PANTIP.COM : K13124391 รบกวนแนะนำ Dictionary เฉพาะ Phrasal Verbs/Idioms ให้ทีค่ะ [ห้องเรียนภาษาอังกฤษ]

ความคิดเห็นที่ 3

เราใช้ dictionaries ให้มากยี่ห้อที่สุดเท่าที่จะมีปัญญาหามาได้ แต่จะใช้เป็น software หมด ไม่ใช้ dictionaries กระดาษเลย เพราะ dictionaries กระดาษช้าเกินควร ถ้าทำงานแปลเอกสารหรืองานค้นคว้ายากๆด่วนๆมัวแต่พลิกหน้ากระดาษจะถึงกับทำไม่ทัน

กลยุทธ์ในการติดตั้ง software เราทำไม่เหมือนกันบนคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง ยกตัวอย่างเช่นบน windows 8 tablet ซึ่งเราใช้ทำงานนอกบ้านโดยต่อเน็ตแบบ 3g เราติดตั้ง dictionaries ที่เป็น software ลงไป 10 กว่าเล่ม (กำลังจะทยอยใส่เพิ่มเรื่อยๆ) ที่ทำเช่นนั้นก็เพื่อประหยัดเงินค่าเน็ต 3g (ที่คิดตามจำนวนข้อมูลที่ upload กับ download มานั่นเอง)

ส่วน desktop computer ที่ใช้ในบ้านนั้นเราติดตั้ง slipstreamed windows 7 (ซึ่งเป็น OS ตัวที่เอาองค์ประกอบที่กิน RAM เยอะๆออกไป) ลงไป แล้วติดตั้ง applications ให้น้อยที่สุด และไม่ติดตั้ง dictionaries ที่เป็น software เลยแม้แต่ยี่ห้อเดียว แต่เราใช้ portable browser ที่ทำ bookmarks เก็บ URLs ของ websites ที่เป็น online dictionaries เอาไว้ แล้วใช้แต่ online dictionaries (มีตั้งหลายสิบยี่ห้อ รวมทั้ง 2 ยี่ห้อที่ จขกท พูดถึง) ที่ทำเช่นนี้ก็เพราะว่าที่บ้่านเราใช้ cable internet เราจะเปิดหน้า web เท่าไหร่ค่าเน็ตก็เหมาจ่ายเท่าเดิม ยังไงล่ะ
^
ประโยชน์ของการทำเช่นนี้กับ desktop computer ก็คือ เราทดสอบ software บน desktop computer บ่อยๆ ถ้าทำ slipstreamed windows 7 พังพินาศไปเราสามารถ recover (กู้กลับคืนมา) โดยใช้เวลาเพียงแค่ 3-4 นาทีเอง (แทนที่จะใช้เวลาเป็นชั่วโมง) เนื่องจาก image file ของระบบ (ที่ทำ backup ไว้) มีขนาดเล็กมากๆ (เพราะติดตั้ง applications ไว้น้อยที่สุด)

และบนคอมพิวเตอร์อีก 2 เครื่องของเราคือ netbook กับ slim notebook เราติดตั้ง operating systems คนละชนิดกัน เพื่อทดสอบ software หลายๆชนิด ภายใต้ environments ที่ไม่เหมือนกัน บางคนอาจคิดว่าทำไมเราไม่ทดสอบมันบน virtual machine แต่เหตุผลหลักก็คือเราต้องการทดสอบความแตกต่างระหว่าง legacy bios กับ uefi นั่นเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ flash drive boot เพื่อเข้าไปทำ backup หรือ recovery หรือทำ maintenance ต่างๆ

ข้อเสียเปรียบกับได้เปรียบของ dictionaries เสียเงิน กับ free online dictionaries เป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ

^
นั่นก็คือเราเรียน reading กับ writing จาก ebooks ที่เป็น texts เนื่องจากเราสามารถ copy and paste ข้อความที่อ่านเจอ เอาไปจด notes เป็น mind mapping ได้ โดยคำศัพท์ที่น่าสนใจที่เราจะนำไปฝึกเขียนประโยคพลิกแพลงนั้น เราทำ hyperlinks ไว้ไปยัง notes ที่เราจด ซึ่งมีตัวอย่างประโยค แต่ไม่มีคำแปล การ copy and paste ตัวอย่างประโยค (เฉพาะตัวอย่างประโยคที่ต้องการ) มาใส่ใน mind mapping ทำได้ แต่การทำเช่นนั้นกับ dictionaries ที่เป็น software มันทำไม่ได้! มันต้อง copy and paste มาทั้ง entry ซึ่งมันมากเกินไป

