ความคิดเห็นที่ 1 เล่มแรกที่อ่านจบไปซักพักใหญ่ ๆ แล้วก็คือ The Bookseller of Kabul เขียนโดย Asne Seierstad ผู้เขียนได้ไปใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวของ Sultan Khan ซึ่งเป็น คนขายหนังสือ อยู่ใน คาบูล ... ประเทศอัฟกานิสถาน ... ประเทศที่มีประชากรอ่านหนังสือออกอยู่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์เท่านั้น เอง ผู้เขียนได้บอกไว้แต่ต้นเรื่องแล้วว่า ครอบครัวของ Sultan ไม่ใช่ ครอบครัวแบบ typical ของอัฟกานิสถาน ... เขาเป็นคหบดี ที่ร่ำรวย ได้รับการศึกษา พูดภาษาอังกฤษได้ดี แม้ว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็น non-fiction แต่ก็ถูกเขียนออกมาใน รูปแบบเรื่องเล่า ผ่านสายตาของสมาชิกต่าง ๆ ในครอบครัวนี้ ซึ่งแต่ละบท ก็จะเป็นมุมมองของคนหนึ่งคน ตั้งแต่มุมมองของ Sultan เอง ที่เล่าถึงการที่ได้มาขายหนังสือ และช่วงที่คอมมิวนิสต์ และ ตาลีบาน เข้ามาปกครอง และ ไล่เผาหนังสือทิ้ง จนถึงปัจจุบันนี้ มุมมองของภรรยาคนแรกที่ขมขื่นกับการที่ Sultan มีภรรยา คนที่สองซึ่งเด็กกว่าหลายสิบปี ... ลูกชายคนโตที่ถูกบังคับ ให้ออกจากโรงเรียน มาทำงานประจำที่ร้านขายหนังสือ ... พี่สาวที่เคยเป็นครู แต่ต้องลาออกจากงานตอนช่วงที่ ตาลีบานเข้าปกครอง ... น้องสาวที่มีฐานะในบ้านไม่ต่างอะไร กับคนใช้ เพราะในอัฟกานิสถานแล้ว ผู้หญิงยังเป็นพลเมือง ชั้นสองอยู่ เป็นสมบัติของผู้ชาย ขยับตัวทำอะไรก็ลำบาก ฯลฯ ซึ่งแต่ละคนก็มีแง่มุมชีวิตของตัวเอง ล้วนแล้วแต่ขมขื่นใน แง่มุมที่ต่างกัน ส่วนตัวแล้วคิดว่า นี่เป็นเป็นหนังสืออีกเล่มที่ดีมาก ๆ อีกเล่มหนึ่ง และอยากแนะนำให้ลองอ่านดู ... ภาษาที่ใช้อ่านง่าย ลื่นไหล และจูงใจให้อ่านมาก ๆ ค่ะ ^^ จากคุณ : Clear Ice - [ วันแรงงาน 19:16:35 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อีกเล่มหนึ่งที่เพิ่งอ่านจบไปได้ไม่นานนักก็คือ News of a Kidnapping เขียนโดย Gabriel Garcia Marquez เล่มนี้อ่านเพราะได้รับคำแนะนำจากคุณป้า ... เล่มนี้คุณป้า เคยรีวิวเอาไว้แล้ว ไอซ์ขอเล่าย่อ ๆ ก็แล้วกันนะคะ หนังสือเล่มนี้กล่าวถึง การลักพาตัวของนักข่าว และผู้มีชื่อเสียง ของประเทศโคลอมโบ 10 คน โดย Pablo Escobar เจ้าพ่อ นักค้ายารายใหญ่ เพื่อใช้เป็นข้อต่อรองให้ได้สิ่งที่เขาต้องการ ในช่วงนั้น รัฐบาลกำลังอยู่ในระหว่างการออกกฏหมาย ที่ให้อาชญากรออกไปรับโทษนอกประเทศได้ ((extradited from Colombia to the US.)) ซึ่ง Escobarไม่ต้องการ และอยากจะใช้การลักพาตัวนี้ กดดันรัฐบาลและผู้เกี่ยวข้อง หนังสือได้เล่าถึงมุมมองของทุกคนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งประวัติ และความเป็นมาโดยละเอียด สถานการณ์ของผู้ที่ถูกลักพา ตัวทั้งสิบ ที่ถูกจับขังแยก ๆ กันไป จนไปถึงจุดจบที่ผู้ลักพา ตัวส่วนหนึ่งถูกฆ่า และส่วนใหญ่ได้รับการปล่อยตัว และ Escobar ได้รับสิ่งที่เขาต่อรอง .... ในความคิดเห็นส่วนตัวของไอซ์ต่อหนังสือเล่มนี้ ... ไอซ์ว่า เป็นหนังสือที่มีหัวข้อน่าสนใจ และมีรายละเอียดแยะมาก ๆ สำหรับคนที่ชอบอ่านอะไรอย่างนี้ แต่สไตล์การเขียนของ Marquez สับสนจนน่าผิดหวังค่ะ ... การเรียบเรียงเนื้อเรื่องค่อนข้างสับสน กระโดดไปกระโดดมา ไอซ์รู้สึกว่าเขาพยายามจะเขียนในแนวนิยาย แต่บางส่วนมันก็ ออกกึ่ง ๆ เป็นแนวเขียนข่าว ทำให้การอ่านบางช่วง กระตุก แล้ว ก็มึนงงว่า ผู้เขียนจะเขียนถึงใครหรืออะไรกันแน่ รายละเอียดที่ให้มามากจนล้น มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ... ข้อดีก็คือ ถ้าคนที่รู้เรื่องนี้อย่างคร่าว ๆ มาแล้ว ก็อาจจะสนใจอยากอ่าน รายละเอียด แต่สำหรับคนที่ไม่เคยรู้เรื่องอะไรมาก่อนเลย ก็อาจจะทำให้เบื่อ และปิดหนังสือไปได้อย่างง่าย ๆ เลยค่ะ อ่านจบแล้ว ไอซ์คิดว่า ... ก็เป็นหนังสืออีกเล่มที่ใช้ได้ สำหรับ คนที่สนใจหรือนี้นะคะ จากคุณ : Clear Ice - [ วันแรงงาน 19:17:35 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อ่านจบแล้ว ไอซ์ก็ไปค้น ๆ หารูปของ Escobar มาดูค่ะ แล้วก็เลยเอามาแบ่งกันดูด้วย จากคุณ : Clear Ice - [ วันแรงงาน 19:19:20 ]

ความคิดเห็นที่ 4 สำหรับที่ขึ้นหัวกระทู้ไว้ว่า หนังสือที่อ่านแล้วรู้สึก "หนัก" ในหัวใจ ก็เพราะ แม้ว่าหนังสือจะจบเล่มลง แต่เรื่องราวที่แท้จริงยังคง ดำเนินต่อไป ตัวละครในเนื้อเรื่องยังคงขมขื่น suffer ในชีวิตจริง อย่างเรื่อง News of a Kidnapping นี้ แม้ว่าหนังสือจะจบลง ที่ "ตัวละครหลัก" ถูกปล่อยตัว และ Escobar เข้ามอบตัว แต่ในความจริงแล้ว หลังจากนั้น Escobar ก็หนีออกจากคุก และรัฐบาลอเมริกาก็เข้าร่วมในการตามหา และสังหารเขาได้ ในที่สุด ... ความ suffer ที่ผู้ถูกลักพาตัวได้รับ ดูเหมือนว่า ในที่สุดแล้ว ก็ไม่ได้มีผลอะไรใหญ่หลวงเลย ... รูปถ่ายครอบครัวของ Escobar ... เขาเป็นคนรักครอบครัวมาก จากคุณ : Clear Ice - [ วันแรงงาน 19:20:46 ]

ความคิดเห็นที่ 5 หนังสือที่คุณป้าพูดถึง ซึ่งไอซ์คิดว่าจะต่อจากหนังสือเล่มนี้ ก็คือ Killing Pablo ... รู้สึกว่าจะได้เป็นหนังในไม่ช้านี้ล่ะค่ะ เอาข่าวมาฝากด้วย อิอิ http://b2.ezboard.com/fgangstersincfrm3.showMessage?topicID=88.topic Killing Pablo (2004) Directed by Joe Carnahan (director of the movie Narc with Ray Liotta and Jason Patric) Writing credits Mark Bowden (II) (book) Joe Carnahan (screenplay) Genre: Action / Drama / Crime (more) Plot Summary: The true story of how the Colombian gangster and terrorist, Pablo Escobar, was :-)d and his Medellin cocaine cartel dismantled by US special forces and intelligence, the Colombian military, and a vigilante gang controlled by the Cali cartel. Production Notes/Status: Status: Pre-production Comments: Status Updated: 19 June 2003 Note: Since this project is categorized as being in production, the data is subject to change or could be removed completely. Credited cast: Javier Bardem .... Pablo Escobar Paul Vasquez .... ไอซ์นึกหน้าดาราไม่ออกเลยซักคน ... แปะรูป Escobar ตัวจริงอีกรูปค่ะ จากคุณ : Clear Ice - [ วันแรงงาน 19:23:10 ]

ความคิดเห็นที่ 6 หรืออย่างเรื่อง The Bookseller of Kabul ... ตัวละครในเรื่อง ก็ยังคงทุกข์ระทมต่อไป ส่วนเรื่องอื่น ๆ ที่ไอซ์อ่านแล้วรู้สึกหนักอึ้งก็มีพวก Uncle Tom's Cabin หรือ Good wamen of China แล้วก็เรื่องอื่น ๆ อีกมาก เหมือนกันค่ะ พี่น้องล่ะคะ มีหนังสืออะไรบ้าง ที่อ่านจบแล้ว หรือว่ากำลังอ่าน อยู่ แล้วรู้สึก หนัก ๆ ในหัวใจบ้าง? อิอิ ไม่รู้ว่าจั่วหัวข้อเครียดไปหรือเปล่า ... ยังไงก็เข้ามาคุยกัน เรื่องหนังสือเหมือนเคยนะคะ เดี๋ยวไอซ์ต้องไปหาอะไรหม่ำก่อนแล้ว หวัดดีทุก ๆ คนด้วยค่า ^^ จากคุณ : Clear Ice - [ วันแรงงาน 19:24:14 ]

ความคิดเห็นที่ 7 สวัสดีครับ คนแรกต่อจากคุณไอซ์เลยแฮะ หนังสือที่อ่านแล้ว"หนัก"ในหัวใจ??? นึกไม่ค่อยออก เพราะผมมักเลือกอ่านหนังสือที่ทำให้หัวใจเบิกบานมากกว่า ^^ เอาที่พอนึกออก เล่มนี้ก็อ่านประมาณปลายปีที่แล้ว งานเขียนของ Mishma เรื่อง "The Temple of the Golden Pavilion" ความรู้สึกแปลกๆ เหมือนอ่านงานของ Dostoevsky ทีเดียว ตัวเอกเป็นพระหนุ่ม ที่มีความคิดเผาวัดคินคาคุจิ และยังประพฤติตัวแปลกแยก เป็นครั้งแรกที่ผมอ่านงานเขียนของเขา รู้สึกน่าสนใจดี และคิดว่าจะหาเล่มอื่นๆของ Mishima มาอ่านอีก จากคุณ : BlueWhiteRed (BlueWhiteRed) - [ วันแรงงาน 21:14:43 ]

ความคิดเห็นที่ 8 จริงๆสนใจหนังสือของ Mishima มานานแล้ว ตั้งแต่ได้มีโอกาสชมหนังชีวประวัติของเขา...น่าสนใจมาก จากคุณ : BlueWhiteRed - [ วันแรงงาน 21:18:30 ]

ความคิดเห็นที่ 9 แต่หนังสือเล่มที่หนักหัวใจ และเป็นเล่มโปรด รวมทั้งเป็นจุดเปลี่ยนทางการอ่านครั้งสำคัญคือ Crime and Punishment ของ Dostoevsky (ต้องให้เครดิตผู้แปลภาคไทยได้เยี่ยมมาก) จากคุณ : BlueWhiteRed - [ วันแรงงาน 21:23:54 ]

ความคิดเห็นที่ 10 แต่ก่อนที่จะอ่านเล่มนี้ ผมได้อ่านเรื่องสั้นขนาดยาวของเขา Notes from Underground ว่ากันว่าเป็น novella ที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งของโลก น่าทึ่งมาก ที่งานเขียนอย่างนี้ ถูกเขียนขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 19! จากคุณ : BlueWhiteRed - [ วันแรงงาน 21:31:24 ]

ความคิดเห็นที่ 11 หนังสือเล่มนี้อ่านไปแล้วมีความรู้สึกขนพองสยองเกล้ากับสัญชาตญาณดิบของมนุษย์ เรื่องราวของ Kurtz ที่ Conrad บอกเล่าสู่ผู้อ่าน ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันถึงปัจจุบัน ว่าสาส์นและนัยยะของหนังสือเล่มนี้คืออะไร??? จากคุณ : BlueWhiteRed - [ วันแรงงาน 21:37:39 ]

ความคิดเห็นที่ 12 มาเก็บ ..มะได้อ่านหนังสือดีๆนานแร้ว จากคุณ : เกือกซ่าสีชมพู - [ วันแรงงาน 22:25:50 ]

ความคิดเห็นที่ 13 อืมม... น่าอ่านจัง... จากคุณ : นางสาวแสนดี..sandy - [ 2 พ.ค. 47 00:42:13 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ก็อารมณ์เดียวกันกับคุณไอซ์เลย เวลาอ่านหนังสือที่เป็น non-fiction แล้ว อารมณ์หนักใจมันจะค้างๆ อบอวล กรุ่นๆ อยู่ อย่าง "บันทึกลับของแอนน์ แฟรงค์" เนี่ย ตอนอ่านๆ ก็ไม่ได้รู้สึกประทับใจอะไรมากมาย อาจจะเป็นเพราะไม่เหมือนที่คาดหวังไว้ แต่พอถึงบทสุดท้าย เห็นบทสรุปพร้อมรูปภาพต่างๆ มันก็อดรู้สึกสะท้อนใจไม่ได้ หรืออย่างหนังสือพิมพ์ซ้ำพิมพ์ซาก "โอ้! อลิซ" เนี่ย อ่านจบก็ต้องถามตัวเองซ้ำๆ ว่า ทำไม?!? แล้วยังคาใจจนถึงทุกวันนี้ นี้ถ้าเล่มนี้เป็น fiction คงจะจบแบบ happy ending อย่างอลิซกลายมาเป็น จนท.ประชาสงเคราะห์ หรือออกเดินสายให้คำแนะนำกระมัง แต่พอเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่นิยาย... มันก็จบลงแบบนี้ เฮ้อ... จากคุณ : นารูมิ - [ 2 พ.ค. 47 09:43:01 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ใครเคยอ่านมาดามโบวารีบ้าง ตอนเธอกินยาตายนี่อ่านแล้วหนักหัวใจพิลึก มโนภาพมันตราตรึงฝังใจยังไงชอบกล จากคุณ : มาดาม - [ 2 พ.ค. 47 11:16:02 A:169.210.5.222 X: ]

ความคิดเห็นที่ 16 Crime and Punishment ด้วย กะ falling angle (ที่กลายมาเป็นหนังชื่อ angle's heart) จากคุณ : ยังอยากเป็นคนไทยอยู่ - [ 2 พ.ค. 47 13:23:47 ]

ความคิดเห็นที่ 17 The Remains of the Day ของ Kazuo Ishiguro ค่ะ เป็นหนังสือเงียบที่ได้อารมณ์เศร้าลึกๆ เข้าทำนอง regret กับเรื่องราวที่ผ่านไปตั้งนานแล้วแต่ยังทำใจไม่ค่อยได้ อ่านแล้วเลยหนักหัวใจนิดๆ อีกเรื่องก็คงเป็น The English Patient ของ Michael Ondaatje หนักในหัวใจอยู่เหมือนกันค่ะ แต่จะออกแนว "กลุ้ม" ใจซะมากกว่า ^^" จากคุณ : scarborough - [ 2 พ.ค. 47 15:49:44 ]

ความคิดเห็นที่ 18 หวัดดีวันอาทิตย์ค่า ^^ ... กร๊ากกก คุณบลูคะ นั่นสิเนอะ ส่วนมากแล้วไอซ์ก็ชอบ อ่านหนังสือที่ทำให้หัวใจเบิกบานนะคะ แต่บางทีก็อยากรู้ อยากเห็นในเรื่องหนัก ๆ บ้างเหมือนกันอ่า อิอิ ยังไม่เคยอ่านงานของ Mishima เลยอะค่ะ ... ส่วนมาก หนังสือที่แปลมาจากภาษาญี่ปุ่น เป็นภาษาอังกฤษนี่ จะแพงกว่าราคาทั่ว ๆ ไปยังไงก็ไม่รู้สิคะ Crime and Punishment นี่ก็มีคนแนะนำให้อ่านหลายทีแล้ว ก็ยังไม่ได้ฤกษ์ซักทีเลย แง่ว ไม่ได้เห็นชื่อคุณบลูนานเลยเชียว แวะเข้ามาคุยกันบ่อย ๆ นะคะ สาว ๆ คิดถึง กร๊ากกกก ((ก็กระทู้นี้มีหนุ่มอยู่ไม่กี่คนอ่า 555)) ... อื้อ ๆ ใช่ ๆ บันทึกของแอน แฟรงค์ ก็ด้วยเหมือนกันค่ะ คุณนารูมิ พอดีว่าก่อนไอซ์ได้อ่านหนังสือ ได้ดูหนังก่อนด้วย ในหนังมันจะมีเรื่องต่อจากในหนังสือน่ะค่ะ ตอนที่แอน ไปอยู่ในค่าย จนกระทั่งตายอะ เศร้ามาก ๆ ... ไอซ์ยังไม่เคยอ่านเรื่อง มาดาม โบวารี เลยค่ะคุณมาดาม แหะ ๆ รู้สึกว่าพวกนิยายคลาสสิคนี่ ไอซ์ยังไม่ได้อ่านหลาย เรื่องเลย ต้องไปตามเก็บซะแล้ว ... เห็นชื่อคุณ scarborough แล้วคิดถึงทะเลจัง ไอซ์เคยไป เที่ยวเมืองนี้มาสองครั้งล่ะค่ะ อิอิ เรื่อง The Remains of the Day นี่ ไอซ์เล็ง ๆ วาง ๆ มาหลาย ครั้งแล้ว บางเสียงก็บอกว่าดี บางเสียงก็บอกว่าไม่ดี เลยยัง ไม่ได้ซื้อซักทีง่ะค่ะ หวัดดีพี่เกือกฯ คุณแสนดี ((แฟนนิยายพี่กี้แหง ๆ เลยใช่ปะคะ?)) และคุณยังอยากเป็นคนไทยอยู่ ด้วยนะคะ ..... ตอนนี้ทุกคนกำลังอ่านหนังสืออะไรกันอยู่เอ่ย? ตอนนี้ไอซ์กำลัง อ่าน The Return of the dancing master อยู่อะค่ะ ไว้อ่าน จบแล้วจะมาเล่าให้ฟังเน้ออออ ^^ จากคุณ : Clear Ice - [ 2 พ.ค. 47 16:52:40 ]

ความคิดเห็นที่ 19 จริงๆก็อยากจะแวะเข้ามาคุยบ่อยๆครับ แต่งานยุ่งจริงๆ สงสัยเศรษฐกิจเมืองไทยฟื้นเต็มตัว และเข้าสู่ภาวะฟองสบู่อีกครั้งแล้วมั้ง ตอนนี้ถึงมีลูกค้ารายใหญ่ๆมาขอ Project Financing กันเพียบเลย เรื่องมาดามโบวารีก็เคยอ่านครับ อืมม์..แต่อธิบายความรู้สึกไม่ถูก รู้แต่ว่าวางไม่ลง ถ้าถามผมถึงหนังสือเล่มโปรดละก็ต้องมีเล่มนี้อย่างแน่นอน เมื่อสองปีก่อนเคยอ่านทัศนะของ A.S.Byatt ที่เขียนถึงหนังสือเล่มนี้ใน The Guardian (หนังสือพิมพ์เล่มโปรด) ลองอ่านดูครับ ตามลิงค์ข้างล่าง พารากราฟแรกเธอบอกว่า Reading Madame Bovary for the first time was one of the most terrifying experiences of my life - at least up to that point. I was a very young woman - not even eighteen. I was au pair in the French provinces in the 1950s, and I read Madame Bovary in French, sitting in the furrow of a vineyard. I was like Emma Rouault before she became Madame Bovary, someone whose most intense life was in books, from which I had formed vague images of passion and adventure, love and weddings, marriage and children. I was afraid of being trapped in a house and a kitchen. http://books.guardian.co.uk/review/story/0,12084,763262,00.html จากคุณ : BlueWhiteRed (BlueWhiteRed) - [ 2 พ.ค. 47 19:05:27 ]

