ความคิดเห็นที่ 1 Fury โดย G. M. Ford ในปี 1998  เกิดคดีสะเทือนขวัญชาวเมืองซีแอตเติ้ล เมื่อฆาตกรต่อเนื่องฆ่าข่มขืนหญิง 8 คนในเวลา 80 วันแล้วทิ้งศพไว้ในถังขยะ  เป็นเหตุให้สื่อตั้งฉายาเขาว่า Trashman    ตำรวจมืดแปดด้านและโดนประชาชนกดดันอย่างหนัก จนกระทั่งรถตำรวจที่ออกลาดตระเวณพบหญิงคนหนึ่งที่อ้างว่าเธอโดนข่มขืนในสวนสาธารณะ ลีแอนน์ แซมเปิ้ลส์ กลายเป็นพยานปากเอกเพียงคนเดียวในการชี้ตัวและเอาผิด วอลเตอร์ ลีรอย ไฮม์ส ซึ่งจะถูกตัดสินประหารชีวิตในอีก 6 วันหน้า หลังการยื่นอุทธรณ์ยืดเยื้อหลายปี ... จนกระทั่งหลายปีต่อมา ลีแอนน์บุกสำนักงานหนังสือพิมพ์ซีแอตเติ้ลซัน เพื่อบอกว่าเธอขอกลับคำให้การ  และเธอต้องการพูดกับ แฟรงค์ คอร์โซ เท่านั้น เมื่อเอ่ยชื่อแฟรงค์ คอร์โซ ทุกคนจะนึกถึงนักข่าวหนังสือพิมพ์ ผู้มีชื่อ”เสีย” อื้อฉาวจากการถูกฟ้องว่านั่งเทียนเขียนข่าว เป็นเหตุให้นิวยอร์คไทม์สต้องจ่ายค่าหมิ่นประมาทไป 10 ล้านเหรียญและไล่เขาออก  เมื่อเขาย้ายมาทำงานให้ซีแอตเติ้ลซัน ก็เขียนข่าวแสดงความกังขาคำตัดสินคดีของลีรอย ไฮม์ส เล่นเอาชาวเมืองเดือดดาลกันยกใหญ่  งานนั้นทำให้นสพ. เสียรายได้และความนิยมไปพะเรอเกวียน   แต่ถึงกระนั้น นาตาลี แวน เดอ โฮเว่น...เจ้าของนสพ. ซีแอตเติ้ลซันที่ว่าจ้างเขาโดยไม่ซักอะไรมากก็ยังไม่ไล่เขาออก  ทำให้แฟรงค์รู้สึกติดหนี้บุญคุณเธอและยังเขียนคอลัมน์ให้เป็นประจำ แม้จะหันไปได้ดิบได้ดีในฐานะนักเขียนนิยายเบสต์เซลเลอร์แล้วก็ตาม และเพราะเจ้าบุญคุณนี้เอง แฟรงค์ที่ไม่คบหาใครและทำตัวเป็นบุคคลนิรนามในระบบมานาน..จึงต้องยอมตกเป็นเป้าความสนใจอีกครั้งด้วยการเขียนข่าวใหญ่ที่เปรียบเสมือนการแหย่รังแตนในซีแอตเติ้ล  เพราะไฮม์สไม่ใช่คนจรจัดประเภทผู้ด้อยโอกาสน่าสมเพชในสายตาประชาชน แต่เป็นพวกมีประวัติทางเพศ นิสัยน่ารังเกียจ แถมเปิดปากพูดทีไรเป็นต้องสร้างศัตรูเมื่อนั้น  จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทุกคนเกลียดชังเขา แต่จะเกลียดถึงขนาดไม่ยอมรับรู้ว่าคนบริสุทธิ์อาจโดนประหารเชียวหรือ?  แฟรงค์แปลกใจเมื่อพบว่าข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ผู้น้อยพากันวิ่งพล่านกับข่าวนี้  มีการพาตัวลีแอนน์ ไป “สอบปากคำ” ใหม่ ราวกับว่าไม่สามารถเลื่อนวันประหารและยื่นฟ้องใหม่ได้อีกแล้ว  หนังสือพิมพ์ได้รับคำขู่กลาย ๆ จากนักการเมือง  แฟรงค์กลายเป็นบุคคลที่สื่อต้องการตัวและตำรวจเหม็นหน้า แฟรงค์มีเวลา 6 วันที่จะพิสูจน์ว่าไฮม์สเป็นคนร้ายหรือผู้บริสุทธิ์กันแน่   งานนี้ เขาต้องขอความช่วยเหลือจากตากล้องสาว เม็ก โดเกอร์ตี้ ผู้มีประวัติหลากสีสันไม่แพ้กัน  ทั้งคู่จะร่วมกันตามรอยเบาะแสในคดีนี้ไปท่ามกลางความเกลียดชังและปกปิดจากรอบด้าน   * * * * * ความรู้สึกหลังอ่าน ... ตัวละครถูกใจ  เนื้อเรื่องชวนติดตาม  สำนวนภาษาในเรื่องเลือกได้เหมาะกับตัวละครและเหตุการณ์ดี  ตัวประกอบในเรื่องเขียนออกมาได้สมจริง ดูมีมิติ และมีหลายคน  ทำให้อ่านแล้วรู้สึก “อิน” มากขึ้น  ช่วงท้ายเรื่องมีทวิสต์ให้ลุ้นสมกับเป็นทริลเล่อร์  สรุปได้ว่าเป็นเล่มแรกในซีรี่ส์ที่น่าติดตามอย่างยิ่ง  (แต่ถึงจะอ่านเล่มนี้เล่มเดียวก็โอเค เพราะจบสมบูรณ์อยู่แล้ว) ถ้าจะติ (แบบหาเรื่องติให้ได้)  ก็คงเป็นการสร้างตัวพระเอกดูมาโชแมนไปหน่อย  ...ประเภทไม่ค่อยถูกเส้นกับพวกแต่งเครื่องแบบ...  แต่คนแต่งก็บรรยายแต่แรกแล้วว่าแฟรงค์เหมือนสตีเว่น ซีกัล (ดาราชายคนหนึ่งที่ผู้อ่านชอบ ตั้งแต่เขาเล่นเรื่อง Hard to Kill) เลยกลายเป็นข้อดีเสียมากกว่า  โดยส่วนตัวแล้ว ชอบด้วยว่าดูเท่ห์ ลึกลับนิด ๆ  ถือเป็นสีสันของตัวละคร อีกจุดที่ (หาเรื่อง) ติคือตัวละครอื่นในเรื่องออกจะโง่กันผิดปกติ  มีพระเอกหัวไวหลักแหลมอยู่คนเดียว   แต่ก็เหมือนกับเวลาดูละครน้ำเน่าหรืออ่านนิยายนักสืบมือสมัครเล่นที่เป็นคุณแม่ ช่างทำขนม ช่างทำผมหรือนักจัดงาน ฯลฯ  คนแต่งก็แต่งเข้าข้างตัวเอกแบบนี้กันทั้งนั้น  คนอ่านอย่างเราก็ต้องว่าไงว่าตามกัน ไม่งั้นเดี๋ยวอ่านไม่สนุก คิดซะว่าเราอ่านเพื่อความบันเทิง แก้เครียด ชอบเล่มนี้ที่สุดในชุดค่ะ แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 48 22:43:34 จากคุณ : ยาคูลท์ - [ 13 ก.ย. 48 01:37:45 ]

ความคิดเห็นที่ 2 Black River โดย G. M. Ford เรื่องเริ่มจาก 2 เหตุการณ์ที่ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน เมื่อ 3 ปีก่อน ปีกกำแพงฝั่งตะวันตกของโรงพยาบาลแฟร์ม้อนต์ในแคลิฟอร์เนียถล่มลงเนื่องจากพื้นโลกเกิดแรงสั่นสะเทือนเพียงเล็กน้อย  แต่กลับมีผู้เสียชีวิตถึง 63 คน  41 รายในจำนวนนั้นเป็นแค่เด็กเล็ก ๆ ที่มารักษาตัว  คดีนี้เป็นที่จับตามองของประชาชน   ผลการสืบสวนพบว่าวัสดุก่อสร้างต่ำกว่ามาตรฐาน ตัวตึกขาดระบบป้องกันแผ่นดินไหว ฯลฯ  ทุกอย่างชี้ว่าเป็นความผิดของ นิโคลัส บาลากูล่า มาเฟียรัสเซียทรงอิทธิพลในแคลิฟอร์เนีย   แต่นิโคลาสพ้นผิดไปได้เพราะพยาน 2 คนที่เป็นผู้ตรวจสอบการก่อสร้างลอยเป็นศพอยู่ในน้ำ...พร้อมกระสุนในหัว  และคณะลูกขุนถูกปลดทั้งคณะเพราะสงสัยว่าจะมีการติดต่อกับภายนอก ปัจจุบัน ... พยานรายใหม่ปรากฏตัวขึ้น  กรมอัยการจึงยื่นฟ้องครั้งที่สอง  แฟรงค์ คอร์โซ เป็นบุคคลเดียวที่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมฟังการพิจารณาคดีนี้ ซึ่งย้ายมาจัดที่ซีแอตเติ้ล และจัดให้คณะลูกขุนนั่งในห้องปิดทึบ ไม่ให้ใครเห็นหน้า ในขณะเดียวกัน เม็ก โดเกอร์ตี้ อดีตแฟนสาวของแฟรงค์ก็กำลังตามถ่ายภาพข่าวน่าสนใจ เมื่อมีคนพบรถบรรทุกพร้อมศพโผล่จากใต้สะพาน  