเป็นครูม.ปลาย ปรากฏว่าเดือนหน้าจะมีการสอบวัดความรู้คณิตศาสตร์ พอดีพักหลังสอนแต่เลข ม. 4 ตลอด ผมคงไม่อยากเจียดเวลาไปนั่งอ่านตำรา ม.4 ม.5 ม.6 หยิบข้อสอบเอนทรานส์ get pat ข้อสอบสมาคม ข้อสอบสสวท มานั่งทำ ให้เสียเวลาหรอก ชีวิตคนแก่ไม่ได้มีแต่มานั่งทำข้อสอบเตรียมตัวสอบวัดความรู้ เห้อ จากคุณ : เซียนแห่งmath เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 03:15:32

ความคิดเห็นที่ 43 ใจผมอยากให้คุณเป็นครูมหาวิทยาลัยนะครับ  เพราะถ้ามาเป็นครูคุณจะเสียเปรียบ เยอะเลยนะ ตอบข้อข้องใจนะครับ 1 การปรับวุฒิแบบก้าวกระโดดทำไม่ได้ครับ  ในการปรับวุฒิคุณต้องทำเรื่องแจ้ง หน่วยงานว่าคุณจะเรียน ป.โท ใดสาขาใด เพื่อปรับวุฒิ จะแอบไปเรียนก่อนไม่ได้นะ ซึ่งคุณจบไปแล้ว  ก็ถือว่าเสียเปล่าครับ กฏตรงนี้มันมีไว้ป้องกันการทุจริตน่ะครับ เช่นสมมุติว่ามีการซื้อวุฒิ(จ่ายครบจบแน่) แล้วจู่ๆมายื่นปรับเงินเพิ่มเลยแบบนี้ รัฐเสียหายแน่ครับ 2 หนังสือเตรียมสอบ 9 มาตรฐานมีขายที่คุรุสภาครับ  สั่งซื้อได้ผ่านเวบครับ ตอนนี้ไม่รู้ว่าหมดรึยัง  แต่ประมาณวันที่ 7 ม.ค. เขาจะประกาศสอบ 9 มาตรฐานรอบแรก ของปีหน้า  น่าจะมีหนังสือขายด้วยนะครับ  หมั่นเข้าไปดูเวบคุรุสภาเรื่อยๆนะครับ ข้อสอบ 9 มาตรฐานไม่ได้ยากมากมาย  อ่านดีๆยังไงก็ผ่าน (ปล. ผมก็ยังผ่านไม่ครบนะ สอบรอบแรกผ่าน 4 ขาดอีก 5 มาตรฐาน) 3 คุณควรจะรับงานสอนไปด้วยนะครับ เพราะต้องใช้สัญญาจ้างสอนในการ ยื่นขอใบประกอบวิชาชีพ  พอสอบ 9 มาตรฐานผ่านครบ ก็ไม่เสียเวลา อีก 1 ปี ในการฝึกสอน  อีกอย่างเราจะได้รู้ด้วยว่า การเป็นครูจริงๆแล้วเป็นอย่างไร มันมีอะไรหลายอย่างที่เรายังไม่รู้ในวงการครูนะครับ  จะได้รู้ตัวเองว่าเราชอบเป็นครู จริงๆรึเปล่า 4 เรื่องนี้สำคัญนะครับ  เรื่องอายุราชการ  ถ้าตอนเกษียรอายุราชการเราไม่เยอะ เงินบำเหน็จก็จะได้น้อย(แต่ก็ดีกว่าเงินประกันสังคมล่ะ) ในมุมมองของผมนะครับ คุณเป็นครูเสียเปรียบเยอะเลย เพราะคุณจบโทแล้ว ถ้าจะอัพตัวเองหลังรับราชการก็ต้องเรียนโทใหม่ กว่าจะได้บรรจุซึ่งก็ไม่รู้ ว่าจะได้เมื่อไหร่ (ซึ่งถ้าคุณเป็นคนเก่ง น่าจะใช้เวลาสั้นสุดคือ 1 ปี) แต่มันจะได้เยอะกว่านั้นถ้าคุณเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย มันจะมีรายได้จากงานวิจัย ชั่วโมงสอน