Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ฮ่องเต้เจ้าสำราญ (๖) vote ติดต่อทีมงาน

ฮ่องเต้ในพงศาวดารจีน

ฮ่องเต้เจ้าสำราญ

ตอนที่ ๖ ต้นร้ายปลายดี                                                                                        

                     “เจียวต้าย”

ย้อนกลับไปกล่าวถึงขุนนางที่ชื่อ เฮงซือหยิน ชาวเมืองเจียเพงกุ้ยเป็นผู้มีน้ำใจสัตย์ซื่อมีสติปัญญารู้วิชาฝ่ายทหารจะจัดการสิ่งใดก็ถูกต้อง มีฝีมือเข้มแข็งชำนาญในเพลงอาวุธ และเรียนรู้ตำราพิชัยสงครามมีสติปัญญาและความคิดเหมือนอย่าง ซุนบูจู๊ ครั้งแผ่นดินเลียดก๊ก และ ขงเบ้ง ครั้งแผ่นดินสามก๊ก

เล่ากึน ขันทีผู้ใหญ่ที่เป็นกังฉินก็มีความรัก อยากได้ไว้เป็นพวกพ้อง ให้คนมาชักชวนเกลี้ยกล่อมหลายครั้ง เฮงซือหยินก็ไม่ยอมเข้าด้วย เห็นว่าเล่ากึนเป็นคนไม่สุจริต

เล่ากึนจึงหาทางกราบทูลฮ่องเต้ ให้ย้ายไปทำราชการที่เมืองกุยจิว แล้วก็ลอบส่งคนไปดักฆ่าในระหว่างเดินทางเสียให้หมดทั้งครอบครัว

แต่เฮงซือจินรู้ตัว จึงทำอุบายให้คนสนิท พาครอบครัวไปอยู่ที่เมืองฮอหนำบ้านเดิม แล้วตนเองแกล้งโดดน้ำตายเสีย โดยถอดเสื้อกางเกงและหมวกกองไว้ริมตลิ่ง แล้วหนีไปอยู่ตำบลเขาปูอิซัว แกล้งทำเป็นบ้าบอ คนทั้งปวงไม่มีใครสงสัยคิดว่าเป็นคนเสียจริต

จนกระทั่ง วันหนึ่งนั่งเรือไปในแม่น้ำแขวงเมืองอังฮุย ขณะร้องเพลงเล่นเป็นปริศนา ก็มีคนร้องเรียกชื่อด้วยเสียงอันดังอยู่ริมตลิ่ง เฮงซือหยินเหลียวไปดูก็เห็น เนียฉู ขุนนางผู้ใหญ่ในเมืองหลวงยืนอยู่ จึงให้คนใช้พายเรือแอบเข้าไป ต่างคนก็คำนับกัน

เนียฉูก็ว่าข้าพเจ้าสำคัญว่าท่านขึ้นไปเป็นสุขอยู่บนชั้นฟ้า เหตุไฉนยังมาอยู่เมืองมนุษย์อีกเล่า ท่านทำอุบายประการใดหรือ เฮงซือหยินก็หัวเราะแล้วเล่าความแต่หลังให้เนียฉูฟังทุกประการ แล้วถามว่าท่านมาถึงนี่มีธุระสิ่งไร เนียฉูก็บอกความตามเรื่องที่ตนออกจากเมืองหลวง มาเที่ยวตามหาฮ่องเต้ให้ฟัง

แล้วเนียฉูจึงชวนเฮงซือจินให้ไปช่วยติดตามหาพระเจ้าเจง เต็กฮ่องเต้ด้วยกัน เฮงซือหยินก็ไม่ยอม เนียฉูจึงว่าเล่ากึนซึ่งเป็นศัตรูท่านก็หนีไปแล้ว ควรที่ท่านจะกลับไปทำราชการ ทำนุบำรุงแผ่นดินให้ราษฎรมีความสุขสืบไป เฮงซือหยินก็พูดจาบิดพริ้ว เนียฉูก็อ้อนวอนหลายครั้ง เฮงซือหยินขัดมิได้ก็ยอมรับ