คดีนี้แปลกตรงที่ชายในรถเสียชีวิตด้วยกระสุน 9 นัดจากปืน 3 กระบอก   เม็กบอกแฟรงค์ว่าเธอสังหรณ์ว่านี่จะเป็นข่าวใหญ่ที่จะแจ้งเกิดให้เธอได้  แต่วันรุ่งขึ้น แฟรงค์กลับได้รับการติดต่อจากตำรวจ (ซึ่งตอนแรกคิดว่าเขาเป็นผู้ต้องสงสัย) ว่าเม็กประสบอุบัติเหตุขับรถพุ่งชนรถบรรทุก   พยานผู้เห็นเหตุการณ์บอกว่ามีรถเมอร์เซเดสสีดำขับไล่ล่าและยิงใส่รถเธอ  ตอนนี้ เม็กอยู่ในสภาพโคม่า ไม่อาจบอกได้ว่าไปเห็นอะไรเข้า แฟรงค์ที่ยังมีเยื่อใยกับเม็กย่อมไม่อยู่นิ่งเฉย  เขาลงมือสืบหาเหตุผลที่เม็กต้องถูกไล่ล่า  โดยไม่รู้ว่าเบาะแสใหม่ที่เขาพบจะยิ่งพาเขาเข้าไปพัวพันกับอันตรายอย่างใหญ่หลวง  เมื่อนักฆ่าสองคนได้รับคำสั่งให้ตามประกบเขา และเริ่มผวาที่เห็นเขาแวะเวียนไปตามสถานที่ที่ไม่ควรจะไป * * * * * * * * * ความรู้สึกหลังอ่าน .... เล่มนี้เป็นเล่มที่สองในซีรี่ส์ Frank Corso ที่ยังคงความน่าติดตามเช่นเดิม  แต่รู้สึกว่าพระเอกดูลึกลับน้อยลง แสดงความอ่อนแอมากขึ้น  ไม่ออกมาดมาโชแมนแกร่งเกินร้อยแบบเล่มก่อน  ... และหมั่นไส้ยัยเม็กชะมัดเลย ขอบอก เล่มนี้ไม่มี twist ช่วงท้ายแบบเล่มแรก  แต่คนแต่งผูกปมไว้ได้น่าติดตาม  สามารถโยงข้อมูลในสองคดีที่ดูแล้วไม่เกี่ยวกันให้กลายเป็นเรื่องเดียวกันจนได้ แถมมีทิ้งปมเปิดคาไว้อีกจุด ..จะเรียกว่า twist ก็คงได้ และเป็นจุดที่ถูกใจคนอ่านด้วย (Ford แอบอธิบายตัวเองไว้กับคนอ่านด้วยการบอกในเนื้อเรื่องว่า "กฏหมายเกิดขึ้นในศาล แต่ความยุติธรรมเกิดตามท้องถนน" )     ฉากจบออกจะโม้เข้าข้างพระเอกนิดหน่อย แต่มันเป็นธรรมดาของนิยายแนวนี้  คือต้องให้พระเอกเก่งบวกเฮง..ถึงจะอ่านแล้วเพลิน  จะว่าไปแล้ว ชุดนี้ก็คล้าย ๆ กับแนว cozy detective ที่ตัวเอกเป็นหญิง  แต่ชุดนี้ภาษาและเรื่องเข้มข้นกว่าหน่อย เล่มนี้ได้คะแนนพิเศษเพราะชอบตัวประกอบเด่น ๆ ในเรื่องค่ะ แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 48 01:50:56 จากคุณ : ยาคูลท์ - [ 13 ก.ย. 48 01:48:45 ]

ความคิดเห็นที่ 3 Blind Eye โดย G. M. Ford แฟรงค์ คอร์โซ กำลังดวงตก  เขาและ เม็ก โดเกอร์ตี้ เสี่ยงขับรถจากสนามบินนานาชาติ Ohare ไปสนามบินเมดิสัน เพราะหวังว่าจะจับเครื่องออกไปได้ก่อนพายุหิมะจะลง   แต่กลับเจอพายุหิมะเข้าจัง ๆ จนต้องเดินฝ่าหิมะไปหลบในบ้านร้าง และพบกองกระดูกในนั้น ข่าวนักเขียนดัง (ที่เพิ่งเป็นข่าวว่าหลบหนีหมายเรียกตัวไปเป็นพยานในศาล) ค้นพบซากกระดูกในเมืองอะวาลอน รัฐวิสคอนซินกลายเป็นข่าวใหญ่  กองทัพนักข่าวรี่เข้ามา พร้อมเจ้าหน้าที่เท็กซัส 2 นายที่รอให้แฟรงค์หายดีแล้วจะได้รวบตัวไปเท็กซัส  ปัญหาคือแฟรงค์ไม่อยากไป เพราะเขาไม่มีข้อมูลที่ศาลคิดว่าเขามี ระหว่างนั้น แฟรงค์ได้คุยกับ นายอำเภอทราสค์ เธอเป็นนายอำเภอหญิงวัยกลางคนที่กำลังจะแพ้เกมการเมืองท้องถิ่น  และได้รู้เรื่องของ ซิสซี่ วอร์วิค สาวลึกลับหลากเชื้อชาติที่จู่ ๆ ก็ย้ายมาอยู่ในเมืองนี้ในปี 1973 และทำตัวกลมกลืนได้อย่างรวดเร็ว เธอปรนเปรอเพศสัมพันธ์วิตถารให้ชายน่านับถือในเมืองอยู่หลายปี  แต่กลับแต่งงานกับ เอลเดร็ด โฮล์มส์ ที่ไม่มีอะไรดีเด่น และมีลูกชายด้วยกัน 2 คน  ทั้งครอบครัวใช้ชีวิตสมถะ แทบไม่เคยออกจากฟาร์มมาให้ใครเห็นหน้า ทุกคนคิดว่าเอลเดร็ด โฮล์มส์ย้ายไปเมืองอื่น  จนแฟรงค์มาพบซากกระดูกเข้าใน 15 ปีต่อมา  ปัญหาก็คือ...กระดูกของซิสซี่ วอร์วิคไม่อยู่ในกองกระดูกด้วย นายอำเภอทราสต์ยื่นข้อเสนอว่าจะยอมให้เขาหนี โดยแลกกับสัญญาว่าแฟรงค์จะต้องตามสืบเรื่องของซิสซี่ วอร์วิค และช่วยเธอไขคดีนี้ เพื่อที่เธอจะได้ชนะการเลือกตั้งนายอำเภอที่กำลังจะมาถึง แฟรงค์ตกลง แต่เผอิญไปเจอรองนายอำเภอ โคล ริชาร์ดสัน ที่มีพ่อเส้นก๋วยจั๊บในเมืองเข้าระหว่างหลบหนี เลยต้องใส่กุญแจมือเขาไว้ และหยิบปืนมา แต่ความซวยยังไม่หมด  แฟรงค์ไปได้แค่ไอโอวา ก็ได้ออกข่าวอีกครั้ง ในฐานะผู้ต้องสงสัยคดีสังหารรองนายอำเภอโคล ริชาร์ดสันด้วยอาวุธปืนของเขาเอง     โชคดีที่แฟรงค์เตรียมการไว้แล้ว  เขากับเม็กปลอมตัว (ด้วยเอกสารที่ถูกต้องตามกฏหมาย) ดั้นด้นไปจนถึงเพนซิลวาเนียเพื่อหาสุสานของซิสซี่ มารี วอร์วิคตัวจริง ซึ่งเสียชีวิตในปี 1972  และได้รับรู้เรื่องของ แมรี่ แอน มูดี้ กับการตายปริศนาของแม่ชีคนหนึ่ง พวกเขาตามเบาะแสต่อไปยังเมืองสมิธวิลล์ นิวเจอร์ซีย์  เมื่อความซวยมาเยือนอีกครั้ง  เกิดการยิงต่อสู้ที่ทำให้แฟรงค์ต้องใช้ปืนที่ ‘หยิบยืม’ มาจากโคล ริชาร์ดสัน   ถึงจะเคลียร์ตัวเองได้ว่าเป็นการยิงป้องกันตัว การปลอมตัวของแฟรงค์ก็จบลงเท่านั้น  เจ้าหน้าที่เท็กซัส (ผู้เสียหน้าจากการโดนชิ่งหนี) ตามมาอย่างกระเหี้ยนกระหือรือ   แฟรงค์จำใจต้องกลับไปอะวาลอนอีกครั้ง  แต่คราวนี้  ต้องรับมือกับคดีฆ่าตำรวจที่ตัวเองตกเป็นผู้ต้องสงสัย พ่อผู้โกรธแค้น และแถมด้วยรูปคดีของฆาตกรต่อเนื่องรูปแบบใหม่..ที่อาจลงมือฆ่าล้างตระกูลได้ทุกเมื่อ * * * * * * * * * ความรู้สึกหลังอ่าน .... เล่มที่สามในซีรี่ส์ Frank Corso ที่ยังเนื้อเรื่องเข้มข้น ตัวละครมีสีสันและอ่านได้ไม่เบื่อเช่นเดิม  (แม้ว่าจะหมั่นไส้ตัวเอกหญิงเหมือนในเล่มสองของชุด) สำหรับเล่มนี้ คงต้องหมายเหตุไว้ด้วยว่าพระเอกเดินทางเยอะที่สุด  แป๊บ ๆ เปลี่ยนเมืองอีกแล้ว เล่นเอาเปลี่ยนฉากในใจแทบไม่ทัน อีกจุดที่น่าสนใจคือในเล่มนี้ มีกล่าวถึงองค์กรลึกลับ Melissa-D ที่ให้ข้อมูลเฉพาะกับผู้ที่ผ่านการคัดเลือกแล้ว แต่จะต้องโทรจากเบอร์ที่กำหนดเท่านั้น  ... องค์กรนี้เป็นเหมือนตัวช่วยในเล่มนี้  แต่อดสงสัยไม่ได้ว่าจะโผล่ในเล่มต่อ ๆ ไปไหม  เพราะเท่าที่อ่านก็น่าสนใจดี ในเล่มนี้ มีการแทรกความคิดของตัวละครที่เราเดาไม่ถูกว่าเป็นใครเอาไว้ระหว่างบท  อันเป็นการนำไปสู่วิธีปิดเรื่องโดยทิ้งปมค้างคาเอาไว้แบบเดียวกับเล่มสอง  แต่เล่มนี้ทิ้งไว้ให้ผวามากกว่า ชอบเล่มนี้น้อยที่สุดในชุด แต่ก็ยังสนุกอยู่ดีค่ะ  (มีแก๊กขำด้วย) จากคุณ : ยาคูลท์ - [ 13 ก.