ความคิดเห็นที่ 1 วันไหนก็ท่าทางจะสะดวกจ้า แต่สถานที่เอาแบบขับรถไปง่ายๆ หน่อยนะ แหะๆๆๆ ^^" จากคุณ : Clear Ice - [ 2 ก.ย. 50 23:51:18 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ก่อนอื่น ขอขอบคุณพี่แป๊ดมากค่ะที่ช่วยสแกนบทความมาให้อ่าน สำหรับเรื่องนัดกัน วันไหนก็ได้ค่ะ แต่ถ้าเลือกได้ก้ขอ วันอาทิตย์ที่ 23 ละกันนะ จากคุณ : Angel Eyes - [ 3 ก.ย. 50 10:47:48 ]

ความคิดเห็นที่ 3 มาช่วยย้ำ วันอาทิตย์ที่ 23 จ้ะ กร๊ากกกกก ส่วนของเรา ถ้าเป็นปลายเดือนก็โอเค วันไหนก็ได้ค่ะ จากคุณ : the grinning cheshire cat - [ 3 ก.ย. 50 11:53:59 ]

ความคิดเห็นที่ 4 สะดวกทั้งสองวันค่ะ   23 ก็ดี ยังไม่วุ่นกับการทำบัญชีเท่าไหร่  อู้ได้ ขอบคุณพี่แป๊ดที่สแกนบทสัมภาษณ์มาให้อ่านค่ะ วันก่อนไปเปิดหาจนเจอ (ใช้เวลานานมาก) กว่าจะเจอก็ไม่มีเวลาอ่านแล้ว วันนี้ว่างอ่าน หาเล่มนั้นไม่เจอเสียแล้ว พี่เป็นเหมือนพระมาโปรดเลย *ทำตาเป็นประกาย* อิอิ จากคุณ : ยาคูลท์ - [ 4 ก.ย. 50 01:16:26 ]

ความคิดเห็นที่ 5 งานนี้ขอติดตามไปด้วยคนได้ไหมค่ะ หนูไม่รู้จักใครแต่อยากรู้จักทุกคน จากคุณ : คลังพลอย - [ 4 ก.ย. 50 09:17:29 ]

ความคิดเห็นที่ 6 หวัดดีค่า วันมีทติ้งเป็นวันที่ 23 ก็ดีค่า ยิ่งเป็นวันอาทิตย์ยิ่งเยี่ยมเลย ตอนนี้ยังว่างอยู่ ถ้านัดจะได้บุคไว้เลย อ่านบทสัมภาษณ์คุณเฟย์แล้วเห้นด้วยมากๆเรื่องงานหนังสือ เพราะส่วนตัวเป็นคนรักการเข้าร้านหนังสือมากๆๆๆ และไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่แกมงุนงงกับการซื้อหนังสืออัดๆๆๆๆกันทีละหลายสิบเล่มตอนงานหนังสือ น้องๆที่ไปเที่ยวงานด้วยกันจะรู้ดีว่าพี่เพติ๊ดจะเป็นคนแบกหนังสือปริมาณน้อยที่สุด เยอะสุดที่เคยซื้อยังไงก็ไม่เกินสิบเล่ม เพราะพี่ไม่ชอบคนคอยเชียร์หนังสือตามบูตส์น่ะค่ะ (บางที่เหมือนพริตตี้เลย) ส่วนตัวคิดว่าการซื้อหนังสือน่าจะเป็นอะไรที่ cozy และ intimate มากกว่านี้ ชอบเดินเลือกแบบเงียบๆ นานๆ ไว้ให้ตัวเองมีสมาธินิดหนึ่งแล้วค่อยลงนั่งอ่าน ชอบใจแล้วค่อยซื้อ แต่งานหนังสือก็มีข้อดีนะคะ บางทีเราหาหนังสือไทยเก่าๆไม่ได้ ก็มาหาได้ที่งานหนังสือก็มีเหมือนกันนะคะ แต่ต้องอาศัยเดินถึกๆหน่อย 5555 อย่างคราวสองปีโน้น พี่ก็ได้หนังสือภาษาอังกฤษเก่าๆถูกๆ ของ DH Lawrence ที่หน้าปกสวยหยาดเยิ้มมาได้เหมือนกัน (แบบว่าบูตร้านหนังสือร้านไหนก็ไม่รู้ จำไม่ได้เลย จำได้แต่ว่าคนเฝ้าบูตหน้าตาดูดีมั่กๆๆๆ 5555) ถ้าลองเดินให้ดีๆ ก็มีหนังสือให้กรี๊ดเหมือนกันนะคะ แต่บูตที่มีพริตตี้มาเชียร์หนังสือนี้พี่ไม่เอาเลย จะเกลียดมากๆๆๆ เพราะมันเป็นการทำให้คอนเส็บในการอ่านหนังสือของพี่เสียไปหมด พี่จะโกรธมาก เหมือนเป็นการดูถูกคนอ่าน และก็ดูถูกหนังสือด้วย (กร้ากกก แรงไปมั้ยเนี่ย ... แต่เราคิดอย่างนี้จริงๆนะคะ) ดีใจจังค่ะที่ได้เห็นหน้าค่าตาคุณเฟย์เจ้าของเวปไซต์ที่พี่ติดตามอ่านมาเนิ่นนาน ตั้งแต่ชั้นหนังสือชั้นแรกๆ ที่ยังเป็นเรื่อง เดอะ เกรท แกทสบี้อยู่เลย และจะยิ่งน่ากรี๊ดกว่านี้ถ้าคุณเฟย์ควงคุณพี่ชายมาออกด้วย จะยิ่งดีเข้าไปอีก 555555 สาวๆแถวนี้คงมีเฮ ....