ความคิดเห็นที่ 1 หรือ ซินฟานเดลของแคลิฟอร์เนีย.. จากคุณ : WIWANDA - [ 24 ก.พ. 50 08:11:17 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ...เพิ่งได้ดื่ม Danzante, Primitivo ไปหยก ๆ ...เมื่ออาทิตย์ก่อน...หลังจากที่พี่หวานเอ่ยถึงมาก่อนหน้า ...ดื่มกับอาหารไทยบ้านเรา ...สุดยอดมาก ...Primitivo เป็นอะไรที่ดื่มได้สนุสนานในตัวเอง ...แม้จะไม่ได้ล้ำลึกนักหนา แต่ให้ความสดชื่นเป็นเอก ...แต่ด้วยแอซิดที่แหลมคม กระแดะหน่อย ๆ ...ไปกับอาหารไทยได้ดีมาก...ผมชอบ Primitivo ...อาจเป็นเพราะผมรัก Zinfandel อยู่เป็นทุน จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 24 ก.พ. 50 08:39:43 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อรุณสวัสดิ์คับผม จากคุณ : Nic (Nic Nenin) - [ 24 ก.พ. 50 09:54:55 ]

ความคิดเห็นที่ 4 สวัสดีคุณวิโรจด้วย..ตื่นเช้าไปวิ่งหรือคะ..ขากลับอย่าลืมซื้อข้าวมันไก่มาให้สองห่อ.. ........................................... ตั้งหลักจะเล่าเรื่องประวัติศาสตร์มานานแล้ว..แต่เรื่องงานเอกสารก่อนการส่งภาษีนี่..มันเยอะแยะมากมาย  พยายามเรียบเรียงให้เรียบร้อย ไม่งั้นไม่มีสมาธิ.. แต่ค่อยพิมพ์ ค่อยแปะ ไปเรื่อยๆก็ได้นะคะ.. ประวัติศาสตร์ส่วนที่อยากจะเล่าต่อไปนี้..คือ เรื่องของ ความรักไวน์ของท่านนักการเมืองหนุ่ม ที่ได้มาเป็นประธานาธิบดีคนที่สามของสหรัฐอเมริกา   เขาคือ...Thomas Jefferson ผู้ที่ได้สร้างหลักฐานบันทึกการเดินทางระหว่าง อเมริกา และ ฝรั่งเศส ไว้อย่างถี่ถ้วน  นั่นรวมไปถึง เรื่องไวน์ , บุคคลรอบข้าง และรายละเอียด เล็กๆน้อยๆอย่างไม่มีตกมีหล่น.. เลยคิดว่า..ประวัติศาสตร์ส่วนนี้ ควรต่อการนำมาเล่าสู่กันฟัง [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : WIWANDA - [ 24 ก.พ. 50 10:07:04 ]

ความคิดเห็นที่ 5 สวัสดี ครับ ... มารออ่านครับ คุณ วิโรจ ครับ Danzante มีขายบ้านเราไหม ครับ... จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 24 ก.พ. 50 10:50:27 ]

ความคิดเห็นที่ 6 คงมีครับ...เพราะว่าเป็นไวน์ที่มีคนนำเข้าเอามาให้ชิมทดสอบ ...ผมก็เคยเห็นมานานแล้วนะครับ...ในบ้านเรา แต่เป็นองุ่นอื่น ...เมื่อก่อน ไม่มีใครรู้จัก Primitivo เลยไม่มีใครนำเข้า จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 24 ก.พ. 50 11:02:35 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ประวัติเริ่มต้น.. ธอมัสเกิดที่เมือง Shadwell  รัฐเวอร์จิเนีย เมื่อวันที่  13 เมษายน 1743  (วันสงกรานต์ซะด้วย) นับว่าเป็นคุณหนูพอสมควร เพราะตระกูลฝ่ายบิดา นายปีเตอร์ เป็นเศรษฐีมีเงิน มีที่ดินมากมายมหาศาล ฝ่ายมารดา เจน..มาจากตระกูล Randolph ที่ถือว่าเป็นกลุ่มผู้ดีเก่า เป็นไฮโซของเมือง ธอมัสเป็นเด็กเรียนดีมาโดยตลอด การศึกษาขั้นสุดท้ายคือ  นักศึกษาวิชากฏหมาย มหาวิทยาลัย William and Mary  ต่อด้วย มหาวิทยาลัย George Wythe พอจบออกมา..ก็เข้ารับราชการที่รัฐสภาของเวอร์จิเนียอยู่ถึงหกปี   พอขึ้นปีที่เจ็ด เริ่มเก็บเงินเก็บทองได้ เขาก็ไปสร้างบ้านตามใจฝัน ในที่ดินที่ได้รับมาเป็นมรดกที่กว้างใหญ่ไพศาลถึง 5000 เอเคอร์  บ้านหรือคฤหาสน์หลังนี้ เขาตั้งชื่อมันไว้ว่า.. Monticello ธอมัส..เข้าควบคุมการก่อสร้างเองทุกขั้นตอน ทั้งๆที่เป็นคนหนุ่มอายุเพียง 26-27 ปีเท่านั้น.. แรงบันดาลใจที่สร้างพลังให้กับเขานั้นคือ ..การที่จะใช้เป็นเรือนหอกับหญิงที่เป็นที่รัก  Martha Wayles Skelton ซึ่งสองปีผ่านไป คฤหาสน์ได้สร้างเสร็จไปเพียงบางส่วน แต่ เขาและมาร์ธา ได้เข้าพิธีแต่งงานกันอยู่ดี ในวันที่ 1 มกราคม 1772  โดยอาศัยอบู่ในบางส่วนของมอนติเซลโล   และได้สร้างขยายต่อไปเรื่อยๆ.. ทั้งสองมีบุตรธิดาด้วยกันถึง หก คน..แต่เหลือรอดชีวิตอยู่มาจนโตเพียงแค่สองคน..เพราะว่า..มาร์ธามีสุขภาพไม่สู้ดี เรื่องไวน์นั้น..ขวดแรกๆของธอมัส (ที่มีคนพบ) นั่นคือ ตั้งอยู่บนหิ้งวางหนังสือในมอนติเซลโล ในวันแต่งงานของเขาและมาร์ธา แต่ต่อมา..จากหลักฐานในสมุดบัญชีใช้จ่ายของธอมัส ได้บันทึกไว้ละเอียดยิบว่า ใช้เงินไปซื้อไวน์ ซื้อเบียร์  ซื้อเหล้าอะไรมาบ้าง.. เฉพาะเดือนกันยายน 1772 เดือนเดียว พ่อนักการเมืองหนุ่ม ซื้อไปไม่มากไม่น้อยหรอก แค่ สามร้อยกว่าขวด..(บางส่วนคือซื้อมาเก็บ) แต่ที่แน่ๆ..หลักฐานได้บ่งบอกว่า..ที่ดื่มหมดไป 110 ขวด นั่นคือ Madeira  เป็นเหล้า Port จากโปรตุเกส เพราะตอนนั้น..ไวน์ดีๆยังไม่เป็นที่รู้จัก ผู้คนนิยมดื่มแต่พอร์ต ภาพ คือ คฤหาสน์ Monticello แก้ไขเมื่อ 25 ก.พ. 50 08:58:19 จากคุณ : WIWANDA - [ 24 ก.พ. 50 11:06:34 ]

ความคิดเห็นที่ 8 มาสวัสดีรับกระทู้ใหม่ครับ Zinfandel นี่ผมยังไม่เคยมีโอกาสได้ดื่มตัวที่ชอบเลยครับ จำได้ว่าเคยซื้อจากซุปเปอร์มาร์เก๊ตมาลองดู แล้ว แอซิดแหลมเฟี๊ยวมากๆ จากคุณ : LaGrandeRue - [ 24 ก.พ. 50 18:52:13 A:213.39.219.213 X: TicketID:105596 ]

ความคิดเห็นที่ 9 สวัสดีทุกๆคน ครับ   ยังตามอ่านอยู่แบบเงียบๆ เพราะไม่ค่อยรู้เรื่อง ....เมื่อไหร่จะหาไวน์ตัวโปรดเจอกับเขาบ้างเหนอ   มีใครพอจะทราบมั้ยครับ  ที่เชียงใหม่จะหาซื้อไวน์ได้จากที่ไหนบ้างครับ จากคุณ : BongKoch - [ 24 ก.พ. 50 20:07:11 ]

ความคิดเห็นที่ 10 บ้านมอนติเชลโลสวยจังค่ะ สงสัยค่าทำสวนจะหลายตังค์ อิอิ จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 24 ก.พ. 50 22:00:55 ]

ความคิดเห็นที่ 11 มีใครพอจะทราบมั้ยครับ  ที่เชียงใหม่จะหาซื้อไวน์ได้จากที่ไหนบ้างครับ จากคุณ : BongKoch   - [ 24 ก.พ. 50 20:07:11 ] กระทู้ข้างล่างนี้ช่วยได้ไหมคะ ... อาจจะผ่านตาแล้ว เห็นคุณเป็นสมาชิกเวบโน้นอยู่เหมือนกัน ...... http://www.drinklessdrinkthebest.com/forum/index.php?topic=625.0 จากคุณ : nijja - [ 25 ก.พ. 50 10:23:06 ]

ความคิดเห็นที่ 12 โชคชะตาได้พาให้ธอมัสได้มารู้จักกับเพื่อนบ้านคนใหม่ ที่สนใจที่ดินที่ติดอยู่กับมอนติเซลโล อีกทั้งมีรสนิยมเดียวกัน นั่นคือ เรื่องไวน์ .. เขาคือ Phillip Mazzei ที่ย้ายมาจากอิตาลีทั้งครอบครัว รวมทั้งข้าทาสนับสิบคน   แมซเซและเหล่าบริวารมีความรู้เรื่องการเพราะปลูกองุ่นดีพอใช้  หลังจากที่สำรวจเนื้อดิน แล้ว..เขาว่า..มันดีเหมือนกับดินที่เบอร์กันดีเลยทีเดียว แค่นั้น ก็ทำให้ธอมัสหูผึ่ง... เขาทั้งสองออกไปเดินดูที่ดินด้วยกัน ในช่วงของการสนทนา ทำให้ธอมัสได้รู้ว่า..นายแมซเซเติบโตมาใน Tuscany เคยเป็นนักเรียนเภสัช ที่ โรงพยาบาลในฟลอเรนซ์ แต่ถูกไล่ออก เพราะว่า ถุกจับได้ว่าไปมั่วดื่มไวน์ก่อนเข้ากระทำพิธีรับศีลในโบสถ์   เขาก็เลยต้องย้ายไปตั้งต้นเรียนปีหนึ่งใหม่ ในมหาวิทยาลัยใน Leghon (ปัจจุบัน คือ Livorno) และที่นี่เขาได้เรียนจนจบ.. ออกมาเป็นเภสัชสมใจ.. แต่ด้วยความที่เป็นคนอยู่ไม่สุข  แมซเซได้ย้ายตัวเองออกจากอิตาลี ไปยัง ตุรกี ปักหลักทำการค้าขายส่งออกสินค้าพื้นเมืองในตลาดยุโรป เช่นอังกฤษ อิตาลี..ที่ทำให้เขาต้องเดินทางข้ามประเทศอยู่บ่อยๆ.. และ โอกาสนี้เองที่ทำให้เขาได้รู้จักไวน์ดีๆ อย่างไวน์จาก การ์มิญาโน (Carmignano) ที่เจ้าของไร่เป็นช่างตัดเสื้อ นามว่า Cartei   แมซเซติดอกติดใจในไวน์ของนายการ์ตี มาก ขอเสนอซื้อยกวินเทจ  หรือขอซื้อทั้งหมดที่ผลิตได้  ในข้อแม้พิเศษ นั่นคือ จะแถมให้อีกสิบเปอร์เซ็นต์ จากราคาที่เรียกร้อง ถ้า..นายการ์ตี จะไม่เติมเหล้าลงไปในไวน์.. ครั้งแรกๆ นายการ์ตีอิดออด เพราะเขาว่า ไวน์มันจะเสีย.. และถ้าไวน์เสีย เขาก็เสียชื่อไปด้วย.. จนแมซเซ ต้องบอกว่า..เสียก็เสีย(ซิวะ) ไม่ลองก็ไม่รู้.. ในที่สุด ก็เป็นการตกลง ..ได้ไวน์ไปอย่างบริสุทธิ์ผุดผ่องไม่มีการเจือปนใดๆ.. แก้ไขเมื่อ 25 ก.พ. 50 12:08:00 จากคุณ : WIWANDA - [ 25 ก.พ. 50 11:42:16 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ไวน์ที่ขนลงเรือมานั้น เสียไปจำนวนหนึ่ง  แต่ที่เหลือนั้น.. ได้สร้างความประทับใจให้กับเหล่าเพื่อนพ้องอย่างถ้วนหน้า.. พูดถึงเพื่อนพ้องของแมซเซ..เนื่องจากธุรกิจการค้าของเขาทำให้ต้องพบกับผู้คนหลากหลาย โดยเฉพาะพวกเจ้านาย และ กลุ่มนักการเมือง.. และเขาได้รับภาระกิจสำคัญ จาก Grand Duke of Tuscany  ให้ช่วยหาเตาผิงที่ขึ้นชื่อที่สุด(ในยุคนั้น) ให้ด้วย  เตานั้น ชื่อว่า Benjamin Franklin stoves เพราะข่าวได้สะพัดออกไป ถึงเรื่องที่ ท่านเบนจามินจากอเมริกาได้มาพำนักอาศัยอยู่ในลอนดอนชั่วคราว แมซเซจึงได้ดั้นด้นไปหาถึงบ้าน..เพื่อไปขอซื้อเตาตามพระบัญชา ท่านเบนจามินก็ดีใจหาย  ช่วยเป็นธุระสั่งให้ได้ตามต้องการ  และ ได้มีการติดต่อผูกพันจนเป็นมิตรภาพที่เจริญงอกงาม   และเหตนี้เอง ที่ ทำให้แมซเซได้เข้ามาอยู่ในวงจรของนักการเมืองระดับสูงของอเมริกา จนทำให้เขาได้ตัดสินใจย้ายเข้ามาตั้งรกรากในเวอร์จิเนีย.. ตามคำชักชวนของเหล่าผู้หลักผู้ใหญ่ และเขาเชื่อว่า..เขาสามารถทำไวน์ให้ได้ผลดีอย่างไวน์จากกามิญาโนได้ ในผืนดินของรัฐเวอร์จิเนีย ที่ใกล้ๆกับ มอนติเซลโลนี้..เขาได้ตั้งชื่อไร่ไวน์ขนาด 400 เอเคอร์ของเขาว่า Colle ในภาพ คือ เตาผิง ที่ออกแบบโดย เบนจามิน แฟรงคลิน ที่มีสมรรถภาพในการดูดควัน และ ประหยัดฟืนและถ่านหิน..จนถือว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ที่มีชื่อเสียง จนเป็นที่ต้องการไปทั่วยุโรป แก้ไขเมื่อ 25 ก.พ. 50 12:09:45 จากคุณ : WIWANDA - [ 25 ก.พ. 50 12:05:42 ]

ความคิดเห็นที่ 14 สวัสดี วันอาทิตย์ ครับ... จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 25 ก.พ. 50 12:28:31 ]

ความคิดเห็นที่ 15 แมซเซ ได้ทุ่มแรงทุ่มใจทำไร่ คอลลี่ อย่างไม่เห็นแก่เหน็ดแก่เหนื่อย ในช่วงปีแรกๆของการผลิต ซึ่งยังอยู่ในการทดลองพันธ์องุ่นที่หลากหลาย... แต่มาถึงพฤษภาคม ปี 1774 อากาศหนาวเหน็บจนเกิดการจับตัวของน้ำค้างแข็ง ที่หนาแน่นจนทำให้ไร่องุ่นล้มตายไปเกือบหมด.. ส่วนดีที่เหลือออกมาทำไวน์ได้เพียงน้อยนิดนั้น เขาเก็บเอาไว้เอง ส่วนที่พอแหลกล่ายมั่ง ไม่ล่ายมั่งนั้น เขาก็นำออกแจกจ่ายให้กับคนงาน บางส่วนก็ออกมาขายเพียงขวดละหนึ่งชิลลิ่ง แต่เมื่อ สามเดือนผ่านไป ที่เขาได้ลองชิมไวน์(ที่คัดไว้) มันดีจนเหลิอเชื่อ..จนเขาต้องเขียนบันทึกไว้เป็นหลักฐาน แต่ลูกสมุนมือขวา นาย Vincenzo Rossi  ต้องสะกิดเตือนว่า "อย่าเขียนลงไปเลยนาย..ขืนใครมาอ่านจเอ เขาก็ไม่เขื่อหรอก แถมจะหาว่านายโม้อีกต่างหาก" และในปีนั้นเอง ที่ได้เกิดสงครามขึ้น..(LORD DUNMORE'S LITTLE WAR OF 1774)  ที่แมซเซต้องทิ้งไร่ เพื่อเดินทางไปปฏิบัติภาระกิจให้กับรัฐเวอร์จิเนีย..ในการหานายทุนหนุนหลังในการช่วยทำสงคราม ก่อนเดินทาง เขาได้ให้นายพลเยอรมันเช่าคฤหาสน์ และ ไร่ไวน์ Colle   ซึ่งผลออกมา คือ  เพียงสามสี่เดือนเท่านั้น ไร่ คอลลี่ที่สวยงามก็ยับเยินไปด้วยฝีมือของผู้เช่าที่ไม่ให้ความใส่ใจดูแลรักษา.. จากคุณ : WIWANDA - [ 25 ก.พ. 50 12:35:17 ]