ความคิดเห็นที่ 20 อือม์ กระทู้คึกคักและแน่นด้วยสาระดีจัง เข้ามายกมือหนับหนุนคุณมาดามอีกคนนึงเรื่องมาดามโบวารีด้วยคนค่ะ เป็นหนังสือที่ชอบมากๆเล่มนึงเลย สนใจงานเขียนของโฟลแบร์ตมากๆค่ะ ชอบลักษณะการเขียนแบบพรรณาโวหารของโฟลแบร์ตอยู่แล้ว ทั้งการบรรยายทิวทัศน์บ้านเมือง บรรยายอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดของตัวละคร โดยเฉพาะของตัวมาดามโบวารีเอง อ่านแล้วก็อึ้งๆหนักใจอยู่นานโดยเฉพาะตอนจบค่ะ สงสารเธอมากค่ะ (รวมทั้งสามีเธอด้วย) ชอบการเขียนของ โฟลแบร์ตที่ไร้ความปราณี (merciless) ต่อตัวละครของเขาได้อย่างสุดๆ กำลังอยากหาเรื่อง Sentimental education มาอ่าน มีใครได้อ่านแล้วช่วยกรุณาเข้ามาแบ่งปันกันด้วย จะขอบคุณอย่างยิ่งเลยค่ะ บังเอิญเห็นคุณบลูพูดถึง มิชิมา ดิฉันเองยังไม่เคยลองงานเขียนของมิชิมาเลย ได้แต่อ่านผลงานของคาวาบาตะ (จำได้เลาๆว่ามิชิมาเขาได้รับอิทธิพลจากคาวาบาตะอยู่บ้่าง ไม่มากก็น้อย) เกือบทุกเรื่องของเขาที่อ่านแล้วให้ความรู้สึกหดหู่และหนักหัวใจเอามากๆ เรื่องแรกเลย ก็คือเรื่อง snow country ที่เป็นเรื่องความรักที่ไม่สมหวังของเกอิชา อ่านแล้วหดหู่ปนกับเย็นยะเยือก ตามชื่อเืรื่องเลยค่า ส่วนเรื่องที่ 2 ที่อ่านแล้วอึ้ง ก็คือ เรื่อง beauty and sadness ค่ะ เป็นเรื่องประมาณรักสามเศร้าของความรักประเภทหญิงรักหญิง ผสมกับชายรักหญิง ที่มี revenge กันไปมา นี่ก็จบเศร้า ปนหนักใจยังไงชอบกลนะคะ ส่วนเรื่อง House of Sleeping Beauty นี่ก็หดหู่ของแท้ เปิดโปงความเสื่อมถอยของความชราภาพได้อย่างน่าทอดถอนใจ อ่านจบก็อึ้งไปนานเหมือนกันค่ะ ส่วน The Lake เนี่ยก็โลลิต้าภาคญี่ปุ่นเลย อ่านตอนฉากถอดถุงเท้ากับกระโปรงนักเรียนเด็กสาวๆแล้ว หดหู่ใจเจงๆ (จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่นักเขียนทั้ง 2 ท่านต้องจบชีวิตลงด้วยการฆ่าตัวตายค่ะ) ส่วนเรือ่งที่อึ้งนานมากก็คือเรื่อง Heart of Darkness ที่คุณบลูกล่าวข้่างต้นค่ะ เรื่องนี้อึ้ง และหนักหัวใจสุดๆ แทบจะเรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่ทำให้ทรรศนะในการมองโลกและชีวิตของตนเองเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง อ่านจบแล้วฝันร้ายถึงฉากที่ตัดหัวเสียบบนรั้วอยู่นานหลายคืนเลยค่ะ จัดเป็นงานเขียนที่ทรงอิทธิพลต่อผู้อ่านมากๆงานหนึ่งเลยค่ะ กำลังอ่านเรื่อง Secret Agent ของคอนราดอยู่ค่ะ เรื่องนี้ ก็ดาร์คเช่นเคยเหมือนกัน อีก 2 เรื่องที่อึ้งนาน และค่อนข้างถาวรก็คือ นวนิยายของ F. Scott Fitzgerald 2 เล่ม ที่ชื่อ The Great Gatsby และ เรื่อง Tender is the Night ค่ะ ทั้ง 2 เรื่องนี้อึ้ง, ซึม, ซึ้ง และหนักหน่วงหัวใจของแท้ โดยเฉพาะฉากตอนจบของเรื่อง ที่ gatsby โดนยิงเสียชีวิต ในสระว่ายน้ำ และบทสุดท้ายของเรื่องที่ nicole ภรรยาของ Dick Diver ที่ทราบข่าวชะตากรรมขออดีตสามีของตน ใน tender is the night นั่น เล่นเอาพี่อึ้ง และน้ำตาซึมไปนานหลายอาทิตย์เลยค่ะ อ่านแล้วสะท้อนใจสุดๆ (ขณะเขียนอยู่เนี่ย ก็ยังซึมเล็กๆค่า) ส่วนเรื่อง The Remains of the Day นั่นก็ให้ึความรู้สึกอึ้งๆ ปนเศร้าเช่นกันค่ะ ถึงจะไม่รุนแรงเท่าเรื่องที่กล่าวมาข้างบนแต่ก็กินใจไปนานเลย ส่วนล่าสุด atonement เนี่ย สะอื้นฮั่กเลยค่ะ เอาไม่อยู่เลย เมื่ออ่านตอนจบ ทราบชะตากรรมของ ร้อบบี้ และ ซิซีเลีย ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาทั้งสองคน mcewan เขียนเรื่องนี้ได้ดีมาก ล่อหลอกให้คนอ่านเชื่อไปอีกทาง แล้วมาตลบหลังด้วยความจริง (หรือไม่จริงไม่รู้นะคะ เพราะตัว narrator ค่อนข้าง unreliable เอามากๆ) ตอนจบ จัดเป็นหนังสือที่ประทับใจมากๆเล่มนึงเลยค่า สวัสดีทุกคนค่ะ แล้วจะเข้ามาตอบใหม่นะคะ คุณบลูเข้ามาตอบบ่อยๆสิคะ กระทู้เรากะลังอยู่ในภาวะขาดแคลนหนุ่มๆมากเลยค่า 5555555 เอิ๊กส์ จากคุณ : เพติ๊ด - [ 2 พ.ค. 47 19:51:19 A:203.107.194.175 X: ]

ความคิดเห็นที่ 21 เอ๊ ... หนูไอซ์จ๋า อ่านๆ เขียนๆไป มันชักหดหู่ขึ้นทุกทีทุกทีนะคะ พี่เลยขอแทรกด้วย lyrics เพราะๆ แทนนะค้า แล้วค่อยมาหดหู่กันต่อ อิอิ Love walked right in and drove the shadows away. Love walked right in and brought my sunniest day. One magic moment and my heart seemed to know -- That love said "Hello" Though not a word was spoken. One look and I forgot the gloom of the past. One look and I had found my future at last. One look and I had found a world completely new When love walked in with you. Ira Gershwin มีความสุขกันถ้วนหน้านะคะ จากคุณ : เพติ๊ด - [ 2 พ.ค. 47 20:07:37 A:203.107.194.175 X: ]

ความคิดเห็นที่ 22 เพิ่งเข้ามากระทู้นี้เป็นวันแรก ขอแจมเลยแล้วกันนะคะ กำลังจะออกความคิดเห็นถึงหนังสือเล่มนึงอยู่พอดีเลย นั่นคือ heart of darkness ของ Joseph Conrad ค่ะ และดีใจมากๆเลยที่หลายคนได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว ตอนที่อ่านเล่มนี้ ก็ blank มากเลยค่ะ เพราะใช้ภาษาค่อนข้างยากทีเดียว ผู้แต่งใช้กลวิธีการเขียนโดยมีผู้เล่าเ้รื่องสองคนค่ะ เราจะได้ยินเสียง narrator พูดถึง marlowe และเสียงของ Marlowe ที่เล่าถึงประสบการณ์ที่เขาไปพบมาจากการเดินทางไปอัฟริกา Congo river ค่ะ โดยที่ Marlowe เองก็ไม่สามารถเข้าใจถึงสิ่งที่ประสบการณ์ที่เขาได้รับ รวมทั้งเรื่องที่เขาไปพบ Kurtz ด้วย Marlowe ก็ได้ถ่ายทอดให้ผู้อ่านโดยที่ตัวเขาเองก็ยังไม่เข้าใจถึงประสบการณ์นั้นเสียทีเดียว เป็นลักษณะของ modern man ที่มี inability to communicate นั่นเองค่ะ ส่วน heart of darkness นั้นนอกจากจะ refer ถึงทวีปแอฟริกาในเรื่องของความล้าหลังแล้ว ยังรวมไปถึงจิตใจของมนุษย์ด้วยค่ะ เราดูได้จาก Kurtz ซึ่งเป็นคนขาว ก่อนที่เขาจะเดินทางไปยังแอฟริกา เค้ามีอุดมคติที่จะนำความเจริญไปยังดินแดนแห่งนั้น และความต้องการที่จะ civilize ผู้คน แต่เมื่อเขาได้ไปถึงดินแดนแห่งนั้น จิตใจเข้ากับหมกมุ่นกับงาช้าง ซึ่งเป็นของที่มีค่า คือ Kurtz สามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อที่จะได้งาช้าง ตัว Marlowe เองก็มีอุดมคติเดียวกับ Kurtz ก่อนหน้าที่จะไป แอฟริกา แต่เมื่อเขาไปสัมผัสดินแดนแห่งนั้น และได้ไปพบกับเรื่องราว Kurtz ทำให้ตัวเขาเองถึงกับ blank ไปเลย ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่แน่ใจว่า ถ้าเขาอยู่นานกว่านี้อุดมคติเขาก็อาจจะเปลี่ยนไปก็ได้ เพราะคนขาวที่เข้าไปอยู่ในดินแดนแห่งนั้นถูก obssessed by greed และสิ่งที่พวกเขาทำกับชาวแอฟริกัน ไม่ใช่การ civilize เลย แต่พวกเขาใช้แรงงานชาวแอฟริกันและใช้ผลประโยชน์จากดินแดนแห่งนั้น เนื่องจากต้องการจะได้งาช้าง climax ของเรื่องอยู่ตรงที่ก่อนที่ Kurtz จะตาย เขาได้พูดออกมา 4 พยางค์ คือ Horror! Horror! ซึ่ง Marlowe รู้สึกชื่นชมที่ Kurtz สามารถพูดคำนั้นออกมาได้ เพราะถ้าเป็นตัวเขา คงไม่สามารถพูดอะไรได้เลยสักคำ คำพูดเหล่านั้นแสดงให้เห็นถึงสภาพจิตใจของ Kurtz ที่ถูกหลอกหลอนโดยความโลภของเขา (ในความคิดส่วนตัวนะคะ) และ ณ นาทีนั่นเองก่อนที่เขาจะตาย เขาสามารถระลึกถึงภาพในอดีตที่เขาเคยกระทำกับดินแดนแห่งนั้นเพราะความโลภ ซึ่งที่เขาพูดออกมาว่า Horror นั่น ไม่ได้เป็นเพราะถูกผีหลอกนะคะ แต่เพราะถูกจิตใจตนเองหลอกหลอน และตัว Kurtz เองนี่แหละค่ะที่สะท้อนให้เห็นถึง Darkness of human mind อยากให้เพื่อนๆๆลองอ่านดูเองคะ แล้วมาแสดงความคิดเห็นกัน ต้องขอโทษที่ต้องเขียนไทยคำอังกฤษคำนะคะ จากคุณ : candy1 - [ 2 พ.ค. 47 21:40:17 A:203.113.33.6 X: ]

ความคิดเห็นที่ 23 แต่ก่อนก็ชอบอ่านอะไรที่หนักหัว รู้สึกตื่นเต้นที่ได้คิดอะไรตามในแบบที่ไม่รู้มาก่อน ....แต่เดี๋ยวนี้กลับเลือกอ่านหนังสือพิมพ์มากกว่า รับรู้เรื่องราวจริงๆก็หนักหัวอยู่ ....ว่ามั๊ย จากคุณ : นั่นแน่ - [ 2 พ.ค. 47 22:39:19 A:202.44.222.130 X: ]

ความคิดเห็นที่ 24 ผมเข้าใจถึงความรู้สึกของคุณเพติ๊ดเมื่อครั้งอ่าน Heart of Darkness ครับ Michael Dirda ซึ่งเป็นบก.อาวุโสของ Washington Post Book World เคยบอกไว้ว่า เมื่อครั้งที่เขาเข้าเรียนมหาวิทยาลัย อาจารย์ให้เขียนเรียงความถึงหนังสือที่ประทับใจ ที่ “เปลี่ยนชีวิต” เขาระบุชื่อหนังสือ 5 เล่มคือ - Heart of Darkness - Odyssey - Walden - Zorba the Greek - Notes from Underground เห็นด้วยกับทัศนะของคุณ candy ครับ หลายปีก่อนมีการพูดถึงหนังสือเล่มนี้กันมาก เนื่องจากมีทัศนะจากนักเขียนชื่อดังอย่าง Chinua Achebe ที่มองว่า Conrad เป็นพวก racist และ Heart of Darkness นั้นดูหมิ่นคนแอฟริกันว่าเป็นพวกป่าเถื่อน อย่างไรก็ตาม สำหรับผมแล้ว Heart of Darkness นั้นไม่ใช่ “ใจแห่งความมืด” ของคนแอฟริกัน แต่เป็น“ใจแห่งความมืด” ของมนุษย์ทุกผู้ทุกนาม (Conrad ใช้ฉากของ Congo ในยุคสมัยที่จักรวรรดิเบลเยี่ยมแผ่อิทธิพลไพศาล และสังหารชาวแอฟริกันเป็นจำนวนมาก) จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 2 พ.ค. 47 23:18:10 ]

ความคิดเห็นที่ 25 สงสัยเราจะเป็นหนึ่งในจำนวนน้อยแน่เลยค่ะที่อ่าน Madame Bovary แล้วไม่สงสารนางเอก ^^" แต่ทั้งนี้คงเพราะอ่านแบบเป็นภาคบังคับเลยไม่ค่อยอินด้วยมั้งคะ เห็นด้วยกับคุณเพติ๊ดค่ะว่า Great Gatsby ก็หนักหัวใจมากเช่นกัน ตอนจบมันหลอนใจยังไงบอกไม่ถูกค่ะ รู้สึกเหมือนทุกอย่างมันพังหมดแล้วอย่างสิ้นหวัง ยิ่งเอามาเทียบในเชิงนัยแฝงก็ยิ่งสลดใจค่ะ ปล. เมื่อกี้เพิ่งอ่าน The Virgin Blue ของ Tracy Chevalier จบไปค่ะ ช่วงแรกๆน่าเบื่อแถมยังหมิ่นเหม่จะลงหนองน้ำเน่า แต่บทหลังๆสนุกดี ชอบตอนจบที่ผู้เขียนให้ผู้อ่านตัดสินเอาเองค่ะ ท่าทางคุณคนเขียนจะชอบเอา fact มาผสมกับ fiction แล้วก็เขียนออกมาได้ไม่เลวซะทีเดียว ยิ่งเมื่อพิจารณาว่าเป็นนิยายเรื่องแรกของเธอก็น่าอภัยให้กับช่วงน่าเบื่อของเรื่อง ^^ จากคุณ : scarborough - [ 2 พ.ค. 47 23:27:01 ]

ความคิดเห็นที่ 26 คุยกันได้สาระมากๆค่ะ หนังสือทั้งหมดที่บอกมาอ่านไปบางเล่มเท่านั้นเอง แต่ถ้าถามตอนนี้เรื่องที่อ่านแล้วหดหู่ใจมากๆคือ Lord of the flies ค่ะ เพราะว่ามันตอกย้ำด้านมืดของจิตใจมนุษย์ ซ้ำยังย้ำว่ามันเป็นสิ่งที่ inherit มาแบบที่สกัดออกไปไม่ได้เสียด้วย ยิ่งตัวละครเป็นเด็กกลุ่มหนึ่งเท่านั้นยิ่งเห็นชัดน่ะค่ะ โดยเฉพาะตอนที่แว่นแตกกับตกเหวนี่อึ้งมากๆๆ อ่านเมืองหิมะของคาวาบาตะแรกเลยแล้วได้แต่งงค่ะ พอมาอ่านรอบหลังถึงเศร้าใจมาก พอกันกับอ่านโคโคะโระ วัฒนธรรมและสังคมญี่ปุ่นนี่ซับซ้อนจริงๆนะคะ เคยถามเพื่อนญี่ปุ่นว่าทำไมเซนเซถึงฆ่าตัวตายทั้งๆที่ก็ผ่านมาแล้วสามสิบปี เพื่อนบอกว่าก็ไม่รู้เหมือนกัน (ฮ่า) Remains of the day สำหรับพัทออกแนวซึ้งมากกว่าค่ะ เหมือนกับหนังสือมันกินใจเราเข้าไป เรื่องที่อ่านแล้วเศร้ามากกว่าคือ An Artist of the Floating World ค่ะ ไม่รู้ใครเป็นไหม อ่าน Of love and other demons แล้วเศร้าน่ะค่ะ เป็นความเศร้าเมื่อพบเห็น unfulfilled love ทำนองนั้น เหมือน The end of the affair น่ะค่ะ คุณ scarborough คะ สารภาพว่าอ่าน the English patient แล้วกลุ้มด้วยเพราะภาษาสวยเหลือเกิน อ่านแล้วจะเป็นลม ออกแนวกลุ้มเพราะคิดไม่ออกว่าคนเขียนหมายถึงอะไร ฮ่าๆๆ อ้อ พอคุณพูดถึง The Virgin Blue แล้ว ขอมอบเหรียญกล้าหาญฐานทำได้สำเร็จนะคะ พัท ไอซ์ พี่ติ่มเอาลงกล่องไปแล้ว ยิ่งเจอกลอนเป็นภาษาฝรั่งเศสไปทั้งดุ้นนี่ "หนัก" ใจเลยค่ะ อิอิ พูดถึงแอน แฟรงค์ ไปดูพิพิธภัณฑ์บ้านของเธอมาเมื่อเร็วๆนี้ เศร้ามากจริงๆด้วยค่ะ เพราะว่ายังมีร่องรอยชีวิตของเธอและครอบครัวอยู่เลย มีวีดีโอคนใกล้ชิดและพ่อของแอน ออตโต้ ที่รอดจากค่ายกักกันมาด้วย หลายคนเดินน้ำตาซึมออกมาค่ะ ยิ่งพอเราปีนบันไดที่ทั้งแคบทั้งชันที่ซ่อนไว้หลังชั้นหนังสือนี่ยิ่งรู้สึกเหมือนแมลงที่ถูกขัง ที่พิพิธภัณฑ์แขวนม่านดำไว้ด้านนอกเพื่อให้คนเข้าชมรู้สึกได้ถึงตอนที่แอนยังอยู่ที่นี่ด้วย บันทึกของแอนฉบับจริงก็อยู่ที่นี่ค่ะ จะว่าไปบันทึกของเธอไม่ได้เศร้าเสียทีเดียวนะคะ เพราะแอนยังมีความหวังว่าสักวันสงครามจะจบและทุกคนจะมีชีวิตอิสระอีกครั้ง ที่เราเศร้าใจกันมากเพราะเรารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับแอนหลังจากนั้นต่างหาก ตอบไอซ์ด้วย พี่อ่านหนังสือ "หนัก" ท้องตามเคยอ่ะไอซ์ เขินวุ้ย อ่าน Tarte Tatin ของ Susan Loomis เล่มต่อของ On Rue Tatin น่ะ เป็นชีวิตจริงของนักเขียนตำราทำกับข้าวและครอบครัวที่ย้ายไปอยู่ฝรั่งเศสและเปิดโรงเรียนทำอาหารที่นั่น อ่านเพลิน ทั้งอิ่มอกและอิ่มใจ แถมเอาสูตรเค้าไปทำอีกต่างหาก ใครสนใจ ดูได้ที่ http://www.susanloomis.com ค่ะ อ่านหนักๆกันมากแล้ว พักสมองนะคะ จะได้ฝันดี perchance to dream ค่ะ :) แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 47 02:30:20 จากคุณ : Il Maze - [ 3 พ.ค. 47 02:28:01 ]