ย. 48 02:03:46 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ไหน ๆ กระทู้นี้ก็เป็นแนวสืบสวนแล้ว แถมอีกเรื่องละกัน Before I Wake โดย Anne Frasier อาร์เดน เดวิส เป็นบาร์เทนเดอร์ในบาร์เล็ก ๆ แถบนิวเม็กซิโก  เธอใช้ชีวิตไร้จุดหมายไปวัน ๆ และพร้อมจะเฟลิ้ตกับลูกค้าเสมอ  คืนหนึ่ง เธอรับเบียร์จากลูกค้าที่ถูกใจ และแหกกฏชวนเขาขึ้นห้อง  แต่การณ์กลับกลายเป็นว่า นาธาน ฟิวรี่ คือเจ้าหน้าที่เอฟบีไอที่กำลังจะลากเธอกลับเข้าไปในอดีตที่เธอลบทิ้งไปแล้ว ครั้งหนึ่ง อาร์เดนเคยเป็น profiler ของเอฟบีไอที่เข้าร่วมโครงการ TAKE    โครงการที่อัดข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับฆาตกรต่อเนื่องเข้าไปในหัวผู้รับการทดลองผ่านการวางยาและหลับลึกในถังลอย  บางคนทนไม่ไหวและขอลาออก  แต่อาร์เดนเป็นหนึ่งในสอง profiler ที่เป็นตัวชูโรงของโครงการ จนกระทั่งพ่อแม่ของเธอเสียชีวิตด้วยน้ำมือของ อัลเบิร์ต เฟรนช์ ฆาตกรโหดที่เธอแกะรอยอยู่  เธอรักษาชีวิตรอดจากการเผชิญหน้ามาได้ แต่รักษาสภาพจิตใจให้เหมือนเดิมไม่ได้  แม้แต่น้องชายที่ไม่อยู่บ้านในวันนั้นก็ยังประณามว่าเป็นความผิดของเธอ ด้วยความเสียใจ อาร์เดนเสนอตัวขอลบความทรงจำช่วงนั้นทิ้ง และลาออกจากเอฟบีไอไปใช้ชีวิตคนธรรมดา  แต่ฝันร้ายและภาพไม่ปะติดปะต่อยังคงตามหลอนเธอในบางขณะ  แล้วนาธานก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมข่าวสำคัญ..ว่าฆาตกร อัลเบิร์ต เฟรนช์ทิ้งโน้ตเยาะเย้ยไว้ก่อนโดนประหารชีวิตว่าเขาลงมือฆ่าทุกศพจริงตามข้อกล่าวหา ยกเว้นคดีเดียว...คดีที่โอไฮโอ หรือคดีสังหารพ่อแม่ของอาร์เดนนั่นเอง อาร์เดนพร้อมจะเสี่ยงทุกอย่าง แม้แต่สภาพจิตที่เปราะบางเต็มทีของเธอ เพื่อจับฆาตกรตัวจริงที่เลียนแบบเฟรนช์ในอดีต และตอนนี้ เริ่มลงมืออีกครั้ง  โดยไม่รู้เลยว่าเธออยู่ใกล้ตัวฆาตกรกว่าที่คิด   = = = = = = = = = = = = ความรู้สึกหลังอ่าน .... ชอบที่สุดตรงการเดินเรื่องช่วงสามสี่บทแรก (อันเป็นสาเหตุให้ซื้อเล่มนี้ทันที)  เริ่มจากการประหาร French ฆาตกรใจแข็งในเรื่อง ตามด้วยฉากการพบกันระหว่างอาร์เดนกับนาธาน  แล้วก็การเผยไต๋ว่านาธานคือคนรักที่อาร์เดนลบทิ้งไปจากความทรงจำ ... เป็นสูตร romance suspense ที่ชวนติดตามอย่างยิ่ง (แต่จะติดตามความ suspense หรือ romance นั้น ขอไม่บอก) ในเรื่อง ผู้แต่งใส่ความคิดของตัวละครต่าง ๆ ไว้เป็นช่วง ๆ  ทำให้คนอ่านรู้สึกว่า..