และอื่นๆที่จะชดเชยได้โดยที่คุณไม่ต้องกลับไปนับ 1 ใหม่กับการเป็นครู แต่การเป็นครูสนุกกว่าการเป็นอาจารย์นะ  มีกิจกรรมเยอะ ไหนจะวันครู วันเด็ก วันปีใหม่ กีฬาสี แข่งขันทักษะ ประกวดโครงงาน สารพัดกิจกรรมเลยแหละ ถ้าชอบจับปูใส่กระด้ง มาเป็นครูสนุกแน่นอน  แต่ถ้าไม่ชอบก็ไปเป็นอาจารย์ น่าจะเหมาะกว่า จากคุณ : ttno1 เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 10:03:35

ความคิดเห็นที่ 44 สี่ทหารเสือยังมาดราม่าที่กระทู้นี้อีกเหรอครับ ไม่ต้องโยงทุกกระทู้ในโลกไปเรื่องใบประกอบวิชาชีพครูก็ได้นะครับ ถ้าถามผม ผมว่าอาชีพครูมั่นคงกว่าครับ แต่ถ้าเป็นคนมีความสามารถ อาชีพอาจารย์มหาวิทยาลัยอาจจะโตเร็วกว่า จากคุณ : Okanail เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 13:03:49

ความคิดเห็นที่ 45 ผมก็แค่แนะนำเท่าที่พอจะแนะนำได้ให้ จขกท น่ะครับ จะให้ไปเถียงกันไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมานอกจากเสียเวลาก็พอดีกว่า แค่นั้นก็พอแล้วล่ะครับ อย่างไรเสียพูดไปก็เท่านั้นเพราะกลุ่มคนเหล่านั้นปักใจไปแล้ว  ไม่มีใครจะมา เปลี่ยนใจหน้าบอร์ดให้ตัวเองเสียหน้า ดังนั้นไม่จำเป็นต้องพูดต่อ แต่กระทู้นี้ จขกท. ซึ่งกำลังชั่งใจที่จะเลือกทางเดิน การแสดงความคิดเห็นในนี้ย่อม เกิดประโยชน์กว่าจะไปเถียงไร้สาระในกระทู้โน้นเยอะ อีกอย่างกระทู้นี้ไม่ได้ดราม่านะครับ  จะมีก็แค่ไม่กี่คนที่เข้ามาใส่ๆอย่างเดียว แล้วมาเถียงกันเอง จากคุณ : ttno1 เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 13:27:11

ความคิดเห็นที่ 46 ผมเป็นครูในระบบโรงเีรียนสามัญทั่วๆ ไป... ก่อนนั้นโรงเีรียนผมเคยเป็นโรงเีรียนติด 1 ใน 10 ของประเทศ แต่อยู่มายุคหนึ่งนักเรียนที่สอบติดแพทย์ก็ลดฮวบลงอย่างน่าใจหาย... ทุกอย่างมันเปลี่ยนไป โรงเรียนประจำจังหวัดแต่ละโรงต่างพัฒนาตัวเองขึ้นมา จนนักเรียนส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องเดินทางมาเรียนถึงโรงเรียนนี้ รวมไปถึงสถาบันกวดวิชาที่ผุดขึ้นมา ทำให้นักเรียนที่ไม่เอาใจใส่การเรียนอยู่แล้ว ยิ่งละเลยต่อการเรียนในชั้นเรียน และเข้าสู่ยุคตกต่ำในที่สุด อาจารย์ท่านหนึ่งในโรงเรียน ครูคณิตศาสตร์ เ่ก่งมากกกก...