แล้วสั่งคนใช้ให้เอาเรือกลับที่พัก ตนเองก็ขึ้นบกพาเนียฉูเดินไปถึงเมืองกังหนำ เที่ยวสืบหาก็ไม่ได้ความว่าฮ่องเต้เสด็จอยู่ที่ใด เนียฉูนึกขึ้นมาได้ว่า จิวหยงเป็นชาวเมืองฮุยจิว คงจะพาฮ่องเต้ไปเมืองนั้น จึงชวนกันเดินไปตามทางถึงแดนเมืองฮุยจิว

ถึงกลางทางก็พบกับจิวหยง ซึ่งจัดแจงเซ่นไหว้ที่ฝังศพปู่ย่าและบิดากลับมา จิวหยงก็เข้าไปคำนับแล้วถามว่าท่านทั้งสองจะพากันไปไหน เนียฉูว่าเรามาเที่ยวตามหาฮ่องเต้ บัดนี้พระองค์เสด็จอยู่ที่ใด เราอุตส่าห์สืบเสาะหาหลายเมืองแล้วมิได้พบ

จิวหยงจึงว่า โทษข้าพเจ้าครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก แต่จนใจด้วยพระองค์ตามมา มิได้รู้ท่านทั้งสองต้องลำบาก แล้วก็เล่าความตั้งแต่ต้นจนแยกกับฮ่องเต้ แล้วว่าบัดนี้เสด็จพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมตำบลนำเล่าติ๋น ข้าพเจ้าจะนำท่านทั้งสองไปเชิญเสด็จ กลับเข้าพระราชวัง

ขณะนั้นขุนนางกังฉินในเมืองหลวง ได้มีหนังสือบอกให้นายโจรแห่งเขาอิมเขงเนีย มีความว่าพระเจ้าเจงเต็กฮ่องเต้ เสด็จมาเที่ยวอยู่ในแขวงเมืองกังหนำ ไม่มี ขุนนางและทหารติดตามมา ถ้าจะกำจัดเสียก็น่าจะสำเร็จโดยง่าย

หัวหน้าโจรจึงแจ้งข่าวไปถึงเจ้าเมืองฮูปัก ซึ่งเป็นข้าศึกศัตรูให้ยกทัพมาตีเมืองโซจิว กำจัดพระเจ้าเจงเต็กฮ่องเต้เสีย แล้วปราบปรามบ้านเมืองให้เรียบร้อยตั้งตัวขึ้นเป็นใหญ่ ต่อไป แล้วนายโจรก็ยกกำลัง ไพร่พลและเสบียงอาหารพร้อมเสร็จ มุ่งตรงไปเมืองโซจิว หัวเมืองเล็กน้อยซึ่งขึ้นกับเมืองกังหนำ ก็กลัวอำนาจออกมาอ่อนน้อมยอมสามิภักดิ์มิได้สู้รบ

กองโจรก็ยกล่วงเข้ามาถึงเมืองกังเหลงฮู้ เจ้าเมืองก็แจ้งเมืองกังฮวยให้ส่งทหารมาช่วย แต่ก็ต้านทานไม่ไหวพวกโจรยกเข้าเมืองได้  เจ้าเมืองก็คุมทหารห้าร้อยตีแหวกหนีไปเมืองโซจิว

เจ้าเมืองโซจิวก็ตกใจรีบไปที่บ้าน ซงฮำฮือ แจ้งเรื่องที่เสียเมืองกังเหลงฮู้ ให้กราบทูลพระเจ้าเจงเต็กฮ่องเต้ทรงทราบ ฮ่องเต้ก็ตกพระทัยจึงรับสั่ง  ให้เกณฑ์ทหารขึ้นรักษาหน้าที่เชิงเทินไว้มั่นคง

ฝ่ายกองโจรก็แบ่งกำลังเข้าล้อมเมืองไว้ทั้งสี่ด้าน ฮ่องเต้จึงรับสั่งให้ทหารเตรียมเครื่องสาตราวุธ และก้อนศิลา รักษาหน้าที่เชิงเทินจงกวดขัน เสร็จแล้วกลับมาปรึกษาราชการ ทรงดำริหาช่องอุบายที่จะกำจัดโจรกังฉินก๊กนี้ต่อไป