แหะ แหะ (ล้อเล่นฐานแฟนคลับนะคะ) ตอนนี้เริ่มเข้าที่เข้าทางเล็กน้อยแล้วค่ะ กำลังอ่านเรื่อง makioka sisters ของทานิซากิ อยู่ ได้ค่อนเล่มแล้วค่ะ ติดหนึบมากๆๆ วางไม่ลงเลย จบเมื่อไหร่จะรีบเข้ามาเขียนรีวิวที่ห่างหายไปนานมากให้พี่ๆน้องๆได้อ่านกันนะคะ อ่านๆไปยังงงอยู่ไม่หายเลยว่า ทานิซากิเขียนหนังสือได้ยอดเยี่ยม และ ดีสุดขีดขนาดนี้ ไม่ได้โนเบลไพรซ์ได้ยังไงกัน???? เห็นลองลิสต์ของคุณป้าแล้ว แมคอีวานเจ้าประจำเข้ารอบอีกเช่นเคย แต่เล่มหลังนี้พี่ยังไม่ได้อ่านแฮะ จริงๆแล้วแมคอีวานเป็นนักเขียนที่ฝีมือการเขียนสุดยอดมากๆๆๆเลยนะคะ เป็น novelist อย่างแท้จริง เขียนได้เกือบหมดจะทุก topic แล้วนะคะ แถมเขียนแล้วอ่านสนุกอีกด้วย ถ้าลองอ่านแล้วจะวางไม่ลง ไม่บริติชมากแบบแงะไม่ออกแบบจูเลียน บาร์นส์ อ่านได้สบายๆเลย ไม่หลับด้วย ยิ่ง atonement ยิ่งติดหนึบ (หนังก็น่าจะประสบความสำเร็จนะคะ) วันก่อนอ่านหนังสือพิมพ์ เห็น atonement เป็นหนังในดวงในของพวกเทศกาลหนังต่างๆหลายที่เหมือนกัน แฟนเก่าเราใช้ได้ออกนะคะ เราอุตส่าห์ติดตามผลงานมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย ไม่ห่วยหรอก มีเผลอทำตัว snob ออกมาให้เห็นตอน Saturday ให้เจอด่าอยู่หน่อย แต่ก็พอให้อภัยกล้อมแกล้มไปได้เหมือนกัน แกเริ่มจะแก่แล้ว คงต้องพอแค่นี้ก่อนนะคะ เขียนร่ายมาซะยาวเชียว เนื่องจากห่างหายไปนาน เรื่องมีทติ้งได้วันยังไงแล้วช่วยบอกด้วยละกัน เดี๋ยวพี่ตกข่าว คุณหนูข้างบนก็เชิญมาด้วยนะคะ ยินดีค่า จากคุณ : เพติ๊ด (petitfour) - [ 4 ก.ย. 50 13:29:26 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อืมม์ เรื่องงานหนังสือ เห็นด้วยเรื่องหาหนังสือเก่าๆ เต็มที่ค่ะ แต่หนังสือใหม่ บางเล่มก็ต้องรีบคว้า เพราะกว่าจะวางตามร้านตามปกติก็ลืมไปแล้วว่ามีหนังสือ เล่มนี้อยู่ในโลก หรือบางทีก็วางไม่ครบร้านซะงั้น หนักกว่านั้นคือเป็นหนังสือ ที่ niche มาก หาตามร้านไม่เจอเอาเลย เราเข้าร้านหนังสือทุกวันนะคะ ร้านในห้างแถวบ้านน่ะค่ะ เป็นระยะที่เดินไปได้ บางทีก็แวะตอนไปกินข้าวที่ศูนย์อาหาร เดินร้านหนังสือตอนนี้ทรมานมากๆๆๆๆๆๆๆ ไม่มีหนังสือใหม่ออกเอาเลย กี่วันๆๆๆๆๆ ก็ซ้ำเรื่องเดิมๆ ดีหน่อยที่ช่วงนี้ยังมีหนังสือ จากงานมติชนมาเพิ่มบ้าง แต่คุณขา ร้านหนังสือน่ะ ไม่รู้เขาจะรู้สึกกระเทือนกับการที่คนหายไปเพราะรอ ซื้องานหนังสือหรือเปล่านะคะ เพราะดูเขาจะไม่คิดช่วยตัวเองเอาเลย อย่างน้อย เริ่มที่จัดหนังสือให้ถูกชั้นซะก่อนก็ดีนะคะ ล่าสุดนี้เอาหนังสือกดจุดของสนพ. ผีเสื้อไปไว้ที่วรรณกรรมเยาวชน (อีกแล้ว) นี่แสดงว่าไม่ดูหน้าปกเลยนะนั่น เพราะ ถ้าดูปก อย่างน้อยก็ควรได้อยู่หมวดสยองขวัญ (ฮา) ไม่รู้ว่ากรณีนี้กับกรณีหนังสือ ไร้เลือด ที่พิมพ์หน้าปกตัวเบ้อเริ่มว่าไม่ใช่วรรณกรรมเยาวชน แต่ก็ยังไปอยู่ชั้นนั้น จนได้ นี่อันไหนจะน่ากลุ้มใจกว่ากัน ร้านหนังสือแห่งเดียวที่เคยเข้าและเห็นว่าจัดหนังสือไม่เคยหลงชั้นเลย อยาก ได้หนังสือแบบไหนก็มีหมด ขนาดหนังสือเก่าจนสำนักพิมพ์ไม่เอาไปงานหนังสือ แล้ว ที่นี่ยังมี ก็คือคิโนะคุนิยะ ซึ่ง-เป็น-ร้าน-เชน-จาก-ต่าง-ประ-เทศ ไม่ทราบว่าซีเอ็ดกับนายอินทร์รู้สึกอย่างไร แต่ดิฉันรู้สึกอายมากค่ะ *** รายงานการอ่านนิดหนึ่ง ยังมุ่งมั่นกับการอ่านหนังสือตกรุ่นอยู่เหมือนเดิมค่ะ ตอนนี้อ่าน The Giver ที่เคยมีคนรีวิวไปแล้ว อ่านแล้วอยากอ่าน 1984 ขึ้นมา ติดหมัด เราคงจะแก่เกินไปแล้วจริงๆ นั่นแหละ ยังรับสารเขาได้ ขนลุกเป็นบาง ครั้ง แต่ก็ยังรู้สึกตลอดเวลาว่าการนำเสนออ่อนจังเล้ยยยยย แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 50 15:44:51 จากคุณ : the grinning cheshire cat - [ 4 ก.ย. 50 15:42:58 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ตกลงวันที่ 23 ใช่มั้ยคะพี่น้อง โอเชๆ เสียดายหลายๆ คนไปอยู่ตปท.ซะแระ คงจะเงียบเหงาไปนิดนึง แต่ยังไงก็ต้องเลือกร้านเลิศๆ หน่อยน้า จะได้ถ่ายรูปไปยั่วคนไกล 555 ((นิสัยดีป่าว??)) .... คุณคลังพลอยยินดีต้อนรับค่ะ และถ้ามีใครที่ได้อ่านกระทู้นี้แล้วอยากไปนั่งคุยกันก็ยินดีนะคะ ^^ จะได้คึกคัก เดี๋ยวพอได้สถานที่เวลาแน่นอนแล้ว คงจะมาแปะแจ้งกันในกระทู้นี้ล่ะเนาะ .... อ่า...