^
นี่แหละคือความแตกต่างที่สำคัญ เท่าที่ทดสอบมาเห็นทีจะมีแต่ Collins Cobuild Advanced Learner's Dictionary เท่านั้นเองที่ยอมให้ copy and paste ตัวอย่างประโยคได้แค่ประโยคที่ต้องการ แต่ dictionaries ยี่ห้ออื่นๆมันเล่นยกมาทั้ง entry เลย ทำให้ตาลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาเราไม่เรียนเอง แต่เวลาสอนภาษาอังกฤษให้นักเรียน ถ้านักเรียนเจอ copy and paste มาทั้ง entry เขาจะมึนหัวมากๆ เพราะการอ่านและเขียนมันต้องเรียนความพลิกแพลงของประโยคที่สร้างจากคำศัพท์แต่ละตัวครั้งละน้อยๆ อยู่ดีๆไปจำ collocations หมดนักเรียนสมองบานแน่ๆ เราแนะนำนักเรียนให้จดตัวอย่างประโยคทีละ 2-3 ประโยค (ซึ่งวิ่งไปหาได้จากกด hyperlinks) ในแต่ละครั้ง แล้วค่อยๆกลับไปอ่านทวน แล้วเพิ่มตัวอย่างประโยคเข้าไปวันละนิด วันละนิด โดยวาง articles ที่อ่าน (เพื่อเอาไปหัดเขียน) กับวางตัวอย่างประโยคของคำศัพท์ แบบจัดเป็น sections, subsections, pages, subpages อย่างเป็นระเบียบ

และอีกปัญหาหนึ่งก็คือเวลาเราทำงานแปลอังกฤษเป็นไทย (ซึ่งทำน้อยมากๆ ส่วนใหญ่จะแปลไทยเป็นอังกฤษ) ถ้าเราใช้ Oxford Advanced Learner's กับ Longman Dictionary of Contemporary English ใน popup mode (คือเอา mouse ชี้คำศัพท์ภาษาอังกฤษแล้วคำแปลกับตัวอย่างประโยคโผล่มาเลย) นั้่น dictionaries 2 ยี่ห้อนี้ software มันโง่มั่กๆ อยู่ดีๆ cursor ไปจิ้มโดนภาษาไทย (คำแปลที่พิมพ์ลงไปแล้ว) โดยบังเอิญบ่อยๆ พอมันเจอภาษาไทยเขามันวิ่งค้นคำศัพท์ภาษาไทยจนโปรแกรมชะงักไปพักใหญ่ๆ ทำให้หงุดหงิดมากๆ แต่ถ้าใช้ popup mode ของ Collins Cobulid Advanced Learner's Dictionary นะ software ตัวนี้ฉลาดกว่าเยอะ ถ้า cursor ไปจิ้มโดนภาษาไทยโดยบังเอิญ มันอยู่เฉยๆ มันไม่วิ่งไปค้นศัพท์ภาษาไทยให้โง่หรอก...555+++...

แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น ไอ้ esl dictionaries(ดิกที่มีตัวอย่างประโยคเพื่อช่วยคนเรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2) 3 ยี่ห้อที่พูดถึงนี้ มันก็ไม่เหมาะกับการทำงานแปลเอกสารยากๆ เพราะมันจุคำศัพท์ยากๆไว้ไม่มากพอ เราเคยแก้ปัญหาได้โดยการติดตั้ง software ที่เป็น Encarta Encyclopedia ซึ่งมี Encarta Dictionaries ขนาดใหญ่จุคำศัพท์ไว้ตั้งมากมาย แต่มันออก version สุดท้ายมาเมื่อปี 2009 แล้วหยุดพัฒนาอีก ซึ่งน่าเสียดาย เราเลยเปลี่ยนไปใช้ thefreedictionary.com แทนซึ่งจุคำศัพท์ได้มากมายพอๆกัน และที่ดีก็คือ เป็น online dictionaries ของฟรีด้วย