ฝ่าย จิวหยง นำ เฮงซือหยิน กับ เนียฉู เดินทางหลายวัน มาถึงแดนเมืองโซจิว เห็นราษฎรอุ้มลูกจูงหลานเดินร้องไห้มาตามทาง จิวหยงมีความสงสัยก็เข้าไปซักถาม ราษฎรก็บอกความว่า ฮ่องเต้เสด็จมาเที่ยวดูดอกเขงที่เมืองโซจิว รู้ถึงพวก โจรที่เขาอิมเขงเนีย จึงยกกองทัพมีพลหลายหมื่นมาตีบ้านเมืองได้หลายตำบล และบัดนี้เข้าล้อมเมืองโซจิวไว้แน่นหนา ได้ยินข่าวว่าทหารในเมืองออกสู้รบก็พ่ายแพ้แก่พวกโจร ข้าพเจ้าทั้งหลายนี้อยู่นอกเมือง จึงพากันหนีจะไปอาศัยอยู่ตำบลอื่น

เนียฉูก็ตกใจว่าการจวนถึงเพียงนี้ ท่านจะคิดประการใด จิวหยงจึงว่าท่านทั้งสองจงรีบไปเกณฑ์ทหาร ตามหัวเมืองที่ใกล้ในแขวงกังหนำนี้ ข้าพเจ้าจะไปหา กวดยี่หลง ที่เขาธอฮวยซัว ชวนกันคุมทหารมาสมทบกับท่าน ยกไปปราบปรามพวกโจรเสียให้ราบคาบในครั้งนี้ เนียฉูกับเฮงซือหยินเห็นชอบด้วย ต่างก็แยกทางกันรีบไปโดยเร็ว

เนียฉูกับเฮงซือหยินยกทหารมาถึงเมืองโซจิวก่อน เห็นพวกโจรตั้งค่ายล้อมเมืองไว้ทั้งสี่ด้าน ก็ขับทหารเข้าตีเป็นตลุมบอน พอดีจิวหยงคุมพลมาถึงก็เข้าช่วยเนียฉู ทั้งสองฝ่ายสู้รบกันอยู่หลายเวลา ลงท้ายจิวหยงออกอุบาย จนพวกโจรพ่ายแพ้ต้องแตกหนีไป และส่งหนังสือ แจ้งให้เจ้าเมืองฮูปัก ยกพลมาช่วยโดยเร็ว    จิวหยงพร้อมด้วยกวดยีหลง เนียฉู และเฮงซือหยิน ก็เข้าเมืองโซจิว มาเฝ้า พระเจ้าเจงเต็กฮ่องเต้ กราบทูลข้อความที่ได้รบพุ่ง มีชัยชนะแก่พวกโจร ให้ทรงทราบทุกประการ

ฮ่องเต้ก็มีพระทัยยินดี ตรัสถามเนียฉูว่า ท่านมานี้ด้วยธุระสิ่งใด เหตุใดจึงพบเฮงซือหยิน เนียฉูก็กราบทูลความตั้งแต่ขันทีนำพระอักษรมาให้ดูจึงได้รีบมาตามเสด็จ และได้พบกับเฮงซือหยิน ซึ่งคิดว่าตายไปแล้ว ก็ชวนกันสืบเสาะหาฮ่องเต้ จนได้พบกับ      จิวหยงซึ่งกลับมาจากเมืองฮุยจิว เมื่อทราบว่าพวกโจรล้อมเมืองโซจิวอยู่ จึงไปเกณฑ์ทหารหัวเมืองในแขวงกังหนำยกมา จิวหยงก็ไปหากวดยี่หลงชวนกันยกกองทัพมาอีกทางหนึ่ง จึงได้ช่วยกันตีพวกโจรแตกไป

แล้วเนียฉูก็กราบทูลถึงเรื่องที่พวกกังฉิน คิดร้ายต่อเฮงซือหยิน เมื่อหลายปีก่อน จนเฮงซือหยินต้องทำอุบายว่าโจนน้ำตายไปพวกกังฉินจะได้สิ้นวิตก ฮ่องเต้ก็ตรัสว่าเพราะเราหลงเชื่อถ้อยคำกังฉิน ขุนนางและราษฎรจึงได้ความเดือดร้อน มันไม่คิดถึงคุณกลับทรยศจะทำลายชีวิตเราเสีย และครั้งนี้เพราะเราผู้เดียว มาเที่ยวให้ผิดราชประเพณี จนท่านทั้งหลายพลอยได้ความลำบาก