สารภาพว่า เป็นคนหนึ่งที่ซื้อหนังสือที่งานหนังสือเยอะมากๆ ค่ะ ทุกรอบไม่เคยต่ำกว่าหมื่น เพราะปกติไอซ์ไม่ค่อยจะไปไหนอะ ถ้าออกจากบ้านทีจะซื้อหลายเล่ม เป็นคนติดบ้าน เกลียดรถติดง่ะนะ แหะๆๆ แล้วก็...ซื้อมาดองๆ เอาไว้ แหะๆๆๆ .... เพิ่งวางเรื่อง Map of Bones ไปค่ะ รีวิวแล้วด้วย เชียร์ออกนอกหน้าหน่อยน้า ฮา http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=clear-ice&month=09-2007&date=03&group=3&gblog=62 แล้วก็เพิ่งรู้ว่า James Rollins เป็นคนเดียวกับ James Clemens อ่า...ทั้งๆ ที่เป็นแฟนหนังสือของเขาทั้งสองนามปากกาเลย โฮ่ๆๆๆ ตอนนี้เพิ่งหยิบเรื่อง The Interpretation of Murder ขึ้นมาพลิกๆ ได้สี่ห้าหน้า ยังไม่รู้เลยว่า จะอ่านต่อหรือเปล่า ตอนนี้อารมณ์ไม่ค่อยคงที่เท่าไหร่ อยากอ่านอะไรบางๆ เหมือนกันค่ะ ^____^ จากคุณ : Clear Ice - [ 4 ก.ย. 50 18:36:13 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เอ่อ คือ เรายังจะไปติ่มซำบุฟเฟ่ต์ที่ The Good Earth ตามที่คุณปุ๋ยแนะนำ ไว้ที่กระทู้ที่แล้วกันอยู่หรือเปล่าคะ ได้โปรดเถอะ //me ทำตาปิ๊งๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อย่าหลอกหนูไปดูรีวิวให้อยากแล้วจากไปสิเคอะ น้ำยายไหยๆๆๆ จากคุณ : the grinning cheshire cat - [ 4 ก.ย. 50 19:55:11 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ^ โอเค ร้านนั้นละกัน เหมียวยิ้มจะเลี้ยง  เย้~ (อ๊ากกก ล้อเล่นนนนนน  อย่าขว้างอะไรมานะ) คุณคลังพลอย ยินดีต้อนรับค่ะ เดี๋ยวนี้ไม่ได้เข้าร้านหนังสือเป็นประจำแล้วค่ะ  หรือถ้าเข้า ก็เห็นแต่นิยายปกการ์ตูนที่พบได้ทั่วไป (เหมือนจะไซโคให้ทุกคนอ่านแต่แนวนี้)  บางทีเลยไม่รู้จะเข้าไปทำไม  เพราะไปหาเล่มที่ตั้งใจจะซื้อ ก็หมด หรือเหลือเล่มเดียวสภาพเยิน  ...สรุปว่าหนังสือที่ไม่ใช่นิยายเบาสมอง ต้องไปหาในงานหนังสืออยู่ดี เห็นด้วยกับเหมียวยิ้มว่าคิโนะจัดหนังสือไทยได้ดี และมีเล่มที่ไม่ค่อยเจอตามนายอินทร์ บีทูเอสหรือซีเอ็ดด้วย  เดี๋ยวนี้แวะคิโนะ นอกจากจะนั่งส่องหนังสือเทศแล้ว ยังเลยไปส่องหนังสือไทยด้วย  เข้าเมืองทีหายไปทั้งวันเลย  เริ่มอยากทำบัตรสมาชิกนิด ๆ แล้วนะเนี่ย ...เมื่อไหร่จะมีคิโนะมาเปิดแถวบ้านเราบ้างน้อ~ The Interpretation of Murder ... อะจึ๋ยส์ อ่านค้างอยู่แค่บทสองบทแรกเองอ่ะ ลืมไปเลย   ไม่รู้จักหนังสือในลองลิสต์ปีนี้เลยค่ะ  เคยเปิดอยู่เล่มสองเล่มเองมั้ง แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ เล่มไหนเข้าชอร์ทลิสต์หรือได้รางวัลค่อยหามาอ่าน ได้เปลี่ยนสไตล์จากคนเขียนเดิม ๆ บ้าง  (เผื่อจะมีนักเขียนรุ่นหลัง หนุ่มหล่อ หน้าตาคมเข้มมาให้ใครระทึกใจบ้าง) ** สถานการณ์การอ่านล่าสุด เพิ่งอ่าน How to be Popular ของเม็กจบค่ะ   เป็น young adult  แฝงประเด็นในรั้วโรงเรียนเหมือนเรื่อง Teen Idol   เล่มนี้จับประเด็นความป็อบปูล่าร์ในโรงเรียน   นางเอกชื่อสเตฟานี่ได้หนังสือชื่อ How to be Popular มาและตั้งใจจะนำมาปฏิบัติเพื่อกู้ชื่อเสียที่ติดตัวเธอมา 5 ปีแล้ว และกลายเป็นสาวป็อบกับเขาบ้าง  โดยมีเจตนาแอบแฝงอยู่นิดนึงคือเธอแอบเล็งหนุ่มป็อบอันดับหนึ่งในโรงเรียนไว้ด้วย   เนื้อเรื่องไม่มีอะไรมาก เป็นเหตุการณ์ตั้งแต่เริ่มเปิดภาคเรียน สเตฟานี่ปรับปรุงนิสัยและรูปลักษณ์ภายนอกจนป็อบสมใจ  จนกระทั่งปัญหาของเธอเปลี่ยนจากการไขว่คว้าเป็นการรักษาความป็อบปูล่าร์นั้นไว้ เมื่อเพื่อนกลุ่มใหม่เรียกร้องอะไรที่สเตฟานี่คนเก่าไม่มีทางรับปากแน่ ... อ่านแล้วนึกถึงซีรี่ส์ Popular ที่ยูบีซีเคยเอามาฉายค่ะ  ค่อนข้างชอบซีรี่ส์นั้น แล้วก็ชอบหนังสือเล่มนี้ด้วย  