สรุป
ถ้าใครทำงานด้านภาษาอังกฤษ (เช่นแปลเอกสาร) หรือเรียนภาษาอังกฤษในบ้าน แล้วใช้เน็ตความเร็วสูงที่เหมาจ่ายราคาตายตัวนะ ความจำเป็นที่จะต้องซื้อ dictionaries มันไม่มีเลยแม้แต่นิดเดียว! เพื่อนเราที่เป็นนักแปลตั้งหลายคนทำงานเลี้ยงชีพมาตั้งหลายปีแล้วโดยไม่เคยซื้อ dictionaries เลยสักยี่ห้อเดียว ก็ยังอยู่รอดมากได้

แม้กระทั่งบน windows 8 tablet ของเราก็เหอะ ความจริงแล้วเราจะไม่ติดตั้ง dictionaries ใดๆเลยก็ยังได้ การใช้เน็ต 3g ค้นศัพท์มันไม่เป็นค่าใช้จ่ายอะไรที่มากมายนักหรอก เพราะการ download และ upload ข้อมูลมันน้อยนิด ไม่เหมือนดู video บน youtube หรือดู online movie ที่ต้องมีการ download และ upload ข้อมูลเยอะมากๆ เพียงแต่เราติดตั้ง dictionaries ไว้ให้มันดูเท่ๆละกระมัง?...555+++...

จากคุณ : fortuneteller

เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 55 03:58:16

ความคิดเห็นที่ 8

แต่ทำไมเราจึงคร่ำครวญหา Oxford Advanced Learner's Dictionary version 7 อยู่อีกล่ะ? จะบอกความลับให้ version 7 มีการเขียนกำกับบอก verb forms ให้ ซึ่งเป็น features อันโดดเด่นของ Oxford Advanced Learner's Dictionary มาหลายปี หลาย versions แล้ว แต่ใน version 8 เขาเอาออกไปทำไมกันหว่า (หรือเราตาลายหาไม่เจอเอง...555+++...เพราะไม่ค่อยได้ใช้มัน)

verb forms เป็นอะไรที่สำคัญมากๆ สำหรับคนเรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2
..........................................................................

ข้อความข้างล่างนี้ ซึ่งแปะไว้เพื่อแสดง features ของ version 7 ว่าให้ verb forms ไว้ยังไง
ลอกมาจาก คคห 20 ของกระทู้เก่าที่เราปั่นไว้ ((ตอนนั้นเราใช้ login เดิมคือ tansy (iwrite4u))) คือกระทู้นี้

http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2008/05/K6595622/K6595622.html
.........................................................................

ตรรกะที่สลาย myths (ความเชื่อที่ผิดๆ) เกี่ยวกับการลงเรียน writing (ตอน 3)

เราพล่ามมายาว คนที่ยังเชื่อว่าเรียน writing ไม่กี่สิบชั่วโมงที่โรงเรียนสอนภาษา ก็เขียนภาษาอังกฤษได้ บางคน หรือหลายๆคนก็อาจไม่เข้าใจแล้วพาลคิดว่า

“ไอ้บ้าคนนี้มัน พูดเรื่องอะไรกันเนี่ย? โรงเรียนสอนภาษาเขากำลังจะได้เงินกัน แล้วไปขัดลาภเขาทำไมกัน?”

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเราพูดว่า

คำศัพท์ภาษาอังกฤษ เกือบทุกคำ จะมีพฤติกรรมเฉพาะตัวของมัน ในการนำไปใช้สร้างประโยค ซึ่งคนไทยหรือคนชาติอื่นที่เรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองนั้น ไม่มีทางที่จะใช้มันได้ถูกต้อง ได้ง่ายๆ เว้นเสียแต่ว่า จะเคยเจอเจ้าของภาษาใช้มัน

