ความคิดเห็นที่ 74
เรื่องที่สอง The Book of Lost Things เทพนิยายมืดมิดกับวัยเยาว์ที่สาบสูญ ของ John Connolly ค่ะ
ปกของจริงสวยมากค่ะ เป็นปกแข็ง แล้วมี jacket ข้างนอกตามรูปที่เห็นเป็นสีน้ำเงินเข้มเกือบดำ ตัวอักษรสีทอง ได้มาก็ลูปคลำไปสามวันประสาคนบ้าเห่อ ฮ่า แนะนำผู้เขียนเล็กน้อยก่อนนะคะ David Connolly เป็นนักเขียนนวนิยายแนว thriller ค่ะ สไตล์สืบๆสวนๆวางไม่ลงนั่นแล ผลงานที่ผ่านมาของเขามี Every dead thing, Dark hollow, The killing kind, The white road, Bad men, Nocturnes และ The black angel แต่จขบ.อ่านงานเขียนเล่มนี้ของเขาเป็นเล่มแรกค่ะ
The book of lost things เริ่มต้นเรื่องด้วยความตายของแม่ของเดวิด เด็กชายชาวอังกฤษอายุ 12 ปีที่รักการอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ นอกจากเขาจะสูญเสียแม่ไปอย่างไม่มีวันกลับคืนแล้ว เดวิดยังทำใจไม่ได้กับการที่พ่อแต่งงานใหม่กับโรส นางพยาบาลที่ดูแลแม่และไม่นานก็มีจอร์จี้ ลูกชายคนใหม่ หลังจากนั้นเดวิดกับพ่อก็ย้ายไปอยู่บ้านหลังใหญ่ชานกรุงลอนดอนของโรสเพื่อหลบภัยจากเครื่องบินทิ้งระเบิดเยอรมันในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง และที่บ้านใหญ่นั้นเองที่เรื่องราวทั้งหมดก็เริ่มต้นขึ้น
โรสจัดให้เดวิดอยู่ห้องชั้นบนสุดที่เต็มไปด้วยหนังสือเพราะรู้ดีว่าเด็กชายรักการอ่านเพียงใด เดวิดเริ่มได้ยินเสียงหนังสือคุยกัน เริ่มเห็นภาพแปลกๆเหมือนตัวละครบางตัวในเทพนิยายข้ามเข้ามาสู่โลกของเขาจริงๆ และเขาก็ค้นพบหนังสือเทพนิยายเล่มเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยนิทานที่เขาคุ้นเคย หากแต่ดำมืดและน่ากลัวมากกว่ามาก เดวิดติดใจหนังสือเล่มนี้เสียจนสืบพบว่าเจ้าของหนังสือคือเด็กชายที่หายตัวไปนานนับสิบปีแล้วพร้อมกับเด็กหญิงเล็กๆอีกคนหนึ่ง และไม่มีใครพบทั้งคู่อีกเลย
และแล้วในวันที่เดวิดทะเลาะกับโรส แม่เลี้ยงของเขาอย่างรุนแรงนั้นเอง ที่ชายลึกลับจากหนังสือก็ปรากฏตัวออกมา เดวิดได้ยินเสียงของแม่ที่ตายไปล้วร้องเรียกให้เขาไปช่วยจากสวนหลังบ้าน ด้วยความโกรธและคิดถึงแม่ เขาวิ่งตามเสียงนั้นไปตอนที่เครื่องบินทิ้งระเบิดเยอรมันตกลงมาที่สวนหลังบ้านพอดี เดวิดหายเข้าไปในอีกภพหนึ่งอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว และการผจญภัยของเขาก็เริ่มต้นขึ้น
ตรงนี้ล่ะค่ะ อ่านแล้ววางไม่ลงจริงๆ เพราะถ้าใครที่ชอบอ่านหนังสือเทพนิยายประมาณอัศวินผจญภัยปราบปีศาจร้าย หมู่บ้านลึกลับ หอคอยปริศนา ปริศนาพวกโทรล ฯลฯ จะต้องติดใจมากๆ เพราะเรื่องนี้มีหักมุมตรงที่ไม่มีเทพนิยายเรื่องไหนเป็นไปตามที่เราเคยอ่านหรือเคยคิด ตัวละครทุกตัวมีด้านมืดที่แสนจะเสียดสีเทพนิยายที่มาของมัน อย่างตอนที่เดวิดไปเจอสโนไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ดนะคะ กลายเป็นว่าสโนไวน์เป็นหญิงสาวร่างอ้วนกลมที่วันๆเอาแต่กิน นิสัยร้ายกาจ จู้จี้จุกจิก ขี้บ่นสารพัด เรียกว่าพอเจ้าชายมาจูบสโนไวท์จนตื่นแล้วได้ยินคำพร่ำบ่นก็ขึ้นมาควบหนีไปทีเดียวค่ะ พวกคนแคระเองก็เบื่อเธอเหลือแสนเสียจนเป็นคนวางยาพิษเคลือบแอปเปิ้ลเธอเสียเอง
ตอนนี้อ่านแล้วฮามากค่ะ พูดถึงโกลด์ดิล็อกกับหมีสามตัว คนแคระบอกว่า
'...the bears just got tired of her and, well, that was that. "She ran away into the woods and never went back to the bears's house again" A likely story!'