เป็นนิยายที่เหมาะจะให้วัยรุ่นอ่านจริง ๆ  ตอน Teen Idol ก็ว่าดีแล้ว เล่มนี้อาจดีกว่านิดนึงด้วย--อ่านลงตัวกว่าน่ะ  มีทั้งเรื่องรักแล้วก็สาระ  ช่างต่างจากนิยายวัยรุ่นของไทยเสียนี่กระไร หึหึ --- อีกเล่มที่อ่านจบไปพักหนึ่งแล้วก็คือ Killer Dreams ของไอริส โจแฮนเซ่น นางเอกเป็น dream therapist  (แต่ในเรื่องไม่ค่อยพูดถึงเรื่องงานเท่าไหร่)  พระเอกเป็นอดีตซีล ปัจจุบันรับงานตามใบสั่ง และมีเป้าหมายโค่นล้มตัวร้ายที่เคยจับเขาไปล้างสมองในโครงการ REM-4 และทำให้น้องชายเขาตาย   ทีนี้ นางเอกนี่แหละที่เป็นคนคิดสูตรที่ใช้ใน REM-4  แต่เธอคิดเพื่อรักษาคนเป็นโรคนอนไม่หลับ  แต่เจ้านายเก่า (ตัวร้าย) เอามาใช้ล้างสมองคน เนื้อเรื่องในเล่มค่อนข้างเยิ่นเย้อค่ะ  ตัวละครพูดๆๆ ไม่ค่อยมีแอ๊คชั่นให้ลุ้น (หรือมีแต่ไม่รู้สึกลุ้นเองก็ไม่รู้ แหะแหะ)  อารมณ์ตอนอ่านคล้ายอ่านโรมานซ์ผสมสืบสวนมากกว่า  ไคลแมกซ์อยู่ที่ 70 หน้าสุดท้ายเองมั้ง  ...แต่ก็สนุกใช้ได้ค่ะ คนเขียนเขาเปิดเรื่องให้สนใจอยากรู้เบื้องลึก จนโดนหลอกให้อ่านจนจบได้น่ะ  สรุปว่าอ่านเอาเพลิน ไม่ได้เอาสาระ   ว่าแล้วก็กลับไปปลุกปล้ำกับยัยเทมเพอแรนซ์เจ้าเก่าต่อ  (จะพยายามอ่านเล่มนี้ให้จบ แล้วค่อยไปหาด็อกเตอร์ฟรอย์กับจุง) ไว้คุยกันค่ะ แก้ไขเมื่อ 05 ก.ย. 50 00:36:13 จากคุณ : ยาคูลท์ - [ 5 ก.ย. 50 00:24:41 ]

ความคิดเห็นที่ 11 แวะมาสวัสดีคุณไอซ์ค่ะ หายหน้าหายตาไปนาน(เพิ่งรู้ว่าต้องเอาเรื่องกินมาเรียก... ฮ่าฮ่าฮ่า) ว่าแต่ได้เป็นใหญ่เป็นโตหรือยัง (แต่ที่แน่ๆ ต้องขับรถเก่งแล้วแน่นอน) เชียร์คุณเหมียวยิ้มให้อ่าน 1984 ค่ะ อ่านๆ ไปติดหนึบไม่รู้ตัว ป้าชอบเรื่องนี้มากกว่า Animal Farm นะคะ เรื่องร้านหนังสือจัดหนังสือพิกลนี่อาจเป็นเพราะคนทำงานในร้านหลายแห่งไม่ใช่คนอ่านหนังสือมังคะ บางแห่งไปถามหาหนังสือมีบอกให้ไปหาผิดชั้นอีกต่างหาก เมืองที่ป้าอยู่นี่พนักงานร้านขายหนังสือไม่ค่อยรู้จักหนังสือเหมือนกันค่ะ วันหนึ่งไปเดินหา Bleak House ของดิคเก้นส์ พนักงานหาไม่เจอเลยบอกป้าให้เอาดาวินชี่ โค้ดไปอ่านแทน สนุกกว่ากันเยอะเลย ...เฮ้อ... คงแทนกันได้มั้ง ลองอ่านเรื่องย่อของนิยายที่เข้าลองลิสต์บุ๊คเกอร์ไพรซ์แล้วไม่มีเรื่องไหนสะดุดใจเลยค่ะ มีโอกาสได้พลิกอ่านบางเรื่องก็ยังไม่ติดอกติดใจ สงสัยปีนี้จะออกแนวเนิบนาบไม่หวือหวาสักเท่าไหร่ ใครได้อ่านเรื่องไหนแล้วมาบอกต่อกันบ้างนะคะ รอฟังข่าวงานมีตติ้งค่ะ (อยากไปจัง คิดถึงของกินมากกก...) จากคุณ : ป้า (น้ำคำ) - [ 5 ก.ย. 50 03:07:12 ]

ความคิดเห็นที่ 12 แว่บมาอีกรอบค่ะ สารภาพเลยว่า กระทู้เก่าไม่ได้อ่านเลย เพราะกลัวสปอยล์แฮรี่ 555 ไอซ์ไม่ได้อ่านตั้งแต่เล่ม 3 แล้วนะ กะรอให้ออกครบแล้วอ่านรวดเดียวจบ ก็ยังไม่มีเวลาซักที เพราะฉะนั้น จะไปดูอะไร ฟังใครพูด จะระวังสุดๆ เลยตกข่าวซ้า T^T ไปกินไหนก็ไปค่ะ 555 เรื่องกินนี่ขอให้บอก คุณป้าคะ ไอซ์ขับรถพอได้แล้วน้า ปีที่ผ่านมายังไม่ได้ไปชนใครเลย มีแต่จอดเฉยๆ แล้วถูกเค้าชน แง แต่ว่ายังไม่รู้ทางเหมือนเดิมค่ะ 555 ไปอ่านเรื่องย่อของนิยายที่เข้าลองลิสต์บุ๊คเกอร์ไพรซ์แล้วไม่มีเรื่องไหนสะดุดใจเลยเหมือนคุณป้าง่ะค่ะ งืมๆ ขอบคุณพี่แป๊ดที่เอาบทสัมภาษณ์คุณเฟย์มาให้อ่านค่ะ ขอคุยยาวหน่อยนะคะ อ่านแล้วบางส่วนเห็นด้วย บางส่วนก็ไม่เห็นด้วยอะค่ะ อาจจะเพราะอยู่ในวงการหนังสือด้วยมั้ง 555 ขัดใจกับประโยคที่บอกว่า "กลายเป็นความเท่อย่างหนึ่งด้วย ซื้อหนังสือเยอะๆ แล้วเอามาเทียบกันว่าใครซื้อเยอะกว่า" เอ่อ...