ความคิดเห็นที่ 16 และไร่มอนติเซลโล่ของธอมัสก็เช่นกัน  ที่ต้องการกการดูและเอาใจใส่..จนเขารู้สึกล้า ที่จะต้องทำงานประจำรับราชการ มีสำนักกฏหมาย และไหนยังจะต้องดูแลไร่.. ดังนั้น ในช่วงของสงคราม..เดือนสิงหาคม 1774 เขาได้ตัดสินใจเลิกชีวิตการเป็นนักกฏหมาย  ยกสำนักงานให้กับเพื่อนรัก นาย Edmund Randolph และใช้เวลาที่เหลือจากรับราชการมาเป็นชาวไร่ตามใจหวัง.. จนมาถึงฤดูร้อนในปี 1775 กลุ่มนักการเมืองใน ฟิลาเดลเฟียได้รวมตัวกันจัดการประชุม หาหัวหน้า หรือ Commander in Chief  สำหรับกองทัพของฝ่ายอเมริกัน (ในการต่อต้านอังกฤษ)  ซึ่งต้องใช้เวลาจัดเตรียมการประชุมถึง 43 วัน ที่ธอมัสจะต้องใช้เวลาอยู่ที่นั่น และทำงานตั้งแต่เช้าจนดึกดื่น   เขาจำได้ดีว่า มีคนคนเดียวที่เข้ามาร่วมประชุมด้วยเครื่องแบบนายพลเต็มยศ..เขาคนนั้นคือ นายพล จอร์ช วอชิงตัน ซึ่งก็เป็นไปตามคาด ว่า..เขาคนนั้น ได้รับเลือกให้เป็นแม่ทัพผู้บัญชาการ ณ. กรุงบอสตัน.. ต่อมา ในเดือนพฤษภาคม 1776 ธอมัสได้ถูกเรียกตัวจากมอนติเซลโลให้ไปที่ฟีลาเดเฟียอีกครั้ง..ในการไปคราวนี้ เขาได้รับการมอบหมายภาระที่สำคัญ จากผู้ใหญ่ในสภาคองเกรส คือ  Benjamin Franklin และ John Adams ให้เป็นคนร่างประกาศแจ้งอิสรภาพ (Declaration of Independence)   เป้นคำสั่งให้เขียนแบบสดๆ กระดาษก็ไม่มีให้ ซึ่งธอมัสต้องเอากลับไปทำเป็นการบ้านอยู่หลายวัน  ในที่สุด เขาก็ส่งงานให้ได้เสร็จสิ้นในวันที่ 28 มิถุนายน  ซึ่งเป็นที่พอใจของเหล่าผู้บังคับบัญชา..(มีแก้นิดหน่อยตามประเพณี) และๆได้ออกประกาศในวันที่ 4 กรกฏาคม ของปีนั้น จึงถือว่า  4 กรกฏาคม คือวันชาติอเมริกาเป็นต้นมา... หลังจากที่ทำงานเสร็จ ธอมัสอยู่ช่วยงานต่ออีกสองเดือน และขอลากลับไปมอนติเซลโล เพราะว่าเป็นห่วงในสุขภาพของภริยา ที่ออดแอดเต็มทน.. ภาพคือ Declaration of Independence ที่เขียนโดย ธอมัส แก้ไขเมื่อ 26 ก.พ. 50 08:56:57 [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : WIWANDA - [ 25 ก.พ. 50 13:14:00 ]

ความคิดเห็นที่ 17 หวัดดีด้วยค่า..คุณพ่อหมี  โทษทีไม่เห็น มัวแต่หลับหูหลับตาจิ้มดีดใหญ่.. คุณ BongKoch ไม่น่าจะเหงาะนะคะ เพราะมีเพื่อนชาวเหนือเยอะแยะเลยในกระทู้ไวน์เนี่ย คุณนิจคะ  ได้ข่าวว่าไปเข้าคลาสมาแล้ว..เป็นอย่างไรบ้าง? ฝากลิงค์นี้ให้คุณ LaGrandeRue ค่ะ http://www.zinfandel-net.de/ น้องนกคะ  มอนติเซลโล สวยงามมาก แทบไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นหนุ่มวัยยี่สิบกว่าสร้างได้ขนาดนี้.. เอารูปมาอวดด้วยเลย.. นี่คือ ทางเข้าห้องรับแขก จากคุณ : WIWANDA - [ 25 ก.พ. 50 13:33:50 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ห้องน้ำชา จากคุณ : WIWANDA - [ 25 ก.พ. 50 13:35:06 ]

ความคิดเห็นที่ 19 Dining room จากคุณ : WIWANDA - [ 25 ก.พ. 50 13:42:31 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ห้องนอน จากคุณ : WIWANDA - [ 25 ก.พ. 50 13:43:31 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ห้องสมุด จากคุณ : WIWANDA - [ 25 ก.พ. 50 13:44:21 ]

ความคิดเห็นที่ 22 และไร่ไวน์ แห่ง มอนติเซลโล จากคุณ : WIWANDA - [ 25 ก.พ. 50 13:45:34 ]

ความคิดเห็นที่ 23 น้องนก... พี่หวานฝากภาพ ผมขอฝากไวน์ครับ Le Viognier de la Chapelle 2005 Vin de Pays d’Oc, Languedoc Roussillon, France ...ไวน์ขาวจากตอนใต้นี้ให้สีทองอมเขียวอ่อน ๆ ...เข้มลึกปานกลาง สีนวลใจ ให้กลิ่นผลไม้สุกปานกลาง หอมสดชื่น ...กลิ่นน้ำแร่ชั้นดี โชยโอ๊กสวยงามนำเด่น ...โครงเนื้อหนาเต็ม ผลไม้เหลืองแน่นดี ...แอซิดดิตีดีพอใช้ สดชื่น มีความเป็นโซดาสูง ...สมดุลและความลงตัวอยู่ในขั้นดีมาก ...หวานต้นขมปลาย จบยาวดีทีเดียว ...ไวน์ขาวจาก Vin de Pays d’Oc นี้ ...แสดงความเป็นองุ่น Viognier ได้เพียงครึ่งเดียว ...ที่เหลืออีกครึ่งคือ... ...เสน่ห์ของความเป็นไวน์เมดิเตอเรเนียน ...Le Viognier de la Chapelle นี้ ...เป็นสาวผมดำยาวหยักสก ในชุดเสื้อขาวแนบเนื้อ ...กระโปรงรายลูกไม้ เดินเหินสะบัดสะบิ้ง...ยั่วใจ ...ฝากไว้ให้น้องนกไปหา...ที่เดิม...ราคาดีมาก จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 25 ก.พ. 50 15:40:32 ]

ความคิดเห็นที่ 24 มอนติเชลโล่ ให้อารมณ์ คล้ายๆ ไวท์เฮ้าส์ แฮะ... จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 25 ก.พ. 50 17:51:41 ]

ความคิดเห็นที่ 25 คุณนิจ  ขอบคุณครับ แหะๆ รู้ด้วยว่าเป็นสมาชิก drinkless   แค่เข้าไป ด้อมๆ มองๆ อ่ะครับ ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร เพราะไม่ค่อยรู้เรื่องเลย จากคุณ : BongKoch - [ 25 ก.พ. 50 18:26:41 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณพี่หวานสำหรับรูปคฤหาสน์มอนติเซลโลค่ะ สวยแบบอบอุ่นดีจังค่ะ ตกแต่งได้เรียบหรูไว้อยู่เองแบบไม่เว่อร์ นกเพิ่งสังเกตุว่าพี่หวานเขียนว่า มอนติเซลโล ใช้ ซ.โซ่ ทีแรกนกนึกว่าเป็นตัว ช.ช้าง ซะอีก ยังไม่ได้ส่งหนังสือเพราะมันคอยงอกมาเรื่อยค่ะ ล่าสุดได้หนังสือปกดำ เมนูคอร์รัปชันระบอบทักษิณ มาเพิ่มอีกเล่มนึง เขาเหลือเล่มสุดท้ายนกเลยตอดอ่านก่อนนิดหน่อยน่ะค่ะ อิอิ อาทิตย์หน้าจะส่งจริงๆ และ ขอโทษนะคะที่ช้า ขอบคุณพี่วิโรจมากนะคะ จะไปหามาโดยพลัน แต่ขอคอยวันศุกร์ค่ะ จะได้ลดสิบเปอร์เซ็นต์ ก็ยังดี แต่สงสัยจะเป็นไปไม่ได้สำหรับนกที่จะชิมรู้รสน้ำแร่ค่ะ แต่เคยนะคะ เอาน้ำแร่ชงกาแฟ กับน้ำอาร์โอชงกาแฟ เทียบดู แบบว่าอยากรู้น่ะค่ะ รู้สึกต่างกันนี้ดดดดด นึงค่ะ  แต่นกก็ยังสงสัยว่า ตัวเองคิดไปเองหรือเปล่า ใช้น้ำอาร์โอมันเฝื่อนๆ นิดนึง ใช้น้ำแร่รสชาติมันนุ่มๆ พี่ช่วยบอกทีเถอะค่ะว่านกไม่ได้คิดไปเอง จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 25 ก.พ. 50 20:08:27 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ลืมบอกพี่หวานว่านกเก็บแผ่นบรรยายโฆษณารายการชิม หัวละ 1 ล้าน และบรรยากาศในงาน ที่เขาส่งมากับบางกอกโพสต์ ส่งไปให้พี่หวานดูเล่นด้วยค่ะ จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 25 ก.พ. 50 20:11:01 ]

ความคิดเห็นที่ 28 พี่นกครับ ไวน์ขาวตัวนี้ผมทานแล้วครับ ติดอกติดใจอย่างมาก เกินราคามากๆครับ อร่อยมากๆครับ อาวิโรจครับ เขียนซะเห็นภาพเลยครับ สะบัดสะบิ้ง จริงๆด้วย สวัสดีอาวิ และทุกๆท่านนะครับ ทานไวน์ให้อร่อยนะครับ จากคุณ : jearjear - [ 25 ก.พ. 50 22:16:10 ]

ความคิดเห็นที่ 29 วันนี้เพิ่งเห็นไวน์ ออสเตรเลียในกล่องแบบน้ำผลไม้เลยค่ะ เป็น chardonay เห็นราคาโปรโมชั่น 2 กล่อง หกปอนด์ เดี่ยวลองเอามาชิมดูค่ะ ส่วนตัวติดใจ Chardonay จาก นิวซีแลนด์ จากคุณ : horseshoes - [ 26 ก.พ. 50 05:52:38 ]

ความคิดเห็นที่ 30 สวัสดีครับ พี่วิ..... ผมยังตามอ่านอยู่ตลอดครับพี่   ไม่ได้หายไปไหน  ขอบคุณที่เป็นห่วง ผมสบายดีครับ     ช่วงนี้ผมหันมาบ้าไวน์ทาง NAPA ครับ จากคุณ : วาริชเวสม์ - [ 26 ก.พ. 50 09:33:53 ]

ความคิดเห็นที่ 31 มันก็น่าจะบ้าอยู่หรอกค่ะ...โถ..อุตส่าห์เอามาโชว์ แบบลางเลือน เกรงใจคนจนอย่างที่สุด.. งั้นพี่จะเฉลยเอง..นี่คือ หนึ่งใน cult wine  ชื่อว่า.. Abreu Madrona Ranch Napa ( Cabernet Sauvignon ) ขวดนี้  ราคาประมาณว่า เกือบห้าร้อย (ยูเอส)  เท่านั้นเอง.. จากคุณ : WIWANDA - [ 26 ก.พ. 50 09:59:12 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ขอบคุณน้องนกค่ะ  สำหรับเมนูและภาพอาหารมื้อละล้านนั่น พี่ก็อยากอ่านนะ..เพราะอยากจะส่งจดหมายไปถึงองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเหมือนกัน ว่า งานอย่างนี้.. คนที่เสียเงินเขาก็ไม่อยากจะเปิดเผยตัว..เพราะคงอายว่า รวย.. ฉะนั้น..ก็อย่าตีข่าวมากนัก ในขณะที่เรามักจะวิ่งโร่ขอความช่วยเหลือจากประเทศโน้นประเทศนี้อยู่ร่ำไป.. ล่าสุดที่เจอคือ การขอให้นานาชาติมาช่วยในเรื่องส่งเสริมทุนอนุรักษ์ช้างไทย..(ที่มีอยู่ 7000 กว่าตัว) อายเขาไหมล่ะ..ว่า..มีช้างแค่ไม่กี่พันตัว คนทั้งประเทศที่มีกว่า 60 ล้าน ยังเลี้ยงเขาไม่ได้... แต่มาเห่อหรู.. โปรโมทอาหารมื้อละล้าน..แถม คนจัดเขาสัญยิง สัญญาว่า..คราวหน้าจะจัด มิ้อละ หนึ่งล้านเหรียญ(ยูเอส..) โอ้...แม่เจ้า..!!! จากคุณ : WIWANDA - [ 26 ก.พ. 50 10:27:05 ]

ความคิดเห็นที่ 33 สวัสดีวันทำงานคับผม Le Viognier de la Chapelle 2005 ตัวนี้ดีมากๆเรยคับ พี่วิโรจ ผมทานไป 3 ขวดแล้ว ที่ร้านนี้มีเจ้าของเดียวกันแต่องุ่นเป็นพันธุ์ Sauvignon Blanc ชื่อ Le Sauvignon Blanc de la Chapelle 2005 ก็ไม่เลวเรยทีเดียวคับผม เวป www.drinklessdrinkthebest.com เข้ามาเล่นได้เรยคับคุณ BongKoch เป็นเวปบอร์ดทั่วๆไปคับคุยได้ทุกเรื่องไม่จำเป็นต้องเรื่องไวน์ก็ได้คับผม จากคุณ : Nicky (Nic Nenin) - [ 26 ก.พ. 50 12:42:01 ]

ความคิดเห็นที่ 34 Le Sauvignon Blanc de la Chapelle 2005 มันดีกว่า Viognier ด้วยซ้ำไป แต่ที่ไม่เขียนเพระมันหมดตลาดไปแล้วครับ จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 26 ก.พ. 50 17:21:43 ]

ความคิดเห็นที่ 35 คุณวิคะ ..... เวลาอยู่เมืองไทย จะห่างจอมากค่ะ เพราะมีเรื่องต้องออกไปทำโน่น ทำนี่ ... เพิ่งเข้ามาอ่านค่ำวันจันทร์ (มาถึงคืนวันอาทิตย์ค่ะ) เรื่องเข้าคลาสไวน์นี่ ... ขอบอกว่ารู้สึกโชคดีที่สุดเลยค่ะ ที่มีโอกาสได้เรียนกับอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ ชาวไทย ในเมืองไทย ในคลาสที่เล็กขนาดนี้   ได้ความรู้ใหม่ที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน   เริ่มด้วยการจำแนกกลิ่นค่ะ .... พยายามทำการบ้านค่ะ ... กระนั้นก็ยังรู้สึกแปลกๆ ... เช่น ... นะคะ กลิ่น แอพริคอท เนี่ย ตั้งแต่แรก ยังไง้ยังไงก็รู้สึกเป็นกลิ่นสตอเบอรี่ที่งอมจัด จนพอขยี้กลิ่นกับนิ้วมือ จึงออกเป็นแอปพริคอต .... แก้ไขเมื่อ 01 มี.ค. 50 22:04:51 แก้ไขเมื่อ 26 ก.พ. 50 21:22:43 จากคุณ : nijja - [ 26 ก.พ. 50 20:30:37 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ถ้าอ.ไพรัชเข้ามาอ่านคงชื่นใจไม่น้อยหล่ะคับที่นักเรียนตั้งมากขนาดนี้ ดีใจคับที่อาแฮ้ปปี้ 28 นี้เจอกันคับผม:) ว้า..Le Sauvignon Blanc de la Chapelle 2005 หมดแล้วเหรอคับ ไม่เป็นไรสงสัยหาตัวอื่นทานต่อไปคับผม จากคุณ : Nicky (Nic Nenin) - [ 26 ก.พ. 50 20:52:05 ]