ความคิดเห็นที่ 27 พูดถึงนักเขียนญี่ปุ่นชอบฆ่าตัวตาย ก็เลยนึกขึ้นมาได้ว่า ตลอดเดือนเมษา มีโอกาสหยิบนิยายญี่ปุ่นมาอ่านสามเล่ม 1.เมื่อสวรรค์ให้รางวัลผม / Eto Mori 2. สารลับจากความตาย / Taguchi Randy 3. พี่น้องสองมิติ / Jiro Akagawa ทั้งสามเล่มเลย ตั้งอยู่บนเรื่องของ "ความเหงา" หมดเลย อ่านแล้วหดหู่บวกเป็นห่วงสังคมญี่ปุ่นยังไงไม่รู้ ทำไมคนถึงใจร้ายกันจัง เรื่องแรก กับเรื่องที่สามค่อนข้างใกล้ตัวมากเลยค่ะ อย่างเรื่องแรกเนี่ย ลูกชายไปพบว่าแม่ออกจากโรงแรมกับชายคนอื่น เรื่องที่สามเนี่ย แม่ก้มหัวให้ผู้หญิงอีกคน บอกว่า ตอนนี้สุขภาพฉันไม่ค่อยดี ขอเขาคืนมาด้วยค่ะ (โอ... ม่ายยย... อ่านแล้วกลุ้ม) สงสัยจะแพ้วรรณกรรมญี่ปุ่นน่ะค่ะ ตั้งแต่พยายามอ่านมา... มีถูกใจไม่กี่เล่ม (แหะๆ ขอโทษนะคะ มีเล่มดีๆ น่าอ่านก็เขิญค่ะ ยินดีจะเสี่ยง) อ้อ! ไม่นับชุด Ring กับ โต๊ะโตะจัง นะคะ สองเรื่องนี้ชอบ โดยเฉพาะโต๊ะโตะเนี่ย อยู่ในหัวใจตลอดกาลค่ะ ป.ล. เมื่อคืนมีใครดูโกโกะริโกะฯ ช่อง X-Zyte หรือเปล่าคะ เขาไปถ่ายทำบ้านสองหลังที่เจ้าของบ้านสะสมขยะ (เอ...เรียกว่าสะสมได้เปล่าหนอ) แบบว่าบ้านเขามีแต่กองขยะเป็นพะเนินเทินทึกเลยค่ะ ชนิดหาทางเข้าบ้านไม่ได้ (น่ากลัวมาก) แต่มีฉากที่เห็นแล้วต้องหัวเราะและร้องไห้ไปพร้อมกัน เพราะเจ้าของบ้านหลังหนึ่ง ตื่นมาทำความสะอาดหน้าบ้านตัวเองด้วยค่ะ แถมเอาไปทิ้งตรงที่เตรียมไว้ให้ทิ้งซะด้วยสิ (เอิ๊กส์) จำได้ว่าเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ก็มีสกู๊ปเรื่องเด็กญี่ปุ่นที่ขังตัวเองอยู่ในแต่ห้องนอนไม่ยอมออกมาข้างนอกนานเป็นปีๆ เฮ้อ... ยิ่งพูดยิ่งหดหู่ มาเจอข่าวภาคใต้บ้านเราไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ก็หดหู่ เห็นภาพน้องๆ นักบอลที่เสียชีวิตก็หดหู่ เห็นคนออกมาต่อว่าเจ้าหน้าที่ว่าทำเกินกว่าเหตุ ก็หดหู่ กลัวคนทำงานเขาจะน้อยใจ จะให้เขาทำไงน้อ... ไปเอาดาบมาสู้กับดาบหรือไง จะได้ยุติธรรม -_-" กลับมาที่แอนน์ แฟรงค์ต่อ ตั้งใจเหมือนกันค่ะว่ายังไงชาตินี้ต้องไปดูพิพิธพัณฑ์บ้านของแอนน์ให้ได้ ตอนนี้ก็ได้ดูแต่ภาพไปพลางๆ ก่อนค่ะ ตอบคำถามต่อมาของคุณไอซ์ว่ากำลังอ่านอะไรอยู่ ตอนนี้อ่าน The Bonesetter's Daughter ของ Amy Tan ค่ะ ถูกใจมาก อ่านจบแล้วจะมารีวิวนะคะ คิดว่าคนที่ชอบ The Joy Luck Club ก็น่าจะชอบเล่มนี้เหมือนกัน :) จากคุณ : นารูมิ - [ 3 พ.ค. 47 07:56:18 ]

ความคิดเห็นที่ 28 สวัสดีวันจันทร์ค่า ... ว้าว กระทู้คึกคักสาระหนักแน่นดีจังค่ะ ชอบ ๆ ^^ ได้อ่านคคห.ของทุกคนแล้ว รู้สึกว่าได้เปิดหูเปิดตามาก ๆ เลยค่ะ มองย้อนดูตัวเองแล้ว ก็รู้สึกว่า อ่านหนังสือมาน้อยมาก ๆ เลย โดยเฉพาะพวกวรรณกรรมคลาสสิค เห็นคุณบลูกับพี่เพติ๊ดพูดถึงเรื่อง มาดาม โบวารี อีก สงสัยต้อง รีบไปหามาอ่านซะแล้วค่ะ ท่าทางน่าสนใจมาก ๆ โดยเฉพาะ อันที่ A.S.Byatt เขียนถึงหนังสือเล่มนี้ที่คุณบลูกเอามาฝาก ((ใจง่ายไปเป่าเนี่ย? 555)) เรื่อง snow country กับ beauty and sadness นี่คุ้น ๆ ว่า มีคนเคยพูดถึงแล้วหรือเปล่าคะ เพราะว่ามันมีอยู่ในลิส อเมซอนของไอซ์อะค่ะ 555 แต่ว่ายังไม่ได้ซื้อซักที จะบอกว่า ลิสที่อยากได้นี่ มันยาวเหยียดมาก ๆ เลย โฮ ๆๆๆ atonement นี่ไอซ์ก็ยังดองอยู่เลยค่ะพี่เพติ๊ด ยังทลายกำแพง ไปไม่ถึงซักที เอิ๊กส์ กรี๊ดดด กลอนที่พี่เพติ๊ดเอามาฝาก หวานมาก ๆๆ โฮ่ ๆๆๆ อินเลิฟสุด ๆ อ่านที่คุณ candy1 พูดถึงเรื่อง heart of darkness ก็น่าอ่าน จังค่ะ ของ Conrad นี่ ถ้าจำไม่ผิด เรื่องนี้มีให้อ่านฟรีในเนทด้วย โฮะ ๆๆ เดี๋ยวต้องไปนึกชื่อเวปก่อน แง่ว เจอแล้ว เอาเวปมาฝากด้วยค่ะ เผื่อว่าใครอยากอ่านหนังสือ คลาสสิกฟรี ๆ อิอิ ไอซ์เข้าไปอ่านเรื่องสั้นบ่อย ๆ แต่เรื่องยาว ไม่ไหวอะค่ะ ปวดตา ต้องยอมลงทุนซื้อหนังสือ เอิ๊กส์ http://www.bibliomania.com/0/-/frameset.html เรื่อง The Virgin Blue นี่ ทำเอาไอซ์ผิดหวังมาก ๆ เลยอะค่ะคุณ scarborough แง่ง ๆ ซื้อมาเพราะติดใจจากเรื่อง Girl with a pearl earing แท้ ๆ ... ไอซ์อ่านจบด้วยความเซ็งอะค่ะ แบบว่าไม่สนใจแล้วว่า ตัวละครจะเป็นตายรายดียังไงง่ะ แหะ ๆ Lord of the flies นี่ หนังสือก็ยังดองอยู่เหมือนกันง่ะค่ะพี่พัท เรื่องนี้ดูหนังเอาแทน หดหู่จริง ๆ ด้วย ไอซ์ว่าหนังสือของญี่ปุ่นนี่ บางเรื่องไอซ์ก็ไม่ไหวเหมือนกันนะคะ คุณนารูมิ มันเอื่อย ๆ ง่ะ อ่านแล้วหลับคาไปเลย แหะ ๆๆๆ ... เมื่อวานไปร้านหนังสืออีกแร้ววว มีข่าวมาแจ้งให้พี่น้องทราบ ใครที่รอปกอ่อนเรื่อง The Queen's Fool ((พี่พัท ๆ ปกอ่อนก็ทำหนังสือสวยมาก มีรูปสีแถมในปกในด้วย อลัง ๆ)) Vernon God Little Brick Lane อยู่นั้น มันออกมาแร้วค่าาาา ไม่ต้องบอกก็รู้ใช่เปล่าว่า ไอซ์งาบ มาหมดแล้ว ในราคาซื้อสองแถมหนึ่ง กร๊ากกก ดีใจจริง ๆ ^^ จากคุณ : Clear Ice - [ 3 พ.ค. 47 15:48:50 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เกือบลืมถามค่ะ มีใครในนี้อ่าน Doomspell Trilogy ของ Cliff MaNish บ้างหรือเปล่าคะ? ง่า ๆ คือว่า ไอซ์ใจอ่อนซื้อมาแล้วอะ ปกมัน น่าร้ากเกินห้ามใจ ((แล้วจะมาถามทำไมเนี่ย ถ้ามันไม่สนุกขึ้นมาล่ะ? แง)) แล้วก็ขอถามอีกนิดค่ะว่า มีใครเคยอ่าน Catch-22 แล้วบ้างคะ? มันเป็นยังไงอ่า? เวลาอ่านหนังสือหรือว่าดูทีวี จะได้ยินประโยคนี้บ่อยมาก ๆ "It's so Catch-22" ... สงสัยมานานแล้วล่ะค่ะ ไอซ์ซื้อหนังสือมาดองไว้พักใหญ่แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ฤกษ์อ่านซักที วันนี้เลยขอทางลัด ถามผู้รู้หน่อยค่า แบบว่าหงุดหงิดมานานแล้ว เอิ๊กส์ จากคุณ : Clear Ice - [ 3 พ.ค. 47 15:53:43 ]

ความคิดเห็นที่ 30 โอ้ยๆๆ มันออกมาแล้วเหรอไอซ์ พี่จะเอา ไปสอยมาเดี๋ยวนี้นะถ้ารักกันจริง ฮ่าๆๆ Catch 22 นี่พี่ก็ไม่ได้อ่าน แต่รู้คร่าวๆว่หมายถึงสถานการณ์ที่ไร้ทางออก เหมือนหนีเสือปะจรเข้ยังไงยังงั้นนะ ถ้าจำไม่ผิดเป็นหนังสือสงครามที่เกี่ยวกับกองกำลังชื่อเรื่องน่ะ ถ้าผิด ขออภัยนะจ๊ะน้อง อ่านทางสายอิฐแล้วมาบอกพี่ด้วยเน้อออ โอยยย หมู่นี้ทำไมมันเครียดแบบนี้หนองาน เพิ่งเห็นคุณบลูพูดเกี่ยวกับไฟน้งไฟแนนซ์ มีหล่นมาทางนี้ซักกองสองกองไหมคะ :) จากคุณ : Il Maze - [ 3 พ.ค. 47 16:38:17 ]

ความคิดเห็นที่ 31 แอบแว้บมาตอบพี่ไอซ์ หนังสือที่อ่านแล้วหนักในหัวใจ แบบอินเทรนด์ของหนูสุดๆ ตอนนี้ คือหนังสือเรียนอ่า... หนักในหัวใจ และหนักใจ และกลุ้มใจ เอิงเอย... แหะๆ เลยหายๆไปค่ะช่วงนี้ หนังสือที่อ่านค้างอยู่คือ พ่อลักพาตัวฉัน... รู้สึกเหมือนกันว่าหนังสือญี่ปุ่นหลายเล่มนี่ มันเรียบเรื่อยละมุนละไม ไม่เข้ากะชีวิต หนูเท่าไหร่ อ่านแล้วยอมแพ้ไปหลายที เลยค่ะ ทุกวันนี้ก็มีบางเล่มที่ยังอ่านไม่จบ เล้ย... ช่วงนี้ เลยไม่ได้อ่านไรเพิ่มเลยค่ะ ชีวิต ยุ่งเหยิงเอาการอยู่ อุ้ย.. ว่าจะเข้ามาตอบสั้นๆ ชักเพลิน ไปแล้ว ดีกว่า หวัดดีและคิดถึงพี่ๆทุกคนนะคะ อิอิ โมเมสุดๆ จากคุณ : โก๊ะโกะ (โก๊ะโกะ) - [ 3 พ.ค. 47 17:17:36 ]

ความคิดเห็นที่ 32 คุณไอซ์ catch 22 เป็น code ทางทหารแปลว่ากฎอะไรก็ตามก็มีข้อยกเว้นได้ ทำให้ทุกอย่างพันกันเป็นเขาวงกตไม่มีทางออก มีลิงก์มาฝาก http://www.bellmore-merrick.k12.ny.us/catch22.html มีอีกนิด The remains of the day เป็นเรื่องโรแมนติกที่สุดเรื่องหนึ่งที่เคยอ่านทีเดียวละคะ แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 47 20:14:44 จากคุณ : lilymay - [ 3 พ.ค. 47 20:10:32 ]

ความคิดเห็นที่ 33 สวัสดีค่ะ แอบมาตอบครั้งแรก มาดามโบวารี สงสารชาร์ลสามีค่ะ มาดามแกเจ้าเล่ห์เสน่ห์เยอะเหมาะเป็นตัวร้าย โฟลแบรต์เขียนดีมาก เคยคุยกับเพื่อนๆว่ามาดามโบวารีร้ายอย่างนี้ ทำไมเราถึงเห็นใจเธอนัก Sentimental Education คุณเพติ๊ดหามาอ่านเลย สนับสนุนเต็มที่ค่ะ ส่วนหนังสือที่อ่านจบแล้ว รู้สึก "หนัก" ในหัวใจ เป็นหนังสือโฟลค์เนอร์ค่ะ As I Lay Dying ภาษาแกชวนหนักตั้งแต่ก่อนอ่านแล้ว อีกเล่มแฮมเล็ต ที่แอบสงสารโอฟีเลียไม่ได้ กับ Scarlet Letter เห็นใจเฮสเตอร์ ฟินน์เต็มที่ค่ะ มีแนวโน้มว่าจะเห็นใจเข้าข้างตัวละครฝ่ายหญิงมากไปรึเปล่าคะ หึหึ จากคุณ : Ing - [ 3 พ.ค. 47 20:41:57 A:203.151.125.87 X: ]

ความคิดเห็นที่ 34 The Virgin Blue ตอนส่วนที่เป็นภาษาฝรั่งเศสยาวๆนั่นคือ บทภาวนาน่ะค่ะ พวก Our Father who art in Heaven. Hollow be thy name. Thy Kingdom come..แล้วก็ Psalm บทที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ นอกนั้นก็เป็นบทสนทานาสั้นๆ ที่คุณคนเขียนดันใช้เสียเยอะไปหมด ตอนอ่านก็รู้สึกรำคาญเหมือนกันค่ะ (แต่สงสัยที่ฝ่าฟันอ่านจนจบได้เพราะพอดีมีความรู้กุ้งๆปลาๆเกี่ยวกับภาษานี้อยู่บ้างเลยพอจะทนอ่านจนจบได้ง่ายกว่า ^^") ตอบคุณ Il Maze เรื่องนายคนไข้อังกฤษ กลุ้มกับภาษาสวยจนอ่านไม่ค่อยจะเข้าใจเช่นเดียวกันเลยค่ะ ^^ แถมจะเป็นลมเอาตอนที่ได้ดูเวอร์ชั่นที่เป็นหนัง น่าเสียดายที่คุณ Anthony Minghella เธอเล่นกับประเด็นของความรักเป็นหลักเสียจนแทบลืมประเด็นอื่นๆในเรื่องไปเลย ทั้งที่หนังสือเล่มนี้มีอะไรมากกว่าเรื่องของความรักอีกเยอะเลย (Cold Mountain ก็เหมือนกัน..แต่เล่มนี้ยังไม่ได้อ่านจนจบหรอกค่ะ เห็นสำนวนกับภาษาแล้วหนาวใจตามชื่อเรื่องไปด้วยเลย ^^) ปล. กำลังจะอ่าน Miss Garnet's Angel ค่ะ มีใครเคยอ่านแล้วบ้างคะ เป็นอย่างไรบ้าง ^^ จากคุณ : scarborough - [ 3 พ.ค. 47 23:25:32 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ว้าว!!! สวัสดีสมาชิกใหม่ทุกท่านเลยค่ะ ชอบจังเลย คุณแคนดี้เล่าเรื่อง Heart of Darkness ได้ละเอียดลออดีจังเลยค่ะ สามารถเห็นภาพตามได้เลย ตัวดิฉันเองก็ประทับใจคำพูด 4 พยางค์ที่ Kurtz พูดก่อนตายได้จนถึงปัจจุบันค่ะ ขอแถมด้วยคำพูดที่ว่า Exterminate the brutes!!! เข้าไปอีกประโยคด้วยค่ะ เรียกว่าลืมไม่ลงเลยทีเดียว สำหรับเรื่องนี้ ต้องขอบคุณคุณบลูที่พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาค่ะ คุณ ing คะ ดิฉันกำลังจะเริ่มอ่านงานของโฟล์คเนอร์เร็วๆนี้แล้วค่ะ สนใจมากเลย อ่านยากมั้ยคะ ตั้งใจว่าจะเริ่มด้วย light in august ก่อน จากนั้นค่อยตามด้วย as i lay dying จะทำให้ความเครียดก่อตัวขึ้นเพิ่มพูนกว่าปัจจุบันมากมั้ยคะเนี่ย (เข้ามาตอบบ่อยๆนะคะ กำลังสนใจงานของโฟล์คเนอร์มากเลยค่า เพราะเพื่อนสนิทคนดีเขาขอร้องแกมบังคับให้อ่านอยู่ค่ะ ผลัดมาหลายรอบ จนเพื่อนรักจะงอนอยู่แล้วค่า) เห็นด้วยกับคุณ scarborough และพัทค่ะ เรื่อง The English Patient เนี่ยภาษาสวยมากๆๆๆ (อ่านหนังสือแล้วไม่สมควรดูหนังนะคะ) อ่านแล้วกลุ้มเหมียนกัน เห็นชื่อคุณ scarborough แล้วนึกถึงเพลง scarborough fair ขึ้นมาทันทีเลยค่า สามารถฮัมทำนองได้เลย อิอิ ส่วน snow country พี่เหมือนพัทเลยค่ะ รอบแรกอ่านไม่รู้เรื่องเลยซักนิดนึง แต่พอมาอ่านรอบสองแล้วเศร้า สะเทือนใจสุดๆ คนญี่ปุ่นนี้เขาช่างเป็นชาติที่จิตใจ ความคิดและวัฒนธรรมของเขาซับซ้อนจริงๆนะคะ เข้าใจยากสุดๆ แถมเป็นความเข้าใจยากที่แฝงไว้ด้วยความสุนทรีย์อีกต่างหาก นี่เป็นส่วนที่ทำให้พี่ไม่สามารถตัดใจให้เลิกอ่านวรรณกรรมญี่ปุ่นได้เลย โดยเฉพาะงานของคาวาบาตะค่ะ เป็นหนังสือที่อ่านแล้วให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเรากำลังมองภาพเขียนของญี่ปุ่นไปด้วย ประมาณนั้นเลยนะคะ อาจเป็นเพราะเขาเป็น painter มาก่อนก็ได้ พี่ชอบ literary brushstrokes ของเขามากเลย เรื่องสีเขาจะชัดมาก ละเอียดอ่อน สวยงาม และสะเทือนใจมากค่ะ ถึงแม้ว่าธีมของเรื่องเขาส่วนมากจะทั้งหดหู่ เศร้า และ รันทดก็ตาม แต่ก็ยังชอบอ่านอยู่ดีค่า ชอบงัดขึ้นมาอ่านตอนปลายปีช่วงหน้าหนาว อากาศเย็นๆ ได้อารมณ์สุดๆเลยค่า น้องไอซ์จ๋า ้น้องไอซ์ต้องคุ้นๆ 2 เรื่องนี้แน่นอนเลยค่ะ เพราะน้องปอเคยเขียนถึงเรื่อง snow country และพี่ก็เคยแนะนำไว้ในทู้เก่าๆค่า (แต่แนะนำเรื่อง thousand cranes นะคะ ส่วน beauty and sadness ยังไม่เคยเขียนถึง) นักเขียนญี่ปุ่นอีกท่านที่ชื่อทานิซากิ ก็เขียนดีสุดๆเหมือนกันค่ะ ไม่ทราบมีใครอ่านกันมั่งป่าวเอ่ย? พูดถึงโฟลแบร์ตแล้ว ยังไม่ไ้ด้พูดถึงบัลซัคเลยค่ะพี่น้อง อ่านเรื่องพ่อโกริโยต์แล้วก็ชวนให้หนักใจเหมือนกันนะค้า เล่นเอาน้ำตาซึมไปนานเหมือนกัน ตอนจบสงสารตาโกริโยต์แกสุดๆ เล่นเอารักพ่อขึ้นจมเลย ง่วงแล้วค่ะ แล้วค่อยคุยกันใหม่นะค้า จากคุณ : เพติ๊ด - [ 4 พ.ค. 47 00:01:42 A:203.107.203.153 X: ]