*****ซึ่งถ้าพยายามหาทางพูดกับฝรั่งหรือนั่งอ่านหนังสือเอาให้เรียนรู้พฤติกรรมทุกรูปแบบของคำศัพท์ทั้งหมดในภาษาอังกฤษ ก็คงชาติหน้าบ่ายๆ กว่าจะเรียนได้หมดสิ้น จนถึงขั้นที่เรียกว่าจะขจัด non-native speaker’s errors (ข้อผิดพลาดของคนที่ไม่ใช่เจ้าของภาษา) ให้หมดสิ้นซากไปได้*****

ดังนั้น เราจึงได้แนะนำไว้แล้วว่า ให้เรียนการเขียนในระดับพื้นฐานมากๆ จาก esl dictionaries เสียก่อน โดยการศึกษาดูว่า คำศัพท์ง่ายๆ แต่ละคำนั้น มันเอาไปสร้างประโยคพลิกแพลงอย่างไรได้บ้าง นั่นเอง และศึกษาจดจำ collocations ทั้งหลายเอาไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

*****ซึ่งหลักสูตรนี้ โรงเรียนสอนภาษาที่ไหนจะสอนให้ได้ผล ภายในเวลาเพียงแค่ไม่กี่สิบชั่วโมงตามเวลาใน course ที่ขายกันเกร่ออยู่ทุกวันนี้ มันเป็นไปไม่ได้... นั่นก็เพราะว่า กว่าจะครอบคลุมเนื้อหาได้นั้น มันกินเวลาหลายๆปีมากๆ บางทีกินเวลาเกิน 10 ปีขึ้นไป...!!!!"

เพื่อให้ชัดเจนมากยิ่งๆขึ้น เราจะนำคำศัพท์ง่ายๆ มาตัวหนึ่ง เพื่อสาธิตให้คุณดูว่า คำศัพท์ง่ายๆ แค่คำเดียวนี้ จะใช้พลิกแพลง ให้ถูกต้องเหมือนเจ้าของภาษาได้นั้น มันมีอะไรให้จำ มากมายแค่ไหน (ซึ่งมันยากมากกว่าเรียนคำศัพท์ในภาษาไทยหรือภาษาจีนหลายๆเท่า เลยทีเดียว)

เรามาศึกษาจาก esl dictionary ที่มีชื่อเสียงเล่มหนึ่งกัน นั่นก็คือ Oxford Advanced Learner’s Dictionary ว่า

คำว่า "suggest" เพียงแค่คำเดียวนี้ มีพฤติกรรมเฉพาะตัวอะไรบ้าง ที่ต้องจดจำกันไม่หวัดไม่ไหว หากต้องการเขียนภาษาอังกฤษให้ถูกต้องเหมือนเจ้าของภาษา

พฤติกรรมอันแรกของศัพท์ตัวนี้คือ [VN] คือ verb + noun นั่นเอง และเขาก็ให้ตัวอย่างประโยคไว้คือ
May I suggest a white wine with the dish, Sir? ซึ่งก็เป็น [VN] จริงๆ นั่นก็คือ suggest = V ส่วน wine = N นั่นเอง ซึ่งในประโยคนี้ suggest แปลว่า “แนะนำ”

ทีนี้ดิก เขาก็ให้ตัวอย่างอีกประโยคหนึ่งคือ
A solution immediately suggested itself to me (= I immediately thought of a solution. = ฉันคิดคำตอบขึ้นมาได้ทันที) อันนี้ ถ้าใครท่องศัพท์เป็นคำโดดๆว่า suggest แปลว่า “แนะนำ” หรือ “เสนอ” มาโดยตลอด ก็จะไม่มีทางเขียนประโยคให้คำว่า suggest มันมีความหมายอย่างในประโยคนี้ได้เลย

คราวนี้เรามาดูพฤติกรรมของคำนี้ต่อไป นั่นก็คือ [V (that)] คือ verb (+ that) นั่นเอง
เมื่อนำ “สูตร” นี้ไปใช้ ก็จะแต่งประโยคได้ ดังนี้

I suggest (that) we go out to eat.

พฤติกรรมต่อไปที่ต้องจำก็คือ [V -ing] นั่นก็คือ suggest + verb-ing นั่นเอง
เมื่อเขียนประโยคก็ได้แบบนี้
I suggested going in my car.