ความคิดเห็นที่ 37 สวัสดีครับทุกๆ ท่าน ขอตัวไปต่อท้ายแถวรออ่าน และเก็บข้อมูลไวน์จาก Napa ก่อนหล่ะครับ เพราะช่างห่างไกลจากผมเสียเหลือเกิน ส่วนกำแพงภาษีก็แพงอักโขเชียวครับ จากคุณ : Einswasser - [ 27 ก.พ. 50 07:43:06 ]

ความคิดเห็นที่ 38 สวัสดีค่ะ น้องๆหลานๆ ยินดีกับคุณนิจ และ คุณนิคด้วย ที่ได้เรียนกับครูดี  ขยันชิมเข้าไปเถอะค่ะ อีกหน่อยก็เก่ง  คุณ jearjear ไปด้วยหรือเปล่า? คุณ Einswasser คะ ถ้ามันห่างไกลนัก ก็อย่าไปสนมันเลย..หันไปชื่นชมกับไวน์ใกล้ตัวเถิด แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 50 09:42:36 จากคุณ : WIWANDA - [ 27 ก.พ. 50 09:15:52 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ก่อนจะเล่าต่อ..ขอย้อนไปทวนประวัติศาสตร์ให้ทราบนิดหนึ่ง..ถึงสถานะการณ์ในสมัยนั้น ว่า 13  รัฐ  ยังเป็นอาณานิคมของอังกฤษ  แบ่งออกเป็นกลุ่มดังนี้.. กลุ่ม New England  มี... Province of New Hampshire, later New Hampshire Province of Massachusetts Bay, later Massachusetts and Maine Colony of Rhode Island and Providence Plantations, later Rhode Island Connecticut Colony, later Connecticut. กลุ่ม...Middle Colonies   มี... Province of New York, later New York and Vermont[1] Province of New Jersey, later New Jersey Province of Pennsylvania, later Pennsylvania Delaware Colony (before 1776, the Lower Counties on Delaware), later Delaware กลุ่ม..Southern Colonies ..มี Province of Maryland, later Maryland Colony and Dominion of Virginia, later Virginia, Kentucky and West Virginia Province of North Carolina, later North Carolina and Tennessee Province of South Carolina, later South Carolina Province of Georgia, later Georgia ตามแผนที่ในนี้... จากคุณ : WIWANDA - [ 27 ก.พ. 50 09:49:40 ]

ความคิดเห็นที่ 40 สวัสดีครับ อาวิ และทุกๆท่านครับ ผมไปเรียนด้วยครับอาวิ  วันนี้เป็น ครั้งที่สองแล้วครับ เรียนทั้งหมด หกครั้งครับ ครั้งแรก อ.ไพรัช สอนเกี่ยวกับไวน์ขาวครับ สอนให้ดูขาไวน์ สีไวน์ อายุไวน์  ไวน์ขาวจาก warm or cool  วีธีจับแก้ว แยกแยะกลิ่น รสในปาก เปรียบเทียบ แอซิด โอ้กไม่โอ้ก และให้ดม ชิม แยกแยะ ระหว่าง sauvignon blanc  กับ  chardonnay ครับ การเรียนสนุกมากครับ มีผู้เข้าเรียนทั้งหมด 7 ท่านครับ วันนี้เรียนไวน์แดงครับ ไว้ได้ความยังไงมาเล่าสู่กันฟังนะครับ จากคุณ : jearjear - [ 27 ก.พ. 50 09:51:00 ]

ความคิดเห็นที่ 41 นี่คือ งานของกลุ่มนักการเมืองทั้งหลายที่เอ่ยชื่อถึง ในการที่จะปลดแอก...ไล่อังกฤษออกไปจากอเมริกา ซึ่งมีการสู้รบติดต่อกันหลายปี  ถึงแม้ว่าจะประกาศอิสรภาพไปแล้วก็ตาม.. อังกฤษก็ไม่ได้ยอมถอยออกไปดีๆเสียเมื่อไหร่.. (ธงชาติของอเมริกาในปัจจุบัน มีอยู่ 13 ริ้ว นั่นก็คือ 13 รัฐ ที่ได้กลับคืนมา) เพราะสงครามแย่งชิงพื้นที่ ที่ยังไม่สงบนั้น ทำให้ ธอมัสต้องช่วยในการระดมทุน..ปี 1778 แมซเซสหายรัก อาสาตัวเดินทางไปยุโรป ในนามของตัวแทนรัฐบาล..เพื่อขอความช่วยเหลือจากบรรดาเจ้านาย และ ขุนนางเพื่อนเก่าๆ อย่างเช่น ดยุค แห่ง ทัสคานี ที่เขาว่า..มีเงินทองนับล้านๆกองอยู่ในพระคลัง..ที่พอจะให้อเมริกาหยิบยืมได้   จาก มิถุนายน 1778- พฤษภาคม 1781 ธอมัสได้เข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการรัฐเวอร์จิเนีย  และปฏิเสธการขอร้องที่จะให้รับตำแหน่งในสมัยต่อไป เพราะเขารู้สึกคิดถึงบ้าน  คิดถึงมอนติเซลโลเต็มที   เขากลับมาถึงได้เพียงสี่วัน..เพื่อนบ้านที่มีนามว่า ชูเอ็ตต์ ได้สวมวิญญาณของ พอล ริเวียร์ (Paul Revere นายทหารม้าเร็ว ที่ได้ยกย่องเป็นวีรบุรุษ ในการส่งข่าวถึงยกทัพของอังกฤษมาบอกอย่างทันท่วงที)   นายชูเอ็ตต์ ก็เช่นกัน ที่รีบนำข่าวมาบอกกับธอมัส ว่า กองทัพอังกฤษได้ส่งกำลังมากว่า 250 นาย ภายใต้การนำของ Colonel Tarlton ที่กำลังมุ่งหน้าในระยะสามสิบไมล์ก็จะถึง..เพื่อทำการจับกุมธอมัส.. ซึ่งทำให้ธอมัสและครอบครัวได้หลบหนีไปได้อย่างทันการ เมื่อทหารอังกฤษมาถึง ก็เจอแต่ข้าทาสบริวารไม่กี่คน ที่ ยืนรออย่างสงบเสงียม  ทำท่าทีเป็นปรกติ.. (เพราะเพิ่งขนย้านข้าวของมีค่าลงไปในห้องใต้ถุนเสร็จหมาดๆ) โชคดีที่ทหารได้รับคำสั่งมาว่า มิให้ทำลายข้าวของ เครื่องใช้  แต่..ไวน์ดีๆที่อยู่ในเซลล่าร์ ไม่ได้อยู่ในคำสั่งคุ้มครอง ดังนั้น..ต่างคนต่างเอาติดตัวไปเป้นที่ระลึกกันคนละขวดสองขวด..เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเที่ยว.. แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 50 10:34:43 จากคุณ : WIWANDA - [ 27 ก.พ. 50 10:15:12 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ชวนไปเที่ยว Charlottesville ด้วยภาพ ( คนอื่น ) Monticello http://members.virtualtourist.com/m/tt/843f5/#TL http://members.virtualtourist.com/m/tt/8440e/#TL http://www.igougo.com/travel/photos-Charlottesville-m327502-l823-sTop.html ที่เก็บไวน์ใน Monticello จากคุณ : sofatboy - [ 27 ก.พ. 50 11:44:39 ]

ความคิดเห็นที่ 43 วุ๊ย..หลานมือแปะ sofatboy กลับมาแล้ว..หายไปไหนมาจ๊ะ พ่อคุณ  นานจนคิดถึงแน่ะ.. เรื่องการเรียบเรียงเอาเรื่องประวัติศาสตร์มาโยงในเรื่องไวน์นั้น..ไม่ใช่ง่ายๆ หาตำรากันแบบพลิกแผ่นดินเหมือนกัน  แต่ก็อยากให้รู้เอาไว้..เพราะเมื่อรู้แล้ว ยามที่จิบไวน์ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องแม้แต่จะน้อยนิด แต่ก็ได้อารมณ์ถึงความหลังในจินตนาการอย่างเต็มอิ่ม.. เรื่องนี้นั้น เป็นเรื่องที่ไม่ใช่มาพูดเอาโก้ หรือ เอามันส์  เพราะเหล่าบรรดาเจ้าของไวน์ระดับอรหันต์ก็มาให้สัมภาษณ์เช่นกันว่า..ยามที่กินไวน์เก่าๆ และ ดีๆ นั้น.. มันทำให้นึกไปถึงบรรยากาศในช่วงของปีนั้น ว่า ทำไมมันถึงดี  คิดถึงปู่ย่าตายายที่เป็นคนทำ คิดไปถึงเรื่องการเมือง..และ อะไรต่อมิอะไร.. เอาลิงค์วีดีโอของ wine spectator มาให้ดู ไม่แน่ใจว่าจะเปิดกันได้หรือเปล่า แต่มีประโยชน์มาก..คลิปของบอร์คโดซ์นะคะ..ถ้าเปิดดูอันอื่นได้ก็สนับสนุนให้ดูด้วย.. http://link.brightcove.com/services/link/bcpid353514866/bclid196271124/bctid525685822 ส่วนไวน์ของมอนติเซลโลนี้..มีไร่เล็กๆไร่หนึ่งในนาปา ได้ไปนำกิ่งองุ่นจากที่นั่นมาเพาะพันธ์ และทำเป็นไวน์ขึ้นมาโดยเฉพาะ  ในนามว่า Monticello Jefferson Cuvee (2000)  ซึ่งก็ได้ซื้อมาเก็บไว้เช่นกัน.. จากคุณ : WIWANDA - [ 27 ก.พ. 50 12:54:58 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ขวดใหญ่มากเลยครับ.. จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 27 ก.พ. 50 15:04:18 ]

ความคิดเห็นที่ 45 อรุณสวัสดีคับผม จากคุณ : Nicky (Nic Nenin) - [ 28 ก.พ. 50 07:15:16 ]

ความคิดเห็นที่ 46 วันที่ 6 กันยายน 1782  คือวันที่ธอมัสต้องพบกับความเสียใจอย่างที่สุด เพราะ มาร์ธาภริยาสุดที่รักได้เสียชีวิตลงไป   เขาโศกเศร้าและเก็บตัวเงียบไม่สมาคมกับใครๆนานนับเดือนๆ  ในที่สุด ..เขายอมตัดสินใจเดินทางไปรับราชการในฝรั่งเศส  พร้อมกับการนำบุตรสาวคนโต Patsy ไปเข้าเรียนที่นั่นด้วย.. ส่วนลูกสาวอีกสองคน คือ  Polly และ Lucy Elizabeth นั้น ต้องฝากไว้กับครอบครัวของน้องชายในเวอร์จิเนีย การเดินทางนั้นเริ่มในวันที่ 5 กรกฏาคม 1784 ที่คณะกอร์ปไปด้วย ธอมัส..แพ๊ทซี่  และ เจมส์ เฮมมิ่งส์ คนรับใช้ที่รู้ใจ ลงเรือออกจากอเมริกามุ่งหน้าสู่ยุโรป.. ซึ่งใช้เวลาหนึ่งเดือนเต็มๆ พวกเขาได้ถึงท่าที่ Le Harve และ..เมื่อได้พักผ่อนในปารัสได้สามสี่วัน ธอมัสจึงได้เข้าเยี่ยมคำนับ ท่านเบนจามิน แฟรงคลิน ที่บ้านพักในชนบท เมือง Passy (ตอนนั้น แฟรงคลิน ได้มารับราชการอยู่ในฝรั่งเศสเช่นกัน) ซึ่งต่อมา..คนทั้งคู่ได้ไปมาหาสู่กันอย่างสนิทสนม  เพราะบ่อยครั้งที่ธอมัสใด้สั่งให้พ่อครัวของโรงแรมที่พักอยู่ จัดทำอาหารมื้อพิเศษสำหรับการรับรอง พร้อมไวน์..ที่เขากำลังให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ภาพ..Benjamin  Franklin [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : WIWANDA - [ 28 ก.พ. 50 08:12:00 ]

ความคิดเห็นที่ 47 หวัดดีค่ะ คุณวิโรจ คุณนิค ขวดไม่โตกว่าปรกติหรอกค่ะ เพียงแต่ถ่ายใกล้มาก.. อากาศที่นี้..ตอนนี้น่ารำคาญมาก ฝนตกทั้งวัน..เห็นว่าจะตกไปทั้งอาทิตย์แน่ะ.. เลยเช่าหนังมาดูเพียบไปเลย   จากคุณ : WIWANDA - [ 28 ก.พ. 50 08:48:31 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ไม่กี่วันต่อมา..วันที่ 10 สิงหาคม คือวันที่มีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่และครอบครัวได้เดินทางเข้ามาสมทบอีกหนึ่ง.. เขาคือ John Adams (ต่อมาคือประธานาธิบดีคนที่สอง) และ มาดาม Abigail พร้อมด้วยลูกสาว ที่มีชื่อเดียวกับมารดา คุณหนูแอบิเกล วัย 19 ลูกชาย John Quincy  วัย 17 (ต่อมาคือประธานาธิบดีคนที่ 6) ถ้าจะสงสัยกันว่า..กระทู้นี้มีประธานาธิบดีของอเมริกา(ในอนาคต)มารวมกันอยู่เป็นกระจุกในฝรั่งเศสนี่ทำไม... เพราะว่า  ตอนนั้นอเมริกาอยู่ในระหว่างการปลดแอกออกจากการที่เป็นอาณานิคมของอังกฤษ  จึงต้องหวังอิงกับมหาอำนาจทางยุโรป ซึ่ง ตอนนั้นคือ ฝรั่งเศสที่มีความมั่งคั่ง..และ ทรัพยากร เหล่านักการเมือง นักการทูตที่มีฝีมือ จึงไปรวมตัวกันอยู่ที่นั่น แน่นอนว่า เมื่อผู้หลักผู้ใหญ่อย่างครอบครัวอดัมส์มาถึง.. ก็ย่อมมีการเลี้ยงรับรองกันตามประเพณี งานได้จัดขึ้นที่บ้านท่านกงศุล Thomas Barclay  จากการบันทึกของคุณหนูแอบิเกล ที่เขียนไว้ว่า.. ...งานดินเนอร์ในคืนนี้เป็นอาหารฝรั่งเศสล้วนๆ ซึ่งทุกคนรักษามารยาทกันอย่างเข้มงวด  พวกสุภาพบุรุษไม่ใครนั่งเลย ทุกคนยืนตรงอย่างสง่างาม หรือ เดินไปมาตามห้องรับรองต่างๆ กลุ่มนายทหารทุกคนจะแต่งเครื่องแบบห้อยกระบี่ หนีบหมวกไหมอันเป็นเครื่องยศไว้ในซอกใต้แขนตลอดเวลา ยามที่นั่งโต๊ะ ก็จะเอามันมาวางไว้ข้างๆตัว และเมื่อลุกขึ้น ก็จะรีบเก็บขึ้นไปหนีบไว้อย่างเดิม.. บนโต๊ะอาหาร..จะนั่งสลับหญิงชาย คุยกันเบาแต่เฉพาะผู้ที่นั่งข้างๆ ไม่มีการคุยข้ามโต๊ะ..ทุกคนรักษากิริยาอันดี จะมีการหัวเราะต่อกระซิกบ้าง ก็หลังจากที่ไวน์หมดไปหลายแก้ว.. ในภาพ  John Adams จากคุณ : WIWANDA - [ 28 ก.พ. 50 09:32:59 ]

ความคิดเห็นที่ 49 อ่านอยู่นะคะพี่หวาน ภาพชัดแจ๋วแหววเหมือนได้ดูหนังเลยค่ะ (ดีใจที่ไปเยี่ยมห้องโน้นค่ะ) จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 28 ก.พ. 50 13:27:25 ]