ความคิดเห็นที่ 36 เพิ่งเห็นน้องพัทเขียนถึง the end of the affair ค่ะ โอ้โห เรื่องนี้ก็กินใจสุดๆเหมือนกัน ยิ่งตอนบรรยายตอนท้ายๆเรื่องที่ซาราห์ป่วยมาก ไออยู่ตลอดเวลา แล้วมาเจอเบนดริกซ์ที่โบสถ์ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ยอมเลิกกับสามีแล้วกลับมาคบกับเบนดริกซ์อีก เพราะตั้งใจยึดมั่นว่าจะอุทิศทั้งชีวิตและความรักที่มีให้กับพระเจ้าเนี่ย (เพราะเขาได้เคยให้สัญญากับพระองค์ท่านไว้) พี่ประทับใจมากค่ะ พร้อมทั้งอึ้ง ทึ่ง และชื่นชมผู้เขียน (คุณปู่กรีน)เป็นที่สุด ที่สามารถ transcend ประเด็นความรักที่ผิดศีลธรรม ที่เราๆสามารถเห็นกันดาดดื่นตามละครน้ำเน่าทั่วไป ให้กลายเป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกับความเชื่อและความศรัทธาในศาสนา (คาทอลิค) และพระเจ้าได้อย่างมีสไตล์ที่สุด พี่เชื่อว่าทุกคนที่อ่านเรื่องนี้จบแล้วต้องหันกลับมาทบทวนศรัทธาของตัวเองกันใหม่หมดอีกครั้งเป็นแน่ เป็นเรื่องที่ประทับใจมากๆเรื่องนึงเช่นกันค่ะ อยากแนะนำให้พี่น้องอ่านด้วยค่ะ ชอบมากเลย จากคุณ : petitfour - [ 4 พ.ค. 47 00:29:03 A:203.107.203.153 X: ]

ความคิดเห็นที่ 37 แบะ..แบะ.. ใบ้กินเลยค่ะ เมื่อเห็นแต่ละเล่มที่ทุกคนพูดถึง เพราะเป็นแนวที่ติ่มหลีกเลี่ยงสุดชีวิต เลยอยากถามว่าอ่านกันตอนว่างทั้งวัน หรืออ่านวันละนิดเมื่อว่างคะ? จะได้เอาไปใช้บ้าง เพราะติ่มมีจุดอ่อนกับแนวนี้ น้อยเรื่องที่จะอ่านต่อเนื่องจนตบได้ ..แนวหนักเล่มที่อ่านมาจะครบปีแล้วก็คือ Blindness ค่ะ ชอบน่ะชอบอยู้..แต่อ่านไปทีละนิ้ดดดด คิดว่ามันสะท้อนถึงธาตุแท้ความเป็นคนได้ดี คล้ายกับหนัง Alive ที่ชวนให้คิดว่าคนเราจะทำอะไรได้บ้างเพื่อความอยู่รอดในยามคับขัน พูดถึงแนวรันทดเงียบ ๆ ของญี่ปุ่นนี่ นึกถึง "รูจ" ขึ้นมาเลยค่ะ พล็อตซินเดอเรลล่าแต่จบสลดดีพิกล เป็นอีกเรื่องที่ชอบค่ะ แต่ "เมื่อพ่อลักพาตัวฉัน" ที่โก๊ะโกะพูดถึงนี่..ไม่หนุกอ่ะ มันเลื่อนลอย หาประเด็นไม่ค่อยได้ คุณ scarborough ... รับเหรียญไปเลยค่ะ สำหรับการอ่าน Virgin Blue จบ (ถ้าอ่าน Cold Mountain จบอีกเล่ม จะยกเป็นสมาคมชมรมหลับ) เป็นเรื่องที่ได้ยินชื่อก็ครั่นเนื้อครั่นตัวแล้วค่ะ เห็นไอซ์พูดถึง brick lane พี่อ่านไปหน่อยแล้ว สำนวนโอเคเลยนะ ละไมและน่าติดตามกว่าที่พี่คิดไว้ อาจเป็นแนวแขกเล่มแรกที่อ่านรอด (นอกประเด็นหน่อยค่ะ) วันก่อน อ่าน "ร้อนรักข้ามเวลา" ของสนพ.คิวปิดไปแล้ว ไม่ค่อยชอบค่ะ เป็นแนวข้ามเวลาที่ไม่สนุกเท่าเรื่องอื่น ติ่มว่าติ่มเคยอ่านโรมานซ์เก่า ๆ หลายเล่มที่สนุกกว่านี้ อีกเล่มที่จบแล้วคือ digital fortress แต่ขอต๊ะรีวิวไว้ก่อนค่ะ เดี๋ยวหลุดประเด็น ตอนนี้ กำลังอ่านพร้อมกันหลายเรื่อง ทั้งกำลังภายใน ภาษาอังกฤษและนิยายไทย ไว้ว่างแล้วจะเข้ามาเล่าค่ะ จากคุณ : ติ่มซำ - [ 4 พ.ค. 47 00:53:08 A:169.210.6.22 X: ]

ความคิดเห็นที่ 38 คุณติ่ม ความจริงพวกหนังสือหนักๆ เนี่ยก็ page turner เหมือนกันนะ ส่วนใหญ่แล้วเวลาหนูอ่านหนังสือพวกนี้ จะตะลุยรวดเดียวจบ เพราะอยากรู้ว่าคนเขียนเขาจะหาทางออกได้ยังไงอ่ะค่ะ หนังสือที่เก็บไว้อ่านหลายๆ วันได้ก็พวกเรื่อยๆ เอื่อยๆ น่ะค่ะ มันชวนให้คนอ่านเอื่อยตาม ดีใจจังที่ไม่ใช่คนเดียวที่แพ้วรรณกรรมญี่ปุ่น มันเอื่อยจริงๆ เนอะ ^^" คุณไอซ์... เรื่องไม่ค่อยได้แตะวรรณกรรมคลาสสิคเนี่ย เป็นปัญหาส่วนรวมของเด็กที่ไม่ได้เรียนสายนี้มาโดยตรง เพราะเป็นเหมือนกันค่ะ... (ยกมือด้วย) สวัสดีทั้งคนใหม่คนเก่าเลยค่า... จากคนกลางเก่ากลางใหม่ จากคุณ : นารูมิ - [ 4 พ.ค. 47 07:06:58 ]

ความคิดเห็นที่ 39 อุ๊ย แนวหนักนี่ก็ยอมแพ้เหมือนกันค่ะ แฮะๆ ส่วนใหญ่อ่านแต่หนังสือที่ทำให้หัวใจเบาหวิว ล่องลอยอะไรเงี้ย อิๆ กระทู้นี้เลยขอเข้ามาสังเกตการณ์เฉยๆ ดีจังค่ะที่พี่ติ่มเข้ามาบอกว่าร้อนรักข้ามกาลเวลาไม่ค่อยสนุก จริงๆไม่ใช่แนวโปรดอยู่แล้ว แต่พอรู้อย่างงี้ก็ดีจะได้คอนเฟิร์มไปเลยว่าไม่ต้องซื้อแน่ๆ (ว่าแต่ยอดชายในฝันเนี่ย ปันก็ยังไม่เห็นนะ แล้วลองไปชะแว๊บดูโรมานซ์ที่ร้านซีเอ็ดแล้ว ปรากฎว่าเห็นรูปเล่ม ปกเปิกแล้วไม่ค่อยอยากซื้ออ่ะ เพราะมันไม่ค่อยสวยงาม หรือน่าสะสมเท่าไหร่ แต่ถ้าเรื่องไหนพี่ติ่มบอกสนุกมากๆเนี่ย จะพยายามหาซื้อมาอ่านบ้าง อย่างยอดชายในฝันเนี่ย จะพยายามหาๆอีก ถ้าเจอจะซื้อแน่ๆค่ะ) ไปละ วันนี้เล่นเน็ตที่บ้าน บ๊ายบายค่ะ จากคุณ : L.I.R.A. - [ 4 พ.ค. 47 09:58:45 ]

ความคิดเห็นที่ 40 แวะมาตอบน้องไอซ์ก่อนค่ะ เดี๋ยวจะต้องรีบไปเคลียร์กองงานที่พอกหางหมูไว้กองเบ้อเร่อแล้วหล่ะคะ หนังสือที่อ่านแล้วรู้สึก "หนัก" ในหัวใจ ไม่ค่อยมีเท่าไหร่ค่ะน้องไอซ์ เพราะพี่ชอบหยิบแต่หนังสือที่ที่ทำให้หัวใจสดชื่นมาอ่านหน่ะคะ ^_^ แต่เล่มที่จบไปไม่นาน "Life of Pi" อ่านแล้วก้อรู้สึก "หนักๆ" ในหัวใจพอสมควรค่ะ เห็นพี่พัทพูดถึงหนังสือเรื่อง Lord of the flies ไป นึกขึ้นได้ว่ามารุ่นพี่ที่ทำงานเคยพูดถึงหนังสือเล่มนี้ไปไม่นานเองค่ะ ยังไปล้อเค้ากลับเลยค่ะว่ามีด้วเหรอหนังสือเล่มนี้ นึกว่าเค้าพูดเล่นหนะคะ เห็นชื่อแปลกๆ แต่ก้อมีจริงๆ ด้วย สวัสดีทุกๆ คนด้วยค่ะ จากคุณ : Bigcrab - [ 4 พ.ค. 47 10:14:53 ]

ความคิดเห็นที่ 41 คุณปู Lord of the Flies เป็นหนึ่งในหนังสือคลาสสิคเลยนะคะ เล่าเรื่องของเด็กนักเรียนที่เครื่องบินตกกลางมหาสมุทร และต้องตั้งกฏขึ้นมาปกครองกันเองในโลกที่ไม่มีผู้ใหญ่ แล้วค่อยๆ เลยเถิดไปเรื่อยๆ ... จนกลายเป็นความป่าเถื่อน อ่านแล้วบีบหัวใจค่ะ ยิ่งตอนจบยิ่งบีบหัวใจใหญ่ ที่เอาไปทำเป็นหนังก็ดีค่ะ จะเลือกเสพแบบไหนก็ตามสบายเลยค่ะ ดีทั้งคู่ เครียดทั้งคู่ (เอิ๊กส์) สงสัยคุณปูจะเป็นเหมือนเพื่อนเราแน่เลย มาหาว่าเป็นหนังสือล้อเลียน (ดูจากชื่อน่ะค่ะ) Lord of the Ring เอ๊ะ หรือว่าล้อกันจริงๆ ง่ะ ไม่รู้อ่ะ ให้ผู้รู้มาบอกดีกว่า จากคุณ : นารูมิ - [ 4 พ.ค. 47 13:23:06 ]

ความคิดเห็นที่ 42 หวัดดีครับ หายไปนาน งานยุ่งขิงจนสติแตกครับ เดี๋ยวจะพกงานไปอัดรายการกับแฟนที่ต่างจังหวัด ตอนนี้เลยยิ้มหน่อย ตอบคุณไอซ์ Lovely Bones ไงครับ ผมว่าเรื่องนี้แหละอ่านแล้วอึ้ง ทึ่ง พูดไม่ออกสุดๆ อัดอั้นจนอยากร้องกรี๊ด...แว่วว่ามีคนแปลเป็นไทยแล้ว คงต้องรออ่านกันดูนะครับสำหรับคนที่ยังไม่ได้อ่าน ไปเตรียมเก็บของก่อนเน้อ จากคุณ : Filippo - [ 4 พ.ค. 47 14:16:14 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ตอนแรก ตาลคิดตั้งนาน สองนาน สามนานว่าหนังสืออะไรนะที่อ่านแล้วหนักๆ แล้วก็คิดออกค่ะ ก็ A Child called It, The Lost Boy ไงคะ หนักมากขนาดอ่านเล่ม 3 A Man Named Dave ต่อไม่ไหวเลย อ่านแล้วแบบ ช่างน่าเศร้าเหลือเกิน ไม่น่าเชื่อว่าแม่เขาจะโหดร้ายกับลูกแท้ๆของตนเองได้ถึงขนาดนี้ หนังสือหนักๆเนี่ย บางทีถึงแม้จะอยากอ่านมากแต่ก็อ่านยากนะคะ คือต้องเตรียมตัวเตรียมใจอย่างมากในการอ่านจนจบ เฮ้อ แค่คิดก็เครียดแล้ว อ่าน Life of Pi จบแล้ว สนุกดีค่ะ คงไม่ต้องรีวิวเรื่องย่อแล้วมั้งคะเพราะอ่านกันแล้วหลายคน เอาเป็นว่าจะขอแสดงความคิดเห็นส่วนตัวแทนแล้วกัน แต่แปลกตรงที่ตาลชอบ part 1 มากที่สุดเลยอ่ะ ทั้งๆที่หลายๆคนจะชอบ part 3 หรือ 2 ปัญหาที่เจอในการอ่านคือ นึกไม่ออกว่าสัตว์ที่เขาพูดถึงมันคือตัวอะไร หน้าตาเป็นอย่างไร เล่มนี้เป็นหนังสือที่แต่งได้ดี อ่านไม่ง่ายนัก เพราะมีการเล่าตัดตอน (ไม่ใช่ฆ่าตัดตอนนะคะ) มีแง่คิดแปลกดีค่ะ ได้ความรู้เพิ่มขึ้นเยอะมากค่ะ แนะนำให้อ่านค่ะ อ่าน 5 People จบแล้วเหมือนกัน อ่านรวดเดียว วันเดียวจบ เป็นหนังสือที่อ่านง่ายนะคะ แต่ไม่ประทับใจมากเหมือนคนอื่นๆค่ะ คือแบบว่าเป็นหนังสือที่ดี อ่านง่าย เข้าใจง่าย มีข้อคิดดีๆเยอะเหมือนกันนะคะ ว่าแล้วเดี๋ยวฝากไว้ตรงนี้เลยแล้วกัน (สรุปว่าตาลชอบ Tuesdat With Morrie มากกว่ามากๆเลยค่ะ) * Every life has one true-love snapshot * Strangers are just family you have yet to come to know * No life is a waste. The only time we waste is the time we spend thinking we are alone * You have peace when you make it with yourself * Love takes many forms, and it is never the same for any man and woman * Lost love is still love. It takes a different form, that’s all * Life has to end, love doesn’t * When you don’t talk, it helps you listen * Each person is in your life for a reason ตอนนี้กำลังอ่าน angels and Demons อยู่ค่ะ ไม่รู้จะใช้เวลานานขนาดไหนกับเล่มนี้ เอ... หลังจากเล่มนี้จะอ่านอะไรดีนะ นึกไม่ออก ไปแล้วนะคะ ยิ่งเขียน ยิ่งยาว ไว้จะแวะมาคุยใหม่ จากคุณ : ตาล - [ 4 พ.ค. 47 17:17:12 A:202.59.255.111 X: ]

ความคิดเห็นที่ 44 คำว่า Lord of the Files เป็นสมญานามของสมุนมือขวาของลูซิแฟร์ที่ชื่อว่าบีเอลเซบับ (Beelzebub) ค่ะ (ผิดถูกอย่างไรวานผู้รู้บอกที) จำได้เลาๆว่าใน Paradise Lost ก็มีพูดถึงเขาอยู่หน่อยๆ แต่อ่านานแล้ว จำไม่ได้ซะแล้วล่ะค่ะว่าเป็นยังไงบ้าง ไม่ถนัดหนังสือแนวญี่ปุ่นด้วยคนสิคะ เอิ้กก พลิกแล้วพาลจะหลับคาหนังสือตลอดเลย เห็นชื่อเรื่อง Snow Country ที่คุณๆหลายคนคุยกันอยู่ (แต่เรายังไม่เคยอ่าน ^^") แล้วนึกถึงอีกเรื่องที่ชื่อละม้ายกันอย่าง Snow Falling on Cedars ค่ะ จริงๆก็หนักและสนุกนะ แต่อ่านแล้วหนังตาหนักพอๆกับกองหิมะบนต้นซีดาร์เลย - -" ปล. เห็นชื่อ Faulkner คุ้นๆตาอยู่ แต่เพิ่งนึกออกว่าเคยมีโอกาสได้อ่านเรื่องสั้นของ William Faulkner เรื่อง Barn Burning แล้วก็บอกกับตัวเองว่า คนที่อ่านนิยายของเขาได้จบต้อง เราต้องขอคารวะ :D ปปล. Scarborough เป็นเด็กมุมมืดของห้องนี้ค่ะ เทียวไปเทียวมาแบบนานๆถี่ อิอิอิ จากคุณ : scarborough - [ 4 พ.ค. 47 22:19:49 ]

ความคิดเห็นที่ 45 คุณ sca กระตุ้นต่อมอยากรู้มากๆเลยไปค้นมา ใช่จริงๆค่ะ Beelzebub -- The Lord Of Flies -- was a Philistine god. Christianity has often used Beelzebub as an interchangeable name for Satan. He is also sometimes considered to be Satan's right-hand man จากเวปนี้นะคะ http://movies.warnerbros.com/devils/cmp/lucifer-c.html Beelzebub , the embodiment of gluttony, acts as the nominal ruler of the city-state of Pandemonium proper. He is also the Commander-in-Chief of the King's special forces. He became associated with flies because he had sent a plague of the insects to Canaan. He may also have become known as the "Lord of the Flies" because of the popular belief that decaying corpses generated flies. When summoned by sorcerers or witches, he would appear in the form of a fly, a gargantuan cow, or a male goat with a long tail. He had a tendency to vomit flames if he was angered. ยิ่งอ่านยิ่งมัน ฮ่าๆๆhttp://www.rivetheads.com/Tohell/ พัทสิดันพอจำได้แต่เลาๆเรื่องบีเอลซีบับเพราะหนังสือโรแมนซ์เล่มนึงที่พระเอกชื่อลูซิเฟอร์แล้วแมวนางเอกชื่อบีเอลซีบับ อุอุ จากคุณ : Il Maze - [ 4 พ.ค. 47 22:44:41 ]

ความคิดเห็นที่ 46 หวัดดีค่า วันนี้ขอทำหน้าที่อยู่โยงเฝ้าทู้ 1 วันค่า เพราะสมาชิกส่วนใหญ่ไปสังสรรค์หนุกหนานกัน เหลือพี่เพติ๊ดนั่งเล่นเน็ทอยู่บ้านคนเดียว เพราะดันมาเจอสภาพรถติด กับงานยุ่งแบบสุดชีวิตเข้าเลยต้องขอบาย ทั้งๆที่อยากไปเจอน้องๆสาวๆมั่กๆๆๆๆๆ ขอส่งน้องติ่มเป็นตัวแทนไปละกันนะค้า ว้าวววว หวัดดีคุณ scarborough fair ด้วยค่า ไม่ต้องเป็นเด็กมุมมืิดของห้องแล้วค่ะ กระโดดเข้ามาแจมแบบเต็มๆบ่อยๆเลยนะค้า ทู้นี้ยินดีต้อนรับเสมอเลยค่ะ ชอบอยู่แล้น อืมม์... น่านดิคะ กิตติศัพท์ท่านโฟล์คเนอร์นี่ก็น่ากลัวอยู่เนอะ คิดไปคิดมาช่วงยุ่งๆแบบหัวแตกแบบนี้ ปล่อยท่านประทับไว้บนหิ้งหนังสือก่อนเป็นดีกว่านะคะ หุหุ ละก้อ ขอคารวะ(ตามยายติ่ม) ด้วยคนค่าเรื่องเวอร์จิ้น บลู แค่พลิกๆอ่านแค่ 2-3 บท พี่ก็หลับได้หลับดีแล้วค่า ยิ่งถ้าพ่วง cold mountain เข้าไปด้วยล่ะก้อ น่าจะหลับยาวต่อได้เป็นอาทิตย์เลยค่า 5555555 เอิ๊กกกกก พูดแล้วก็ตะครั่นตะครอตามยายติ่ม (เรื่องหลังเนี่ยหลับของแท้เลย ทำไงก็ไม่ผ่านซักกะที ทู้เรามีน้องปอ หนึ่งเดียวเท่านั้นที่อ่านจบค่า เก่งเจงๆ) กู้ดไนท์นะคะทุกคน ไปกิน ไปสังสรรค์กัน หนุกหนานเพียงไร เล่าสู่กันฟังด่วนค่า จากคุณ : พี่เพติ๊ด - [ 4 พ.ค. 47 22:45:04 A:203.107.196.118 X: ]