จิวหยงก็ทูลว่าครั้งนี้ได้กวดยี่หลงเป็นกำลัง จึงกำจัดพวกโจรได้โดยง่าย ฮ่องเต้ก็รับสั่งว่าถ้ากลับไปเมืองหลวงจะปูนบำเหน็จรางวัลโดยควรแก่ความชอบ แล้วตั้งให้เฮงซือหยินเป็นแม่ทัพ จิวหยง กวดยี่หลง เป็นนายทหารใหญ่ซ้ายขวา เตรียมเครื่องสัตราวุธและฝึกทหารให้พร้อมไว้

เมื่อกองทัพของพวนอ๋อง เจ้าเมืองฮูปักมาถึง  กองทัพขดงเมืองโซจิวก็ป้องกันต่อสู้อย่างเข้มแข็ง แม้ข้าศึกจะใช้กองทัพช้างจำนวนมากเข้าทำสงครามด้วย  แต่ก็ถูกฝ่ายฮ่องเต้แก้ไขจนสามารถเอาชนะได้โดยเด็ดขาด  ฮ่องเต้ก็สำราญพระทัยอยู่ในเมืองโซจิวอีกหลายเวลา

วันหนึ่งเสด็จออกขุนนางนายทหารทั้งปวงเฝ้าอยู่พร้อมกัน จึงรับสั่งให้จัดโต๊ะและสุรามาตั้ง พระราชทานขุนนางนายทหารกินเสร็จแล้ว เนียฉู จึงเชิญพระอักษรของฮองไทเฮามาถวาย ฮ่องเต้ทอดพระเนตรแจ้งความแล้ว ก็ทรงรับสั่งว่าจะกลับเข้าเมืองหลวง และตรัสกับสั่งขุนนางหัวเมืองที่ยกกองทัพมาช่วยว่า ท่านพากันคุมทหารยกมากำจัดพวกโจรครั้งนี้ เพราะมีกตัญญูต่อแผ่นดิน ความชอบของท่านมีอยู่แก่เรา เป็นอันมาก จงกลับไปรักษาบ้านเมืองตามเดิม ภายหลังจึงจะเลื่อนยศตามสมควร ขุนนางหัวเมืองทั้งปวง ก็ถวายบังคมลาพากันยกทหารกลับไป

พระเจ้าเจงเต็กฮ่องเต้ก็มีรับสั่งให้เนียฉู จัดเตรียมการยกกองทัพกลับ แล้วให้จิวหยงกับ       ลีเหลง เอารถไปรับ นางลีฮอง มาโดยเร็ว นางลีฮองก็จัดแจงข้าวของขึ้นรถจากโรงเตี๊ยมที่ตำบลนำเล่าติ๋นมาเฝ้าที่เมืองโซจิว ฮ่องเต้ทอดพระเนตรเห็นก็มีพระทัยยินดี ให้เข้าไปอยู่กับ นางฉายเหีย ข้างใน

เนียฉูก็ทูลถามว่า หญิงคนนี้พระองค์ได้มาแต่ไหน ฮ่องเต้ก็ตรัสเล่าความที่มาพักอาศัยอยู่ในโรงเตี๊ยม จนตั้งนางลีฮองเป็นกุยฮุย ให้ฟังทุกประการ เนียฉูแจ้งดังนั้นจะทูลทัดทานก็เห็นว่าการได้ล่วงมาจนทรงแต่งตั้งเสียแล้ว ประการหนึ่งลีเหลงก็มีความชอบ ได้ช่วยปราบเสี้ยนหนามแผ่นดินด้วยจึงนิ่งเสีย

ครั้นรุ่งเช้าฮ่องเต้ก็ตรัสสั่งเจ้าเมืองโซจิว และขุนนางกรมการ ให้ช่วยกันรักษาบ้านเมือง บำรุงราษฎรให้มีความสุขสืบไป จึงจะชุบเลี้ยงตั้งแต่งขึ้นเป็นใหญ่โดยควรแก่ความชอบ เจ้าเมืองโซจิวและขุนนางกรมการทั้งปวงก็คุกเข่าลงถวายบังคมพร้อมกัน ฮ่องเต้ก็เสด็จขึ้นทรงรถพา ซงฮำฮือ บิดานางฉายเหีย กับขุนนางและนายทหารออกจากเมืองโซจิว ให้จิวหยงเป็นทัพหน้า ถึงเมืองใดเจ้าเมืองกรมการนายบ้าน และราษฎรก็ตั้งเครื่องบูชารับเสด็จทุกตำบล ฮ่องเต้ก็ยินดีเพลิดเพลินพระทัย จนถึงแดนเมืองปักเกียคือเมืองหลวง ขุนนางใหญ่น้อยรู้ก็มาคอยรับเสด็จอยู่นอกกำแพงเมือง