เอ๊ะ หรือคนนี้เป็นฆาตกร ทำไมคิดเหมือนคนร้ายเลย?   ทำให้อ่านด้วยความไม่แน่ใจ สงสัยคนโน้นคนนี้อยู่ตลอดเวลา  (อาการคล้ายผู้ป่วยวิตกจริตแบบนี้แหล่ะที่เป็นเสน่ห์ของนิยายแนว suspense)  และอ่านจบในพริบตาเดียว  ถือเป็น page-turner ที่ดีเล่มหนึ่ง แต่ ... (หาเรื่องติจนได้) ถึงจะสนุกเพลิดเพลินกับการอ่านอย่างได้อารมณ์ ก็ต้องยอมรับว่าความสมจริง/ความน่าเชื่อถือของพล็อตยังอ่อนอยู่  ฉากในเรื่องและขั้นตอนการทดลองดูง่ายไปหน่อย  ตัวละครไม่ค่อยหลากหลาย  นางเอกช่างประสาทอ่อนจนไม่น่าเชื่อว่าเคยเป็นเอฟบีไอ   แถมตัวละครบางตัวโดนทิ้งไปซะดื้อ ๆ  เช่น คุณหมอเจ้าของโครงการที่สามารถเอามาเขียนเพิ่มความน่าสงสัยได้อีก   (นอกจากนั้น ยังไม่โรมานซ์อย่างที่คิดด้วย ฮึ << ไม่ยอมรับว่าตัวเองเข้าใจผิด เล่มนี้อาจเป็น suspense ธรรมดาก็ได้ค่ะ) แต่ ... (อีกแล้ว ช่างเป็นผู้รีวิวที่ขัดแย้งในตัวเองอะไรเช่นนี้) นิยายแนวนี้มันก็พล็อตอ่อนทั้งนั้นล่ะค่ะ  ถ้าเดินเรื่องดี ตัวละครใช้ได้ และตรรกะในเรื่องไม่อ่อนจนเบื่ออ่านขึ้นมากลางเรื่อง ก็ถือว่าโชคดีแล้ว   เล่มนี้ได้คะแนนเปิดเรื่องได้น่าประทับใจไปเต็ม ๆ ค่ะ จากคุณ : ยาคูลท์ - [ 13 ก.ย. 48 02:55:58 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ประวัติผู้เขียน GM (Jerry) Ford ย้ายจากวอชิงตันมานิวยอร์คเมื่อ 35 ปีก่อน และสอนวิชาการเขียนเชิงสร้างสรรค์อยู่นานถึง 20 ปีก่อนได้ตีพิมพ์นิยายเล่มแรก Who in Hell is Wanda Fuca? ในปี 1995  นิยายเปิดตัว Leo Waterman นักสืบเอกชนในซีแอตเติ้ลเล่มนี้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Anthony and Shamus award ฟอร์ดเขียนนิยายชุดนี้ออกมา 6 เล่มจนตัดสินใจหยุดเขียนในปี 2001 และหันมาเขียนชุดที่ออกแนวเข้มข้นมืดมนกว่า นั่นคือชุด Frank Corso  โดยฟอร์ดให้เหตุผลว่า “ผมเบื่อแล้ว  ผมเขียนเรื่องของแฟรงค์ได้เงินมากกว่าแยะ  ผมเป็นนักเขียนอาชีพนะ ไม่ได้เขียนเป็นงานอดิเรก” ฟอร์ดออกจะเป็นนักเขียนที่มีโชค เพราะเขียนนิยายเรื่องแรก (ใช้เวลาเขียนประมาณหนึ่งปีครึ่ง) ก็ขายได้ในเวลาไม่ถึงปี  ความฝันจะเป็นนักเขียนนิยายอาชญากรรมที่จุดประกายจากการอ่าน Hardy Boys และ Nancy Drew ตอนอายุ 10 ขวบกลายเป็นความจริงเมื่อฟอร์ดอายุย่างเข้าเลข 5 เข้าไปแล้ว (หลังเผชิญกับภาวะวิกฤติวัยกลางคนตอนอายุ 45 ปี เขาตัดสินใจทำลิสต์ “สิ่งที่ต้องทำก่อนตาย”  และการเขียนนิยายนักสืบเป็นหัวข้อแรกในลิสต์  ดังนั้น เขาเลยเริ่มลงมือเขียน ... ง่าย ๆ แบบนั้นเลย) ...