อาจจะเข้าตัวเล็กน้อย ไอซ์เป็นคนซื้อหนังสือที่งานหนังสือเยอะมาก เพราะปกติไม่ค่อยได้ไปไหน ((เบื่อรถติด ไปไหนไม่ค่อยถูก)) และซื้อเผื่อคนอื่นในบ้านด้วย งานหนังสือจะเป็นงานถลุงเงินของแท้ แต่ไม่เคยคิดว่าจะมีใครเอาไปเปรียบเทียบกับใครว่าเป็นความเท่ที่ซื้อเยอะนะ ... แปลกๆ แฮะ ... ไม่รู้นะ คิดว่าหลายๆ คนก็มีเหตุผลในการทำอะไรที่แตกต่างกัน พออ่านแบบนี้แล้ว ตะหงิดนิดหน่อยค่ะ ไอซ์อาจจะมองว่า มันเป็นระบบการจัดการการใช้เงินของแต่ละคนผสานไปด้วยล่ะมั้ง วงการวรรณกรรมของไทยไปเปรียบเทียบกับต่างประเทศยากนะไอซ์ว่า ถ้าคุณเขียนเป็นภาษาอังกฤษ ... มีคนสามารถอ่านออกกี่คนในโลก ถ้าเป็นภาษาไทย จำนวนคนอ่านจำกัดกว่ากันแค่ไหน และสังคมไทยก็แตกต่างออกไปด้วย ... เท่าที่สังเกต ... หนังสือที่ขายได้เยอะ ส่วนใหญ่เป็นหนังสือที่ "ย่อยง่าย" ... มันเป็นผลพวงมาจากระบบการศึกษาด้วยหรือเปล่า?? บวกกับสภาพสังคมที่ปัจจุบันนี้ทั้งเรื่องการเมือง เศรษฐกิจและอื่นๆ ทำเอาคนไทยเครียดไมเกรนขึ้นไปตามๆ กัน หลายๆ คนที่ชอบอ่านหนังสือ เห็นปัญหา และอยากให้มีหนังสือดีๆ ออกมา ก็อยากจะให้ช่วยกันอุดหนุนด้วยค่ะ แต่บอกเลยว่า หนังสือ "ดีๆ" มีสาระ ส่วนใหญ่มันขายยาก ยากมากๆ และพอขายไม่ออกมันก็จะหายไปๆ หนังสือที่ทำแล้วขาดทุน จะมีสักกี่สนพ.อยากทำ? เอาแค่ยอดพิมพ์ของตัวเองก็ได้ค่ะ บอกตรงๆ ว่า หนังสือที่ไอซ์คิดว่า เขียนได้ดี เป็นหนังสือที่ "แหวกแนว" ออกไป เช่น วรรณกรรมเยาวชน หรือแนวสะท้อนสังคม ... สู้หนังสือแนวตลาดไม่ได้เลย สู้ไม่ได้เลยจริงๆ จริงแท้และแน่นอน ยอดห่างเยอะด้วย ถ้ามองในแง่ไอดีลลิสติก ก็อาจจะพูดว่า ขอแค่ให้มีคนอ่านแค่สองสามคนก็พอแล้ว แต่ในแง่ธุรกิจ ถ้าเขียนไปแล้วหนังสือของเราขายไม่ได้ ใครจะมาพิมพ์ให้ล่ะคะ   ดังนั้น...ถ้านักอ่านไทยอยากให้มีหนังสือดีๆ และหลากหลายออกมาเยอะๆ ก็ต้องช่วยกันอุดหนุนด้วย จะได้ผลักดันให้นักเขียนได้มีโอกาสเขียน นักแปลได้มีโอกาสแปลหนังสือหลายๆ แนว แล้ว...จะให้สนพ.ไทยทำเฉพาะหนังสือ ปล่อยให้งานส่วนอื่นๆ เป็นหน้าที่ของหน่วยอื่นๆ ... โอ้โห...เป็นความฝันของนักเขียนเลยค่ะ ขอมีเอเจนซี่ดูแลด้วยนะ ... แต่...ในความเป็นจริงมันเป็นไปได้ที่ไหนง่ะ อย่างน้อยก็ในปัจจุบันนี้แหละ ขัดใจสุดๆ กับที่บอกว่า "งานหนังสือจะสร้างหายนะแต่วงการหนังสือ" อืม...ไอซ์ไม่เห็นด้วยนะ ไอซ์มองว่าเป็นการขับเคลื่อนอย่างหนึ่งเท่านั้นเอง หลายสนพ.จะออกหนังสือในช่วงงานหนังสือเยอะมาก และยอมรับว่า เห็นอยู่ค่ะว่า บางสนพ. คุณภาพหนังสือต่ำกว่าปกติ แต่...แต่...และแต่... สนพ.ส่วนใหญ่จะมีการวางแผนไว้แล้วว่า จะออกงานหนังสือเยอะกว่าช่วงปกติ ดังนั้นจะมีการวางแผนเอาไว้แล้ว คุณภาพหนังสือส่วนใหญ่น่าจะอยู่ในมาตรฐานที่ไม่ต่างไปจากปกติหรอก แล้วทำไมต้องออกหนังสือมากปกช่วงงานหนังสือ? เหตุผลหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือ สนพ. สามารถเข้าถึงคนอ่านได้โดยตรง และขายได้ในปริมาณเยอะในเวลาอันรวดเร็ว ดังนั้น...สต็อกหนังสือมันจะไม่ล้นโกดังค่ะ ผิดกับเวลาปกติ ที่มันจะขายไปได้เรื่อยๆ พื้นที่ในโกดังเก็บน้อย ก็ออกน้อยปกกว่างานหนังสือ การที่วัยรุ่นไทยอ่านอะไรอยู่ในตอนนี้ เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงก็จริง ((ไอซ์บอกตรงๆ ว่าแอนตี้หนังสือแนวแฉๆ พอสมควร)) แต่ว่า...