ประมาณว่ามาเป็นทั้งคนออกข้อสอบโอเน็ต รับติวมาม่า แล้วก็ยังเฉลย PAT1 ที่ยากแสนยาก ได้คิดโครงการ Gifted ขึ้นมา ประคบประหงมนักเรียนกลุ่มนี้อย่างดี ใครเกิดวันไหน ซื้อเค้กให้วันนั้น หรือมีของขวัญให้ ผลคือนักเรียนเก่งเชื่อและศรัทธาครูผู้สอนมากกก... และการสอบติดแพทย์ก็เยอะขึ้นกว่าแต่ก่อน อันดับโรงเรียนผมกระเตื้องขึ้นมาหน่อย แต่ก็ยังไม่ใช่เหมือนสมัยก่อน หวังว่าท่านทั้งหลายคงจะไม่คิดว่า ทุกโรงเรียนในประเทศไทย ห่วยเหมือนกันหรอกนะครับ จากคุณ : amnakim เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 15:06:07

ความคิดเห็นที่ 47 คุณเจ้าของกระทู้ทำตามใจตัวเองดีที่สุดครับ ชีวิตคนเราว่าไปก็เหมือนโรงละครฉากใหญ่(อย่างที่เราได้ยินกันมา) อาจต้องสวมบทบาทหลายตัวละครก่อนที่เราจะละลาโลกนี้ไป การเลือกที่จะใช้ชีวิตตามใจปรารถนาพร้อมที่จะลองผิดลองถูกเพื่อหาจุดลงตัวให้ชีวิตก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายเลย อีกอย่างบริบทในชีวิตคนเราล้วนแตกต่าง ลางเนื้อชอบลางยา ของที่ดีที่ถูกกับอีกคนอาจเป็นยาพิษสำหรับอีกคนก็ได้ ระดับความสุขทุกข์ของแต่ละคนเองก็ไม่เหมือนกัน ดูอย่างบางคนปัจจัยเขาน้อยแต่ใช้ชีวิตถูกที่ถูกทาง มีความสุขยิ่งกว่าอะไร ต่างจากคนที่หาปัจจัยได้มากมาย ภายนอกใครก็ว่าดูดี แต่แท้จริงชีวิตกลับมีแต่ความทุกข์ ดังนั้นไม่มีใครสามารถจะตัดสินใจในการเลือกทางเดินแทนใครได้นอกจากตัวเราเอง ชีวิตคนเราแสนสั้น ใช้ซะให้พอใจฉันเถอะครับ แก้ไขเมื่อ 24 ธ.ค. 55 18:11:30 จากคุณ : โจโฉ (joechou) เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 18:09:24

ความคิดเห็นที่ 48 พูดง่ายๆคือ  คนจบครูก็กลัวโดนแย่งตำแหน่งจากคนที่จบสายอื่น  ถ้ากฏหมายปล่อยให้สายอื่นมาเป็นครูได้อิสระ  คนจบครูมาก็งานเข้ามีคนมาแชร์ตำแหน่ง  เลยมีกฏใหม่มากั็กตำแหน่งให้คนจบครู  ไม่งั้นจะมีสายครูมาทำไม  แล้วใครเขาจะไปเรียนสายครูถ้าสายอื่นมาเป็นครูบรรจุได้อิสระ   ส่วนตัวผมเฉยๆ  ไม่ได้จบครูมาตรงๆ จะร้องเอาบรรจุง่ายๆ คงไม่ใช่เรื่องถ้าจะโทษตองโทษตัวเราที่ไม่เรียนสายตรงเอง   จะบรรจุมั้ย ผมไม่สนหรอก จะเป็นอัตราจ้างทั้งชีวิต ถ้าไม่อดตายผมก็เป็นได้ ดีเสียอีก ไม่ต้องทำขั้นทำผลงานให้วุ่นวาย  จะได้เอาแต่สอนเด็กสบายๆ  ไม่ต้องวุ่นวายกับเอกสารแบบครูบรรจุ ไหนจะสัมนานนั่นนี่  ตรวจมาตราฐานนั่นนี่  อยู่กับนักเรียนสอนนักเรียน สบายใจกว่า แค่ทุกวันนี้เด็กเรียกผม หรือคนอื่นเรียกผมว่า อาจารย์  ผมก็พอใจแล้ว  ไปไหนมาไหนมีแต่คนเคารพนับถือ ไม่ต่างจากครูบรรจุ  ความสุขอยู่ใจ ถ้าคุณรักการสอน จะบรรจุไม่บรรจุคุณก็สอนได้   สำหรับผม จากคุณ : Dek Chan เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 19:09:00