แอบขำ จากบทสัมภาษณ์ใน epe.lac-bac.gc.ca  ฟอร์ดบอกว่า: หลังเขียนนิยายจบ ผมนั่งทบทวนและคิดว่า "พระเจ้า แกเพิ่งเขียนหนังสือบรมห่วยที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ" จากนั้น เมื่อผมหยั่งเสียงพบว่าคนชอบนิยาย ผมก็มั่นใจอีกครั้งว่าอเมริกาไม่มีรสนิยมด้านวรรณกรรม ฟอร์ดได้รับรางวัล Pacific Northwest Writers Achievement Award ในวันที่ 25 กรกฎาคม 2003 ข้อมูลและรูปภาพจาก: http://epe.lac-bac.gc.ca/100/202/300/january/2001/01-01-08/gmford.html#top http://www.blackravenpress.com/ford.htm http://www.panmacmillan.com/gmford/blackriverinterview.html เท่าที่อ่านบทสัมภาษณ์ ชักเศร้าที่ดูเหมือนฟอร์ดจะตั้งใจให้พระเอกในเรื่องไร้คู่ในตอนท้าย   แล้วก็เลยนึกได้ว่าแนวเขียนของเขามีข้อเสียอีกข้อ...คือเขียนถึงผู้หญิงจากมุมมองผู้ชาย ไม่มีโทนเสียงหรืออารมณ์ผู้หญิงในเรื่องเลย  ในขณะที่ผู้ชายจะอ่านแล้วอินง่ายกว่า ภาพล่างค่ะ นักเขียนที่มาได้ดีเอาตอนแก่คนนี้ จากคุณ : ยาคูลท์ - [ 13 ก.ย. 48 04:45:53 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ไม่ทราบว่ามีฉบับแปลเป็นไทยรึป่าวคะ จากคุณ : หมูน้อยห้อยหัว - [ 13 ก.ย. 48 11:19:54 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อยากอ่านนะ แต่ ... หนังสือต่างประเทศ ราคามันก็สูงอยู่เน้อ มือ 2 ก็ยับเยิน ซิกๆ จากคุณ : คืนนี้ไม่เหมือนคืนนั้น - [ 13 ก.ย. 48 15:08:30 ]

ความคิดเห็นที่ 8 โอ้โหคุณพี่ยาคูลท์ ไปเอาแรงฮึดมาจากไหนคะ ขอบคุณที่แนะนำมาค่ะ แล้วจะตามไปยืมพี่อ่านนะคะ แป่ววว จากคุณ : Il Maze - [ 13 ก.ย. 48 15:09:21 ]

ความคิดเห็นที่ 9 โห น่าอ่านทั้งนั้นเลยอ่ะค่ะคุณยาคูลท์  แต่ว่าเอาแรงที่ไหนไปอ่านอ่ะค่ะเนี่ย เพราะว่าอ่านได้เยอะมาก รวดเดียวเลย อึ้งและทึ่งเลยค่ะ แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 48 16:29:22 จากคุณ : JewNid - [ 13 ก.ย. 48 16:24:05 ]

ความคิดเห็นที่ 10 คุณหมูน้อยห้อยหัว ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ  เดาว่าตอนนี้ไม่น่าจะมี เพราะไม่ใช่นักเขียนดังอะไร   แต่ถ้าฟลุ้ค ๆ เกิดมีใครสนชุดนี้แล้วเสนอสำนักพิมพ์ ก็อาจมีสิทธิ์ลุ้นค่ะ คุณคืนนี้ไม่เหมือนคืนนั้น ยาคูลท์ได้ 3 เล่มนี้จาก B2S ในราคาเล่มนึงไม่เกิน 90 บาท ... ถูกกว่าหนังสือแปลตอนนี้อีก ถึงบอกไงคะว่าคุ้มเกินคุ้ม สภาพหนังสือใหม่เหมือนเล่มที่ยังวางขายอยู่ในร้านเปี๊ยบ  อาจเริ่มเหลืองตรงสันด้านบน แต่ไม่มาก  นอกนั้นใหม่ปิ๊งค่ะ ดังนั้น อย่าหมดหวัง หมั่นมองหาตามกองหนังสือเซลส์เข้าไว้  55555 (นี่ยังเสียดายว่าวันนั้นไม่หยิบอีกชุดมาด้วย เป็นเรื่องเกี่ยวกับแพทย์ชัณสูตรศพหญิงของ karin slaughter) เจ้าพัท  ทำเป็นมายืม ว่างอ่านเหรอยะ?  