ความคิดเห็นที่ 50 อ้อ..คุณเจเจไปเข้าคลาสด้วยนี่เอง...เอายังงี้..จะเล่าให้ฟัง ถึงประสบการณ์ของตัวเองในวงการไวน์ที่นี่ให้ฟัง.. เรื่องเกี่ยวกับการชิม และ การเรียน   ก่อนอื่นคนที่จะเข้ามาศึกษาเรื่องไวน์นี้ได้ มักจะมีพื้นฐานในการชอบไวน์ และ ผ่านการชิมมาบ้าง..หากแต่..มีปัญหาสารพัด  นั่นคือ 1. ไม่มีกลุ่มที่จะชิมด้วย..ไม่รู้จะหันหน้าไปคุยกับใคร 2. ซื้อทั้งขวด มาชิมคนเดียวมันก็เปลือง.. 3. อยากจะรู้ว่าเขาทำกันอย่างไร จากไหน ผู้ผลิตเป็นใคร 4. ควรจะทำตัวอย่างไรในสังคมไวน์ ที่ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป 5. รสชาติมันควรจะเป็นอย่างไร..เพราะขาดความมั่นใจในตัวเอง หลักใหญ่ๆก็มีอยู่ประมาณนี้..เลยขออยากจะมาเล่าสู่กันฟัง ว่าข้อต่างๆเหล่านี้..เกิดขึ้นในนักไวน์มือใหม่ทุกคน ที่มีทางแก้ที่ดีที่สุดคือ ...ไปหากลุ่มที่ชอบไวน์เหมือนกัน เพื่อการแลกเปลี่ยนความคิด และ ประหยัดค่าไวน์ไปได้โข คือ มีตัวหารมาช่วยมากขึ้น.. หรือ อีกทางหนึ่ง คือ การไปเข้าคลาสจากผู้รู้.. การเข้าคลาส..หลังจากภาคทฤษฏีผ่านไป ตรงนี้จะต้องเรียนก่อน ภาคนี้นานถึง 40-50 ชั่วโมง (แค่ปฐมบท) เพื่อให้ทราบถึงวิธีการผลิตไวน์โดยคร่าวๆ เมื่อถึงภาคปฏิบัติ...ทุกคนจะมีกระดาษสำหรับจด..พร้อมการชิมไวน์  ในช่วงนี้..จะต้องเงียบมาก..ไม่มีการเอ่ยถึง หรือการบรรยายใดๆทั้งสิ้น... เพราะว่า..ผู้สอน..ต้องให้เสรีทางความคิด  ไม่มีการชี้นำ หรือ ชี้แนะ   เนื่องจาก...ต่างคนต่างจะได้กลิ่นที่ไม่เหมือนกัน ได้อย่างไรก็จดไปอย่างนั้น..ซึ่งนั่นเป็นสิ่งดี จากคุณ : WIWANDA - [ 1 มี.ค. 50 01:22:29 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ก่อนเข้าคลาส ไม่ควรทานอาหารไปจนอิ่ม..ปล่อยให้ท้องหลวมๆ  เพราะว่า ต่อมรับรสทุกต่อมในปากจะทำงานเต็มที่ และในการชิม..ควรมีอาหารว่างเล็กๆน้อยๆ ประกอบการชิมไปด้วย (เลยเล่าไว้แล้วว่าจะพกขนมปังจืดติดตัวตลอด ในการที่จะออกไปในงานชิมไวน์) กลิ่นของไวน์ หรือ ที่เราเรียกว่า Aroma  ไม่จำเป็นต้องไปเหมือนหรือไปพ้องกับคนอื่นๆ..อาจจะห่างไกลกันสุดโต่ง.. แบบว่าราวกับเป็นไวน์คนละชนิดก็ช่าง.. มันขึ้นอยู่ว่า เราชอบมันหรือไม่.. และไม่ต้องกังวลว่า..ทำไมจมูกรับกลิ่นของเราไม่เหมือนกับเขา..เคยบอกหลายหนแล้วว่า พี่น้องท้องเดียวกันยังไม่เหมือนกันเลย..นับประสาอะไรกับจมูกคนอื่น และยิ่งสมองไปกังวลกับการหากลิ่นให้เหมือนชาวบ้าน สมาธิจะหมดไป..ความไม่มั่นใจก็จะกลับคืนมาเหมือนเดิม เท่ากับว่า..การเรียนนั้น คือ สูญเปล่า แต่เมื่อมีการพัฒนาในการชิม และ การดมบ่อยๆโดยใช้สติเป็นที่ตั้งมั่น..เราจะเริ่มรู้สึกถึงกลิ่นที่ออกหวาน  ออกเปรี้ยว  ออกเผ็ด  ออกเครื่องเทศ....ซึ่งตรงนี้มันจะ"มาเอง"ด้วยประสบการณ์ โดยที่สมองไม่ได้สั่ง.. ไวน์เป็นของที่ประหลาด บางวันที่ปลอดโปร่ง..กลิ่นทุกชนิดในไวน์จะได้หมดเลย... (ทั้งๆที่ไม่ใช่แพงมากมาย)   บางที..เปิดไวนดีเด็ดดัง..ราคาแพง แต่..มันไม่มีกลิ่นหอมให้สมราคาดังที่ควรจะเป็น   ตรงนี้..สาเหตุไม่ใช่เพราะจมูกเราเสมอไป..หากแต่เป็นเพราะ ไวน์นั้นเป็นไวน์ที่เราได้ทำการพรากผู้เยาว์  อันหมายถึงเป็นไวน์ที่ยังไม่ถึงกำหนดที่ควรดื่ม  คือ บอร์คโดซ์ และ เบอร์กันดี ที่ต้องการเวลาหมักบ่มในขวด นานพอสมควร  ตรงนี้เราเรียกว่า..ไวน์ปิด หรือ closed และนี่คือสาเหตุที่บอกเสมอๆว่า..ถ้าอยากจะกินไวน์ดีๆราคาแพงเป็นหมื่นๆ ก่อนเวลาอันสมควรแล้วละก้อ เสียของอย่างที่สุด... ไปซื้อไวน์ราคา 7-800  มากินดีกว่า.. จากคุณ : WIWANDA - [ 1 มี.ค. 50 01:55:08 ]

ความคิดเห็นที่ 52 เล่ามาถึงตรงนี้..ก็อาจจะมีคนเถียงได้ว่า..แล้วทำไมเกจิที่เขียนเรื่องไวน์ถึงได้บอกว่า มันน่าจะมีกลิ่นวานิลา กลิ่นเครื่องเทศ  กลิ่นหนัง..กลิ่นน้ำตาลไหม้..กลิ่นกาแฟ..กลิ่นใส้ดินสอ กลิ่นพวกนี้มีจริงๆ..แต่คุณอาจจะได้เป็นกลิ่นสาบ (ที่เขาว่าเป็นกลิ่นหนัง) หรือ กลิ่นช๊อคโกแล๊ต (คือ น้ำตาลไหม้ผสมกาแฟ)  หรือ กลิ่นกานพลูปนก้านโป๊ยกั๊ก (คือกลิ่นเครื่องเทศ) กลิ่นพวกนี้มาจากไหน..ก็มาจากถังโอ๊คที่ใช้หมัก ซึ่งในปัจจุบัน แม้แต่การใช้โอ๊คสงเคราะห์ ก็มีกลิ่นพวกนี้เช่นกัน ซึ่งกลิ่นที่อีลุ่ยฉุยแฉกมาก.. ขอยกตัวอย่าง..ถ้าเป็นผู้ที่มีความรู้เรื่องไวน์ดีพอ..เขาจะไม่ต้องใช้สมาธิมากมายในการชิม เพราะว่า ไวน์หลายๆชนิดมันมีกฏตายตัวให้เป็นแนวทางอยู่แล้ว..ว่า.. ถ้าชิมไวน์ฝรั่งเศส  ก็ไม่ต้องไปหาอะไรอื่นใด นอกจาก ถิ่นที่ปลูกองุ่น กับปฏิกิริยาจากถังที่ที่ใช้ นั่นก็คือ โอ๊คฝรั่งเศส..ซึ่งจะมีกลิ่นเฉพาะตัวคือ  กลิ่นที่นุ่มนวล หอมเรื่อยๆ หอมไม่เสร็จ  และให้แทนนินส์ในเนื้อไวน์มากกว่า (ถึงต้องบ่มกันนานไง) ซึ่งกว่าจะดื่มหมดขวด จะได้สารพัดกลิ่นตามเวลาที่เนื้อไวน์ได้สัมผัสกับประมาณที่เพิ่มขึ้นของอ๊อกซิเจน แต่ไวน์ที่หมักด้วยถังโอ๊คอเมริกา  จะหอมโฉ่งฉ่าง กลิ่นแรง..และการรมไม้ให้แห้งก็ต้องใช้ไฟรนที่แรงกว่าปรกติ จึงทำให้เกิดกลิ่นควัน หรือ ที่เรามักจะได้ยินว่า กลิ่นมะพร้าวคั่ว..หรือ วานิลลา... หรือไวน์จากสเปน  ส่วนใหญ่ใช้ถังจากอเมริกา หรือ ไวน์จากอิตาลีที่ใช้ลูกผสม ถังจากอเมริกามั่ง จากสโลเวเนีย และ ฮังการีมั่ง  แต่ชนิดที่แพงๆสุดโต่งนั่น เขาใช้ถังจากฝรั่งเศส.. ประเทศอื่นๆในยุโรปที่ผลิตถัง ก็ยังมีคือ โรเมเนีย และ รัสเซีย  ที่ยังถือว่าอยู่ในสภาพเกือบดี เนื่องจากฝีมือยังไม่เป็นน่าไว้วางใจ  บางล๊อตดี บางล๊อตยังใช้ไม่ได้ เลยยังไม่เป็นที่นิยม.. ส่วนโอ๊คเยอรมัน..เนื้อแน่นจนเกินไป.. ที่มาแรงกำลังแซงโค้งนั้น คือ ถังโอ๊คจากแคนาดา ที่กำลังเป็นที่นิยม แต่อย่างไรก็ตาม..ไวน์ที่ดีนั้น..กลิ่นโอ๊คย่อมต้องไม่ "กลบ" กลิ่นหอมของเบอร์รี่ หรือ กลิ่นองุ่นในไวน์ โอ๊คทำหน้าที่เป็นพระรองเท่านั้น..ไม่ใช่พระเอก.. ในภาพ คือ..การรมไฟของถังโอ๊คอเมริกัน  ที่โรงงานในนาปา..เห็นไฟลุกโชนขนาดนั้น..ได้กลิ่นมะพร้าวคั่วติดจมูกขึ้นมาทันที.. แก้ไขเมื่อ 01 มี.ค. 50 02:56:15 จากคุณ : WIWANDA - [ 1 มี.ค. 50 02:52:07 ]

ความคิดเห็นที่ 53 และบางคนอาจจะสงสัยว่า..แล้วทำไมเกจิบางท่านถึงได้ ตั้งอกตั้งใจดมมันไปเสียหมด..ไม่ว่าไวน์ดีมีชื่อเสียง หรือ เป็นไวน์ริมทาง.. ตอบให้ได้เลยค่ะ  เขาต้องการ challenge และ ทดสอบความสามารถของไวน์เมธีของไวน์นั้นๆ.. เพราะว่า..เรื่ององุ่นนั้นเป็นเรื่องที่โกหกกันไม่ได้ พันธ์นั้น..ก็ชัดเจน..ไม่ว่าจะเป็น น้องซิน น้องแคบโซ หรือ น้องโลต์ ทีนี้เรื่อง แทร์วาร์  ก็รู้ๆกันแจ้งแก่ใจ.. ต่อด้วยเรื่องความเก๋าขององุ่น..ที่มีอายุเพียง แปดปี สิบปี ยังถือว่าเป็นไวน์รุ่นกระทง..ที่ก็เหมือนกับเด็กซนๆคนหนึ่ง มีพลังเยอะ..ขยันโต..ใบดกลูกดก  แต่..ยังไม่คุณภาพหมายถึงยังไม่หวานได้เต็มที่..เหลือรอดปากเหยี่ยวปากกามาได้พอสมควร เพราะนกไม่ค่อยชอบ.. ผิดกับองุ่นเถาเก่า..ที่มีอายุสี่สิบห้าสิบปี ก็เหมือนคนแก่ที่มีฝีมือทำอะไรก็อร่อย  แต่ ทำไม่ได้เยอะ..เถาหนึ่งจะมีองุ่นเพียงไม่กี่ช่อ..แถมนกจ้องแต่จะจิกกินอีก.. นอกจากเรื่องแทร์วาร์แล้ว..อายุขององุ่นก็เป็นเครื่องช่วยในการตัดสิน..แต่ยังก่อน..ยังไม่ใช่แค่นั้น คนแก่..บางรายก็ใช่ว่าจะดีไปเสียหมด  ที่งอแง ก็มี.. องุ่นเก่าๆบางทีก็ขี้โรค..หลงลืมออกลูกก็มี.. ดังนั้น..ในไร่ที่พิถีพิถันจริงๆ..พอองุ่นอายุถึงแก่กาล เขาก็ เลาะทิ้งหมด  ปรับพื้นดิน..ปลูกใหม่..รอไปอีกห้าหกปีกว่าจะออกดอกออกผลให้ทำไวน์กันใหม่.. ซึ่งการหมุนสลับปรับเปลี่ยนนี้ ไวน์เมธีคือผู้ที่จะทำการตัดสินใจว่าจะแก้ไขและผสมอะไร..หรือใช้เวลาการหมักเท่าไร   ด้วยโอ๊คใหม่เอี่ยมหรือระดับกลาง หรือไวน์ในพื้นที่ใหม่ๆ จากไร่โนเนมในพื้นที่แถบนาปาเอง ก็ยังต้องระวัง..เนื่องจากในอดีต นาปาเป็นพื้นที่ที่ทิ้งรกร้างมานาน ต้นไม้ที่ขึ้นมากทั่วไปนั้นคือ ต้นโอ๊ค ที่จะมีใบหล่นหมักหมมใต้ต้นมานานและซ้ำๆกันทุกปี ทำให้ดินเกิดมีเชื้อรา หรือที่เรียกว่า Armillaria ที่มันได้เกิดขึ้นอย่างแพร่หลายในท้องที่ทำไวน์ในแคลิฟอร์เนียนี่เอง ดังนั้น..การใช้สารเคมีเพื่อฆ่าเชื้อโรคอย่างเกินขนาด..เพื่อที่จะได้ปลูกองุ่นได้อย่างปราศจากพิษภัย เป็นที่กังขาในกลุ่มผู้บริโภคไวน์  จึงเริ่มมีคำถามตามขึ้นมาอย่างหนาหู.. จึงได้เกิการประกันความเชื่อถือ จากไร่หลายๆไร่(ที่มีทุน) อย่าง..ไร่ของ Grgich Hills (อ่านว่า เกอจิช ฮิลส์  เขียนถึงแล้วในกระทู้ต้นๆ)  ที่เจ้าของไร่คือ มิลเชงโก..ที่ได้ปรับปรุงผืนดินทั้งหมด ด้วยระบบ Biodynamic  นั่นคือ ใช้ปุ๋ยธรรมชาติล้วนๆ..รวมทั้งส่วนสำคัญคือ มูลและกระดูกสัตว์  ที่ใช้วิธีนำเขาวัวเขาควาย มาอัดให้แน่นด้วยมูลสัตว์และนำไปฝังดิน   ...วิธี ไบโอไดนามิค นี้..เกิดขึ้นมาในปี 1924 จากนักวิทยาศาสตร์ชาวออสเตรียน นามว่า Rudolf Steiner ที่เชื่อในการใช้ระบบปลอดสารเคมีกับการปลูกองุ่น  ปุ๋ยธรรมชาติดังกล่าวนี้..มีส่วนสัมพันธ์กับระบบจักรวาลตราบใดที่ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ยังมีอิทธิพลต่อสิ่งมีชีวิตในโลกมนุษย์ และ วิธีนี้จะเป็นการถนอมดินให้อยู่คงทน  ทำให้ดินมีสารอาหารสำหรับการผลิตองุ่นชั้นดี ปัจจุบัน..มีหลายไร่ที่ยอมทุ่มทุนในการทำไวน์แบบ Biodynamic  เพื่อเอาใจตลาด ในภาพคือ เขาสัตว์ที่อัดแน่นไปด้วยมูลวัว ควาย จากคุณ : WIWANDA - [ 1 มี.ค. 50 05:24:30 ]

ความคิดเห็นที่ 54 แวะมาสวัสดียามค่ำครับ ยุ่งสุดๆเลยครับช่วงนี้ เพราะมีแผนว่าจะกลับเมืองไทยอาทิตย์หน้าพอดีเลย งานการต้องเร่งให้ทันเส้นตาย แถมต้องมีไปงานประชุมต่างเมืองอีก เลยหายหน้าหายตาไปพักหนึ่งครับ นี่เลยได้กลับมาค่อยๆตามอ่านอีกครั้งนึง ขอบคุณสำหรับลิงค์ครับ ชอบประโยคเปิดจริงๆ Life is hell without Zinfandel ไว้ค่อยๆไล่อ่านไปเรื่อยๆครับ จากคุณ : LaGrandeRue - [ 1 มี.ค. 50 06:26:06 A:80.171.96.19 X: TicketID:105596 ]

ความคิดเห็นที่ 55 เรื่องกลิ่น Aroma นี่จมูกใคร จมูกมันจริงๆ ด้วยครับ แต่หากจะใช้ Aroma Wheel เพื่อช่วยเปรียบเทียบกลิ่นที่พึงจะได้รับ จะทำให้เราขาดจินตนาการหรือปล่าวครับ กลิ่นผลไม้ตระกูลเบอร์รี่นี่ ถึงผมจะพยายามเกือบครบทุกชนิด ดมมันทั้งที่สดขี้นในป่า และที่วางขายเป็นเข่งเล็กๆ ในตลาด ก็ยังสับสนกับชนิดของมันทุกที ยิ่งกลิ่นที่ว่านี้ไปอยู่ในไวน์ด้วยแล้ว ไปกันใหญ่ครับ... ภาพ Aroma Wheel จาก www.turningleaf.com เขามีให้ดูด้วยว่า องุ่นพันธุ์ไหนควรได้ Aroma อะไรบ้างด้วยครับ... เสริมความมั่นใจ ว่าดมได้ถูกทางครับ http://www.turningleaf.com/LinkedFiles/Tools/AROMA.htm [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : Einswasser - [ 1 มี.ค. 50 06:40:57 ]