พฤติกรรมต่อไปที่ต้องจำก็คือ [VN that]
เมื่อเขียนประโยคก็ได้ประมาณนี้
It has been suggested that bright children take their exams early.
หรือถ้าจะเขียน แบบคนอังกฤษ ก็จะเติม should เข้าไป
It has been suggested that bright children should take their exams early.

พฤติกรรมต่อไปคือ
suggest somebody (for something)
ลองเขียนมาก็จะได้ประมาณนี้
Who would you suggest for the job? คุณจะเสนอให้ใครทำงานนี้?

พฤติกรรมต่อไปคือ
suggest something (as something)
ลองเขียนมาก็จะได้ประมาณนี้
She suggested Paris as a good place for the conference.

เรามาดูพฤติกรรมแบบ [VN] กันใหม่
เช่น
Can you suggest a good dictionary? คุณจะแนะนำดิกดีๆสักเล่มได้ไหม? เขียนแบบนี้ถูก

แต่ถ้าเขียนแบบนี้นะ คือ
Can you suggest me a good dictionary? มันจะผิด grammar ทันที เนื่องจากว่า

“พฤติกรรมเฉพาะตัว” ของคำว่า suggest (ตามที่ดิกเขาอธิบายไว้นะ) นั่นก็คือว่า
มันใช้ไม่ได้ในรูปแบบ ‘suggest somebody something’ นั่นเอง

เป็นไง เป็นไง มึนหรือเปล่า? ถ้าคุณมึน เราก็มึนด้วยเหมือนกันน่ะ ....555++++....

พฤติกรรมต่อไปก็คือ [V wh-] คือ verb + who, what, why, when, อะไรทั้งหลายนั่นแหละ
เมื่อเขียนประโยคดู จะได้ประมาณเนี้ย

Can you suggest how I might contact him? (หรือถ้าเปลี่ยน how เป็น when (ซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูล wh- ก็น่าจะใช้ได้นะ แต่ถ้าดันใส่ what เข้าไปแทน ละก็ อ่านไม่รู้เรื่องไปเลย อ้ะ...!!!!)

คราวนี้ พฤติกรรม [V (that)]
All the evidence suggests (that) he stole the money.
หลักฐานทั้งหมด “แสดงให้เห็นว่า เขาขโมยเงินไป"

คราวนี้เรามาดูพฤติกรรม [V (that)]
กลายเป็นความหมายพลิกแพลงไปได้อีก
Are you suggesting (that) I’m lazy? คุณกำลัง "ส่อความว่า = “หาว่า” ฉันขี้เกียจหรือ?

เรามาดูข้อพึงระวังเรื่อง non-native speaker’s errors กัน อีก ตัวอย่างหนึ่ง อันนี้คัดจาก esl dictionary อีกเล่มคือ Longman Dictionary of Contemporary English

นั่นก็คือ

เขียนสรุปมาสั้นๆ ก็คือ
He suggested us to go for a drink. อย่างนี้ผิด grammar คือคำศัพท์ตัวนี้ไม่มีพฤติกรรมเช่นนี้นั่นเอง

แต่ที่ถูกต้องเป็น
He suggested that we go for a drink.
หรือจะเขียนว่า
He suggested we go for a drink. ก็ถูกต้องเหมือนกัน

What do you suggest us to do? อย่างนี้ผิด grammar คือคำศัพท์ตัวนี้ไม่มีพฤติกรรมเช่นนี้นั่นเอง

แต่ที่ถูกต้องเป็น
What do you suggest we do?

I suggest to wear something warm. อย่างนี้ผิด grammar คือคำศัพท์ตัวนี้ไม่มีพฤติกรรมเช่นนี้นั่นเอง

ที่ถูกต้องเป็น
I suggest wearing something warm.

เรารีบๆพิมพ์ ถ้าใครเห็นมีข้อผิดพลาดอะไร ก็ทักท้วงได้ ไม่ว่ากัน เราจะแก้ไขให้ แต่เราไม่ได้พิมพ์ความเป็นไปได้ของพฤติกรรมทั้งหมดของคำว่า suggest นะ เนื่องจากว่า

*****“แค่นี้ก็จะปวดหัวตายหะอยู่แล้ว...555+++”*****

จากคุณ : fortuneteller

เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 55 10:42:48