ความคิดเห็นที่ 47 ว้าวววว ท่าทางคุณโป้จะมีแฟนอยู่ในวงการซะด้วย เป็นดาราอ๊ะป่าวคะ (เห็นบอกว่าไปอัดรายการ!!??!!) ตื่นเต้นๆๆๆๆๆ อยากรู้จังเล้ย อย่างนี้ก็สวยหยาดเยิ้มไปเลยสิคะเนี่ย (ร้ายเจงๆเลย อจ.โป้ของเราเนี่ย .... กร้าก) จากคุณ : เพติ๊ด - [ 4 พ.ค. 47 22:51:36 A:203.107.196.118 X: ]

ความคิดเห็นที่ 48 Digital Fortress (Dan Brown) *** Spoiler *** ซูซาน เฟลทเชอร์เป็นหัวหน้าฝ่าย Crypto ของ NSA เธอรักอยู่กับเดวิด เบคเกอร์..ศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยผู้เชี่ยวชาญภาษา ทั้งคู่พบกันเมื่อ NSA เรียกเดวิดมาแปลภาษาจีนกลางที่ถอดรหัสออกมา ทั้งคู่ปิ๊งกันจนหมั้นกันในที่สุด อธิบายเกี่ยวกับ National Security Agencyเล็กน้อยก่อนค่ะ NSA มีหน้าที่ดูแลรักษาความมั่นคงของประเทศ ทำให้ต้องแอบดักฟังโทรศัพท์หรือแอบอ่านอีเมล์ ฯลฯ เผื่อเจอข้อความติดต่อสื่อสารของผู้ก่อการร้าย จะได้แก้ไขทัน ข้อความอิเล็กทรอนิกส์พวกนี้จะมีการเข้ารหัสด้วยอัลกอริธึ่มเอาไว้ และคนที่อ่านได้คือผู้รับ หรือคนที่มี pass-key (กุญแจถอดรหัส) งานหลักของ NSA คือหา pass-key เพื่อนำมาอ่านข้อความดิจิตอล แต่ยิ่งเทคโนโลยีก้าวหน้า กุญแจถอดรหัสก็ยิ่งซับซ้อน ยาวและกินเวลาถอดรหัสมากขึ้น NSA จึงริเริ่มโครงการสร้าง TRANSLR ที่ใช้โปรเซสเซอร์หลายร้อยตัวทำการประมวลผลแบบขนานเพื่อถอดรหัส ในเรื่อง TRANSLR สามารถอ่านข้อมูลลับได้ไม่ว่าข้อมูลนั้นจะเข้ารหัสแบบใด โดยใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที มันเป็นความสำเร็จครั้งมโหฬารที่ NSA ไม่มีทางประกาศให้พวกคนร้ายรู้ตัว ดังนั้น โลกจึงรู้แค่โครงการนี้ล้มเหลว ซูซาน..ในฐานะหัวหน้าฝ่าย Crypto..เป็นผู้ดูแล TRANSLR และอยู่ใต้บังคับบัญชาของสแตรทฟอร์ท รองผอ. NSA อีกที เอนไซ ทังคาโด้เป็นนักโปรแกรมอัจฉริยะพิการชาวญี่ปุ่น เขามีส่วนสร้าง TRANSLR โดยหวังว่ามันจะช่วยหยุดยั้งความรุนแรงได้ แต่เมื่อมีการเปลี่ยนกฏให้ NSA สามารถอ่านอีเมล์ได้เลยโดยไม่ต้องขออนุญาตจากกระทรวงยุติธรรม ทังคาโด้พยายามประกาศเรื่องของ TRANSLR ผ่าน EFF (Electronic Frontier Foundation) ที่คอยสอดส่องเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนในระบบอิเล็กทรอนิกส์ ผลคือ NSA ไล่เขาออกและทำเป็นไม่สนใจเขา แต่ในขณะเดียวกันก็ปล่อยข่าวลือต่าง ๆ เพื่อ discredit ทังคาโด้จนเขาโดนคนในวงการเมิน เขากลายเป็นตัวตลกที่ร้องโวยวายเรื่องที่คนไม่คิดว่ามีจริง จากคุณ : d.s. - [ วันฉัตรมงคล 02:28:56 A:169.210.39.160 X: ]

ความคิดเห็นที่ 49 (continued SPOILER) นิยายเริ่มขึ้นเมื่อสแตรทฟอร์ทเรียกซูซานไปรับมือเหตุฉุกเฉินในฝ่าย Crypto เธอได้รู้ว่าเอนไซ ทังคาโด้เขียนโปรแกรมเข้ารหัสชื่อ Digital Fortress ...รหัสซึ่งไม่สามารถถอดได้สำเร็จตามที่เคยประกาศไว้นานแล้ว สแตรทฟอร์ดลองดาวน์โหลดโปรแกรม Digital Fortress จากเว็บของทังคาโด้ในอินเตอร์เน็ตเข้า TRANSLR และเครื่องยังคงอ่านโปรแกรมไม่ได้ทั้งที่ผ่านมาแล้วกว่า 15 ชม.! นั่นเพราะทังคาโด้ป้องกันตัวโปรแกรม DF ไว้ด้วยการเข้ารหัสแบบ DF ทังคาโด้ส่งเมล์มาขู่ให้ NSA ประกาศเรื่องของ TRANSLR ต่อชาวโลก ไม่เช่นนั้น เขาจะเปิดประมูล pass-key ของ Digital Fortress ภายในเที่ยงวันพรุ่งนี้ และเตือนด้วยว่าหาก NSA คิดจะ “เก็บ” ทังคาโด้ หุ้นส่วนของเขาที่ใช้ฉายา NDAKOTA จะโพสต์ pass-key ในอินเตอร์เน็ตและนสพ. ...แน่นอนว่าถ้า Digital Fortress ตกไปอยู่ในมือเอกชน (ไม่ว่าจะเพราะการประมูล หรือเพราะการแจกฟรี) อัลกอริธึ่มเข้ารหัสที่ใครก็ถอดไม่ได้นี้จะถูกนำไปใช้ในทุกผลิตภัณฑ์ กลายเป็นมาตรฐานการเข้ารหัสใหม่ของโลก นั่นจะทำให้หน่วยข่าวกรองเข้าสู่ยุคมืดอีกครั้ง หรือผลอาจเลวร้ายไปกว่านั้น..หากพวกก่อการร้ายได้โปรแกรมนี้ไป ...แต่ถ้า NSA ประกาศให้โลกรู้ว่าใช้ TRANSLR แอบอ่านอีเมล์ชาวบ้านมาหลายปีแล้ว สหรัฐย่อมตกเป็นเป้าโจมตีจากทุกชาติ NSA จะโดนประนามและอาจต้องทำลาย TRANSLR ไป (แถมสแตรทฟอร์ทเองก็เคยพยายามสร้าง backdoor ในโปรแกรมที่เขียนขึ้นเพื่อเป็นโปรแกรมเข้ารหัสมาตรฐาน แต่โดนจับได้ซะก่อนมาแล้วด้วย) NSA จะใช้กลยุทธ์เมินแล้ว discredit แบบเดิมไม่ได้แล้ว วิธีแก้ปัญหาเดียวคือหา pass-key ของ Digital Fortress ให้ได้ จากคุณ : d.s. - [ วันฉัตรมงคล 02:32:05 A:169.210.39.160 X: ]

ความคิดเห็นที่ 50 (continued) แต่เหมือนชะตาเล่นตลก ทังคาโด้ที่หลบอยู่ในสเปนเกิดหัวใจวายตายซะก่อน สแตรทฟอร์ทเลยต้องรีบเรียกซูซานมาช่วยตามรอยหา NDAKOTA ผ่านระบบอีเมล์เพื่อประมูล pass-key จากเขาก่อนข่าวการตายของทังคาโด้แพร่ออกไป ขณะเดียวกัน สแตรทฟอร์ทก็ส่งเดวิด...พลเรือนคนเดียวที่เขาเห็นว่าเรียกใช้ได้โดยไม่เสี่ยงกับการเปิดโปง NSA..ไปสเปนเพื่อเก็บข้าวของทุกชิ้นของทังคาโด้กลับมาหา pass-key ด้วยสไตล์การเขียนแบบ page-turner เนื้อเรื่องแบ่งออกเป็น 3 ด้าน - ด้านหนึ่งคือในฝ่าย Crypto ที่มีสแตรทฟอร์ท, ซูซาน และนักโปรแกรมตัวป่วนอีกคน สองคนแรกพยายามแก้ไขปัญหา แต่คนหลังมาป่วนอย่างมีเลศนัย - ด้านที่สองคือเดวิดในสเปน เขาพบว่าทังคาโด้พยายามยัดเยียดแหวนสลักอักษรให้คนที่มาช่วย เดวิดต้องตามหาแหวนที่ดูเหมือนจะโดนเปลี่ยนมือไปบ่อยเกินคาดในวันเดียว แถมยังมีชายลึกลับคอยตามเก็บทุกคนไล่หลังเดวิดไปอีกด้วย - ด้านที่สามคือเหตุการณ์นอกฝ่าย Crypto เช่น ในแผนก Sys-Sec ที่คอยดูแลระบบ ฟิล..เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเกิดแวะเข้ามาแล้วสังเกตเห็นเวลาการทำงานยาวผิดปกติ และโวยวายว่า TRANSLR โดนไวรัส สแตรทฟอร์ทพยายามหยุดเขาด้วยการบอกว่ากำลังรันโปรแกรมวิเคราะห์อยู่ แต่ฟิลตามสืบไม่ปล่อยด้วยความมั่นใจว่ามีไวรัส ... ในขณะที่เลขากับผู้ช่วยของผู้อำนวยการ NSA พบตัวเลขผิดปกติในรายงานการทำงานของ TRANSLR สแตรทฟอร์ทพยายามกลบเกลื่อนเช่นเดิม แต่สองคนนี้ก็ไม่ยอมหายสงสัยเช่นกัน ... และในญี่ปุ่น บริษัทคอมพิวเตอร์แห่งหนึ่งก็ได้รับการติดต่อจาก NDAKOTA เพื่อขาย Digital Fortress! ...เนื้อเรื่องเข้มข้นขึ้นเมื่อมีคนตายอย่างลึกลับใน Crypto ใครคือ NDAKOTA? ใครจะเจอแหวนก่อน และมันคือ pass-key จริงหรือ? ใครคือฆาตกรใน Crypto? Digital Fortress เป็นรหัสที่ถอดไม่ได้จริงหรือ? หรือทังคาโด้วางแผนอะไรอื่นไว้มากกว่านี้? ทั้งหมดนำไปสู่ไคลแมกซ์ในช่วงท้าย แน่นอนว่าการถอดรหัสคือตัวชูรสของเรื่อง คนอ่านจะสนุกไปกับประวัติการเข้ารหัสฉบับย่อ (มีแมงโม้ด้วยเปล่านี่ไม่รู้) คนที่เคยเรียนเข้ารหัสมาบ้างอาจระลึกชาติถึงอัลกอริธึ่มบางอย่างได้ ในเล่มมีพูดถึงการเข้ารหัส 3 แบบ (ถ้าจำไม่ผิด) คือ Caesar Box, anagram และการเลื่อนตัวอักษร (เช่น me เป็น ld) แดน บราวน์ยังคงเปิดจุดโหว่ในส่วนที่หลายคนใช้คำว่า “พล็อตอ่อน” ไว้เช่นเคย เนื้อเรื่องลุ้นน่าติดตามยิ่งขึ้นเมื่อมี cryptography เข้ามาแทรก แต่ตัวละครน้อยเกินไปจนไม่สมเหตุสมผล, ไม่น่าเชื่อว่า NSA จะปล่อยให้เกิดเรื่องได้ขนาดนี้, ไม่น่าเชื่อว่า NSA ระดมคนมาช่วยแก้รหัสได้น้อยมากในตอนท้าย คนอื่นไปไหนหมด? ...นี่คือจุดที่สะกิดใจในตอนอ่าน .... อย่างไรก็ตาม ชอบบทส่งท้ายของเรื่องนี้ค่ะ R E E R E N C I C D H L O E - L M D T E M T H R จากคุณ : d.s. - [ วันฉัตรมงคล 02:46:49 A:169.210.39.160 X: ]

ความคิดเห็นที่ 51 หวา พิมพ์ชื่อผิดค่ะ แก้ "สแตรทฟอร์ท" เป็น "สแตรทมอร์" นะคะ - -" เบลออีกแล้วเรา จากคุณ : d.s. - [ วันฉัตรมงคล 02:48:33 A:169.210.39.160 X: ]

ความคิดเห็นที่ 52 พี่ติ่มขาด beauty sleep เหรอคะ อิอิ ขอบคุณนะคะที่พิมพ์มาตั้งยาวเลย สารภาพอ่ะพี่ว่าไม่กล้าอ่าน ไปอ่านหนังสือก่อนแล้วค่อยถก อ้อ พี่ขา ฝากนิดสิคะ The Queen's Fool ปกอ่อนในไทยมีขายยังคะ ราคาเท่าไหร่ อยากได้ใจจะขาด (อย่าปล่อยให้มันขาดนะคะพี่ อุอุ) จากคุณ : พัท (Il Maze) - [ วันฉัตรมงคล 03:57:10 ]

ความคิดเห็นที่ 53 มารีวิวแต่เช้า สวัสดีวันหยุดและสายฝนค่ะ ======================== The Bonesetter's Daughter By Amy Tan ======================== หนังสือแบ่งเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ บทแรก เริ่มแรกด้วยประโยคที่ว่า "These are the things I know are true;" เป็นข้อความที่ LuLing เขียนเป็นภาษาจีน แล้วมอบให้ Ruth ลูกสาว ที่เกิดและเติบโตในอเมริกาเพื่อที่เธอจะได้ฝึกอ่านฝึกใช้ภาษาจีน นอกจากนั้น ยังมีความลับมากมายที่ LuLing คิดว่าลูกสาวควรจะได้รู้ Ruth ซึ่งตอนนี้อยู่กินเฉยๆ กับชายที่มีลูกติดมาสองคน ทำอาชีพเป็น ghostwriter มีอดีตทั้งรักทั้งชังและขมขื่นกับ LuLing ผู้เป็นแม่มาโดยตลอด LuLing เป็นสาวจีนที่อพยพมาอยู่อเมริกาช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง และแต่งงานกับลูกชายคนโตของครอบครัว Young โดยที่น้องสาวของเธอ GaoLing แต่งงานกับลูกชายคนเล็ก โชคร้าย หลังจาก Ruth เกิดได้ไม่นาน สามีของเธอก็เสียชีวิต ชีวิตของ LuLing ก็พลิกผัน อีกครั้ง เธออมทุกข์ ขี้โวยวาย และทุกอย่างก็มาลงกับลูกสาว ตั้งแต่ Ruth จำความได้ เธอก็รู้มาโดยตลอดว่า แม่ชอบขู่เธอเสมอๆ ว่าอยากตาย แม่ชอบพล่ามถึงโชคร้ายและคำสาปที่ติดมากับแม่ (และเชื่อว่าจะต้องเกิดกับเธอ) เพราะแม่นมของแม่ที่แม่เรียกว่า Precious Auntie แต่ตอนนี้ LuLing เริ่มมีอาการแปลกๆ จำอะไรผิดๆ ถูกๆ ทำให้ Ruth ต้องกลับมาดูแลแม่อีกครั้ง และตอนนี้เธอถึงได้กลับมาทบทวน อดีตและความสัมพันธ์ขึ้นๆ ลงๆ ระหว่างเธอกับแม่ นอกจากนั้น Ruth ยังได้พบ บันทึกที่แม่ของเธอเขียนเล่าชีวิตของตัวเองไว้เป็นภาษาจีน Ruth เชื่อว่าแม่ เริ่มเขียนเมื่อคิดได้ว่าความทรงจำของแม่เริ่มแย่ลง บรรทัดแรกในบันทึกเขียนไว้ว่า There are the things I must not forget จากนั้น ก็เป็นเหมือนส่วนที่สองของหนังสือ เล่าชีวิตทั้งหมดของ LuLing และแม่ของเธอในเมืองจีน ซึ่งออกจะ "ตำนานรักดอกเหมย" ส่วนนี้ครบรสมากค่ะ มีตั้งแต่การถ่ายทอดความลับสู่คนในครอบครัว โศกนาฏกรรม ชะตาชีวิตที่พลิกผัน จากฟ้าสู่ดินและดินสู่ฟ้า เรื่อยไปจนกระทั่ง LuLing ได้มาอเมริกา (ไม่ขอเล่ามากแล้วกันนะคะ เดี๋ยวจะอ่านไม่สนุก) ส่วนที่สามของหนังสือ เป็นตอนที่อดีตกับปัจจุบันมารวมกัน Ruth ได้รู้จักแม่ของตัวเองมากขึ้น ในขณะเดียวกัน เธอก็รู้จักตัวเองมากขึ้น หลังอ่านจบ อิ่มในความรู้สึกค่ะ Amy Tan ถ่ายทอดเรื่องของความสัมพันธ์ได้สวยและ "ลึก" เหมือยเคย ส่วนแรกที่เป็นเรื่องระหว่างแม่ลูก มีหลายตอนเลยที่เป็นสากล...เป็นเรื่องระหว่างแม่กับลูกทุกคน ซึ้งมาก ส่วนที่สองออกจะเข้มข้นและดราม่ามาก Amy Tan เข้าใจเอาความเคร่งครัด ความยากลำบาก และความเชื่อเฉพาะของโลกตะวันออกมาถ่ายทอด ฝรั่งอ่านแล้วเขาคงอึ้ง แต่ก็ทำให้เรื่องมีรสมีชาติ ตัวละครทุกตัวเหมือนมีเลือดมีเนื้อและมีตัวตนจริงๆ ตัว LuLing ที่ดูน่ารำคาญและไม่มีเหตุในตอนแรก แต่พอได้อ่านชีวิตของเธอ เราก็จะเห็นใจและชื่นชมในความแข็งแกร่งของเธอ ดังนั้น ให้ไปเลยค่ะ A+ "อ่านกันเถอะค่ะ เป็นหนังสือที่จะทำให้ทั้งยิ้มและร้องไห้" ป.ล. หนังสือดีจริงๆ นะคะ ถ้าอ่านรีวิวแล้วรู้สึกไม่อยากอ่าน ให้โทษคนรีวิวที่อ่อนหัดค่ะ จากคุณ : นารูมิ - [ วันฉัตรมงคล 08:45:05 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ... สนับสนุนคุณโป้เรื่องของ Lovely Bones ค่ะ จนถึงป่านนี้ยังหา Lucky ของคนเขียนคนเดียวกัน มาอ่านไม่ได้เลยค่ะ แต่ได้ข่าวว่าหนักกว่า... (อ๊ากกก...) ... คุณตาล เดี๋ยวนี้มาแบบไม่สม่ำเสมอเลยนะคะ (สงสัยหลังไมค์กันจนเพลิน) ดีใจจังมีคนอ่าน Life of Pi จบอีกคนแล้ว ตอนนี้ ก็หยิบ 5 People มาอ่านเหมือนกันค่ะ เห็นคุณตาลปล่อยประโยคเด็ดๆ มายั่วหลายกระทู้แล้ว ...ขอบคุณ คุณscarborough กับคุณพัทมากค่ะ ที่เอาความรู้มาฝาก เพราะอย่างนี้ไง ถึงหลงเสน่ห์พี่ๆ น้องๆ ที่นี้จนไปไหนไม่ได้ ดัใจจังค่ะ เวลาอ่านอะไรแล้วมีคนไว้คุยด้วยเนี่ย ...ขอบคุณคุณ d.s. ค่ะ สำหรับรีวิว เห็นหนังสือเล่มนี้เหมือนกัน เอาไว้จะยืมมาอ่านมั่ง นอกรอบค่าาา... ขอโทษอีกทีนะคะที่ไปไม่ได้ :~( โอกาสหน้าไม่พลาดค่ะ แต่อิจฉาจังเลยยยย... (อยากสนุกด้วย) จากคุณ : นารูมิ - [ วันฉัตรมงคล 08:49:21 ]