ความคิดเห็นที่ 56 สวัสดีค่ะ คุณสองหนุ่มสองมุม..สายเยอรมัน ที่มักจะเข้ากระทู้มาพร้อมๆกันเลย.... Aroma Wheel  มีประโยชน์สำหรับการจัดหมวดหมู่ของกลิ่น  แต่ต้องมีความรู้เรื่องไวน์ด้วยค่ะ  ขอยกตัวอย่าง เช่น sauvignon blanc (ในวงล้อ) นั้นหลุดอยู่ในกลุ่ม woody จะมีคำ oak, vanilla แซมอยู่ด้วย.. ถ้าคนไม่รู้...ก็จะแห่กันไปดมหาในไวน์นี้กันใหญ่.. ไม่มีหรอกค่ะ ใน โซวิญอง บลอง ธรรมดาๆน่ะ เพราะเขาหมักในถังสเตนเลส.. ยกเว้น...เป็นไวน์ sau/bl จากฝรั่งเศส คือ จาก Loire Valley ที่ใช้ชื่อต่างๆดังนี้..Sancerre, Pouilly Fume, Touraine Sauvignon, Menetou-Salon, Coteaux du Giennois, Quincy, และ  Reuilly หรือกลุ่ม White Bordeaux ก็จะมีกลิ่นที่ว่านี้ละค่ะ.. ส่วนของนาปา..ถ้าเป็นไวน์ชนิดนี้ แต่ใช้หมักในถังโอ๊ค (มักจะแค่ 50-60 % เท่านั้น)  เขาจะเรียกชื่อให้แปลกออกไป ว่า Fume Blanc  คนที่คิดตั้งชื่อนี้มาเป็นคนแรก คือ Robert  Mondavi ที่กำลังมาแรงในปัจจุบันนั้นคือ ไวน์โซวิญอง บลอง จากประเทศนิวซีแลนด์ ที่กำลังผลิตเป็นล่ำเป็นสัน บางที่ใช้ระบบฝรั่งเศสเปี๊ยบ คือ หมักในถังโอ๊ค รสชาติดีมาก เช่น Cloudy Bay  เล่นเอาทำให้ชื่อเสียงของประเทศนี้ติดอันดับทำเนียบแหล่งผลิตไวน์(ที่ได้ผลดี) ไปแบบลอยลำ อยากรู้ม๊ะ..ว่าตอนนี้ใครเป็นเจ้าของ.. แอ่น..แอ๊น..คือบริษัทยักษ์ใหญ่จากฝรั่งเศส นั่นคือ LVMH (Louis Vuitton Moet Hennessy) แก้ไขเมื่อ 01 มี.ค. 50 10:08:18 จากคุณ : WIWANDA - [ 1 มี.ค. 50 10:06:21 ]

ความคิดเห็นที่ 57 มิน่าละคะ นกถึงชอบไวน์อเมริกัน ก็นกชอบกลิ่นวนิลามากค่ะ อยู่บ้านก็จุดเทียนวนิลาด้วยค่ะ บางทีหาเทียนวนิลาไม่ได้ก็เอาวนิลาที่ใส่ขนมมาใส่เตาน้ำมันหอมระเหยค่ะ สำนวนนี้ตลกจังค่ะ "ไวน์ที่เราได้ทำการพรากผู้เยาว์  " ติดคุกด้วยป่าวเนี่ย เที่ยวนี้เหมาะสำหรับ winenovice ดีจังเลยค่ะ เลยอ่านอย่างละเอียด ขอบพระคุณค่ะ (ไม่งั้นจะอ่านข้ามๆ ค่ะ แหะๆ ก็นกอ่านไม่รู้เรื่องนี่นา) จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 1 มี.ค. 50 12:18:07 ]

ความคิดเห็นที่ 58 สวัสดีอาวิ และทุกๆท่านครับ ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ อาวิ คลาสที่สองที่เพิ่งผ่านมา อ.ไพรัช สอนถึง กายะของไวน์ ประกอบด้วย acid    แอลกฮอลล์   sugar   tanin สอนให้ดูอายุของไวน์ ให้ดูว่าไวน์ตัวนี้พร้อมดื่มหรือยัง อายุประมาณไหน อยู่ในช่วงไหนของชีวิต สอน กลิ่นต่างๆที่ควรจะได้จาก พันธ์องุ่น ไวน์ตัวนี้มาจากเขต ร้อน หรือ เย็น และให้ชิมปฎิบัติไปในตัว กับการที่มี ไวน์แดง สามขวด มาให้ ดู ดม อม กลืน โดยหุ้มขวดมา blind test  ( เนื่องจากเรียนกันแค่ หกคลาส คลาสละประมาณ สามชั่วโมง มากน้อยแล้วแต่ การถามของนักเรียน ) อ.ไพรัช ไม่ปิดกั้นความคิดของนักเรียนคับ ( ซึ่งตอนแรกผมยังงงๆอยู่นึกว่ากลิ่นมันจะตายตัว เป๊ะๆ จนได้เรียนและได้อาวิแจงให้ฟัง จึงถึงบางอ้อหนะครับ ) หากได้กลิ่นอะไร หรือ คิดว่าเป็นองุ่นอะไร อายุเท่าไหร่ อยู่ช่วงไหนของชีวิต โอ้กอะไร ก็ให้ตามความคิดของผู้เรียน ตอนสุดท้ายถึงมาเฉลยให้ฟังว่ามันเป็นอะไร การเรียนการสอนสนุกมากคับ ได้ความรู้ต่างๆมากมาย คลาสหน้าก็วันจันทร์คับ   ให้ทุกๆท่าน ทานไวน์ให้อร่อยนะครับ แก้ไขเมื่อ 01 มี.ค. 50 13:11:21 จากคุณ : jearjear - [ 1 มี.ค. 50 12:38:23 ]

ความคิดเห็นที่ 59 สวัสดีครับ.. และขอบคุณคุณ อาวิวันดาครับ สำหรับลิงค์ WS video ให้ความรู้ แถมสนุกกว่า  Gary V อีกครับ จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 1 มี.ค. 50 12:54:58 ]

ความคิดเห็นที่ 60 อ่านเรื่อง ธอมัส แล้ว ก็ นึกถึง หนังเรื่อง The Patriot ไปด้วย จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 1 มี.ค. 50 12:58:06 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ก็รุ่นเดียวกับสมัยหนังเรื่อง The Patriot  นั่นแหละค่ะ.. ดีใจจริงที่คุณพ่อหมีตอบมาว่าดูวีดีโอได้.. งั้นก็เลยจะเอาเรื่องอื่นๆมาแปะไปตามลำดับ.. อันนี้คือ เรื่องของการตัดคอขวดแชมเปญด้วยดาบ เพราะเคยพูดถึงแล้วในกระทู้ต้นๆ..(และมีคลิปอื่นๆด้วย) http://link.brightcove.com/services/link/bcpid315932961/bclid336121980/bctid372179402 ต่อด้วยการชิมไวน์ barrel samples ของบอร์คโดซ์ http://link.brightcove.com/services/link/bcpid353537844/bclid236147749/bctid229524240 หวังว่าคงเปิดได้.. จากคุณ : WIWANDA - [ 1 มี.ค. 50 14:10:54 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ว้าว!! ตื่นเต้นจังเลยค่ะตอนเปิดด้วยดาบนโปเลียน คนเปิดก็เท่จังเลยค่ะ ถึงเขาจะห้ามทำเองที่บ้านแต่นกก็อยากจะเอาอีโต้ลองดูบ้างค่ะ อิอิ จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 1 มี.ค. 50 22:32:32 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ตามอ่านอยู่ครับ  -_- '' จากคุณ : BongKoch - [ 1 มี.ค. 50 22:55:27 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ดูสามคลิป ที่พี่วิแนะนำรวดเดียวเลยครับ แถมตามด้วยคลิปอื่นๆต่ออีก เพลินจริงๆ จากคุณ : LaGrandeRue - [ 2 มี.ค. 50 05:53:55 A:80.171.97.13 X: TicketID:105596 ]

ความคิดเห็นที่ 65 สวัสดีตอนเช้าค่ะคุณวิ ..... และทุกๆท่าน ตื่นเช้ามาฟังเรื่องพระราชจริยาวัตรของพระราชบิดา เมื่อครั้งประทับเป็นแพทย์อยู่ที่เชียงใหม่ (อสมท ๘ โมง หลังเคารพธงชาติค่ะ) น่าสนใจมากค่ะ เลยพลอยนึกไปถึงว่าพระองค์ทรงมีคุณสมบัติของนักมานุษยวิทยา cultural antropologist และคุณสมบัตินี้ปรากฏชัดในองค์พระเจ้าอยู่หัวล้นเกล้าฯองค์ปัจจุบันของเราด้วย ..... เช้านี้ได้ทบทวนอ่านที่คุณวิอธิบายเรื่องกลิ่นด้วยความขอบคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ โดยเฉพาะ Sauv/Blc โซวิยอง บลอง ค่ะ ที่ญี่ปุ่นมีไวน์ขาวแพงๆหลายตัวเลยค่ะ ของ..... ?ฝรั่งเศส ไม่แน่ใจแอเรียไหน  แต่รู้สึกตัวเองจะมี stereotype ไปแล้วว่า ไวน์ขาวไม่น่าแพง หยิบใส่ตะกร้ามา ไม่ทันดู พอถึงเเคชเชียร์ ตัดสินใจหยิบออก ... คุณวิคะ เรื่องเกร็ดเล็กๆน้อยๆใน ปวศ ที่คุณวิเล่ามา เช่น เรื่องส่วนตัวของ ปธน โทมัส หรือบันทึกงานเลี้ยง ... น่าสนใจมากค่ะ เพราะทำให้เราเห็นภาพ ความเป็นอยู่ หรือ ความรู้สึก และ ชีวิตจริงๆ ของผู้คนระดับอีลีท ของประเทศผู้นำต่างๆ .... ไม่ใช่จะไปเปิดหนังสือเล่มนึงแล้วจะหาอ่านได้เลย .... จึงขอบคุณค่ะที่หยิบยก จุดเหล่านี้มาเล่าสู่ .... เรื่องไปเรียน ... คุณเจียร ส. วิฯ เล่าได้ครบถ้วนดีมากเลยค่ะ  คลาสต่อไปจันทร์ที่ ๕ มี.ค. ค่ะ เราได้ชมภาพเกี่ยวกับเขตปลูกองุ่นบน (Mt.) ภูเรือ จว. เลยด้วยค่ะ เขตที่ทาง GIS จีไอเอส ? (ถ้าเรียกผิด ท่านผู้ใดช่วยท้วงด้วยค่ะ) ฝรั่งเศสกำลังจะ recognize ให้เป็น ... เอ่อ ... (กลัวเรียกผิด ....) terroir ? ได้เห็นภาพลักษณะดินที่อุดมสมบูรณ์ ด้วยมิเนอราลต่างๆ และอากาศที่หนาวยะเยียบ จนสามารถผลิต ไวน์หวานได้ ไวน์หวานที่ออกมา มีกลิ่น สี ที่มีลักษณะเฉพาะมากๆเลยค่ะ อร่อย หอมไปอีกแบบนึง แตกต่างจาก โซแตนโดยสิ้นเชิง คือวันนั้น หลังจากเรียนได้ชิม คู่กับ Sauternes, Chateau Clos Haut Peyraquey, 1999 ถ้าได้ทานคู่กับของหวานไทยๆ แบบ ขนมเปียกปูน ทองหยิบ ข้าวตู อะไรทำนองนี้ น่าจะอร่อยมากค่ะ ..... แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 50 23:13:23 แก้ไขเมื่อ 02 มี.ค. 50 09:10:27 จากคุณ : nijja - [ 2 มี.ค. 50 08:41:50 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ยินดีนะคะ ที่คุณนิจชอบอ่าน  เพราะเรื่องนี้จะว่ากันจริงๆ อาจน่าเบื่อสำหรับคนบางคน..แต่ดิฉันชอบอ่านมาก มีตัวละครเยอะ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลสำคัญทั้งนั้น.. นี่ก็ตัดๆออกไป  ย่นย่อเอาแต่เรื่องของส่วนที่สำคัญ เชื่อกันไหมว่า..เหล่านักการเมืองที่อเมริการะดมส่งไปประจำตำแหน่งต่างๆนั้น ไม่มีใครพูดภาษษฝรั่งเศสได้เลย ต่างต้องจ้างล่าม..ธอมัสก็เช่นกัน.. แต่โชคดี ที่เมื่อครั้งเขาทำสำนักทนายความที่เวอร์จิเนีย เขามีทนายความหนุ่มวัย 25 คนหนึ่งที่จงรักภักดี และ เลื่อมใสเขามาก ชื่อว่า William Short  ถึงขนาดติดตามมาอยู่ด้วย ในช่วงปลายปี เพื่อมาขอรับใช้ในฐานะเลขนุการส่วนตัว เมื่อวิลเลี่ยมมาถึง และได้เห็นปัญหาในเรื่องภาษา..ที่จะพึงมีแก่เจ้านาย   เขาขอย้ายไปอยู่กับครอบครัวชาวฝรั่งเศส เพื่อที่จะฝึกเรียนภาษาให้อ่านออกเขียนได้ ในระยะเวลาอันสั้น.. ธอมัส..น่าจะเป็นคนที่มีเสน่ห์พอตัว เพราะว่า ใครต่อใครต่างชื่นชม และ ชอบที่จะคบค้าด้วย.. อย่าง John Quincy  บุตรชายของจอห์น อดัมส์ ที่ติดธอมัสแจ..ไปไหนไปด้วย..จนกระทั่ง จอห์น ต้องเขียนโน๊ต มาถึง ว่า.. "ว่างๆ ก็ช่วยบอกให้ลูกชายแวะมาเยี่ยมผมมั่งนะครับ.. ไม่เจอหน้ามันมาหลายวันแล้ว" ภาพ ..John Quincy  (เป็นลูก ปธน...ที่มาเป็นประธานาธิบดี นับว่าเป็นคนแรกที่เจริญรอยตามพ่อ) จากคุณ : WIWANDA - [ 2 มี.ค. 50 11:34:59 ]

ความคิดเห็นที่ 67 อ่านแล้วนึกถึงเรื่องนี้หนะครับ god and general http://www.imdb.com/title/tt0279111/ จากคุณ : jearjear - [ 2 มี.ค. 50 12:01:52 ]

ความคิดเห็นที่ 68 การพบปะสังสรรระหว่างสองสามครอบครัวนี้เป็นไปอย่างสม่ำเสมอ  ทุกครั้งธอมัสจะต้องเป็นคนนำไวน์ไปเปิด เพราะในช่วงนั้น..ไม่ว่าใครๆต่างก็หลงไหลกับไวน์จน ลืมวิสกี้เจ้าเก่าไปอย่างหมดสิ้น.. ในวันที่ 2 พฤษภาคม ได้มีการปรับเปลี่ยนครม. เอ๊ย.. ไม่ช่าย..ได้เกิดมีการแต่งตั้งตำแหน่งกันใหม่จากสภาในกรุงวอชิงตัน..เพราะท่านเบนจามิน พ้นวาระในการปฏิบัติหน้าที่..จอห์น อดัมส์ ได้รับการโยกย้ายให้ไปเป็นผู้แทนรัฐบาลแห่งเซนต์ เจมส์ (คนแรกในประวัติศาสตร์) และ ธอมัส..เลื่อนขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทนอดัมส์ ในฝรั่งเศส การเตรียมตัวเก็บของลงเรือไปอังกฤษนั้น อดัมส์ได้ให้ธอมัสจัดการสั่งซื้อไวน์ให้ส่งตามไปด้วยเป็นจำนวนมากถึง 500 ขวด.. ทันที่ที่เขาและครอบครัวถึงลอนดอน ในวันที่ 26 พฤษภาคมนั้น..ก็ได้รับทราบข่าวว่า ไวน์ที่มีระบุในบัญชี(ที่จะตามมานั้น) จะต้องเสียภาษีขวดละ 6-8 ชิลลิง แม้แต่ทูต หรือ ข้าราชการกระทรวงต่างประเทศก็ไม่มีเอกสิทธิแต่ประการใด... เล่นเอาอดัมส์ รีบติดต่อธอมัสขอให้ระงับการส่งโดยด่วน.. แต่ช้าไป..เพราะเมื่อจดหมายมาถึง..ไวน์ได้ออกจากท่าเรือไปแล้ว.. จากคุณ : WIWANDA - [ 2 มี.ค. 50 12:22:22 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ชอบมากค่ะ คุณวิ .... ถึงตอนระทึกใจ .... จะแก้ปัญหาอย่างไร .... หรือต้องยอมเสียภาษีโหด .... จากคุณ : nijja - [ 2 มี.ค. 50 12:38:13 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ยังติดตามอยู่ครับ คุณอาวิ ... แบบว่าอ่านทีเดียว มันเต็มอิ่มดีครับ เห็นคุณอาพูดถึงอายุไวน์  Thomas Jefferson   เปรียบมิตรภาพกับไวน์ได้ดีเลยครับ I find friendship to be like wine, raw when new, ripened with age, the true old man's milk and restorative cordial. ภาพ  William Short  ( จาก monticello.org ) จากคุณ : sofatboy - [ 2 มี.ค. 50 12:47:30 ]