ฝ่าย จิวหงวน ตั้งแต่ลามารดาออกจากบ้าน อึงซุย ผู้ลุง จะเข้าเมืองปักเกีย เดินตามทางได้ยินชาวบ้านพูดว่า ฮ่องเต้ยกกองทัพกลับเข้าเมืองหลวง พอถึงเห็นขุนนางคอยรับเสด็จอยู่ ก็เข้าไปนั่งอยู่ด้วย พอพระเจ้าเจงเต็กเสด็จมาถึง ผู้รอรับเสด็จทั้งปวงก็คุกเข่าลงถวายบังคม ฮ่องเต้ทอดพระเนตรเห็นจิวหงวนก็มีพระทัยยินดี จึงประทับปราศรัยแก่ขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยโดยสมควร แล้วรับสั่งให้ขุนนางรับเอา จิวหงวนไปฝึกหัดให้รู้ขนบธรรมเนียม แล้วก็เสด็จ เลยเข้าพระราชวัง

พระเจ้าเจงเต็กฮ่องเต้ ก็เสด็จไปเฝ้าฮองไทเฮาพระราชมารดา ทูลขอโทษ ฮองไทเฮาทอดพระเนตรเห็นก็มีพระทัยยินดี ตรัสถามถึงความหลัง ฮ่องเต้ก็ทูลให้ทรงทราบสิ้นทุกประการ ฮองไทเฮาก็ตกพระทัยจึงตรัสว่า นี้หากว่าบุญของเจ้ามาก จึงได้พ้นอันตราย แต่นี้ไปจะทำการสิ่งใดให้ถูกต้องตามราชประเพณีจึงจะมีความสุข

ฮ่องเต้ก็รับคำฮองไทเฮา แล้วคำนับลาออกมาประทับที่ว่าราชการ ขุนนางฝ่ายทหารและพลเรือนเฝ้าอยู่พร้อม จึงมีรับสั่งให้รับนางกุยฮุยทั้งสองไว้ในพระราชวัง เนียฉูก็ทูลว่า

"....นางฉายเหียนั้นเป็นเชื้อขุนนางมาหลายชั่ว ควรที่จะเป็นกุยฮุยรับราชการฝ่ายใน ข้าพเจ้าพอประกันได้คงไม่เป็นอันตราย แต่นางลีฮองนั้นมีสติปัญญาประกอบด้วยรูปร่างลักษณะดี ควรที่จะเป็นข้าราชการก็จริง แต่ข้าพเจ้าเห็นว่าตั้งโรงเตี๊ยมขายข้าวและสุรา คนไปมาไม่ขาด เปรียบเหมือนดอกไม้ใกล้ทางเดิน ข้าพเจ้ามีความรังเกียจอยู่ ใครจะเป็นผู้ค้ำประกัน....."

ฮ่องเต้ได้ฟังเนียฉูทูลดังนั้นจึงตรัสถามขุนนางที่เฝ้า ว่าผู้ใดจะรับประกันนางลีฮองได้บ้าง ก็ไม่มีผู้ใดยอมรับประกันด้วยเห็นจริงตามคำเนียฉูทูลทุกประการ ฮ่องเต้ก็ทรงขัดเคืองจึงตรัสว่า ถ้าขุนนางไม่มีใครประกันได้ เราก็รับประกันเอง

เนียฉูเห็นว่าฮ่องเต้โปรดปรานนางลีฮองมากไม่สามารถจะทัดทานได้ จึงว่า

"....ถ้าพระองค์ทรงเมตตานางลีฮอง ไม่ให้เป็นที่สงสัย รังเกียจแห่งขุนนางทั้งปวงแล้ว จงรับสั่งให้ขุนนางเจ้าพนักงาน ทำเก๋งให้นางลีฮองพักอยู่ในสวนดอกไม้ก่อน ถ้าเรียบร้อยเป็นปกติได้ปีหนึ่ง จึงให้เข้ารับราชการตำแหน่งที่กุยฮุยจึงจะควร เกียรติยศก็จะปรากฏแก่นานาประเทศว่า พระองค์ทรงจัดการถูกต้องตามราชประเพณี....."