ความคิดเห็นที่ 49 ขอบคุณคุณ ttnol อีกครั้งนะคะที่อุตส่าห์เข้ามาตอบ และขอบคุณสำหรับความหวังดีด้วยคะ ที่บ้านก้ไม่ค่อยเห้นด้วยเหมือนกันบอกว่าจบตั้งโทจุฬาจะไปสอบเป้นข้าราชการครูป่านนี้(แก่แล้ว55) ทำไมไม่ไปเป้นอาจารย์มหาลัย ไปสอนเป้นติวเตอร์ได้เงินมากมายไม่ต้องทนปวดหัวขอใบอนุญาต เตรียมสอบบรรจุอะไรให้วุ่นวายด้วย เงินเดือนก้น้อยจะพอยาใส้ได้ยังไง วุฒิโทที่จบมาแล้วก็กลับใช้ปรับวุฒิอะไรไม่ได้อีกต่างหาก เสียเปล่า คือทุกคนมองว่าดิฉันโอเวอร์คัวลิไฟด์ไปแล้วสำหรับงานนี้ เสียดายความรู้ที่อุตส่าห์เรียนมา น่าจะเอาไปใช้สอนนักศึกษามหาลัยซะมากกว่า ลูกชั้นเพี้ยนไปแล้วอะไรแบบนีิ้ เรื่ิองวุฒิโทจริงๆดิฉันไม่ได้คิดอะไรมากหรอกคะเพราะตอนแรกที่เรียนไม่ได้ตั้งใจจะเอาวุฒิมาหาประโยชน์ทางนี้แต่แรก ตอนอ่านระเบียบครั้งแรกก็อดแปลกใจไม่น้อยที่ไม่สามารถนำมาปรับวุฒิอะไรได้ แต่พอคิดให้นานขึ้นก็ยอมรับได้คะ ดิฉันเป็นคนที่ชอบคิดอะไรง่ายๆนะคะ เขาไม่ให้ก็ไม่เป็นไร เพราะถ้าลองเข้าไปสอนนักเรียนแล้วดิฉันเกิดพบโลกใบใหม่ ก็คงคุ้มค่าแน่ที่จะเรียนเอาใหม่อีกใบ ดีซะอีกจะได้เก่งหลายๆอย่าง ป.โทที่เรียนที่ผ่านมานั้นเป้นความรู้ประสบกาณ์ที่ติดตัวเราไปจนวันตายอยู่แล้ว ไม่เสียเปล่าแน่นอน ดิฉันเองก็เป็นคนชอบเรียนหนังสือด้วย ตั้งใจว่าจะเรียนปริญญาสาขาที่สนใจอีกหลายใบคะ ไม่ได้จะเอาไปประดับฝาบ้านหรืออวดใครแต่ประการใดนะคะ แต่ชอบบรรยากาศการเรียนในชั้นเรียนคะ มีความสุขที่ได้พูดคุยในชั้นเรียน แบบนี้กระมังถึงคิดอุตริจะไปเป็นครูกับเขาบ้าง55+ คือจริงๆดิฉันก็เคยเป็นอาจารย์กับครูสอนพิเศษระยะสั้นๆทั้งในโรงเรียนและมหาลัยมาก่อนบ้างแล้วคะ ชอบทั้งสองอย่าง จะต่างกันตรงที่สอนในมหาลัยดูจะเป้นการสอนเชิงบรรยายมากกว่า ว่ากันไปตามพาเวอร์พ้อย สอนวิชาซินเทคภาษาอังกฤษ ต้องวางมาดสุขุมนุ่มลึก55 และได้เตรียมการสอนเต้มความรุ้ที่เรียนโทมา นักศึกษาก้ดูตั้งใจกันดี แต่ไม่ค่อยชอบตอบคำถามกันเท่าไรตามสไตร์นักศึกษาไทยที่ชอบฟังเป็นหลัก (หรือเฉพาะมหาลัยนี้ก้ไม่รุ้นะคะ55) ส่วนที่โรงเรียนเคยไปสอนเล่นๆ สองสามครั้ง เนื้อหาแน่นอนว่าไม่ยากเท่ากับมหาลัย มีการเตรียมเกมส์ และทำกิจกรรมในชั้นเรียนด้วย สองสามวันนั้นจำได้ว่าหัวเราะกันทั้งคาบ แค่นักเรียนบอกว่าเรียนกับครูแล้วสนุกจัง เข้าใจมากกว่าเดิมเยอะเลย แทบตัวลอยเลยคะ ความรู้สึกมันไม่เหมือนกับการเป้นติวเตอร์ที่สอนห้องใหญ่ที่เน้นป้อนเนื้อหาแต่ตัวข้อสอบกันลูกเดียว สอนห้าหกชั่วโมงได้เงินสามพัน เงินโอเคเลยแต่มันแห้งแล้งยังไงบอกไม่ถูก(ดิฉันคิดมากไปไหมคะ) ว้ายย คุยเรื่องตัวเองจนออกทะเลจนได้ ขอกลับมาถามคุณ ttnol อีกนิดนะคะ ใบประกอบวิชาชีพครูที่เราจะใช้เป้นหลักฐานสำคัญในการสอบบรรจุเป้นครูผู้ช่วยนั้นตกลงคือต้องมาจากการสอบวิชามาตรฐาน 9 วิชา + ประสบการณ์สอนหนึ่งปีที่นับเวลาจากสัญญาจ้างของโรงเรียนเอกชนที่ดิฉันจะไปสอนใข่ไหมคะ ระหว่างที่สอนถ้าสอบเก้ามาตรฐานไม่ผ่านก็สอบจนกว่าจะผ่าน ประสบการณ์สอนก้จะนับเวลาเก็บไปเรื่อยๆ ไม่เสียเวลาต้องมาเริ่มเก็บประสบการณ์ใหม่หลังจากสอบผ่านครบทั้ง9 มาตรฐานใช่ไหมคะ อ๋อ เข้าใจแล้วคะ ไม่ทราบว่าคุณ ttnol สอนวิชาอะไรหรือคะ ที่แท้ก็เป้นคุณครูด้วยนี้เอง แล้วทำไมถึงเลือกมาเป้นครูละคะ (ตั้งแต่ดิฉันคิดอยากไปเป้นครู และบอกความคิดนี้ให้คนรอบตัว มีแต่คนถามคำถามนี้เยอะมากๆ เลยคะ เดี๋ยวว่าจะไปตั้งกระทู้อีกสักกระทู้ถามเรื่องนี้ซะเลย55) สวัสดีคะคุณ amnakin ค้นกระทุ้เก่าๆ เห้นคุณตั้งกระทู้ชวนคนให้มาเป้นครูกัน น่าสนใจมากเลยคะ ดิฉันของเป็นสาวกด้วยคนได้ไหมคะ55 ขอบคุณโจโฉมากเลยคะ คุณเป็นคนที่ความคิดลึกซึ้งเข้าใจโลกมากๆเลยคะ ดิฉันจะจำคำคุณไว้ มันเป็นอย่างที่คุณว่ามาจริงๆ ไม่ผิดเลยสักนิด จากคุณ : เลือกทางไหนดี เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 19:58:35 A:125.25.143.95 X: TicketID:340028

ความคิดเห็นที่ 50 คุณ Dek Chan ดูจะศรัทธาความเป็นคุณครูมากๆเลยนะคะ ไม่สนใจรายได้แต่ขอให้ได้สอนได้ถ่ายทอดความรู้ก็พอใจแล้ว น่านับถือมากๆเลยคะ ^.^ จริงๆดิฉันก็แอบคิดนะคะว่า ถ้าระบบการศึกษาเราเน้นดูผลงานจากความสำเร็จของนักเรียน ประเมินจากผลงานการสอนเป้นหลัก ไม่ต้องอะไรมากมายกับการทำงานวิชาการของครุกับการทำประเมินเอกสารมากมายแต่กลับละเลยการสอน เด้กไทยเราน่าจะเก่งกว่านี้ จากคุณ : เลือกทางไหนดี เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 20:09:18 A:125.25.143.95 X: TicketID:340028