ยืมได้นะ แลกกับแม็คเกรเกอร์ หรือ sightseeing อิอิ คุณนิด ไม่ได้อ่านรวดเดียวหรอกค่ะ  อ่านสบาย ๆ ทีละบทบ้าง สามสี่บทบ้าง  พอเบื่อก็หันไปอ่านหนังสือไทย แต่ว่าเป็น e ที่หยิบอ่านต่อเนื่องกันเลย เพราะชอบชุดนี้ตั้งแต่เล่มแรกที่หยิบ กะว่าจะอ่านให้หมดเท่าที่ซื้อมา ว่าจะเขียนรีวิวตั้งนานแล้ว  แต่เขียนไม่จบซะที จนเมื่อวานถึงได้เขียนเป็นเรื่องเป็นราว คิดถึงคุณนิดอยู่เหมือนกันว่าต้องถูกใจแน่ เพราะเป็นแนวที่คุณนิดอ่านบ่อย จากคุณ : ยาคูลท์ - [ 14 ก.ย. 48 00:27:21 ]

ความคิดเห็นที่ 11 คุณยาคูลท์มีอะไรเป็นตัวช่วยคะว่าจะตัดสินใจเลือกซื้อหนังสือชุดนี้   ลูกน้ำไป B2S เห็นหนังสือลดราคาแล้วก็อึ้ง   อยากได้มากแต่กลัวซื้อไปแล้วจะไม่สนุก   ยืนอ่านเรื่องย่อที่ปกหลังยังชักกลัวๆ    เลยเน้นแต่นักเขียนที่เคยอ่านก็หาไม่ค่อยเจอ   เฮ่อ... จากคุณ : โตขึ้นจะกลายเป็นยุง - [ 14 ก.ย. 48 11:20:06 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ใช่เลยค่ะคุณยาคูลท์ แนวนี้เลยคะที่นิดชอบอ่าน  จดไว้ ก่อนเพราะไม่แน่ใจว่าห้องสมุดจะมีหรือเปล่าเพราะยัง ไม่ได้ลองหาดู  แต่ว่าถ้าไม่ได้ก็คงต้องหาซื้อเอาล่ะค่ะ ชอบธีมเรื่องจังเลย อย๊าก อยากอ่านแบบนี้ล่ะค่ะ จากคุณ : JewNid - [ 14 ก.ย. 48 15:15:43 ]

ความคิดเห็นที่ 13 นิดไปเซิร์ชหาหนังสือของ Ford แล้วค่ะคุณยาคูลท์  โชคไม่เข้าข้างเลยเพราะว่ามีสองเล่มเองคือ Fury เล่มเดียวแล้วอีกเล่มก็เรื่อง Slow Burn  แค่สองเล่มเองค่ะ ฮือ ฮือ น่าเสียดายจังเลย  สนุกๆ แบบนี้อยากอ่านอ่ะค่ะ แต่ก็คงต้องรอไปซื้อหาเอาที่โน่นล่ะค่ะ  อย๊าก อยากอ่านเชียว จากคุณ : JewNid - [ 14 ก.ย. 48 18:10:57 ]

ความคิดเห็นที่ 14 คุณลูกน้ำ ถ้าเอาคำตอบสั้น ๆ  ...เลือกด้วยอารมณ์ค่ะ  5555 เวลาเลือกหนังสือนี่ก็เหมือนกับเลือกหนุ่ม...เอ๊ย เลือกแทงหวยแหล่ะค่ะ  มีลุ้นแต่รับรองผลไม่ได้ พอดี ยาคูลท์ชอบลองอ่านงานของนักเขียนที่ไม่เคยอ่านเป็นทุนอยู่แล้วด้วย  เห็นของใครก็อยากลองอ่านไปหมด ถ้าอ่านเจอพล็อตน่าสนใจ ลองเปิดอ่านแล้วคิดว่าลุ้นขึ้น ก็หยิบ (ยิ่งเวลาลดราคาแล้ว ดูพล็อตแล้วหยิบเลย) ดูอารมณ์ด้วยว่าเราอยากอ่านเรื่องที่บทสนทนาเยอะ ๆ  หรือแบบมีฉากโหด แบบซับซ้อนซ่อนเงื่อน หรือแบบไหนตอนนั้น สรุปง่าย ๆ คือเราต้อง "อยากอ่าน"  ถึงจะเวิร์ค คุณนิด  ลอง Fury ก่อนก็ดีค่ะ เป็นเล่มเปิดตัวพอดีเลย   จะได้ดูว่าชอบนิยายที่ให้อารมณ์แบบหนังสตีเฟ่น ซีกัลไหม ส่วน Slow Burn นี่อยู่ในชุด Leo Waterman ที่เป็นนักสืบเอกชนค่ะ  ... น่าสนเหมือนกันน้า ดีแล้วค่ะ  มีให้อ่านชุดละเล่มพอดีเลย  อ่านให้สนุกนะคะ จากคุณ : ยาคูลท์ - [ 14 ก.ย. 48 23:04:02 ]

ความคิดเห็นที่ 15 น่าสนๆ ยืมต่อจากพี่พัทละกันค่ะพี่ยาคูลท์ เอิ๊กส์ ^^ ไม่เคยเห็นหนังสือของนักเขียนคนนี้เลยแฮะ ไปหลงอยู่แถวไหนเนี่ย จากคุณ : Clear Ice - [ 15 ก.ย. 48 19:56:43 ]