ความคิดเห็นที่ 71 อ๊ะ ทางนู้นส่งไวน์มาแล้ว แต่ทางนี้ไม่อยากได้ของ เพราะภาษีมหาโหด.... คุ้น ๆ แฮะ... จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 2 มี.ค. 50 13:46:04 ]

ความคิดเห็นที่ 72 กำลังสนุกเลยครับ โปรดติดตามวันพรุ่งนี้ จากคุณ : jearjear - [ 2 มี.ค. 50 21:41:28 ]

ความคิดเห็นที่ 73 แวะมาสวัสดีครับ จากคุณ : Phantom of the Cellar - [ 2 มี.ค. 50 22:33:34 ]

ความคิดเห็นที่ 74 รอคอยด้วยใจระทึก PS.เริ่มอ่านหนังสือแล้วครับ จากคุณ : Master_Indy - [ 2 มี.ค. 50 23:14:39 ]

ความคิดเห็นที่ 75 สวัสดีตอนเช้าค่ะ.. ก่อนไปตีกอล์ฟ (วันนี้มีนัด)  เข้ากระทู้มาซะหน่อย.. เพราะเชื่อว่ามีคนอยากรู้ (อิอิอิ) ว่า เสนาบดีชั้นผู้ใหญ่จะเสียภาษีไหม.. เสียค่ะ..ต้องยอมเสียในล๊อตแรกที่ส่งมาแล้ว.. แต่ปัญหาไม่ได้มีเท่านั้น..ปรากฏว่า ทั้งอดัมส์ และ ธอมัส ได้ไปสั่งไวน์กั๊กไว้เป็นจำนวนมาก  มีทั้งอยู่ในสภาพถัง (60 แกลลอน ที่นับได้เท่าจำนวน 215 ขวด) และในสภาพขวด  รวมทั้งพอร์ต  Madeira อีกมากมาย อดัมสพอเสียภาษีล๊อตแรกไป..ก็รีบเขียนจดหมายมาอ้อนวอนธอมัสเป็นการใหญ่ว่า "ไวน์ที่ซื้อไว้นั้น..คุณช่วยกรุณานำไปขายให้หน่อยได้ไหม เอาคราคาถูกๆก็ได้ หรือถ้าคุณอยากจะได้ไว้..ก็คิดราคาให้ตามสมควร..ก็ไม่เป็นไร..อ้อ. แล้วเพื่อนคุณล่ะ.. ผู้จัดการโรงแรมคนนั้นน่ะ..เขาสนใจจะซื้อบ้างไหม ช่วยถามหน่อยนะ" จดหมายฉบับนี้ แสดงว่าอดัมส์เดือดเนื้อร้อนใจจนนั่งไม่ติดเชียว.. ธอมัส..ได้วิ่งติดต่อจนขาขวิดเช่นกัน เพราะเรื่อง protocolแบบนี้  อเมริกาในฐานะประเทศใหม่ รัฐบาลใหม่ ยังไม่ประสีประสา.. จนในที่สุด..ก็เริ่มรู้จักกลไกทางการทูตดีขึ้น และเริ่มเล่น"เป็น"  นั่นคือ ธอมัสต้องส่งไวน์ทั้งหมด ตรงไปให้กับ ทางกงศุลอเมริกาประจำเมือง Rouen (ตอนเหนือของฝรั่งเศส)  และ ท่านกงศุล คือ นาย Anthony Garvey จะส่งไวน์ของอดัมส์ไปยัง สถานทูต(อเมริกา)ในอังกฤษ ซึ่งหมายถึงเป็น ของใช้ในราชการ.. ไม่ใช่ส่วนตัว.. เห็นม๊ะ..แค่นี้ก็เล่นไม่ยาก..ปัญหาเรื่องการส่งไวน์ให้กับอดัมส์จึงหมดไปด้วยประการละฉะนี้.. จากคุณ : WIWANDA - [ วันมาฆบูชา 00:39:52 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ธอมัสมีความสนใจเรื่องไวน์อย่างจริงๆจังๆ เขาได้คนทำงาน นามว่า Marc  ที่มีหน้าที่ดูแลการซื้อและเก็บไวน์กว่า 700 ขวด ในเซลล่าร์ส่วนตัว..มาร์ค ทำงานแค่สองปี 1784-85 ถูกไล่ออกในปี 86 เพราะว่า..แอบขโมยไวน์ เขาจึงติดต่อกับนาย John Bondfield  กงศุลอเมริกาประจำบอร์คโดซ์ ให้ช่วยเป็นธุระจัดหาให้..เพราะครั้งหนึ่งที่เขาทั้งสองเคยพบกันในโต๊ะดินนเนอร์วันคริสต์มาสของปี 1784 โดยการแนะนำของท่านเบนจามิน  และนาย บอนด์ฟิลด์ ได้นำไวน์จากบอร์คโดซ์  (ชั้นดี ที่ปัจจุบันเรียกว่า First Growth) มาร่วม ชิม.. ธอมัส..ติดใจมาก ถึงกับสั่งซื้อไวน์นั่น..ถึง 144 ขวด ส่วนหนึ่งเขาได้ส่งไปให้กับพี่น้องในเวอร์จิเนีย..(ที่เอาลูกสาวไปฝากเลี้ยง) คราวนี้ ปี 1786  ธอมัสก็ต้องหันมาพึ่งพานายบอนด์ฟิลด์อีกแล้ว..ในเรื่องของการเป็นหูเป็นตา ช่วยเป็นธุระจัดหาไวน์ดีๆให้  ดังข้อความในจดหมายที่ส่งไป..ว่า "ช่วยกรุณาจัดซื้อไวน์แดงดีๆให้สัก 12 โหล..และ ไวน์ตัวนั้นน่ะ..vin de Grave (Graves) ตัวที่ชอบนั่นนะ..ขอด้วย 12 โหล" (เลยเป็นที่ทราบกันเลยว่า..ไวน์ที่ชอบนั้นคือ Haut Brion) และต่อท้ายจดหมายว่า "ท่านจะจัดมาเป็นขวดหรือเป็นถังก็ได้ แล้วแต่จะเห็นสมควร  อ้อ..ท่านช่วยกรุณาผมอีกนิดเถอะ..ช่วยส่งไวน์จาก Frontinac ไปให้ญาติผมที่เวอร์จิเนียด้วยสักสามโหล ขอบพระคุณมาก" ซึ่งกว่าจะตืดต่อกันได้..บอนด์ฟิลด์ ได้จัดการสั่งซื้อ แต่เมื่อทราบว่า ธอมัสต้องเดินทางไปอังกฤษ เพื่อเข้าพบปะกับอดัมส์ในข้อราชการ..ไม่ทราบว่าจะกลับเมื่อไหร่.. นายบอนด์ฟิลด์  จึงชะลอการส่ง ไวน์ โอต์ บริออง ทั้งสองถังไว้ทีหลัง หากแต่ส่ง...ไวน์อื่นๆที่ดีพอใช้ไปให้ก่อน.. แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 50 11:33:24 แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 50 13:44:07 จากคุณ : WIWANDA - [ วันมาฆบูชา 01:23:39 ]

ความคิดเห็นที่ 77 เฮ้อ .... เล่นไม่ยาก .... จริงๆค่ะ แต่ ... ต้องรู้วิธีเล่น .... คล้ายกะสมัยนี้ ก็ส่งของไปโดยถุงเมล์ของ กท ตปท .... สนุกจังค่ะ ... ขอบคุณ คุณแฟนท่อม สอบเสร็จ กลับมาแล้วนะคะ .... จากคุณ : nijja - [ วันมาฆบูชา 10:41:51 ]

ความคิดเห็นที่ 78 นั่นสิ ใครๆถึงอยากไปทำงานที่กระทรวง ตปท.กัน เพราะได้ใช้ของถูก พวกเมล์ทูตนี่แหละ ซุกดีนัก..... จากคุณ : เด็กน้อยขี่ม้าก้านกล้วย - [ 4 มี.ค. 50 02:38:38 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ต้องขอเรียนให้ทราบก่อนว่า..เมื่อยุคนั้น สองร้อยกว่าปีมานั่น  ไวน์ Haut Brion  ยังถือว่าเป็นไวน์ของจังหวัด Graves ที่มีอาณาเขตใหญ่โตอยู่ (ดูตามแผนที่) เพิ่งจะมาซอยย่อยเป็น อำเภอ เมื่อปี 1987 และ ทางการรับรองเป็นแหล่งผลิตไวน์มีคุณภาพ (AOC) เช่น Pessac-Leognan, Sauternes  และ  Barsac พื้นที่ผลิตไวน์ Haut Brion (ตอนนั้นยังไม่มีคำว่าชาโตนำหน้า)  อยู่ในเขตของ Pessac-Leognan ฉะนั้น พอหลังจากแบ่งเขตเสร็จในปี 1987  ก็เลยกลายมาเป็น ไวน์ ชาโต โอต์ บริออง จาก อำเภอ เปสซัค-เลโอญอน  เช่นในปัจจุบัน แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 50 09:32:05 จากคุณ : WIWANDA - [ 4 มี.ค. 50 09:29:24 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ธอมัสกลับมาถึงฝรั่งเศสในเดือนสิงหาคม  ก็รีบชิมไวน์ที่ส่งมาถึงทันที..ตรงนี้เอง ความเป็น"เกจิไวน์" ของเขาเริ่มเปล่งรัศมี.. เพราะหลังจากที่ได้ชิม เขาได้รีบจดหมายไปถึงบอนด์ฟีลด์ พร้อมกับติงว่า..ไวน์แดงอื่นๆที่ส่งมา ยอดเยี่ยมทีเดียว แต่..ไวน์จากกร๊าฟส์น่ะ รสชาติกระด้างไปนะ..ผมว่า ซึ่งความจริงแล้วคือ ไวน์แดงอื่นๆ..ที่เขาชมนั้น..คือไวน์ ยี่ห้อ Leoville  (ปัจจุบันแตกหน่อออกไปเป็นสามไร่ คือ Leoville-Las-Cases, Leoville-Poyferre, Leoville-Barton )  ที่ซื้อมาเพียงขวดละ สองเหรียญ (ลีเว่อะส์) ส่วนที่เขาคิดว่าเป็นไวน์ของดีจากกร๊าฟส์ นั่นคือ ไวน์ที่ส่งมาให้ทดลองก่อน  เป็นไวน์จากหนึ่งในหลายๆไร่ของเสนาบดี du Roy  ที่มีอยู่ในกร๊าฟส์ ตอนนั้น ท่านคนนี้ก็คือเจ้าของไร่ไวน์ Ch. de Suduiraut  (ในตอนนั้น) ด้วย.. แน่นอนว่า มันไม่มีวันเทียบชั้นกับ Haut Brion ได้เลย.. ยิ่งเที่ยวชิมไวน์ของคนอื่นมากๆเข้า  ธอมัสก็คิดถึงไร่องุ่นของตัวเองที่มอนติเซลโล เขาได้เขียนจดหมายไปถามหัวหน้าคุมงานในไร่..และ..ขอให้ส่งไวน์จากไร่มาให้ชิมบ้าง.. หัวหน้าคนงาน..นาย อันโตนิโอ  กิอานนินี่ (ที่ติดสอยห้อยตามแมสเซมาจากอิตาลี)  ตอบกลับไปว่า.. "คงต้องคอยไปหน่อยขอรับ.. ปีนี้เราเก็บองุ่นกันเร็ว ยังไม่ทันสุก ทำไวน์ออกมาก็ไม่ได้ดี  ไว้รอโอกาสเหมาะๆ กระผมจะจัดการให้" แต่มันก็เป็นเพียงความหวังลมๆแล้งๆ..เพราะนายอันโตนิโอ ขอลาออกไปประกอบกิจการของตัวเอง ในตอนปลายปี 1786  และ.. สรุปว่า..ไร่องุ่นมอนติเซลโลที่ปลูกเอาไว้ตั้งแต่ปี 1771 นั้น..ไม่เคยได้ผลิตไวน์ออกมาให้เจ้าของไร่ได้ชิมให้ชื่นใจเลยแม้แต่ขวดเดียว.. ภาพ.......Phillip  Mazzei จากคุณ : WIWANDA - [ 4 มี.ค. 50 10:44:08 ]

ความคิดเห็นที่ 81 รูปตัวอย่างการส่งไวน์ผ่านทางสถานทูต ครับ ไม่เสียภาษี จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 4 มี.ค. 50 12:53:38 ]

ความคิดเห็นที่ 82 แต่ก็ต้องเพื่อการส่งเสริม การนำเข้าเท่านั้นครับ ห้ามเพื่อการหาค้าขายทำกำไร... จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 4 มี.ค. 50 12:56:28 ]

ความคิดเห็นที่ 83 น่าดูค่ะ คุณ พ่อหมี ส่งกันทุกสัปดาห์ ..... จากคุณ : nijja - [ 4 มี.ค. 50 19:36:59 ]

ความคิดเห็นที่ 84 พูดถึงเรื่องส่งของทางไปรษณีย์แล้ว..ขอพูดถึงเรื่องนี้หน่อย..พร้อมขอความกรุณาจากท่านๆนักช้อปทั้งหลายด้วย.. เรื่องเป็นอย่างนี้ค่ะ คุณแม่..อายุจะแปดสิบแล้ว..ท่านมีความคุ้นเคยอยู่กับของใช้เพียงไม่กี่อย่าง..ที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้เลย หนึ่งในนั้น..คือ สบู่อาบน้ำ.. เมื่อก่อน..ไปเมืองไทยบ่อยๆปีละครั้งสองครั้ง ก็หาซื้อไปให้จนพอใช้ ไม่มีขาด แต่ในระยะหลังๆนี้..ไปเมืองไทยไม่ได้บ่อยเหมือนเดิม สบูของคุณแม่จึง"ขาดมือ" ครั้นจะให้เหล่าหลานชายไปหาซื้อให้...ก็ปากเปียกปากแฉะ..เพราะ พวกเขาเหล่านั้นจนด้วยเกล้า..ไม่รู้ว่าจะไปหาที่ไหน   เมื่อก่อน..จำได้ว่ามีที่เซนทรัลชิดลม..แต่น้องยืนยัน นั่งยันว่า ไม่มี๊ ไม่มี.. คุณแม่ท่านไม่สามารถจะไปเดินเบียดเสียดกับฝูงชนได้ ก็เลยเป็นหน้าที่ของลูกกตัญญูที่จัดส่งไปให้จากอเมริกา ค่าส่ง ค่าสบู่ รวมกันแล้ว..นับว่าแพงมหาศาล อีกทั้งยังต้องมานั่งลุ้นกันว่า..จะถึงมือหรือไม่อีกต่างหาก สบู่อมตะ(ของคุณแม่) นี่นะคะ มีเรียกด้วยกันหลายชื่อ สมัยแรกๆที่ท่านซื้อได้จากห้างไนติงเกล (เมื่อห้าสิบปีก่อน)  เขาเรียกสบู่กันว่า "สบู่แก่นจันทร์"   เพราะชื่อของเขาจริงๆ เรียกได้หลายแบบ และ มันยาวเกิน ผู้ผลิต คือ ประเทศฝรั่งเศส  เขาเรียกว่า.. โฮแจร์ เอต์ กัลเลต์  บัวส์ เดอ ซังทัล (Roger & Gallet, Bois de Santal)   ฝรั่งชาติอื่นๆ เรียกว่า..โรเจอร์ แอนด์  กัลเลต แซนเเดลวู๊ด ( Roger & Gallet, Sandalwood )   Sandalwood  หรือ Bois de Santal นั่น คือ ไม้หอม หรือ ไม้จันทร์ นั่นเอง.. คนไทยในยุคโน้น..จึงนิยมเรียกว่า สบู่แก่นจันทร์..เป็นที่รู้กัน เพราะมีอยู่ชนิดเดียว แต่ปัจจุบัน..พอคุณแม่เที่ยวฝากใครต่อใครไปซื้อ..สบู่แก่นจันทร์ที่ว่านี่..กลับได้สบู่มาสารพัดชนิด .. แต่ไม่ใช่ที่ต้องการ.. ที่สำคัญ...แม่ไม่ยอมใช้สบู่อย่างอื่นเลย..ถ้าไม่ใช่ "สบู่แก่นจันทร์" ของดั้งเดิม จึงฝากขอความกรุณามาตรงนี้...ว่า..ถ้ามีใครทราบว่า สบู่นี้หาซื้อได้ที่ไหนในกรุงเทพ..กรุณาส่งข่าวด้วย จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง.. ดูได้ตามภาพค่ะ...รูปห่อของเขามีหลายแบบ.. นี่คือขนาดเฉพาะก้อนขนาด 5.3 ออนซ์..จะมีกล่องใส่มาให้ด้วย.. แก้ไขเมื่อ 07 มี.ค. 50 02:58:12 แก้ไขเมื่อ 07 มี.ค. 50 02:54:56 แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 50 11:00:20 จากคุณ : WIWANDA - [ 6 มี.ค. 50 06:57:56 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ขนาดเล็กลงมาหน่อย  3.5 ออนซ์ ที่มาเป็นกล่อง  มีด้วยกันสามก้อน แบบนี้คือ แบบที่มีขายในเมืองไทยในเซนทรัลชิดลมที่ว่า.. (หลายปีมาแล้ว) ขอบคุณอีกครั้งค่ะ.. จากคุณ : ชวนป๋วยปี่แป่กอ (WIWANDA) - [ 6 มี.ค. 50 07:01:22 ]