ฮ่องเต้ได้ทรงฟังก็เห็นชอบด้วย จึงรับสั่งให้ กงเป๋า เป็นเจ้าพนักงาน ทำเก๋งให้เสร็จแต่ในสิบวัน แล้วเสด็จเข้าข้างในรับสั่งให้หานางลีฮองมาเฝ้า ตรัสเล่าความที่เนียฉูกับขุนนางกราบทูล และที่พระองค์รับสั่ง ให้นางลีฮองฟังทุกประการ

นางลีฮองทูลว่า ข้อที่ข้าราชการเขาสงสัยก็ถูกต้องตามประเพณี ควรที่พระองค์จะเชื่อฟัง ไปภายหน้าข้าราชการเขาจะได้ไม่รังเกียจ ฮ่องเต้ก็มีพระทัยยินดี ด้วยเห็นว่านางลีฮองมีปัญญาลึกซึ้งสมควรแก่ตำแหน่ง

วันรุ่งขึ้นเวลาเช้า ฮ่องเต้เสด็จออก ขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อย เฝ้าอยู่พร้อม จึงรับสั่งให้ ปูนบำเหน็จความชอบ แก่ขุนนางและนายทหารที่ตามเสด็จ และทำศึกสงครามมีความลำบาก และพระราชทานเงินทองสิ่งของต่าง ๆ ให้แก่ขุนนางนายทหารผู้มีความชอบเป็นอันมาก

ฝ่าย จิวหงวน ได้รับการฝึกหัดรู้ขนบธรรมเนียมแล้ว ฮ่องเต้ก็โปรดตั้งเป็นที่ ซินอ๋อง พระราชทานเสื้อหมวกเครื่องยศอย่างเจ้าต่างกรมให้ นางอึงสี มารดาเป็นไทฮูหยิน แล้วกลับไปเป็นเจ้าเมืองเดิม

พระเจ้าเจงเต็กฮ่องเต้ก็พาซินอ๋อง เข้าไปเฝ้าฮองไทเฮา พระราชมารดากับฮองเฮา ณ พระที่นั่งข้างใน ฮองไทเฮากับฮองเฮาก็ตรัสถามถึงความต่าง ๆ ซินอ๋องก็กราบทูลไปตามเรื่องที่ฮ่องเต้รับไว้เป็นบุตรเลี้ยงทุกประการ ฮองไทเฮาก็พระราชทานเงินทองให้ซินอ๋องไปใช้สอยตามทางเป็นอันมาก

ฝ่ายนางลีฮองซึ่งออกไปอยู่เก๋งในสวนดอกไม้ มีขันทีระแวดระวังตามประเพณี ก็จงรักภักดีโดยสุจริต มิได้คิดสิ่งใดให้ขุ่นเคืองพระเนตรพระกรรณ ครบปีหนึ่งแล้ว ขุนนางทั้งปวงก็สิ้นความรังเกียจพร้อมกันกราบทูลฮ่องเต้ว่า นางลีฮองนั้นประพฤติการดี สมควรที่จะชุบเลี้ยงแล้ว

ฮ่องเต้ก็มีพระทัยยินดี ให้ขันทีและพนักงานจัดรถไปรับนางลีฮองเข้าสู่พระราชวัง ตั้งให้เป็นกุยฮุยรับราชการสืบไป

พระเจ้าเจงเต็กฮ่องเต้สำราญพระทัยอยู่กับนางฉายเหียและนางลีฮอง เป็นสุขสืบมา ถึงเวลาก็ออกว่าราชการโดยยุติธรรมมิได้ขาด ตั้งแต่นั้นมาบ้านเมืองก็มีความเรียบร้อยฝนฟ้าตกต้องตามฤดู ราษฎรทำมาหากินเป็นสุขทั่วทั้งพระราชอาณาเขต

เรื่องราวของฮ่องเต้เจ้าสำราญ ซึ่งเป็นตอนหนึ่งในเรื่อง อิวกังหนำ หรือ คนซื่อแห่งกังหนำ ก็บริบูณ์ลงเพียงนี้.

############

จากคุณ : เจียวต้าย
เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 55 19:46:17




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com