ความคิดเห็นที่ 55 พี่เพติ๊ด ขนาดตัวไปไม่ได้ยังส่งเสียงไปคุยได้เป็นชั่ว่โมง พี่คุยเก่งจริงๆเลย นับถือๆ คุณนารูมิ จริงๆตาลไม่ได้หายไปไหนหรอกนะคะ เข้ามาอ่านทุกวันเลย วันละหลายๆรอบด้วย แต่เพราะว่ารอบนี้นึกไม่ออกจริงๆว่าหนังสืออะไรที่อ่านแล้วมันหนักๆ อันว่าจะเขียนนอกเรื่องทำตัวไร้สาระก็เกรงใจ เรื่องประโยคเด็ดจาก 5 people เนี่ยยังน้อยนะคะ ตาลได้จากเรื่อง tuesday with morrie ตั้ง 7 หน้าแน่ะ แบบว่าเอาประโยคที่ชอบมาพิมพ์เก็บไว้ อ่านแล้วอ่านอีก ใครสนใจบอกก็แล้วกัน จะส่งเมล์ไปให้ เล่มนี้เป็น bible ในการดำรงชีวิตของตาลเชียวนา คุณนารูมิ (อีกที) รีวิวหนังสือน่าอ่านดีค่ะ ไว้จะไปหามาอ่านดู ให้ตั้ง A+ แถมยุให้อ่านอีก อย่างนี้จะเหลือหรือ เดี๋ยวจะทำหน้าที่เลขา สรุปรายงานการ meeting แล้วส่งเมล์ไปให้ทุกคนนะคะ จากคุณ : ตาล - [ วันฉัตรมงคล 09:18:17 A:202.59.255.119 X: ]

ความคิดเห็นที่ 56 ขออีกรอบ ใครสนใจได้รายงานการประชุม ส่งเมล์มาที่ตาลนะคะ (ตาลไม่มีเมล์พี่เพติ๊ด คุณไอซ์ คุณโป้ คุณบลู คุณเอ๋ คุณปอ ใครรู้ช่วยบอกด้วยแล้วกันค่ะ) ขอเชิญชวนเพื่อนๆใหม่ๆทุกๆคนด้วยนะคะ จะเป็นคนรวบรวมให้แล้วกัน เผื่อว่าวันหน้าวันหลังมีอะไรจะได้ติดต่อกันง่ายๆค่ะ nuannutch@hotmail.com จากคุณ : ตาล - [ วันฉัตรมงคล 09:35:49 A:202.59.255.119 X: ]

ความคิดเห็นที่ 57 พัท พี่ไม่เห็นปกอ่อน Queen's Fool เลย แต่วันนี้ไปเห็น Queen's Necklace (ไม่ได้มองชื่อคนแต่ง) ไซส์บีอีกเล่ม ไว้จะหาวันว่างไปนั่งอ่านในร้าน บีทูเอสมีงานของ VS Naipaul มาขายเพียบเลยค่ะ ราคา 495-650 (แพงชะมัด) ติ่มเลยอยากถามคนในนี้ว่ามีเล่มไหนน่าอ่านบ้างคะ จะลองอ่านดู (ได้ยินคนพูดถึง มีคนฝากซื้อ เกือบมีโอกาสเจอตัวจริง ..แต่กลับไม่เคยอ่านงานจริง ๆ เลยชักคันในหัวใจ ขอลองอ่านดูสักตั้งค่ะ) ปัน ยอดชายในฝันหาซื้อได้ที่บีทูเอสจ้ะ ไปทำงานก่อนค่ะ จากคุณ : ติ่มซำ - [ 6 พ.ค. 47 00:25:48 A:169.210.5.197 X: ]

ความคิดเห็นที่ 58 แว่บเข้ามาขอบคุณพี่ lilymay กับพี่พัท ที่ช่วยมาแถลงไข ข้อข้องใจของไอซ์เกี่ยวกับ catch 22 นะคะ เป็นอย่างนี้นี่เอง ต่อไปเวลาได้ยิน หรืออ่านเจอ จะได้ไม่เอ๋ออีกค่ะ อิอิ เพิ่งอ่าน The return of the dancing master จบแบบ หมาด ๆ ... ปวดหัวไปเลยแฮะ 555 เป็นหนังสือแนวฆาตกรรม ที่เครียดจริง ๆ ไว้พรุ่งนี้ถ้าเคลียร์งานเสร็จแล้วจะมาเล่าให้ ฟังนะคะ ขอบคุณพี่ปูที่ส่งเมล์ให้คุณตาล แล้วก็ขอบคุณคุณตาลที่ เมล์มาเล่าให้ฟังนะคะ น่าสนุกดีจัง พี่ติ่มเล่า Digital Fortress ได้น่าสนใจอะค่ะ แง่ว ๆ จะซื้อ ดีหรือเปล่าเนี่ย เพราะตอนนี้งานของ แดน บราวน์ เอามา ทำปกใหม่ขายอยู่ตรึมแล้ว แต่เข็ดจากเรื่อง Deciption Point ง่ะ ไม่สมจริงเหมือนกัน 555 ไอซ์ซื้อเรื่อง Angles&Demons มาแล้วด้วย แต่ไม่รู้ว่าจะได้ ฤกษ์อ่านมะไหร่ หวัดดีพี่น้องทุกคนด้วยนะคะ วันนี้มาสั้นหน่อย เพราะว่า เดี๋ยวจะไปดู ER อะค่ะ ฮี่ ๆๆ ^^ จากคุณ : Clear Ice - [ 6 พ.ค. 47 02:51:01 ]

ความคิดเห็นที่ 59 คุณ d.s. คือพี่ติ่มเองเหรอค่ะ ตอนแรกไม่ทราบเลยว่าเป็นพี่ พี่ติ่มริวิวเรื่อง digital fortress ได้น่าอ่านดีจังเลยค่ะ เคยไปจับๆ อยู่ว่าจะซื้อดีหรือไม่ซื้อดี กลัวว่าจะไม่สนุกหน่ะคะ เพราะจำได้ว่าหนังสือเล่มอื่นๆ นอกจาก davinci แล้วไม่ค่อยหนุกเท่าไหร่ แต่คราวนี้คงจะได้ฤกษ์หยิบมาได้โดยไม่ลังเลแล้วหล่ะคะ สำหรับเรื่องที่นัดเจอกัน ยังงัยก้อต้องขออภัยด้วยนะคะที่แอบแว๊บกลับก่อนหน่ะคะ แล้วก้อขอโทษน้องโก๊ะโกะ กับคุณกลาง ที่ไม่ได้อยู่รอเจอกันด้วยนะคะ ขอโทษคร้าบบบบบ ยังงัยโอกาสหน้าจะอยู่จนถึงงานเลิกเลยค่ะ แต่ทุกๆ คนที่เจอกันน่ารัก คุยเก่งกันทุกคนเลยค่ะ ขอบอก จากคุณ : Bigcrab - [ 6 พ.ค. 47 08:26:54 ]

ความคิดเห็นที่ 60 เพิ่มเติมอีกนิดนะคะ น้องนิดฝากความคิดถึงให้ทุกๆ คนด้วยค่ะ แล้วก้อฝากขอโทษน้องโก๊ะโกะ กับคุณกลางด้วยที่ไม่ได้อยู่รอเจอ จากคุณ : Bigcrab - [ 6 พ.ค. 47 08:32:55 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ขอตั้งข้อสงสัยนิดนึง ทำไมที่พี่ติ่มรีวิว digital fortress บอกว่า spoiler แล้วทุกคนยังอ่านอีกล่ะ ถ้าเป็นตาลพอเห็นว่า spoiler ก็ต้องข้ามไปน่ะค่ะ (นู๋ไม่ได้หาเรื่องนะ คือแบบสงสัยจริงๆอ่ะ) Angel and Demons สนุกมากเลยนะ (กำลังอ่านอยู่ได้ 200+ หน้าแล้ว) page-turner อย่างแรงเหมือนกันค่ะ คิดว่าเรื่องนี้เข้าใจได้ง่ายกว่า davinci code นะคะ ยอมรับว่าเรื่องดาวินชี่มีบางส่วนอ่านได้ไม่ค่อยเคลียร์เท่าไร จากคุณ : ตาล - [ 6 พ.ค. 47 09:58:16 A:202.59.255.66 X: ]

ความคิดเห็นที่ 62 ตอบข้อสงสัยให้น้องตาลก่อนดีกั่ว วันนี้ขี้เกียดทำงานอย่างมั่กๆ เลยค่ะ พี่เป็นพวกชอบอ่านรีวิวแบบนี้อ่ะค่ะ ก้อคือจะได้รู้ว่าน่าสนใจหรือป่าว เพราะปกติแล้วเนี่ยจะเป็นคนความจำสั้น(เหมือนยุงเลย) ก้อเลยอ่านได้ค่ะ ถ้าน่าสนใจก้อจะได้ซื้อมาเก็บไว้ก่อน แต่ก้อคงจะไม่ได้อ่านในเร็ววันนี้ จะต้องทิ้งระยะเวลาไว้สักพักนึงให้ลืมๆ เรื่องราวไปบ้างก่อน แล้วก้อค่อยหยิบมาอ่าน แวะมาบอกคุณโป้ด้วยค่ะว่าได้หนังสือ accidental tourist มาแล้วค่ะ สภาพหนังสือมือสองมอมแมมสุดๆ เลยค่ะ ได้มาจากถนนข้าวสารราคา 120 บาท (อุตส่าห์ต่อราคาตั้งนานแน่ะคะ ก้อเห็นพี่ติ่มได้หนังสือมาแต่ละเล่มราคาถูก มั่กๆ จากถนนข้าวสาร ก้อเลยยืนต่อเสียตั้งนานแน่ะคะ นี่ขนาดมีฝรั่งสาววัยกลางคนยืนคอยช่วยต่อให้ด้วยนะคะ ยังไม่ได้ต่ำกว่านี้เลยค่ะ แถมคนขายยังบอกว่าทำงานอะไรเหรอคับ ต่อเก่งจัง...เราก้อตอบกลับไปค่ะว่าเป็นเซลส์อ่ะ ก้อเลยต่อเก่ง...เดินออกมาจากร้านนี่อายไปเลยค่ะ -_-") ตอนนี้กำลังเครียดเล็กๆ เพราะมีหนังสือรอคิวให้อ่านเยอะเชียวค่ะ เมื่อวานเพิ่งอ่าน "แมวสามสี" เล่ม 1 จบไปเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เริ่มอ่านเล่ม 2 ได้ครึ่งเล่มแล้วค่ะ สนุกดีค่ะ จากคุณ : Bigcrab - [ 6 พ.ค. 47 10:24:23 ]

ความคิดเห็นที่ 63 หวัดดีค่ะพี่ๆทุกคน สอบเสดแย้ว...เฮ้อ จะบอกว่า ข้อสอบ..นี่ก็อ่านแล้วหนักในหัวใจเหมือนกันนะคะ หัวก็ยิ่งหนักด้วย เพราะมีแต่ขี้เลื่อย 5555 ส่วนหนังสือที่คุยกันในทู้นี้ หนูไม่รู้จักเลยซักกะเล่ม เอิ้กกก... ก็เลยมะค่อยมีความเห็นอะจ้ะ นอกเรื่องทู้นิดนึงนะคะ แหะๆ พี่ปูกะพี่นิดคะ...หวัดดีค่ะ เสียดายจังที่วันนั้นไปไม่ทันเลย ไม่ได้เจอพี่ทั้งสองคน อุตส่าห์รีบแล้วเชียว ยังไงไว้โอกาส หน้าเนอะคะ จะไปให้ทัน ^^ จากคุณ : โก๊ะโกะ - [ 6 พ.ค. 47 15:50:25 ]

ความคิดเห็นที่ 64 Lord of the flies เป็นหนังสือของ Sir William Goldings ค่ะ เล่มนี้ทำให้ท่านได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมด้วย Lord of the flies ในเรื่องเข้าใจว่าหมายถึงหัวหมูที่มีแมลงวันมาตอมกันให้หึ่งค่ะ แสดงถึง ความดิบของมนุษย์ที่ซ่อนอยู่ในจิตใจ ความดิบของสัญชาติญาณที่มาพร้อมกับความเขลาในเหตุและผลทำให้คิดว่าหมูที่เอามาบูชายัญเป็นเจ้าแห่งแมลงวันนั่นเอง เรื่องที่อ่านแล้วหนักอึ้ง สำหรับเรายกให้ the bluest eye ของ Toni Morrison ค่ะ ได้โนเบลเหมือนกัน และก็ได้พูลิตเซอร์ด้วย คนเขียน beloved , tar baby แล้วก็มีอีกหลายเรื่องค่ะ เป็นงานเขียนเกี่ยวกับคนดำค่ะ เพราะเธอเป็นหญิงผิวสี แต่อ่านแล้วบีบคั้นหัวใจ เธอพูดเรื่องความรุนแรงในครอบครัว และความรุนแรงจากสังคมที่ฝังลึกให้จิตใจบอบช้ำได้ดีมากๆ จากคุณ : น้ำหนึ่ง - [ 6 พ.ค. 47 17:21:30 A:203.156.31.1 X: ]

ความคิดเห็นที่ 65 ขอขอบคุณคุณน้ำหนึ่ง คุณ scarborough น้องนารูมิ แล้วก้อพี่พัทคนฉวย มากเลยนะคะที่ทำให้น้องหนูคนนี้รู้จักวรรณกรรมคลาสสิคเรื่อง Lord of the flies จะได้เอาไปแบ่งปันความรู้ต่อให้เพื่อนๆฟังด้วยค่ะ ...ขอบอกค่ะว่าความรู้เรื่องหนังสือเนี่ยน้อยมากจริงๆ ก้อได้พี่น้องที่นี่หล่ะคะให้ความรู้อุปการะมาหลายครั้งแย้วววว อุ้ย..ได้เวลากลับบ้านแล้ว หิวข้าวด้วย ไปก่อนนะคะ จากคุณ : Bigcrab - [ 6 พ.ค. 47 17:52:46 ]

ความคิดเห็นที่ 66 พัทนี่มีสัมผัสที่ 6 แน่เลย วันนี้พนง.เอเชียบุ้คโทรมาบอกว่า Queen's Fool ไซส์บีวางขายแล้วจ้ะ (จะฝากซื้อก็หลังไมค์นะ) คุณปู ไม่ต้องเครียดค่ะ ในนี้มีคนกองดองเพียบกว่าปูเยอะ (ชัวร์ ๆ ก็พี่คนล่ะ) หวัดดีทุกคนค่ะ ไว้อ่านอะไรจบแล้วค่อยเข้ามาอีกทีค่ะ จริง ๆ อ่านบ้อซังเกี่ยมกับฟ้าสังหารจบไปแล้ว แต่คงไม่ต้องรีวิว จากคุณ : ติ่มซำ - [ 6 พ.ค. 47 22:30:31 A:169.210.5.186 X: ]

ความคิดเห็นที่ 67 เอ่อ ย่องเข้ามาถามด้วยความเคารพ อ.สมเกียรติอ่านกระทู้นี้ด้วยเหรอคะ ^^" จากคุณ : นารูมิ - [ 7 พ.ค. 47 07:35:45 ]

ความคิดเห็นที่ 68 สวัสดีค่ะ ^_^ ช่วงหลังๆ ทู้เงียบจังเลยนะคะ สงสัยอุดหนุนหลังไมค์กันหนุกหนานแน่ๆ เลย น้องตาลค่ะ เรื่อง elegance ฝากน้องตาลช่วยอ่านแล้วก้อรีวิวให้พี่น้องที่นี่ให้ด้วยจิ น๊าๆๆๆ น๊าตัวเอง เพราะเล่มนี้แต่ก่อนพูดถึงกันบ่อยๆ แต่ยังไม่มีใครรีวิวเลยค่ะ พี่ลองหยิบมาอ่านแล้วค่ะ แต่อ่านไม่จบเพราะเบื่อเสียก่อน อิอิ ต้องรีบมัดมือชกซ๊าก่อน ^_^ พี่ติ่มอ่า..หนูเครียดเพราะหนังสือยืมเค้ามาหน่ะคะ ตั้งอยู่เป็นกองๆ ต้องรีบอ่านให้จบโดยเร็วอ่ะคะ แล้วก้อกัวว่าจะทำหนังสือมอมแมมด้วยอ่ะคะ อุ้ย โม้นอกเรื่องมาซ๊าเยอะเลย ไปทำงานก่อนดีกว่าค่ะ จากคุณ : Bigcrab - [ 7 พ.ค. 47 08:27:35 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ฮือ ฮือ พี่ๆทำไมใจร้ายจังเลย ทั้งพี่ติ่มที่ให้หนังสือพิสูจน์ความห่วยมาให้ตาลอ่าน ทั้งพี่ปูที่มัดมือชกให้ตาลรีวิวเรื่อง elegance พี่ๆลืมอะไรไปหรือเปล่า แนว chic lit นี่ไม่ใช่แนวที่ตาลจะเลือกหยิบมาอ่านเลยนะเนี่ย ไว้ว่างจะอ่านแล้วกันนะพี่ จะยอม sacrifice ตัวเองเพื่อพี่ๆ จะพยายามสุดความสามารถ แต่ไม่รับประกันว่าจะทำได้นะคะ จากคุณ : ตาล - [ 7 พ.ค. 47 09:10:26 A:202.59.255.67 X: ]

ความคิดเห็นที่ 70 สวัสดีค่ะ สำหรับปันที่เงียบไปเพราะเมื่อวานยุ่งมากเลยค่ะ พอลางานแล้วกลับมาวันแรกก็ต้องเจอแบบนี้ทุกที มาว่างเอาตอนเย็น เมื่อตอนพักร้อนอ่านคดีแรกของมาเปิ้ลจบไป สนุกดีค่ะ ตามมาตรฐานอกาธา เล่มนี้ปันเดาไม่ถูก หลังจากนั้นได้หยิบ ทิฟฟานี่ ทร็อต เดตอย่างไรให้หายโสดมาอ่าน เล่มนี้พี่ติ่มไม่ปลื้มเท่าไหร่ใช่มั้ยคะ แล้วก็จำได้ว่าเคยอ่านเจออีกคนนึงจำไม่ได้ว่ากระทู้ไหน ก็ไม่ค่อยชอบ แต่ปันชอบอีกแล้วค่ะ ไม่รู้เป็นไง ปันชอบหนังสือของ Isabel wolff อ่านแล้วมีความสุขยังไงบอกไม่ถูก เป็นคนโปรดมากกว่าโซฟี หรือ เจนกรีนอีก แต่เนื่องจากยังอ่านไม่จบเลยยังไม่ให้คะแนน ตอนแรกกะว่าจบก่อนค่อยเข้ามาตอบนะเนี่ย แต่เห็นกระทู้เงียบเลยเข้ามาคุยนิดนึง ทำงานให้สนุกนะคะ วันนี้วันศุกร์แล้ว เฮ้.. จากคุณ : L.I.R.A. - [ 7 พ.ค. 47 09:24:25 ]

ความคิดเห็นที่ 71 หวัดดีครับ ^___________________________^ ขอตอบคำถามกระทู้ก่อนนะครับคุณไอซ์ หนังสือที่ผมอ่านแล้วหนักในหัวใจมากคือ No Logo ของ Naomi Klein ครับผม มันทำให้ผมคิดน่ะครับว่าตอนนี้โลกเราตกอยู่ใต้อำนาจของ materialism ขนาดนั้นแล้วเหรอ หดหู่มากครับ แม้คนเขียนจะมีอารมณ์ขันที่ดีทีเดียว แล้วก็ The end of the history and the last man ของ Francis Fukuyama ครับ ผมเคยไปนั่งฟังคนนี้ lecture ตอนเขามามหาวิทยาลัยเก่าเลยลองซื้อหนังสือมาอ่านดู ดีมากครับ เป็น discourse ประวัติศาสตร์ของตะวันตก อ่านแล้วอยากตายเลยครับ ทำไมเกิดเป็นคนนี่ในโลกนี้มันแย่ขนาดนี้ก็ไม่ทราบนะครับ เห็นคุยกันเรื่องคอนราด นักเขียนคนนี้เป็นคนไม่โปรดของผมมาแต่ไหนแต่ไร เพราะเขียนหนังสือได้ง่วงนอนมากครับ ผมเคยอ่านแค่ Almayer's folly, Heart of darkness กับ Lord Jim สามเรื่องเองครับ แล้วก็หยุดเลย เห็นด้วยน่ะครับว่าเป็นนักเขียนยุคบุกเบิกของ Postcolonial Criticism แต่ไม่ชอบน่ะครับ ถ้าให้เลือกที่คล้ายกัน ผมขอเลือก Herman Melville ดีกว่าครับ ^_^ พูดถึง Melville ผมได้อ่านเรื่อง Billy Budd แล้วค่อนข้างประทับใจ ได้ข่าวมาว่า Clare Denise ผู้กำกับหนังฝรั่งเศสสร้าง Beau Travail จากเรื่องนี้ เลยไปหามาดู แย่จังครับที่ดูไม่รู้เรื่องเลย -"- หนังเขาค่อนข้าง Postmodern น่ะครับ คงถูกใจหลายคนที่นี่ แต่ผมเป็นคนยุคร่วมสมัยกับ Dante เลยขอ -"- ดีกว่าครับ ^_______________________^ ขอโทษนะครับที่อาจจะคุยไม่ค่อยต่อเนื่องกับหนังสือที่ทุกคนอ่านเท่าไหร่ อ่านข้ามของผมไปก็ได้ครับ ^_____^ จากคุณ : Madman - [ 7 พ.ค. 47 14:57:57 A:129.12.229.191 X:129.12.1.67 ]