ความคิดเห็นที่ 86 สวัสดีครับ อาวิและทุกๆท่านครับ อาวิครับ ไว้ได้ไปเดินห้างจะดูให้ครับ จากคุณ : jearjear - [ 6 มี.ค. 50 11:28:14 ]

ความคิดเห็นที่ 87 สบู่แก่นจันทน์ .... sandal wood  ชอบมากๆค่ะ ครั้งสุดท้ายที่เห็นชนิดสามก้อนในกล่องก็ ... หลายปีมาแล้ว ถ้ายังผลิตอยู่ น่าจะมีแถว ....แบบว่า... บางรักไหมคะ วันนี้มาถึงญี่ปุ่นเสียแล้วค่ะ ..... จากคุณ : nijja - [ 6 มี.ค. 50 20:43:55 ]

ความคิดเห็นที่ 88 พอดีเข้ามาอ่านเจอสบู่นี่ผมไม่เห็นมาหลายหลายๆปีแล้วครับ ลองถามผู้ใหญ่ ท่านก็ว่าไม่เห็นมานานแล้วเหมือนกัน ค้นเนทเจอแต่ขายในต่างประเทศนะครับ http://www.strawberrynet.com/productDetail.aspx?ProdId=57599&goChar=R http://www.perfume.com/roger-&-gallet/roger-&-gallet-sandalwood-1073097.html จากคุณ : Pipy - [ 7 มี.ค. 50 00:43:02 ]

ความคิดเห็นที่ 89 ขอบคุณคุณ jearjear  คุณนิจ และ คุณ Pipy  มากค่ะ สบู่นี้ยังคงขายอยู่  ที่ฝรั่งเศสมีขายตามร้านขายยาทั่วไป (จริงๆนะ) แต่ราคาแพงกว่าที่อเมริกาเกือบ 30% ทั้งๆที่เป็นผู้ผลิตแท้ๆ ที่อเมริกา..หาซื้อไม่ใช่ง่ายๆ...ต้องขับรถไปหลายไมล์พอสมควร  และมีขายอยู่ที่ห้างเดียวด้วย.. หรือ ถ้าจะสั่งซื้อทางเน็ทก็ได้ เพียงแต่เสียค่าส่งหลายตังส์หน่อย ที่เขียนเล่ามา มิได้เสียดายเงินหรอกค่ะ เพียงแต่อยากได้ความสะดวก และ ความสบายใจของคุณแม่ ทุกครั้งที่คุยกันทางโทรศัพท์  ประโยคเด็ดสุดท้ายก่อนวางหู คือ "อย่าลืมสบู่ล่ะ.."  คือ กลัวว่าจะขาดตอน..กลัวว่าจะลืม กลัวว่าหมดตลาด  กลัวว่าทางต้นสังกัดจะเลิกผลิต.. กลัวไปสารพัด.. แม่ว่า..สบู่แก่นจันทร์ขวัญใจนี้..หอมติดตัว..ติดเสื้อผ้า นั่งที่ไหนหอมติดกระดาน  แต่ก็จริงของท่าน โชคดีที่ไม่ได้ใช้ด้วย..ไม่งั้นไวน์ที่ชิมทุกชนิดอาจจะต้องเพิ่มไปว่า..มีกลิ่น wood  เหมือนกัน แต่ไม่ใช่โอ๊ค  ดันกลายเป็น sandalwood  555555 จากคุณ : WIWANDA - [ 7 มี.ค. 50 03:23:43 ]

ความคิดเห็นที่ 90 มาเล่าต่อก่อน.. เดี๋ยวจะแว่บไปตีกอล์ฟซะหน่อย  วันนี้อากาศเยี่ยมเลยค่ะ .. ธอมัสในยามที่อยู่ในฝรั่งเศสนี่..สาวมาติดพันตรึม..แต่ละนางก็ไม่ใช่ย่อยๆ ล้วนแล้วแต่เป็นสุดยอดไฮโซ.. แต่..มีสาวงามอยู่นางหนึ่ง...เป็นจิตรกรภาพวาดระดับลูกขุนนางนามว่า Maria Cosway  วัย 27  อ้อนแอ้น ผมสีบลอนด์  แต่..เธอมีสามีแล้ว..คือจิตรกรชื่อดังเช่นกัน  นาย Richard  Cosway ทั้งคุ่ได้รู้จักกันเพราะการแนะนำของ นาย..John Trumbull  ที่เป็นสหายของธอมัส.. ความสนิทสนมของคนทั้งสองได้ดำเนินไปในการพบปะ แบบ"กิ๊ก" ที่มีการเดทไปไหนต่อไหน ตามประสาคนที่สนใจในศิลป และความงดงามของสถาปัตยกรรมเหมือนกัน  ดังที่ครั้งหนึ่งเมื่อธอมัสมาถึงฝรั่งเศสใหม่ๆ..หลังจากที่ได้เยี่ยมชมสถานที่สำคัญๆ..เขาเคยรำพึงกับตัวเองว่า.. "สิ่งเดียวที่เรา (หมายถึงอเมริกันชน) ไม่มีวันเหมือน หรือ เทียบเคียงได้กับ เขา(หมายถึงยูโรเปี้ยน อย่างฝรั่งเศส) นั่นคือ ความซาบซึ้งและอ่อนไหวกับความงดงามแห่งศิลปในทุกๆด้าน" นักการทูตหม้าย กับ สาวงามที่มีแต่ความแจ่มใส อย่างมาเรีย มักพบปะกันเสมอๆ เช่นเดินเล่นคุยกันกระจุ๋งกระจิ๋ง ริมแม่น้ำเซน  หรือ ตามมิวเซียมต่างๆ ฉากโรแมนติคได้ดำเนินไปเรื่อยๆ ..จนเมื่อเกิดเหตุขี้น.. นั่นคือ ธอมัสพบกับอุบัติเหต ที่พลัดตกลงมาจากหลังม้า เพราะการข้ามเครื่องกีดขวาง(ไม่พ้น) ผลคือ ข้อมือขวาเดาะ  บาดเจ็บชอกช้ำตามร่างกาย ซึ่งต้องนอนรักษาตัวนานหลายอาทิตย์  ทำให้การพบปะกับกิ๊กต้องห่างเหินไป   การเขียนจดหมายถึงกันก็ไม่สะดวกนัก เพราะข้อมือขยับไม่ได้ อีกทั้ง..มาเรียและสามีจะต้องเดินทางไปเบลเยี่ยมเป็นเวลา นาน..ทำให้ความสัมพันธของคนทั้งสองต้องจืดจางลงไป แต่..ก็ยังมีหลักฐานว่า..ทั้งสองยังติดต่อกันทางจดหมายเสมอๆ หลังจากที่มาเรียจากไป..ธอมัสก็อยู่ในสภาพหัวใจสลาย เขาเริ่มมองหาทางที่จะเยียวยาหัวใจ โดยการเดินทางออกไปทางชนบทไกลๆ เพื่อที่จะให้ลืม.. (เช่นเดียวกับการที่เดินทางมาฝรั่งเศส เพราะสูญเสียภริยา สุดที่รักไป) ภาพ..Maria Cosway  1760 - 1838 จากคุณ : WIWANDA - [ 7 มี.ค. 50 04:56:41 ]

ความคิดเห็นที่ 91 ฝีมือของมาเรีย..ที่ไม่ธรรมดา.. Portrait of the Hon จากคุณ : WIWANDA - [ 7 มี.ค. 50 05:06:34 ]

ความคิดเห็นที่ 92 และ..  Portrait of the Hon William Lamb, Later 2nd Viscount Melbourne, as a Child by Maria Cosway จากคุณ : WIWANDA - [ 7 มี.ค. 50 05:09:12 ]

ความคิดเห็นที่ 93 บุคคลที่ผ่านมาในชีวิตของธอมัส..ที่เอ่ยชื่อถึงนั้น ล้วนแต่ไม่ธรรมดาทั้งสิ้น..อย่าง  John Trumbull  นั้นก็ลือชื่อ.. เขาเป็นลูกชายนายกเทศมนตรีเมืองคอนเนคติกัต เข้าเรียนที่ Harvard เมื่อายุเพียง 15 ในปี 1771 จบออกมาในปี 1773 อายุเพียงย่าง 18   จากนั้นก็ไปเป็นทหารอาสาในกองทัพ (American Revolutionary War) หน้าที่คือไปทำหน้าที่สเก็ตช์ภาพ ของฉากรบที่สำคัญๆอย่าง   Battle of Bunker Hill ต่อมาได้ถูกเลื่อนให้เป็น ผู้ช่วยนายทหารคนสนิทของ นายพล จอร์จ วอชิงตัน.. ต่อมาในปี 1776 ก็เลื่อนไปเป็นทส. ให้กับนายพล  General Horatio Gates เขาได้ลาออกจากชีวิตทหารในปี   1777. จากตรงนั้น เขาได้เดินทางไปอยู่ที่ลอนดอน และ มีปัญหายุ่งเหยิงในเรื่องของการเมืองจนเกือบติดคุก เกือบโดนแขวนคอประหาร..แต่ก็รอดมาได้ เมื่อไป  1785  นายทรัมบุลได้ไปกรุงปารีส เพื่อที่จะทำการสเก็ตช์ภาพแห่งประวัติศาสตร์ นั่นคือ  The Surrender of Cornwallis และ เข้ามาเป็นผู้ช่วยในราชการของธอมัส.. ในวาระสุดท้ายของ ทรัมบุล นั้น คือ การดำรงตำแหน่งเป็น ประธานของ American Academy of Fine Arts  ถึงเก้าปี(1816 - 1825) ภาพ The Surrender of Cornwallis  ที่ทรัมบุลได้วาดไว้ ที่กองทัพฝรั่งเศส  นำโดยแม่ทัพ Comte de Rochambeau ร่วมกับอเมริกัน นำโดย นายพล ยอร์จ วอชิงตัน..รบชนะอังกฤษ นำโดย Lord Cornwallis จนยอมพ่ายแพ้ไปโดยดีที่   Yorktown, Virginia เมื่อวันที่ 19 เดือนตุลาคม 1781 อันเป็นสงครามครั้งสุดท้ายในการขับไล่อังกฤษออกไปจากอเมริกา [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : WIWANDA - [ 7 มี.ค. 50 05:52:43 ]

ความคิดเห็นที่ 94 ภาพของ ธอมัส..วาดโดย John Trumbull   ปัจจุบันติดอยู่ที่ มอนติเซลโล จากคุณ : WIWANDA - [ 7 มี.ค. 50 05:57:41 ]

ความคิดเห็นที่ 95 สวัสดีครับ ผมน้องใหม่สดๆ เพิ่งจะเริ่มทานไวน์ได้ไม่นานมานี้ จริงๆ ก็มีโอกาสเดินทางบ่อย ไปยุโรปปีละ 2-3 ครั้ง แต่ไม่เคยได้สนใจเรื่องไวนเลย  ไว้เดี๋ยวมีความรู้หน่อย หวังว่า ไปยุโรปคราวหน้า จะได้มีจุดมุ่งหมายด้วย แต่ราคาไวน์บ้านเรานี่ แพงเหลือเกินนะครับ  ใน duty free ก็ซื้อลำบาก ราคาไม่รู้ว่าถือว่าถูกหรือเปล่าก็ไม่รู้ ช่วงนี้เป็นช่วงกำลังศักษาอย่างขมักเขม้น (แหะๆ) กำลังไล่ติดตามอ่านกระทู้ของคุณน้าวิ  ( เรียกน้าซะงั้น) จาก Blog คุณหมอ ha ha hee อยู่ครับ จะเข้ามาทักทายบ่อยๆนะครับ แก้ไขเมื่อ 07 มี.ค. 50 07:23:16 จากคุณ : loverboy - [ 7 มี.ค. 50 07:20:58 ]

ความคิดเห็นที่ 96 ...Roger & Gallet ผมเคยช่วยพ่อขายตอนเด็ก ๆ ...เคยเห็นแว๊บ ๆ แถวตลาดสามย่านครับ...พี่หวาน ...มีโอกาสจะแวะไปดูให้ครับ จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 7 มี.ค. 50 08:40:36 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ภาพของ General Horatio Gates ที่รู้สึกจะมีบทในหนัง The Patriot ด้วยครับ... จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 7 มี.ค. 50 11:39:37 ]

ความคิดเห็นที่ 98 อันนี้มีแน่นอน เป็นฝ่าย(ผู้ร้าย)อังกฤษ... Lord Cornwallis จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 7 มี.ค. 50 11:41:05 ]

ความคิดเห็นที่ 99 อ้าว..จุดใต้ตำตอเสียแล้วกระมังเรา..ลูกชายเสี่ยอยู่แถวๆนี้เอง..อิอิอิ ไม่ต้องรีบหรอกนะคะ คุณวิโรจ เพราะว่าเพิ่งส่งไปเมื่อวานซืนนี้เอง หลายก้อน..คงใช้ได้ไปอีกนาน เพราะสบู่ชนิดนี้ เนื้อแข็ง ไม่ยุ่ยง่ายๆ  ก้อนใหญ่ใช้ได้ตั้งเกือบเดือน.. ว่างๆเวลาไปช๊อป ก็แอบชำเลืองให้ด้วยก็แล้วกัน ขอบคุณมากค่ะ มัวแต่คุยเรื่องสบู่จนลืมต้อนรับแขกใหม่ไปเลย.. สวัสดีค่ะ คุณ Pipy และ คุณ loverboy ขอเชิญเข้ากระทู้ในฐานะน้องใหม่ด้วยความยินดีค่ะ ไม่ทราบว่าที่เมืองไทยได้ฉายภาพยนตร์เรื่อง A Good Year ไปหรือยัง..เป็นเรื่องเกี่ยวกับว่า พระเอกได้รับมรดกเป็นไร่องุ่นจากลุง ที่เขาไม่สนใจ..กะว่าได้มาก็จะขายทำเงิน.. แต่เหตุการณ์นั้นเปลี่ยนแปลงไป....ไม่เล่าต่อนะคะ เดี๋ยวจะสปอยล์ไปโดยใช่เหตุ แต่สนุกมากค่ะ เราจะได้ยินการพูดจาประสาชาวไวน์ที่มีประโยคเด็ดๆกินใจ.. ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างมาจากนิยายเรื่องดัง A Year in Provence ของ Peter Mayle ถ้ายังไม่ฉาย หรือ หาวีซีดีไม่ได้ก็บอกมาเลย.. แก้ไขเมื่อ 07 มี.ค. 50 12:04:03 [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : WIWANDA - [ 7 มี.ค. 50 11:44:30 ]

ความคิดเห็นที่ 100 สวัสดีครับคุณ อา.. ดีจัง จะมีหนังไวน์ ดีๆมาให้ดู อีกแล้ว จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 7 มี.ค. 50 12:08:10 ]

ความคิดเห็นที่ 101 หวัดดีค่ะ คุณพ่อหมี.. ภาพหีบห่อพัสดุส่งของไปสถานทูตนั่น ดูแล้วน่ากลัวนะคะ กลัวกล่องโฟมแตก.. และสรุปว่า หนังเรื่องนี้ยังไม่ได้ฉายที่เมืองไทย..ถ้าไม่มีวี่แววว่าจะฉาย..ก็ไม่เป็นไรนะคะ ที่นี่ออกมาเป็นแผ่นแล้ว.. จะจาดห้ายยย... จากคุณ : WIWANDA - [ 7 มี.ค. 50 12:28:32 ]

ความคิดเห็นที่ 102 เหมือนคุณอาวิ จะรู้... ก็มีแตกจริงๆ หล่ะครับ ต้อง resend กันให้วุ่น... เรื่อง A Good Year  ผม ขออนุญาต รอตกทอดตามโผ ล่วงหน้า เลยนะครับ จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 7 มี.ค. 50 12:52:35 ]