ความคิดเห็นที่ 51 # 50 ......ไม่ถึงขนาดนั้นครับ ก็อาศัยหารายได้ทางอื่นเอาด้วยครับ  เล่นหุ้นไป   เปิดตึกสอนพิเศษไป    ส่วนเรื่องครูจะบรรจุไม่บรรจุผมไม่สนหรอกครับ  9100 บาทที่ได้ บอกตรงๆด้วยเงินเท่านี้ผมใช้ได้สบายมาก   ถ้าบรรจุได้มีโอกาสแล้วเราทำได้ก็ถือว่ากำไร  ถ้าไม่ได้ผมก็สอนต่อไปได้   การเป็นครูอัตราจ้าง ในแง่ดีก้คือเรามีเวลาสอนเต็มที่ ไม่ต้องไปวุ่นวายกับการทำผลงานเพื่อขั้น หรือเพื่อเพิ่มเงินตัวเอง  ซึ่งมันเป็นปัญหาอยู่ทุกวันนี้ที่เด็กไม่มีครูจะสอน  เพราะเอาแต่ผลงาน เอาขั้น  เอาเอกสาร  ถ้าทำแบบนี้กันโรงเรียนละ  20 คน  ทั่วประเทศจะมีครูสอนไม่เต็มที่เป็นจำนวนเท่าไหร่  แล้วเด็กจะขาดโอกาสไปเท่าไหร่    ไม่แปลกใจที่โรงเรียนกวดวิชาเฟื่องฟูขนาดนี้ครับ จิตวิญญาณความเป็นครู  มันไม่ได้มีสัมปทานเฉพาะคนจบครูครับ  ครูสมัยก่อนเขาก็ไม่ได้จบครูกัน ของแบบนี้มันมาจากตัวตนของคน ไม่ใช่จบครูหรือไม่จบครู แก้ไขเมื่อ 24 ธ.ค. 55 21:17:52 จากคุณ : Dek Chan เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 20:47:53

ความคิดเห็นที่ 52 ยินดีครับ...แต่ จขกท. ผมว่าไปทางอาจารย์มหาลัย หรือไม่ก็ติวเตอร์ดีกว่าครับ เพราะจขกท. ต้องได้เงินเดือนพอๆ กับเด็กจบใหม่ และจบ จุฬา คงไปได้ไกลกว่านั้นครับ ส่วนเรื่องใบประกอบวิชาชีพ ผมจบศึกษาศาสตร์มา แต่ผมก็เห็นด้วยครับที่จะให้คนในวิชาชีพอื่นมาเป็นครู แต่อาจจะมีการแบ่งโควตาให้กับ นศ.ที่จบครูโดยตรงมาสักนิด ถือเป็นค่าความอยากเป็นครูตั้งแต่แรก แบบนี้น่าจะแฟร์กว่า ป.บัณฑิตก็ควรให้ มหาลัย ใหญ่ๆ เป็นคนจัดการไปก่อน เพราะการยุบ ป.บัณฑิตเกิดจากการเปิดเสรี เพราะจากที่ผมสังเกตดูแล้ว ไม่ใช่นักศึกษาคณะศึกษาศาสตร์จะสอนดีกันทุกคน และก็ไม่ได้หมายความว่าคนจบวิศวะ หรือคณะแพทย์จะสอนรู้เรื่องทุกคนเช่นกัน มันอยู่ที่คน มันอยู่ที่ความตั้งใจ ทำยังไงก็ได้ ให้คนตั้งใจอยากเป็นครู หรือรู้ตัวว่าอยากเป็นครูหลังจากเรียน ป.ตรีไปแล้ว สามารถเป็นครูได้ เพียงเท่านี้ก็น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดครับ... จากคุณ : amnakim เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 22:27:24