ความคิดเห็นที่ 72 อ้อ ขออนุญาตแนะนำคุณติ่มซำนิดนึงเรื่องหนังสือของ Naipaul ได้ไหมครับ ผมชอบเรื่อง A bend in the river ครับ อ่านแล้วได้ความรู้สึกที่รุนแรงดี ชอบที่เขาเขียนว่าแม่น้ำหันมามองแผ่นดินตรงที่มัน bend ออกไปครับ อยากเล่าเนื้อเรื่องให้ฟังเหมือนกัน แต่ผมคงสรุปได้เป็นอีกเรื่องนึงไปเลย ^__^ แต่ส่วนตัวแล้วผมไม่ค่อยชอบนักเขียนคนนี้เท่าไหร่ ผมว่าความคิดของเขามันไม่ค่อย Nationalism เลยน่ะครับ ต้องการการ decolonize the mind อย่างมาก ^__^ จากคุณ : Madman - [ 7 พ.ค. 47 15:07:41 A:129.12.229.191 X:129.12.1.67 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ถึงคุณ Madman ถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป ช่วยเล่าเรื่อง a bend in the river ให้ด้วยค่ะ วันก่อนที่เดินกับพี่ติ่มก็คุยกันอยู่เหมือนกันเกี่ยวกับนักเขียนคนนี้ แต่ไม่เคยอ่านงานเขียนของเขาเลย กำลังสนใจอยู่ค่ะ เห็นร้านหนังสือหลายแห่งเอาผลงานเขามาโชว์แล้วก็อยากซื้อนะ แต่ยังไม่ค่อยแน่ใจว่างานเขียนเขาเป็นแนวไหน อ่านยากมากหรือเปล่า รบกวนช่วยแนะนำด้วยค่ะ จากคุณ : ตาล - [ 7 พ.ค. 47 15:17:12 A:202.59.255.67 X: ]

ความคิดเห็นที่ 74 เคยอยากอ่าน no logo เหมือนกันค่ะ แต่ก็ไม่ได้ฤกษ์ซะที ขอบคุณคุณ madman มากนะคะที่ทำให้ชื่อหนังสือและชื่อนักเขียนคนนี้ผุดขึ้นมาในห้วงสมองอีกระลอกหนึ่ง หนังสือของ Naomi Klein มีที่แปลเป็นภาษาไทยแล้วด้วยค่ะ แต่เป็นเล่มอื่นที่ไม่ใช่ no logo (อันนี้มีเพื่อนบอกมา) แต่ดันจำไม่ได้ว่าเป็นของ สนพ. โกมล หรือ คบไฟ ไว้จะไปถามเพื่อนอีกทีแล้วจะมาบอกค่ะ ขอแก้ชื่อคนเขียน Lord of the Flies ค่ะ เขียนผิดไป ความจริงคือ Golding ที่ไม่มี s น่ะค่ะ ข้างบนดันเขียนมี S ไป ขอโทษด้วยจริงๆ ค่ะ จากคุณ : น้ำหนึ่ง - [ 7 พ.ค. 47 16:14:18 A:203.156.31.40 X: ]

ความคิดเห็นที่ 75 คุณแมดกลับมาแล้วเหรอ ดีจังเลยค่ะ หายไปนานเลย จัดการธุระเรียบร้อยยัง นี่พออ่านรายชื่อหนังสือคุณแมดจบแล้วนะ อยากจับไปให้อยู่กับแฟนพัทจังเลย ทั้ง no logo ทั้ง the end of history and the last man นี่เค้าก็อ่านแล้วเหมือนกัน ล่าสุดตอนที่ไปเที่ยวกันมาเค้าไปซื้อแนว fundamentalism มาอ่าน บอกว่าอยากเข้าใจเรื่อง Jihad น่ะค่ะ (พัทก็ได้แต่มึนแล้วก็ไปสอยแนวอื่นๆหอบมาแทน เหอๆๆ) ลืมเล่าไปเลยว่าตอนเที่ยวไปเสร็จ waterstone's มาสิบกว่าเล่ม ได้หนังสือที่คุณ fado แนะนำมาหลายอยู่ค่ะ ทั้ง the world according to Garp, Owen Meany แล้วก็ได้เล่มที่อยากอ่านมานานอย่าง My name is Red, the Unburied เดี๋ยวกลับไปค้นลังแล้วมาบอกค่ะ มีหลายเล่มที่มีคนพูดถึงด้วย เผื่อใครสนใจทำกองดองอีกนะคะ จากคุณ : Il Maze - [ 7 พ.ค. 47 17:52:54 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ...คุณแมด คุณพัท ผมก็อ่านนะ the end of history and the last man ถึงจะอ่านงานของ Hegel ไม่รู้เรื่อง รวมทั้งไม่เคยอ่านงานของ Kojeve แต่ประทับใจกับหนังสือเล่มนี้มาก เคยเรียนกับอาจารย์ท่านนึงที่ธรรมศาสตร์ ท่านเคยบอกว่า ได้มีโอกาสเรียนกับ Fukuyama ที่ John Hopkins ด้วย และกล่าวชื่นชม Fukuyama ว่าเป็นคนที่มีความรู้รอบตัวมาก ยิ่งอ่านเล่มนี้ ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองโชคร้ายมากที่ต้องมาเกิดในศตวรรษที่ 20 Fukuyama บอกเอาไว้ว่า The end of history will be a very sad time. The struggle for recognition, the willingness to risk one's life for a purely abstract goal, the worldwide ideological struggle that called forth daring, courage, imagination, and idealism, will be replaced by economic calculation, the endless solving of technical problems, environmental concerns, and the satisfaction of sophisticated consumer demands. In the post historical period there will be neither art nor philosophy, just the perpetual care taking of he museum of human history. I can feel in myself, and see in others around me, a powerful nostalgia for the time when history existed. Such nostalgia, in fact, will continue to fuel competition and conflict even in the post historical world for some time to come. Even though I recognize its inevitability, I have the most ambivalent feelings for the civilization that has been created in Europe since 1945, with its north Atlantic and Asian offshoots. Perhaps this very prospect of centuries of boredom at the end of history will serve to get history started once again. จากคุณ : BlueWhiteRed (BlueWhiteRed) - [ 7 พ.ค. 47 20:12:52 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ถ้าคนที่ไม่อยากทั้งเล่ม อยากอ่านแบบสรุป ก็ตามลิงค์ข้างล่างเลยครับ http://www.viet-studies.org/EndofHistory.htm จากคุณ : BlueWhiteRed - [ 7 พ.ค. 47 20:16:54 ]

ความคิดเห็นที่ 78 หัดเขียนอังกฤษเป็นภาษาไทยกันดีไหมค่ะ? และช่วยแปะอ้างอิงภาษาอังกฤษให้น้อยลง หรือแปลไปเลยยิ่งดี เพราะอังกฤษก็อ่านกันออกอยู่แล้ว ไปตามอ่านในเว็บได้ค่ะ กระทู้โหลดยากขึ้นทุกที โหลดกันจนเหนื่อย มาช่วยให้ความเห็นคะ แล้วคนในกระทู้หายไปไหนหมด? เลิกคุยกันแล้วรึค่ะ จากคุณ : คนแก่ - [ 8 พ.ค. 47 21:38:39 A:203.151.125.160 X:216.202.13.3 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ฮัลโหล กลับมาจากต่างจังหวัดแล้วครับ แต่เอาเข้าจริงๆ งานที่เอาไปทำ ทำได้นิดเดียวเอง สงสัยพรุ่งนี้จะต้องโหลดงานหนักกว่าเดิมซะแล้ว เฮ้อ พก "Tell no one" ติดไปอ่านด้วยครับ ไม่รู้เพราะผมอ่านจากที่หลายคนคอมเมนต์ไปหรือไง มันเลยอ่านไปได้เรื่อยๆ แต่ไม่อินเท่าไหร่ จะว่า page turner ก็ใช่นะครับ แต่อ่านจบแล้วจบกัน ไม่ติดใจสงสัยอะไร ส่วนที่พลิกความคาดหมายนั่น ผมว่าผมเดาออกก่อนที่จะสรุปให้ฟังด้วยอ่ะ... ตอนนี้ผมอ่าน "อ้อมกอดมรกต" งานแปลของวสี เสาวรส(ที่ไม่บอกว่าแปลจากอะไรอ่ะครับ) เห็นหลายๆ คนอ่านนิยายภาษาอังกฤษกันแล้วอยากอ่านบ้าง แต่ตอนนี้ยังทำงานแปลอยู่เลยอ่านไม่ได้...แย่จัง ไปทำงานต่อนะครับ จากคุณ : Filippo - [ 8 พ.ค. 47 23:15:37 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ขอบคุณคุณ Madman ค่ะ ความจริงเล่มที่ติ่มดูพล็อตแล้วคิดว่าน่าสนคือ Among the believer:Islamic Journey, In a free state, House of Mr Biswas แล้วก็อีกเล่มที่จำคำว่า Massuer ได้คำเดียว ปกติไม่ชอบคนแต่งคนนี้ แต่พออยากลองอ่าน หยิบเล่มไหนก็น่าสนไปหมด กำลังนึกอยู่ว่าขอแกะอ่าน (ยาว) ทุกเล่ม คนขายจะดีดออกจากร้านรึเปล่า? น้องปัน ติ่มว่าทิฟฟานี่ ทร็อตต์น่ะสนุกดีอยู่หรอกค่ะ แต่ไม่อยากให้จบแบบนั้น มันไม่ได้ดั่งใจ (อิอิ เริ่มติดโรคใครมาหว่า?) บอกน้องปันหน่อยว่าส่งต่อ "ราล์ฟปาร์ตี้" ให้ตาลไปแล้ว พี่อ่านแล้วก็โอเคนะ ไม่ได้ห่วยจนรับไม่ได้ แต่เพื่อความชัวร์ ให้ตาลพิสูจน์อีกคน คุณบลู ขอบคุณสำหรับลิงค์ค่ะ แอบไปอ่านมาสองแว่บ ฝนก็เพิ่งตก..เกือบหลับแน่ะ (สงสัยต้องอ่านไปให้พัทติวไปด้วย อาจต้องเริ่มตั้งแต่สังคมศาสตร์คืออะไร ..พัทจ๋า รับจ๊อบพิเศษติวให้พี่ป่ะ) คุณคนแก่ ติ่มเห็นว่าไม่แปลกนะคะถ้าจะยกคำพูดหรือย่อหน้ามาให้อ่านนิดหน่อย โดยเฉพาะในกระทู้นี้ก็ไม่ได้ยาวอะไร ส่วนเรื่องหายหน้าไปกันเนี่ย อาจจะเผอิญติดธุระ/ไม่อยากตอบ/ยังอ่านอะไรไม่จบพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย สักพักหรือเมื่อมีหัวข้อน่าคุย เดี๋ยวก็กลับมากันค่ะ (คุณจะหาใครเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ? อิอิ) ดันไปรื้อชอลิ่วเฮียงมาอ่านทั้งชุด งานการชะงักเกือบเข้าข่ายวิกฤติ ขอหายตัวยาวค่ะ ทุกคน สุขสันต์วันหยุด จากคุณ : ติ่มซำ - [ 9 พ.ค. 47 00:34:02 A:169.210.6.27 X: ]

ความคิดเห็นที่ 81 อ่าน Angels and Demons จบแล้ว ขอบอกว่าสนุกมากๆๆๆๆเลย ชอบมากกว่า Davinci อีกนะเนี่ย คงเป็นเพราะเล่มนี้อ่านง่ายกว่าเยอะเลย เข้าใจง่ายแล้วก็มีครบทุกรสด้วย เศร้า ซึ้ง ตื้นตันใจ ตื่นเต้น ระทึกใจ อีโรติก โรแมนติก 555 ถ้าให้คะแนนก็เป็น A+ ขอบอกต่อให้ทุกๆคนอ่านค่ะ ตอนนี้หยิบ Veronica decides to Die มาอ่าน ไม่น่าซื้อเล่มเล็กมาเลย ตัวหนังสือเล็กมากๆ อ่านแล้วปวดตา แบบนี้สงสัยจะใช้เวลาอ่านนานแน่เลย จากคุณ : ตาล - [ 9 พ.ค. 47 08:18:44 A:203.107.207.113 X: ]

ความคิดเห็นที่ 82 ตามหลังพี่ติ่มกับตาลมาพอดี หายสิคะ ทำงานแทบบ้ายิ่งกว่าที่ก็บ้าอยู่แล้ว ไม่มีเวลาจับหนังสงหนังสือเลยค่ะ จับหลับๆ ตอนนี้แทบไม่อยากตำข้าวสารแล้ว จะไปขโมยหม้อเค้าเอาดีกว่า ฮ่าๆๆ (อย่าคิดลึกค่ะ อย่าคิดลึก) พัทว่าคุณบลูมาก็ดีออกนะคะ ได้สาระเพิ่มความหลากหลายให้ทู้ดีด้วย แล้วก็อุตส่าห์ไปหามาแบ่งปันกันเป็นความรู้ อีกอย่างทู้เราเมื่อก่อนก็เคยแปะรูปกันสะบัด อย่างทู้นักเขียนที่แปะกันเป็นร้อย หลายคนก็พยายามโหลดจนได้เห็นหน้าค่าตานักเขียนโปรดบ้างไม่โปรดบ้าง ก็ยังพยายามกันจนได้นะคะ อีกอย่างคิดว่าอยากขอบคุณคนอย่างคุณบลูมากกว่า เพราะการที่อุตส่าห์หาเวลาเพื่อไปค้นหาข้อมูลที่คิดว่ามีประโยชน์มาแบ่งปันกันโดยที่ไม่ต้องทำก็ได้ ส่วนตัวคิดว่าเป็นความมีน้ำใจที่ทำให้พันทิพย์มีเสน่ห์ เป็นแหล่งข้อมูล และกระดานสาระที่ดีค่ะ จากคุณ : พัท (Il Maze) - [ 9 พ.ค. 47 17:06:22 ]

ความคิดเห็นที่ 83 งานท่วมหัว เอาตัวไม่รอดเช่นเดียวกันค่ะ กาซิก ๆ ยิ่งตั้งใจทำ ยิ่งคิดไม่ออก เคยเป็นกันบ้างไหมคะ? ฮือ ๆๆๆ ยังไม่ได้เขียนเล่าหนังสือที่อ่านจบไปแล้วเลย ต๊ะไว้ก่อนค่ะ วันนี้เข้ามาอ่าน และโม้อย่างเดียวก่อนละกันเน้ออออ คุณตาลคะ ไอซ์เหมือนพี่ปูอะ ความทรงจำสั้น อ่านไปก่อน แล้วอีกอย่าง หนังสือที่เพิ่งมีคนอ่าน ไอซ์จะยังไม่อ่านอะค่ะ กลัวการคาดหวังอะ แหะ ๆ หนังสือแนวโนเบลนี่ ท่าทางจะหนัก ๆ ทั้งนั้นเลยนะคะ คุณน้ำหนึ่ง ไอซ์ดองเรื่อง One man's bible ไว้อยู่อะค่ะ มีใครเคยอ่านแล้วบ้างไหมเอ่ย เครียดมากไหมง่ะ แล้วก็ขอกรี๊ดดดดดต้อนรับคุณแม้ดด้วยค่ะ ((ออกนอกหน้า ไปหรือเปล่าเนี่ย? แหะ ๆ)) ว่าง ๆ ก็เข้ามาคุยด้วยกันบ่อย ๆ สิคะ คุณแม้ดอ่านหนังสือหลากหลายดี จะได้เข้ามาแนะนำ กันบ่อย ๆ ค่ะ เรื่อง No Logo นี่ เพื่อนไอซ์อ่านแล้ว บ่นปวดหัวทุกวันเลย อะค่ะ บอกว่าทำไมโลกเราถึงได้เป็นอย่างนี้ไปแล้วเนี่ย ไอซ์ เลยนั่งฟังเพื่อนบ่น ไม่ได้ซื้อมาอ่านอะค่ะ 555 เรื่อง Lord Jim นี่มีพี่คนนึงแนะนำให้ไอซ์อ่านมาตั้งนานแล้ว ยังทำใจไม่ได้ซักที เพราะว่าท่าทางมันจะเครียดเหลือเกินง่ะ พี่พัทคะ อ่าน My name is Red แล้วบอกต่อด้วยค่ะ เล่มนี้ ไอซ์ยัดใส่กล่องส่งกลับไทยไปแร้วววว ขอบคุณสำหรับลิงก์ที่คุณบลูเอามาฝากด้วยค่ะ เซฟเอาไว้ อ่านยามงานเลิกสุมอะค่ะ ฮี่ ๆๆๆ ((ชอบทางลัดอะ อ่านบท สรุป 555)) งือ คุณคนแก่คะ สลับ ๆ กันไปบ้างเน้อ ไทยบ้างอังกฤษบ้าง บางทีข้อมูลมันก็ตั้งยาวเหยียด จะให้แปลก็ไม่ไหวเหมือนกัน ง่ะค่ะ อิอิ คุณโป้แกล้งลืมตอบคำถามของพี่เพติ๊ดหรือเปล่าคะ? แฟนคุณโป้เป็นดาราอ๊ะเปล่า แฮ่ ๆๆ ((อยากรู้อยากเห็นเชียว 555)) กร๊ากกกก พี่ติ่ม ชอลิ้วเฮียงครบชุดเลยหรือคะ? โฮ่ ๆๆๆ อ่าน ตาแฉะแน่ ๆ เลย งือ อยากอ่านนิยายจีนจังตอนนี้ .... แว่บไปก่อนล่ะค่า หวัดดีพี่น้องทุกคนด้วยนะค้า ^^ .... ปล. ทู้โหลดยากหรือคะ? ถ้าพรุ่งนี้ไม่มีคนมาแตก ไอซ์จะ แตกละนะ อิอิ อยากแนะนำหนังสือเล่มที่กำลังอ่านอยู่มาก ๆ เลยอะ 5555 จากคุณ : Clear Ice - [ 9 พ.ค. 47 18:17:48 ]

ความคิดเห็นที่ 84 คุณไอซ์ สนับสนุนให้แตกกระทู้เลย สงสัยหัวข้อนี้จะหนักไปหลายๆคนเลยไม่กล้าแจมกันเท่าไรค่ะ จากคุณ : ตาล - [ 9 พ.ค. 47 21:01:42 A:203.209.110.189 X: ]

ความคิดเห็นที่ 85 หวัดดีค่ะทุกคน คิดถึงจังเลยค่ะแต่ว่าไม่ได้มาคุยบ่อยๆ เพราะว่ากำลังเพลิดเพลินกับอาหารแล้วลืมอ่านหนังสือไปสักพักแต่ว่านิดตามอ่านทู้่อยู่เป็นประจำค่ะ :-) สำหรับทู้นี้อ่านได้สนุกและมีสาระจริงๆ ค่ะเพราะว่ามีทั้งพี่ๆ เพื่อนๆ คนเก่าและก็คนใหม่มาแจมด้วยพร้อมทั้งเนื้อหาสาระคับแก้วเลย ตอนนี้นิดไม่ได้อ่านอะไรเลยค่ะเพราะว่าอากาศร้อนมากอ่านหนังสือก็ไม่รู้เรื่อง แต่ว่าก็ได้หนังสือมาหลายเล่มเลยจากพี่ๆ และเพื่อนๆ ที่น่ารักที่อุปถัมภ์ให้หนังสือมาค่ะ ... พร้อมกับหนังสือที่หาซื้อเองด้วยอย่างเรื่อง Angels and Demons เล่มนี้ตั้งใจจะอ่านก่อน Da vinci อ่านแล้วจะได้ติดหนึบหนับเหมือนที่แนะนำกันมาไงค่ะ ... คิดถึงทุกคนค่ะ จากคุณ : นิด (JewNid) - [ 9 พ.ค. 47 21:18:24 ]