มองในแง่ความเป็นจริง วัยรุ่นไทยอ่านหนังสือเยอะขึ้นกว่าเดิมด้วยหรือเปล่า?? วัยรุ่นเหล่านี้จะต้องเติบโตขึ้นค่ะ สำหรับคนรักการอ่านแล้ว ยังไงๆ ก็จะต้องมีส่วนหนึ่งก้าวต่อไปอ่านหนังสือดีๆ แน่นอน ไอซ์มองว่ามันเป็นการสร้าง "ฐานนักอ่าน" สำหรับงานดีๆ ต่อไปในอนาคตนะ อาจจะมองโลกในแง่ดีส่วนหนึ่ง และส่วนหนึ่งมาจากการดูแนวโน้มนักอ่านของแจ่มใส เด็กๆ ที่อ่านหนังสือวัยรุ่นแนวแจ่มใสเลิฟซีรียส์ พอโตขึ้นก็ขยับขึ้นมาอ่านแนวความรู้สึกดีฯ และ DOL หลายคนค่ะ ... มันหมายถึงว่า เด็กเหล่านี้เติบโตในโลกของการอ่านมากขึ้น และเมื่อพวกเขาโตขึ้นไปอีก ก็จะขยับไปอ่านนิยายที่เข้มข้นมากขึ้น รวมถึงหนังสือแนวอื่นๆ อีกด้วย ... สรุปว่า ไม่เห็นด้วยกับคุณเฟย์หลายอย่าง แต่ยังชอบคุณเฟย์เหมือนเดิมนะ 555 ... อ่านแล้วงงๆ ไหมเนี่ย พอดีรีบนิดหน่อยค่ะ เดี๋ยวจะต้องออกไปเก็บตัวอย่างต่างจังหวัด ... แต่อยากเสนอความคิดเห็นอีกแง่เท่านั้นเอง แก้ไขเมื่อ 05 ก.ย. 50 08:50:11 จากคุณ : Clear Ice - [ 5 ก.ย. 50 08:44:36 ]

ความคิดเห็นที่ 13 โอ้โห วันนี้ทู้เข้มข้น (อย่างที่ไม่เคยเป็นกันมานานแล้ว ฮ่าๆๆ) อยากบอกว่าเห็นด้วยกับความเห็นหลายแง่มุมของทุกคนนะคะ อย่างไอซ์ก็เข้าใจในฐานะที่เป็นคนเขียนด้วย เดี๋ยวไปตามปุ๋ยมาในฐานะคนแปลดีกว่า ว่ามาตรฐานตกไปจริงๆรึเปล่า พัทว่างานหนังสือก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียแน่นอนค่ะ เหมือนของทุกอย่าง ข้อดี เอาในฐานะคนไกลบ้านอย่างพัทคือไปงานเดียว ได้หนังสือทุกอย่าง โธ่ กว่าจะได้กลับแต่ละทีตั้งปีๆๆๆ แต่อีกอย่างที่พัทว่านะ สำหรับเด็กๆ การได้เดินเลือกหนังสือตั้งแต่ตอนเล็กๆ สัมผัสบรรยากาศที่คึกคัก ชวนตื่นตาตื่นใจ สลับกับการไปร้านหนังสือธรรมดาที่มีมุมให้เด็กๆอ่านอยู่แล้วก็ทำให้อยากอ่านมากขึ้นนะคะ อันนี้พัทพูดถึงวัยเด็กๆเลยนะคะ ปกติถ้าอยู่เมืองไทยจะพาหลานไปงานทุกปี วันแรกที่จัดงาน เพราะคนน้อยสุด แล้วก็จะตั้งงบไว้ ให้หลานเลือกกันเอง แล้วเราก็บอกไปด้วยว่าพอโตขึ้นมาอ่านเรื่องนี้นะ สนุกมากๆ พวกเด็กๆก็สนุกกัน ได้เลือกหนังสือที่เขาสนใจ แล้วก็มีตัวเลือกที่หลากหลาย ไม่ใช่ว่าที่บ้านพัทไม่พาเด็กไปซื้อหนังสือตามร้านนอกงานนะคะ ไปกินข้าวนอกบ้านหรือไปห้างกันทีไร ก็จะให้เลือกกันคนละเล่มทุกครั้ง เพียงแต่ว่างานหนังสือมันเหมือนแฟนตาซีหน่อยๆน่ะค่ะ เหมือนไปงานวัดอะไรทำนองนี้ ฮ่า แล้วพัทก็คิดว่าถ้าคนเรารักที่จะอ่านหนังสือจริงๆ ไม่ใช่การอ่านอย่างที่หลายคนเรียกว่าอ่านตามแฟชั่น อันจะเป็นการอ่านหนังสือแฉหรือขายดิบขายดีอะไรแบบนี้อย่างเดียว ถ้าเขาอยากอ่านหนังสือเล่มใดเล่มหนึ่ง พัทว่ามีโอกาสปุ๊บ เขาซื้อแน่ค่ะ แต่ไอ้กว่าจะไปถึงขั้นที่ว่ารักการอ่านจริงๆเนี่ยสิ มันจะผ่านกระบวนการอะไรมาก่อน หากคนๆหนึ่งไม่ได้รับการปลูกฝังให้รักการอ่านมาตั้งแต่เล็กๆ (หรือในกรณีใครบางคน ถูกที่บ้านขัดขวางจนหันมารักการอ่านสุดใจ ฮ่า) พัทเห็นด้วยกับไอซ์ว่ามหกรรมการซื้อหนังสือในงานน่าจะเป็นการขับเคลื่อนหรือการเปลี่ยนผ่านที่น่าจะผลักดันให้คนรักการอ่านหนังสือที่ลุ่มลึกมากขึ้นนะคะ อีกอย่าง พัทว่าอ่านแนวเดิมๆมันอิ่มตัวนะ คุณจะอ่านวัยใสหวานแหววไปได้นานแค่ไหนกัน ยังไงเสียคุณก็ต้อง outgrow มัน ขยับไปอ่านหนังสือที่หลายหลายขึ้น หรือคุณอาจจะอ่านหนังสือสะเปะสะปะ เหมือนกับเวลาที่บางอารมณ์อยากกินแมคโดนัลด์แนวๆนั้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพออ่านหนังสือตามกระแสแล้วจะไม่หวนกลับมาอ่านวรรณกรรมดีๆ แต่ก็ขอให้สนพไม่แห่กันทำหนังสือตามกระแส แนวดาวินชี่ขายดีก็ไปขุดเล่มอื่นกันออกมา เดี๋ยวมันจะกลายเป็นวงจรอุบาทว์ ทำนองว่าทำหนังสือดี ไม่มีคนซื้อ เลยต้องทำหนังสือกระแส เพราะได้เงิน คนอ่านก็จะกลายเป็นว่า ไม่มีหนังสือดี เลยต้องอ่านตามกระแส อะไรทำนองนี้ไป เศร้าน่อ สรุปแล้วพัทว่าเราต้องทำให้การไปงานหนังสือเป็นแค่ทางเลือกทางหนึ่งนอกเหนือจากการไปซื้อที่ร้าน แต่ไม่ใช่ทำให้มันกลายเป็นแค่ทางเดียวในการเลือกซื้อและเสพหนังสือนะคะ แล้วก็ขอบอกว่าชอบคำสัมภาษณ์คุณเฟย์มากด้วยคนค่ะ เอาเข้าจริงพัทก็ไม่ค่อยได้ซื้อหนังสือที่งานมากเท่าไหร่ จะมีก็เล่มที่อยากอ่านแล้วไม่ได้ซื้อไว้ก่อนจริงๆ ส่วนใหญ่ก็พาหลานไปเลือกมากกว่า แล้วก็ไม่ชอบเสียงเอะอะกับคำประกาศในงานที่ผิดยันเตจนบางครั้งงงว่าคนประกาศนี่อ่านหนังสือรึเปล่า ฮ่า ขำคุณป้ามาก หา bleak house คนขายชวนอ่าน da vinci แทน กร้าก คุณป้าคะ พัทก็เพิ่งอ่านแนวดิกเค่นส์จบไป ชื่อ The meaning of night ค่ะ โอย น้ำตาตกใน เศร้าสลดรันทนใจ บีบคั้นความรู้สึกเหลือประมาณ แถมหนังสือยังปาเข้าไปเกือบหกร้อยหน้า โอ้ววว ตอนจบทำให้น้ำตาแทบไหลค่ะ ไม่รู้เพราะปวดตา ปวดใจ หรือปวดมือ (ฮ่า) เขียนดีนะคะ แต่ก็ยืดเยื้อพอประมาณตอนกลางๆเล่ม ต้นเรื่องนี่มันหยดติ๋งเลยค่ะ คิดดู ประโยคเปิดเรื่องบอกว่า After killing the red-haired man, I took myself off to Quinn's for an oyster supper สำนงสำนวนนี่วิคตอเรียนมากๆๆๆ เปิดดิกมือแทบหัก ฮ่า แต่พล็อตเรื่องนี่พอเดาได้ค่ะ จริงๆพัทว่าหลังจากอ่าน The Quincunx แล้วเล่มอื่นอ่อนไปถนัดใจ ในด้านพล็อตนะคะ แล้วมันมีหมดเลย ปริศนากำเนิดอันซับซ้อนซ่อนเงื่อน พระเอกที่ก็ไม่ใช่คนดีเสียทีเดียว ตัวร้ายที่ร้ายเหลือ หญิงงามซ่อนความโหด เขียนไปเขียนมายังกะหนังจีน ฮ่า ทราบมาว่าเล่มนี้คนเขียนใช้เวลาเขียน 30 ปีเชียวนะคะ เพราะงั้นตอนอ่านแล้วพัทรู้สึกเหมือนอ่านไปสามปีก็คงไม่ผิดปกติ เอิ้ก ยังค่ะ ยังไม่พอ น้ำตาตกในกับเล่มก่อนยังไม่พอ มาตกกันจริงๆกับเล่ม boy in the striped pyjamas เรื่องของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในเอาซ์วิทซ์ผ่านสายตาซื้อบริสุทธิ์ของเด็กวัยเก้าขวบ อันนี้อ่านจบแล้วน้ำตาตกจริงๆค่ะ เล่มนิดเดียว อ่านคืนเดียวจบ นอนไม่หลับเลย ฮือๆๆๆ ให้ความรู้สึกเหมือนดู life is beautiful มากๆค่ะ เลยล้างตาด้วยการอ่านแนว thriller ของ Tess Geritsen เรื่อง body double หูย มันหยด น้ำตาแห้งทันที ทั้งหมดนี้เดี๋ยวจะลงไว้ในบล็อกยามมีเวลาค่ะ อ้อ พัทก็มี the interpretation of murder นะ (แนวนี้ไม่มีพลาด เอิ้ก) แต่ยังไม่ได้อ่านเลยค่ะ ขอหลบเข้าไปคอมฟอร์ทโซน อ่าน The boleyn inheritance ของ Philippa Gregory คนโปรดก่อนเน้อ จากคุณ : Il Maze - [ 5 ก.ย. 50 14:14:05 ]

ความคิดเห็นที่ 14 อืมม เรื่อง "งานหนังสือจะสร้างหายนะแต่วงการหนังสือ" นั่น เราว่าตัวคุณเฟย์ เองเธอเคลียร์กับประเด็นนี้จนลืมขยายความเวลาพูดน่ะค่ะ แต่เราเก็ทนะคะ คือลองนึกดูสิคะ ถ้าการถล่มซื้อหนังสือปีละสองครั้งในงานทำให้ธุรกิจร้าน หนังสืออยู่ไม่ได้ แล้วเราจะไม่มีร้านหนังสือไว้ให้ซื้อหนังสือกันเลย อยากได้ อะไรต้องรอเดือนมีนา เดือนตุลาเท่านั้น อะไรจะเกิดขึ้น จริงค่ะ คนรักการอ่าน ที่แท้จริงที่ซื้อหนังสือเรื่อยๆ โดยไม่เกี่ยงราคามากนักอาจจะมีอยู่ แต่มีจำนวน ไม่มากพอจะรักษาธุรกิจร้านหนังสือให้อยู่รอดได้ เมื่อนั้นเราจะทำอย่างไรกัน คิดว่าตรงนี้ล่ะค่ะ "หายนะ" ของวงการหนังสือที่ว่า คือไม่ได้ดูแค่การผลิต หนังสือ แต่ดูการกระจายหนังสือ ระบบจัดจำหน่ายต่างๆ ด้วย อีกเรื่องหนึ่งคือราคาหนังสือค่ะ ได้ข่าวว่าตอนนี้มีบางสำนักพิมพ์เริ่มตั้งราคา เผื่อลดในงานหนังสือกันแล้ว ซึ่งจริงๆ ตรงนี้เราก็ไม่เข้าใจว่าทำไม เพราะ การขายในงานเป็นการซื้อตรงจากผู้ผลิต ได้เงินกันเต็มเม็ดเต็มหน่วย ราคา ที่ลดคือส่วนที่ปกติต้องหักให้สายส่งนั่นแหละ แล้วทำไม??? ก็ไม่ทราบนะคะ เฮ่อ จริงๆ เรื่องนี้อยากให้คุณคนชายขอบ http://www.fringer.org มาวิเคราะห์ จังเลย น่าจะตรงและได้น้ำได้เนื้อกว่ากันมาก รายงานการอ่าน กำลังอ่าน After Dark ของพี่มุราคามิอยู่ค่ะ พี่มุราคามิแสน อร่อย ใครอยากชิมรสชาิติเมนูนักเขียนอื่นๆ ก็เชิญได้ที่บล็อกนะเคอะ อิอิ แผล็บๆ จากคุณ : the grinning cheshire cat - [ 5 ก.ย. 50 15:01:41 ]