'You mean...they killed her?" asked David.
'They ate her' said Brother Number One 'With porridge. That's what "ran away and was never seen again" means in these parts. It means "eaten".
'Um, and what about "happily ever after"?' asked David uncertainly. 'What does that mean?'
'eaten quickly' said Brother Number One.
ค่อนเล่มจะเป็นเรื่องการผจญภัยของเดวิดในภพนี้ค่ะ ซึ่งเดวิดพยายามตามหาแม่และหาทางกลับสู่โลกแห่งความจริง มีศัตรูให้ต้องฟันฝ่าเยอะแยะมากมายเชียวค่ะ ทั้งชายปริศนาหลังค่อมที่มีเล่ห์กลแพรวพราว เหล่าหมาป่าครึ่งมนุษย์ที่ต้องการครอบครองภพแห่งนั้น วังหนามลอยได้ของเจ้าหญิงนิทรา ฯลฯ
แต่หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่นิทานเด็กนะคะ ไกลจากนั้นมาก เพราะเทพนิยายหลายอย่างจบลงด้วยความตายและวัยเยาว์ที่สาบสูญ เรียกว่าอ่านแล้วมีให้อึ้งกันเป็นพักๆ แต่ที่พัทชอบมากก็คือ ผู้เขียนสามารถถ่ายทอดความรู้สึกของเด็กที่สูญเสียผู้ที่เป็นที่รักได้อย่างลึกซึ้งและความรู้สึก helplessness ในการที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลยที่จะฉุดรั้งให้คนๆนั้นมีชีวิตอยู่ต่อไป และความอึดอัดคับข้องใจ ความกลัว ความสับสนว่าคนที่ยังอยู่กับตนจะไปรักคนอื่นและเห็นค่าของตัวเองน้อยลง พัทว่ามันไม่ถึงขั้น rite of passage หรือ coming of age นะคะ แต่เป็นการค้นพบตัวเองและค้นหาวิธีที่จะอยู่กับโลกแห่งความเป็นจริงอย่างมีความสุข และเปิดใจกว้างรับผู้อื่นให้ได้มากที่สุดมากกว่า
แต่ขอบอกอีกทีว่าตอนที่สยองมันสยองจริงๆเน้อ เล่นเอาไม่คิดมองหนูน้อยหมวกแดงหรือเจ้าหญิงนิทราในแบบเดิมๆอีกเลย ฮือออ
อ้อ เกือบลืมค่ะ อ่านจบแล้วรู้สึกรักเดวิดมากและชอบจริงๆที่คนเขียนเขียนเดวิดออกมาได้สมจริงสำหรับเด็กอายุ 12 ที่เมื่อเผชิญกับปัญหาหรือศัตรูตัวร้ายก็สามารถเอาชนะความเห็นแก่ตัวและความกลัวของตัวเองได้
แน่นอนค่ะว่าเล่มนี้พี่ยาคูลท์มีแล้ว และพัททราบมาว่ามีสำนักพิมพ์ซื้อลิขสิทธิ์ไปแล้วด้วย แต่ไม่รู้ที่ไหนนะคะ แต่ฉบับภาษาอังกฤษก็ไม่ยากค่ะ (ที่แน่ๆง่ายกว่าต้นฉบับฮุคมาก ฮ่า) อ่านแล้วรับรองว่าลืมวันลืมคืนไปเลย
ทิ้งท้ายกันด้วยท่อนนี้นะคะ
'But I feared more the death of others. I did not want to lose them, and I worried about them while they were alive. Sometimes, I think that I concerned myself so much with the possibility of their loss that I never truly took plesure in the fact of their existence...'
[คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] |
|
| | |
จากคุณ :
Il Maze
- [
25 พ.ค. 50 20:12:47
]
|
|
|