ความคิดเห็นที่ 86 เข้ามาสวัสดีคุณแมดแมนก่อนเลยค่ะ (ออกนอกหน้าไปมั้ยเนี่ย ฮิฮิ... ขออำภัยค่า) ว้าวววว หายไปนานเลยนะคะ นึกว่าจะลืมกระทู้เราซะแล้ว เข้ามาบ่อยๆนะคะ ขอวกเข้ามาหาไนพอลหน่อยนะคะ ส่วนตัวแล้วไม่ชอบหนังสือเขาเลย และอ่านไม่เคยจบซักที ลึกๆแล้วเหมือนเขาชอบดูถูกคนเชื้อชาติเดียวกันยังไงชอบกลนะคะ อ่านแล้วมันขัดๆจริงๆค่ะ แต่ว่าเรื่อง a bend in the river เนี่ย เห็นเพื่อนแนะนำเหมือนกัน ว่าให้อ่านเรื่องนี้ของเขา ยังไงรบกวนคุณแมดเข้ามารีวิวเรื่องนี้อีกทีนะคะ ส่วนคอนราด อ่านยากค่ะ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ก็ไม่ต้องอ่านก็ได้นะคะพี่น้อง มันเครียดเกินอ่ะค่ะ เอ่อ.... ส่วนเล่มอื่นที่คุณบลูกับคุณแมดเอ่ยมาข้างต้น ดิฉันใบ้รับประทานเหมือนกันค่ะ ไม่เคยอ่านซักเล่มเลย ขอสารภาพ(แหะ แหะ) แต่การที่คุณบลูเอารีวิวมาแปะก็ดีออกนะคะ ยาวเป็นพรึ่ดอย่างนี้ ให้แปลคงม่ายหวายเหมือนกันนะคะ อีกอย่างชอบอ่านเป็นภาษาปะกิดค่ะ สนุกดี คนรีวิวเขียนดีมากเลย พูดถึงอินเดียแล้ว มีใครอ่าน in light of india ของ paz กันมั่งป่าวคะ ตอบคุณน้ำหนึ่งค่ะ ดิฉันเองยังไม่เคยได้อ่าน the bluest blue เลยค่ะ (แต่น้องปอเคยอ่านแล้ว และเคยรีวิวไว้เมื่อนานนมแล้วค่ะ จำได้ว่ารันทดมาก) ส่วนตัวชอบเรื่อง beloved กับ song of solomon ค่ะ แหะ แหะ น่านดิคะคุณโป้ ยังไม่ตอบคำถามเลย ---แฟนเป็นดาราอ๊ะป่าวคะ อยากรู้ๆๆๆๆๆๆ (ห้ามทำเป็นเปลี่ยนเรื่องนะคะ) น้องพัทจ๋า the world according to garp สนุกมากเลย หนูอ่านด่วนเลยค่า พี่อ่านแล้วติดหนึบเลยค่ะ ส่วนมีนนี่ยังไม่เคยอ่าน แต่ว่าไปสอยมาแล้วเหมือนกัน หุหุ แล้วจะเข้ามาตอบใหม่นะคะ ช่วงนี้งานยุ่งมากเลย มีความสุขกันถ้วนหน้าค่ะ ปอลอ ไปสอย living to tell the tale ของมาร์เกซมาแล้วนะคะ ตั้งใจไว้ว่าจะเริ่มอ่านทันทีเลยค่ะ ส่วนอีกเล่มที่ชื่อ journey to the alcarria ของ camilo jose cela ก็น่าสนค่ะ (ซื้อมาเล่มละร้อยเดียวเอง จากคิโนะ) จะเจียดเวลา่มาอ่านแล้วจะเล่าให้พี่น้องฟังกันนะคะ จากคุณ : เพติ๊ด - [ 10 พ.ค. 47 00:18:04 A:203.107.194.103 X: ]

ความคิดเห็นที่ 87 หวัดดีค่ะ ... เพิ่งกลับจากไปดูเรื่อง Van Helsing มาล่ะค่ะ หนุกดีอะ ไอซ์ชอบหนังแบบนีจัง อิอิ แวะร้านหนังสือมาด้วย แต่ว่าไม่ได้ซื้ออะไรมาเลย เพราะว่า ตอนนี้ไอซ์มีบัตรสะสมแต้มของอีกร้านอะค่ะ เลยอดใจเอาไว้ก่อน มีหนังสือออกใหม่น่าอ่านแยะเหมือนกัน มีเล่มนึงเกี่ยวกับอาหาร นึกชื่อไม่ออกง่ะ กะว่าจะเอามาบอกพี่พัทซะหน่อย ตะกี้ไปค้นที่อเมซอน ก็ไม่เจอ ชื่อประมาณ course cut อะไรเทือก ๆ นี้ล่ะค่ะ แนวชิกลิทที่เห็นก็มี The Love Trainer ของ Julia Llewellyn ((ที่จำเล่มนี้ได้ เพราะเห็นคนหยิบกันแยะเหมือนกันอะค่ะ ส่วนตัวไอซ์ไม่ค่อยอ่านหนังสือแนวนี้)) อือ ... นึกไม่ออกแล้วอะค่ะ หิว ... แหะ ๆ ไปหาอะไรหม่ำก่อน แล้วถ้าไม่หลับไปซะก่อน จะเข้ามาคุยใหม่ค่ะ ^^ จากคุณ : Clear Ice - [ 10 พ.ค. 47 03:42:33 ]

ความคิดเห็นที่ 88 สวัสดีวันจันทร์ค่ะ อ่านทิฟฟานี่ ทร็อตต์ จบแล้วค่ะ เป็นเหมือนพี่ติ่มค่ะ คือชอบมาทั้งเรื่องแต่ไม่ชอบตอนจบ รู้สึกไม่สมเหตุสมผลด้วยล่ะ อันนี้หมายถึงบุคลิกภาพของนางเอกนะคะ คือเราไม่ค่อยเชื่อว่านางเอกจะเป็นคนอย่างนั้นน่ะ บทสรุปมันไม่เข้ากับพฤติกรรมของนางเอกตั้งแต่ต้นเรื่องเลย จำได้ว่าเคยอ่านวิจารณ์ในอเมซอนว่า รู้สึกนางเอกจะคล้ายบริดเจ็ท โจนส์ไปหน่อย อันนี้ปันว่าก็มีส่วน แต่อ่านแล้วมันก็สนุกดีอ่ะนะคะ ชอบมุขตลกที่ผู้เขียนเค้าหยอดๆไว้เหมือนไม่ได้ตั้งใจ (เช่น ชื่อมอยเจอร์ไรเซอร์ที่นางเอกใช้) แต่ตอนที่ตั้งใจให้ขำบางทำไม่ขำเพราะพูดซ้ำเยอะเกิน สรุปปันให้9/10 ค่ะ ตอนนี้อ่านบ้านปริศนา ของอกาธาอยู่ รู้สึกจะไม่ค่อยชอบเรื่องของตัวละครทอมมี่ กับ ทัพเพน เท่าไหร่แฮะ แต่ก็พออ่านได้ ตอนนี้ครึ่งเรื่องแล้วยังเรื่อยๆอยู่เลยค่ะ ไปทำงานก่อนแระ ไอซ์ รอให้แตกกระทู้อยู่นะคะ แก้ไขเมื่อ 10 พ.ค. 47 08:19:48 แก้ไขเมื่อ 10 พ.ค. 47 08:15:35 แก้ไขเมื่อ 10 พ.ค. 47 08:14:55 จากคุณ : L.I.R.A. - [ 10 พ.ค. 47 08:14:14 ]

ความคิดเห็นที่ 89 ตามน้องปันมาติดๆ สวัสดีเช้าวันจันทร์ค่ะ ยินดีต้อนรับคุณแมด และเพื่อนใหม่ทุกๆ คนด้วยนะค่ะ วันนี้มาแบบไม่มีสาระอีกตามเคยค่ะ อย่าเพิ่งเบื่อคนไม่มีสาระอย่างหนูนะคะ กิกิ ขออยากรู้อยากเห็นเรื่องแฟนคุณโป้ด้วยคนนะกั๊บ ... แหมคุณโป้ก้อ มีแฟนเป็นคนในวงการก้อไม่บอกนะคะ จะได้ขอฝากเนื้อ(หมู)ฝากตัวด้วยคนอ่ะคะ อ่อ..อ่านแมวสามสีจบไปสามเล่มแล้วค่ะ ตอนนี้กำลังอ่านเล่ม 4 ได้เกือบครึ่งเล่มแล้ว สนุกดีค่ะ อ่านแล้วก้อติดเหมือนกันนะเนี่ย พาลไม่อยากหยิบเล่มอื่นมาอ่านเลยค่ะ ... ยังงัยก้อขอขอบคุณน้องตาลมั่กๆ นะคะที่หอบหิ้วหนังสือกองโตมาแบ่งให้พี่อ่าน ไปทำงานก่อนค่ะ แก้ไขเมื่อ 10 พ.ค. 47 09:11:46 จากคุณ : Bigcrab - [ 10 พ.ค. 47 08:56:21 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ตามพี่ปูมาติดๆด้วยอีกคน แหมเช้านี้คึกคักกันจังเลยมีแต่คนมาสวัสดีตอนเช้าวันจันทร์ อย่างนี้ค่อยมีแรงทำงานต่อสู้กับวันใหม่หน่อย เมื่อวานไปเดินเอเชียบุ๊คส์(อีกแล้ว) ไม่ได้ซื้ออะไรเพราะพยายามหักห้ามใจตัวเองอยู่ ตั้งใจว่าขออ่านที่มีอยู่ให้จบก่อนสัก 2 เล่มค่อยซื้อเพิ่มได้อีกเล่ม แต่ก็มองๆไว้แล้วล่ะว่าอยากซื้อเรื่อง the secret life of bees เล่มนี้มีใครอ่านกันไปแล้วหรือยังคะ ท่าทางจะเครียดๆซึ้งๆเลยสนใจอยากอ่าน ป.ล. ตาลเปลี่ยน login อันใหม่แล้วนะ จากคุณ : Angel Eyes (Angel Eyes) - [ 10 พ.ค. 47 09:09:46 ]

ความคิดเห็นที่ 91 มารอคุณไอซ์แตกกระทู้ด้วยค่ะ ว่าแต่ไม่มีใครเป็นวงในเลยเหรอคะ ว่าดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล ท่านเข้ามาอ่านกระทู้นี้หรือเปล่า (สงสัยต้องถามแฟนคุณโป้ เกี่ยวมั้ยเนี่ย??) พอดีวันศุกร์ เห็นท่านเอาหนังสือ Lord of the Flies ที่เราคุยกันมาวิจารณ์น่ะค่ะ แถมอาจารย์ยังบอกด้วยนะว่าอ่านแล้วหนัก (ตรงตามชื่อกระทู้เลย) แล้วยังพูดถึงความหมายหรือที่มาของชื่อตามที่พี่ๆ แถวนี้ช่วยชี้แจงด้วย (อะไรจะบังเอิญปานนั้น) แล้วพออาจารย์สมเกียรติลากเข้า Lord of the Ring เนี่ย นารูมิเลยฟันธงไปเองว่า อาจารย์ต้องเข้ามาอ่านแล้วหัวเราะขำที่หนูปล่อยไก่แน่เลย (^^") ใครที่อ่านเงียบๆ ยกมือแสดงตัวหน่อยก็ดีนะคะ จะได้รู้จักกันบ้างเนอะๆ ไหนๆ ก็ชอบอ่านหนังสือเหมือนกัน คุณบลูเข้ามาบ่อยๆ นะคะ หนูจะได้ฮึดคิดอยากหาหนังสือยากๆ มาอ่านบ้าง จากคุณ : นารูมิ - [ 10 พ.ค. 47 09:20:57 ]

ความคิดเห็นที่ 92 จริงเหรอคะคุณนารูมิ ปันไม่ได้ดูดร.สมเกียรติ ตอนแรกก็งงอยู่ว่าทำไมคุณนารูมิถึงเข้ามาถามว่าดร.สมเกียรติอ่านกระทู้เราเหรอ คืองงว่ารู้มาจากไหนอ่ะค่ะ จากคุณ : L.I.R.A. - [ 10 พ.ค. 47 09:41:08 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ตาลจ๊ะ เล่มนั้นไอซ์อ่านแล้ว รีวิวไปครั้งกระนู้นว่าดีนะ ของพี่ยังดองไม่ได้ที่ ฮ่าๆๆ ตกลงอ.สมเกียรติพูดถึงเพราะว่าอ.ดู survivor all stars ด้วยป่าวคะ เมื่อวันก่อนชิงรางวัลได้ดูหนังเรื่อง lord of the flies แล้ว Jeff Probst บอกว่าเป็นหนังแรงบันดาลใจเกมส์นี้ด้วยนะคะ จากคุณ : Il Maze - [ 10 พ.ค. 47 10:37:47 ]

ความคิดเห็นที่ 94 ไอซ์ หลับไปแล้วเหรอ ไหนมาแตกทู้เร็ว เดี๋ยวจะมาเม้าใหม่ เมื่อคืนดูสารคดีซีเอ็นเอ็นเรื่องโสเภณีเด็กในโรมาเนีย โอย สะเทือนใจมากๆ ใครได้ดูยังคะ จากคุณ : Il Maze - [ 10 พ.ค. 47 10:43:50 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ใช่แล้ว หนังสือที่คุณบลูบอกมาทั้งหมดเนี่ย ตาลจดยิกๆเลย ชอบๆ แนวอ่านแล้วหนักอึ้งๆเนี่ย ตั้งใจจะไปกวาดมาอ่านให้หมดเลย (รอโอกาส+กำลังทรัพย์อยู่) แต่หมายหัวไว้แล้วใน My Wish List แต่ก็อย่างทีเคยพูดไว้ เวลาตั้งใจจะหยิบหนังสือแนวนี้มาอ่านเนี่ย ต้องเตรียมตัวเตรียมใจพอสมควร ต้องมีความตั้งใจมากๆเลย คาดว่าถ้าอ่าน Veronica จบเนี่ยต้องเว้นไปอ่านอะไรที่มันเบาๆก่อนจะวกกลับมาอ่านเรื่องเครียดๆอีกรอบ จากคุณ : Angel Eyes - [ 10 พ.ค. 47 11:11:36 ]

ความคิดเห็นที่ 96 น้องตาลซาดิสเปล่าจ๊ะ (แอบแซวโทษฐานชอบอ่านหนังสือแนวตรงข้ามกะเรา อิๆ) จากคุณ : L.I.R.A. - [ 10 พ.ค. 47 11:28:21 ]

ความคิดเห็นที่ 97 น้องนารูมิค่ะ อ.สมเกียรติพูดเรื่อง lord of the flies ที่ไหนเหรอค่ะ พี่สนใจมากเลย แต่เสียดายจังที่ไม่ได้ฟัง พี่พัทค่ะ เมื่อวันอาทิตย์ก้อดูซีเอ็นเอ็นเรื่องที่ไปแอบถ่ายเรื่องเด็กขายตัวเหมือนกัน แต่ดูตอนใกล้จะจบแล้วหล่ะคะ ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องเดียวกันหรือป่าว แล้วก้อจำไม่ได้ว่าเป็นประเทศไหนด้วย เป็นเกี่ยวกับเด็กผู้ชายขายตัวเองให้กับผู้ชายด้วยกันหน่ะคะ ดูแล้วหดหู่จัง.. น้องตาลอ่ะ ... พี่ก้อสงสัยเหมือนกันค่ะว่าทำไมชอบอ่านหนังสือแนวหนักจังเลย ดูจากหน้าตา บุคลิกแล้ว น่าจะชอบอ่านแนวชิคลิทนะคะ หน้าตาออกจะน่ารักซ๊าปานนั้น ช่วยเข้ามาแปะทู้เพิ่มค่ะ จะได้ครบร้อยเร็วๆ จากคุณ : Bigcrab - [ 10 พ.ค. 47 12:46:10 ]

ความคิดเห็นที่ 98 พี่ๆทุกคนคะ คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ 55555 ตาลชอบเรื่องหนักๆเพราะมันได้ใช้ความคิดดีค่ะ (ทั้งหนังสือและหนัง) แล้วพออ่านจบมันก็ยังคงหลงเหลือความรู้สึกบางอย่างติดอยู่ในใจต่อไปด้วยล่ะ ชอบอะไรที่มันรู้สึกได้นานๆไม่ได้ผ่านเลยไปเพียงชั่วข้ามคืนน่ะค่ะ ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เอาเป็นว่าเหมือนอย่างที่เขียนไว้ในหนังสือ The prophet นะคะ "The deeper that sorrow carves into your being, the more joy you can contain" by Kahlil Gibran จริงๆแนวอื่นๆก็อ่านได้ แต่ยังไม่อยากอ่านตอนนี้น่ะค่ะ ตอนนี้กำลังต้องการ feel แบบเครียดๆ 555 ตาลรู้สึกว่าอย่างแนว chic lit เนี่ยอ่านแล้วมันไม่ค่อยเหมือนชีวิตจริงเลยอ่ะ แบบชีวิตนี้จะหาได้หรือผู้ชายที่ดีๆperfect เหมือนในนิยาย หรือผู้ชายที่จะมารักเราในแบบที่เราเป็นอย่างนี้ อ่านแล้วจะทำให้หลงในโลกของความฝันมากเกินไปอ่ะ แอบสงสัยกลับพี่ปูบ้าง พี่ปูหน้าตาน่ารักออก ดูเด็ก+หญิ๊งงหญิงงงงจะตายไป ทำไมพี่ต้องกลัวแก่ด้วยอ่ะ จากคุณ : Angel Eyes - [ 10 พ.ค. 47 13:56:27 ]

ความคิดเห็นที่ 99 คุณไอซ์หายไป !!! เร็วคุณไอซ์มาแตกกระทู้ด่วน!!! เห็นอ.สมเกียรติรีวิวเมื่อเช้าวันศุกร์อ่ะค่ะ รายการข่าวช่องสามออกก่อน "เรื่องเล่าเช้านี้" ของคุณสรยุทธ ที่จะต้องตื่นมาดู แล้ววันศุกร์จะเผื่อเวลาไว้เช้าหน่อย ฟังรีวิวของอาจารย์ค่ะ (มีทุกวันศุกร์นะคะ) ดร.สมเกียรติอ่านหนังสือแบบยากๆ อย่างคุณบลูอ่ะค่ะ เราก็ฟังเผื่อได้อานิสงส์ผลบุญตกทอดมาถึงบ้าง แหะ ๆ Survivor ออกที่เมืองไทยตอนเที่ยงนะคะ เดาเอาว่า ดร.สมเกียรติท่านคงไม่รู้หรอกค่ะ...บังเอิญมากกว่า แล้วก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่าหนังสือเล่มนี้เป็นแรงบันดาลใจให้เกมส์นี้ด้วย วันนี้เกมส์จบแล้วนะคะ ตามดูได้ค่ะ ที่จริงจบไปแล้วแหละ แต่หนูไม่ตามดูผล รอคืนนี้เอา ลุ้นดีค่ะ ไปล่ะค่ะ แล้วเจอกันกระทู้หน้า จากคุณ : นารูมิ - [ 10 พ.ค. 47 15:34:33 ]

ความคิดเห็นที่ 100 อ๊ายยย เพิ่งตื่นอะค่า 555 เมื่อคืน ... หลับค่ะ ... กินแล้วนอน ช่างเป็นเด็กอนามัยอะไรอย่างนี้ก็ไม่รู้ ย๊ายส์ อ. สมเกียรติ มาอ่านทู้เราจริงอะ? ตอนแรกที่คุณนารูมิถาม ไอซ์งงหลาย ๆ เลย เอิ๊กส์ คุณตาลคะ Secret life of bee ดีมั่ก ๆ ค่ะ ไอซ์เล่าไว้ในทู้ไหนก็ไม่รู้แล้ว นานแล้วเหมือนกัน สงสัยว่าคุณตาลกับไอซ์จะอ่านหนังสือแนวใกล้ ๆ กันนะคะ ไม่ชอบชิกลิทเท่าไหร่เหมือนกัน 555 เดี๋ยวไปเขียนกาทู้ก่อนค่ะ ^^ จากคุณ : Clear Ice - [ 10 พ.ค. 47 15:40:48 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ไปคุยกันต่อทู้ใหม่เน้ออออออ ความคิดเห็นนี้ได้แตกไปยังกระทู้ K2808079 จากคุณ : Clear Ice - [ 10 พ.ค. 47 16:06:10 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ถ้าจำชื่อไม่ผิดนะคะ คงเป็นงานของ จอห์น สไตน์แบค เรื่อง ออฟ ไมซ์ แอนด์ เมน ไม่แน่ใจค่ะ ว่าชื่อนี้แน่ๆหรือเปล่า เพราะอ่านจบก็โยนทิ้งไปไว้ไหนไม่ทราบอ่า...(กลัวว่าหากวันไหนไปเจอแล้วหยิบมาอ่านอีก จะซึมอีก)แต่ก็เผลออ่านงานของเขาอยู่หลายเรื่องเหมือนกัน แบบ...มันอดไม่ได้ แต่ได้ข่าวแว่วๆว่าทำเป็นละครเวทีด้วย จากคุณ : onne - [ 16 พ.ค. 47 18:24:58 ]