ความคิดเห็นที่ 103 หลังจากที่ทำงานอยู่ในกรุงปารีสมานานกว่าสองปีแล้ว.. ธอมัสจึงเริ่มออกหาประสบการณ์ในเรื่องไวน์ตามที่ตั้งใจไว้ อีกทั้งเพื่อเป็นการสมานแผลใจ.. ข้อมือขวาที่บาดเจ็บก็เริ่มดีขึ้น..จนพอที่จะไปไหนมาไหนได้คนเดียว ไปอย่างนักเดินทางทั่วๆไป ไม่ใช่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ (หมายถึงมีผู้ติดตามคนเดียวคือคนขับรถม้า)และนั่นคือสิ่งที่เขาต้องการ การเดินทางของเขาที่มุ่งหน้าลงใต้นั้น ไปด้วยรถม้าเทียมสาม(ส่วนตัว) ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 1787  ที่นับว่าเป็นฤดูที่ไม่เหมาะต่อการเดินทางเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีทั้งฝนและ ลูกเห็บในบางครั้ง..แต่เขามุ่งมั่นต่อการเดินทางในครั้งนี้มาก โดยไม่ได้อาลัยอาวรณ์ความโอ่อ่า สุขสบายที่ปารีสเลยแม้แต่นิด การเดินทางทางถนนในสมัยนั้นของฝรั่งเศส มีด้วยกันสามแบบ..นั่นคือ หนึ่ง..โดยรถม้าเช่า(ของหลวง) ที่สถานีบริการ หรือที่เรียกว่า posthouse อันเป็นการบริหารของกรมทางหลวง สถานีนี้..จะเป็นเหมือน ที่พักสำหรับคนและม้า พร้อมเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ  และระยะห่างระหว่างสถานี คือ 10 ไมล์  และสปีดของรถม้าคือ 7-8 ไมล์ต่อชั่วโมง  และกรมทางหลวงอีกเช่นกัน ที่ให้บริการการคุ้มครองดูแลนักเดินทางโดย ตำรวจทางหลวง หรือที่เรียกว่า marrechaussee  (ทั้งหมดนี่ขึ้นตรงกับส่วนพระมหากษัตริย์)  รถม้านี้สามารถรับผู้โดยสารได้แปดคน..จอดส่งตามสถานี สอง..โดยรถม้าด่วนพิเศษ ที่มีการบริการอาหาร ที่พัก และเดินทางแบบยาวโลด..จะใช้สถานีเพียงบางแห่ง.. สาม..โดยรถม้าส่วนตัว..ที่เดินทางแบบส่วนตัวคนเดียว (อย่างที่ธอมัสทำ)  ที่จะใช้บริการของบางสถานีแล้วแต่ความพอใจ ซึ่งการเดินทางนั้นมุ่งหน้าลงไปทางตะวันออกเฉียงใต้ สู๋เมมืองเบอร์กันดี ที่ต้องผ่านเมือง Auxerre ริมแม่น้ำ  Yonne อันเป็นท้องชนบทที่ได้ผลิตไวน์ออกมาสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก..ด้อยในคุณภาพ แต่ก็เป็นนิยมในปารีสเพราะราคาย่อมเยา และ สะดวกต่อการส่งเข้ามาขาย.. ตามท้องชนบทที่ธอมัสได้ผ่านไปเห็นด้วยตาของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น Fontainebleau, Auxerre, Sens, Vermenton  ประชาชนล้วนแต่ยากจน..เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็เก่าๆขาดๆ  ทุกคนต้องออกมาทำงานแบกหาม ไม่ว่าจะเป็นหญิงชาย หรือ เด็ก.. ซึ่งมันช่างผิดกันกับปารีสเมืองหลวงที่เขาเพิ่งจากมาอย่างลิบลับ แก้ไขเมื่อ 07 มี.ค. 50 13:33:57 จากคุณ : WIWANDA - [ 7 มี.ค. 50 13:31:15 ]

ความคิดเห็นที่ 104 มาแปะ A Good Year โฆษณาหนังไว้ก่อน trailer http://www.youtube.com/watch?v=-BxiY_7Jmu8 จากคุณ : sofatboy - [ 7 มี.ค. 50 13:47:52 ]

ความคิดเห็นที่ 105 12 ไมล์ ที่ห่างออกไปจาก Auxerre ทางทิศตะวันตก คือเมือง Chablis (ที่ปัจจุบันคือแหล่งผลิตไวน์ชาบลีส์ ที่ขึ้นชื่อในโลก) แต่ธอมัสไม่ได้ไปเยี่ยมเยียน เพราะเนื่องจากในยามนั้น ไวน์จากท้องถิ่นนี้ไม่เคยมีชื่อเสียงใดๆ เพิ่งจะมาเป็นที่รู้จัก ก็เมื่อหกปีให้หลัง ที่ตัวกลางขายไวน์ในอังกฤษ นาย Duncan M'Bride ได้เขียนถึงว่า ไวน์ชาบลีส์ นับว่ามีคุณภาพดีพอใช้..น่าจะเอามาเสริฟบนโต๊ะได้ดีกว่าเบียร์.. และไวน์ Chablis  มาเริ่มเป็นที่รู้จักแพร่หลายเป็นอย่างดีในปี 1820s เป็นต้นมา.. พอมาถึงเมือง Dijon  ธอมัสพบว่า ผู้คนแต่งตัวดีกว่าเท่าที่เห็นผ่านตามา..ดูเหมือนมีการเป็นอยู่ที่ดีขึ้น.. แต่เมื่อถามไปมา กลับได้คำตอบว่า.. เพราะ..นั่นคือ วันอาทิตย์ที่มุกคนแต่งตัวด้วยเสื้อผ้ารที่ดีที่สุดเท่าที่มี เพื่อการไปปรากฏตัวในศาสนกิจอันเป้นกิจวัตร เขาพักอยู่ที่นั่น สามวัน ที่โรงแรม Hotel de Conde ที่เขายอมจ่ายสี่เหรียญสำหรับไวน์ดีๆจากเบอร์กันดี (ตามที่บันทึกไว้ ว่า..มันคือ Vosne = โวส์น ซึ่งอาจจะเป็น Vosne Romanee) การเดินทางของธอมัส..ไปในฐานะ incognito จึงได้จ้างคนงานในท้องถิ่นที่เดินทางไปถึง  ให้มาช่วยรับใช้..แต่เมื่อมาพบกับชายชาวดิจองที่มีนามว่า Petit-jean ที่มีอัธยาศัยต้องกัน เขาจึงจ้างนายเปอติ๊ต ฌอง ติดตัวไปตลอดการเดินทางในครั้งนี้.. ดิจองเป็นเมืองหลวงของ Duchy of Burgundy ที่มีประชากร สองหมื่น ถนนหนทางทันสมัย บ้านเรือนที่อยู่รายล้อมพระราชวังก็สวยงาม ซึ่งปัจจุบัน พระราชวัง หรือ Place Royale  คือ ศาลากลางที่มีส่วนหนึ่งคือ พิพิธภัณฑ์สถานอันเป็นที่บรรจุพระศพของ Phillip the Bold  และ John the Fearless หลังจากที่เยี่ยมชมเมืองดิจองจนพอใจแล้ว ธอมัสก็เดนทางต่อไปยัง Cote d'Or อันเป็นส่วนหัวใจของเบอร์กันดี ที่อยู่ห่างไปหลายไมล์พอสมควร..ที่เขาได้พบว่า เนื้อที่ที่เป็นเนินเขาสูงๆต่ำๆที่เรียลไล่ไปนั้น มีหน้าดินที่เป็นหินแกร่ง ที่ปกคลุมไปด้วยดินสีแดงผสมกรวดหนาเพียงประมาณหนึ่งฟุต ในที่ราบข้างล่างปลูกข้าวโพดอย่างหนาตา ส่วนที่อยู่ตามไหล่เขา..ปลูกองุ่น.. ไร่แรกที่เขาเห็นคือ Chambertin ต่อด้วย Vougeot, Romanee, Vosne,Nuits, Beaune,Pommard, Volnay, Meursault สุดท้ายคือ Montrachet ธอมัสไม่ได้ปล่อยให้โอกาสงามๆนี้ผ่านไปให้เสียเวลา เขา ขี่ม้าเลียบไปตามไร่ที่มีชื่อเสียงเหล่านั้นด้วยความตื่นเต้น.. จากคุณ : WIWANDA - [ 7 มี.ค. 50 14:40:14 ]

ความคิดเห็นที่ 106 wow .... ปิดทอมค่ะคุณวิ มีเวลามาละเลียด รายละเอียด สนุกค่ะสนุก .... หนังที่คุณวิแนะนำ ขอบคุณค่ะ ดาราชายคนโปรดด้วย แต่ไม่ได้ชอบทุกเรื่อง สั่งอมาซอนไปแล้วค่ะ อ้อ วานก่อนค่ะ  นั่งๆนอนๆป่วยด้วยภูมิแพ้อยู่ในคอนโดกรุงเทพฯ  ลองคลิกผ่านบล้อกคุณ เด็กน้อยขี่ม้าก้านกล้วย เข้าไปอ่านเรื่อง ฟ้องทนาย ของคุณวิ .... โหย .... ตรึงอารมณ์ติดกับหน้าจอตั้งแต่ตอนต้นจนจบเลยค่ะ เผลอคิดไปว่า นิยายใน สกุลไทยที่เพิ่งจบไปไม่นาน เรื่อง +เหลี่ยมดาริกา+  อาจได้อินสพิเรชั่นจากเรื่องของคุณวิกับสาว +เล็ก+ ที่ว่านี้ไปบ้าง .... แรกๆอ่านไปสงสัยไปว่าคุณสามี พ่อแกรี่จะมีบทบาทอะไรมาให้โดนฟ้องน้อ ... เซอร์ไพรส์ กลายเป็นทนายหญิงคนนี้ไปได้ .... คุณวิยอดเยี่ยมจริงๆค่ะ เสียดายอ่านช้าไปหน่อย .... คงได้ติดตามอ่านเรื่องอื่นเร็วๆนี้ ..... เทคแคร์นะคะ จากคุณ : nijja - [ 7 มี.ค. 50 20:41:36 ]

ความคิดเห็นที่ 107 คุณนิจคะ..อ่านหลังไมค์ด้วยค่ะ จากคุณ : WIWANDA - [ 8 มี.ค. 50 01:43:30 ]

ความคิดเห็นที่ 108 เข้ามาอ่านค่ะ จากคุณ : horseshoes - [ 8 มี.ค. 50 07:00:55 ]

ความคิดเห็นที่ 109 หวัดดีค่ะ คุณ horseshoes  อากาศที่อังกฤษเป็นอย่างไรบ้าง ดีหรือยังเอ่ย..?? คุณพ่อหมี Polar Bear คะ..มองเห็นสภาพรูปหีบห่อแล้ว.. ก็พอประมาณการได้ค่ะ ว่า ต้องมีแตก เพราะสภาพโฟมนั้นเป็นโฟมหลวม..ควรมีกล่องใส่ข้างนอกอีกชั้นหนึ่ง.. จากคุณ : WIWANDA - [ 8 มี.ค. 50 09:03:29 ]

ความคิดเห็นที่ 110 หลังจากที่เยี่ยมใร่ต่างๆอย่างหนำใจ....ได้มีบันทึกจากธอมัสไว้ว่า..องุ่นจะเริ่มออกผลและทำเงินให้ได้ในระยะ ห้า หกปี  และจะสามารถคงทนอยู่ได้ไปถึง 100-150 ปี..** หมายเหตุ..เดี๋ยวจะขัดกันกับข้อมูลต้นๆที่ให้มา ว่าองุ่นจะมีอายุเพียง 50 ปี เจ้าของไร่ก็จะถอนทิ้งเพราะหมดสภาพ แต่..ทำไมธอมัสบอกว่าเป็นร้อยปี.. เพราะว่า..ในยุคของธอมัสนั้น..องุ่นยังเป็นสัญชาติฝรั่งเศสแท้ๆอยู่ ยังไม่โดนพิษของเพลี้ย phylloxera (ในปี 1860s) หลังจากที่หลังจากที่โดนเพลี้ยลงแล้ว..วิธีแก้..คือองุ่นฝรั่งเศสต้องมาต่อตาเข้ากับลำต้นขององุ่นอเมริกัน.. และนี่คือสาเหตที่ไม่สามารถเลี้ยงองุ่นให้มีอายุเป็นร้อยปีได้อย่างแต่ก่อน.. ธอมัสพักอยู่ในเบอร์กันดีสองสามวัน แต่ประสบการณ์เพียงแค่ไม่กี่วันนั่น มันตราตรึงไปจนตลอดชีวิต.. เขาบันทึกไว้ว่า.. ไวน์(แดง)ของชอมเบอะแตง (Chambertin)  ดีที่สุด รองลงมา..คือ..วูโจต์ (Vougeot) และ โวส์น (Vosne) พวกไร่ชั้นดีเหล่านี้..อยู่ในพื้นที่ของ โกต เดอ นุยส์ (Cote de Nuits)  ทางตอนเหนือของ โกต ดอร์ (Cote d'Or) Chambertin ปัจจุบันคือ Grand Cru ของไวน์เบอร์กันดี ที่มีพื้นที่กว้างแค่ 32 เอเคอร์ แต่มีเจ้าของถึง 23 ราย แบ่งกันไปคนละกะแบะมือ  และทุกคนมีสิทธิใช้ชื่อ Chambertin ในฉลากไวน์ด้วยกันทั้งนั้น ตัวอย่างเช่น.. chappelle-chambertin, charmes-chambertin, griotte-chambertin, latricieres-chambertin เพราะพวกเขาอยู่ใน Chambertin (AOC) ในตอนนั้น..ใครต่อใครพวกผู้ลากมากดีทั้งหลาย ต่างมุ่งหวังที่จะได้ลิ้มรสไวน์ของชอมเบอะแตงด้วยกันทั้งนั้น.. เพราะว่า..มันเป็นไวน์แห่งประวัติศาสตร์ เพราะ เป็นไวน์ที่โปรดปรานของนโปเลียน ที่ต้องมีเตรียมวไห้พร้อมเสมอในช่วงออกสงคราม จนเป็นที่รู้และเรียกกันว่า.. "King of Wines"  ซึ่งไวน์ที่ดีที่สุดจะต้องมาจาก ไร่ Clos de Beze  ที่ว่า เข้มข้น เนื้อองุ่นเต็มตึง   หอมกรุ่น  และที่สำคัญคือสามารถเก็บไว้ได้นานกว่าไวน์อื่นๆ ภาพพื้นที่ของเบอร์กันดี.. จากคุณ : WIWANDA - [ 8 มี.ค. 50 09:48:25 ]

ความคิดเห็นที่ 111 คุณวิคะ .... ตอบแล้วนะคะ แวบไปประชุมก่อนค่ะ บ่ายๆเข้ามาใหม่ .... จากคุณ : nijja - [ 8 มี.ค. 50 09:57:16 ]

ความคิดเห็นที่ 112 ที่บรรจุพระศพ John the Fearless  1371-1419 ภาพจาก http://home.eckerd.edu/~oberhot/bur-johnfear.htm จากคุณ : sofatboy - [ 8 มี.ค. 50 10:34:39 ]

ความคิดเห็นที่ 113 ที่บรรจุพระศพ Philip the Bold หรือ Duke of Burgundy ภาพจาก http://www.wga.hu/frames-e.html?/html/s/sluter/philip/4philip.html จากคุณ : sofatboy - [ 8 มี.ค. 50 10:38:03 ]

ความคิดเห็นที่ 114 สวัสดีครับ อาวิและทุกๆท่านครับ วันก่อนไป duty free ก็เดินดูสบู่ครับ แต่ไม่ยักเจอครับ เจอแต่ รูปร่างคล้ายๆครับ แต่ไม่ใช่อย่างนี้ครับ ไว้ได้ไปห้างจะไปด้อมๆมองๆอีกครับ จากคุณ : jearjear - [ 8 มี.ค. 50 17:23:27 ]

ความคิดเห็นที่ 115 ช่วงนี้ออกจะเงียบๆนะครับ  มาลงชื่อซะหน่อย จากคุณ : Master_Indy - [ 9 มี.ค. 50 21:19:55 ]

ความคิดเห็นที่ 116 สวัสดีครับคุณวิ และทุกๆ ท่าน ตามอ่านอยู่ครับ แต่อยู่ในช่วงสอบก็เลยมิได้แสดงตัวตนครับ จากคุณ : Einswasser - [ 10 มี.ค. 50 08:23:25 ]

ความคิดเห็นที่ 117 อรุณสวัสดิ์คับอาวิ และทุกๆท่านคับ จากคุณ : nicky (Nic Nenin) - [ 10 มี.ค. 50 08:51:00 ]

ความคิดเห็นที่ 118 โหลดยากแล้ง..ขึ้นกระทู้ใหม่นะคะ ความคิดเห็นนี้ได้แตกไปยังกระทู้ K5210441 จากคุณ : WIWANDA - [ 10 มี.ค. 50 10:10:40 ]