ความคิดเห็นที่ 15 จาก bleak house เป็น da vinci ... เอ่อ เป็นอึ้งค่ะ การแนะนำหนังสือในลักษณะนี้สมควรถือเป็นอาชญากรรมนะเนี่ย เรื่องในวงการหนังสือ มันเป็นวงจรอุบาทว์น่ะ มีแต่เรื่องรักเพราะมันขายได้ ขายดี  สนพ. และคนแต่งเลยเขียนแต่เรื่องรัก   พอมีแต่เรื่องรักหรือแนว "ย่อยง่าย" บนแผง คนก็อ่านเป็นแต่แนวนั้น พอสนพ. ชิมลางส่งแนวอื่นที่มีสาระมาขายบ้าง ก็ยอดขายน้อย จึงต้องเน้นแนวย่อยง่ายเช่นเดิม มองในแง่ดี ตลาดตอนนี้ก็มีหนังสือเยอะดีนะ เพียงแต่คนไม่ค่อยรู้จักหรือไม่นิยมเท่าแนวรักโนเนะ แนวย่อยง่ายเท่านั้นเอง  ปัญหาอีกอย่างคือแนวสาระ..มักจะแพง  ยิ่งพวกหนังสือเด็กที่เน้นสอนไปด้วยเนี่ย แพงมากสำหรับหนังสืออ่านเล่น ถ้าเพียงแต่รัฐบาลจะหาทางช่วยให้ราคาหนังสือไม่แพงเกินไปนัก หรือมีห้องสมุด (ที่มีหนังสือใหม่ครบ ๆ หน่อย) มากแห่งและเข้าถึงง่ายกว่านี้  สถานการณ์คงไม่น่าห่วงค่ะ ...ซึ่งก็แปลว่าน่าห่วง เพราะสองสิ่งที่ว่ามานี้ ยังเป็นความฝันอันยาวไกล 555 จากคุณ : ยาคูลท์ - [ 5 ก.ย. 50 18:27:02 ]

ความคิดเห็นที่ 16 มาอีกแล้ว กร๊ากกก ว่าจะรอให้มีหลายๆ คนมาตอบก่อน แต่ว่านะ อดไม่ได้ 555 เห็นด้วยกับพี่พัทตรงนี้มากๆ ค่ะ "สรุปแล้วพัทว่าเราต้องทำให้การไปงานหนังสือเป็นแค่ทางเลือกทางหนึ่งนอกเหนือจากการไปซื้อที่ร้าน แต่ไม่ใช่ทำให้มันกลายเป็นแค่ทางเดียวในการเลือกซื้อและเสพหนังสือนะคะ" คนไปงานหนังสือ ไอซ์มองว่าเป็นแค่คนส่วนหนึ่งเท่านั้นเอง แล้วคนบ้าหนังสืออะนะ ไปไหนก็อดซื้อไม่ได้หรอก ไอซ์เองก็ด้วย ถึงจะซื้อในงานหนังสือเยอะ แต่ถ้าได้เข้าร้านหนังสือก็อดขนซื้อไม่ได้เหมือนกัน และสำหรับคนที่ซื้อหนังสือตามแฟชั่น ปกติแล้ว ถึงจะไม่มีงานหนังสือ ก็คงจะไม่ซื้อหนังสือจากร้านรายย่อยอยู่แล้ว จริงไหม? อันนี้ไอซ์คิดเอาเองอะนะ ไม่รู้หรอกว่า มันจริงหรือเปล่า ... จริงๆ แล้วส่งผลกระทบต่อร้านหนังสือรายย่อยแค่ไหน ก็อยากรู้เหมือนกันง่ะ ... แต่นะ ค่า "สายส่ง" ของบ้านเราก็โหดไม่เบานะคะ 40% จากราคาปก ยังแปลกใจกันไหมว่า ทำไมสนพ.รายใหญ่ รายย่อย ถึงมาเน้นออกหนังสือในช่วงงานหนังสือ?? แมวยิ้ม...ไอซ์เก็ทที่คุณเฟย์เธอพูดนะ ไม่ใช่ไม่เก็ท แต่ไอซ์ไม่เห็นด้วยอะ ไม่เห็นด้วยเลย ยังยืนยันว่า มันเป็นการขับเคลื่อนอย่างหนึ่ง มีการเปลี่ยนแปลงไปตามกลไกตามเวลาของสังคม การตลาด และอะไรอีกหลายๆ อย่าง แล้วสนพ.ที่ขึ้นราคาหนังสือเผื่อไว้ลดงานหนังสือนี่ สนพ.อะไรง่ะ ถ้ามีจริงนี่ก็น่าเกลียดนะ แต่ก็อีกแง่...คนอ่านมีสิทธิเลือกซื้อหนังสือ ถ้าสนพ.ไหนเอาเปรียบนักอ่าน เอาเปรียบนักเขียน เอาเปรียบนักแปล ฯลฯ ก็ละ เลิกซื้อหนังสือของสนพ.นั้นๆ เถอะค่ะ คนไม่อ่าน เขาก็จะต้องปรับปรุงเอง ไม่ใช่กัดฟันทนกันไป หนังสือดีๆ มีเยอะค่ะ ทางเลือกมีตั้งมากมาย จำเป็นต้องง้อคนที่เอาเปรียบผู้บริโภคด้วยเหรอ? และมันก็เป็นอย่างที่พี่ยาคูลท์พูดจริงๆ ด้วยค่ะ หนังสือแนวสาระ หนังสืออ้างอิง ส่วนใหญ่แพงโครตๆ อยากให้รัฐบาลลงมาช่วยหนังสือในส่วนนี้ให้มีราคาถูกลงอะค่ะ เอิ๊กส์ แล้วตกลงเราจะไปกินไหนอะ ติ่มซำจริงๆ ป่าว จากคุณ : Clear Ice - [ 5 ก.ย. 50 20:10:45 ]

ความคิดเห็นที่ 17 โอย ประเด็นเยอะมาก ขอไปนอนย่อยหนึ่งคืนนะคะ โดยทาง (by the way) ตกลงเป็นว่าคุณไอซ์ "เข้าใจ" แต่ไม่ "เข้าถึง" ละกันเนอะ อิอิ แต่ได้ยินแว่วๆ เรื่องหนังสือแพง ทำให้นึกถึงกระทู้เมื่อไม่นานมานี้ที่มีคนมาโวยวาย ว่าทำไมหนังสือพ็อกเก็ตบุคภาษาอังกฤษถึงได้กระดาษห่วยนัก นี่แสดงว่าคนไทย เคยชินกับหนังสือกระดาษดีๆ กันไปหมดแล้วสิเนี่ย เราเองจำช่วงหนังสือกระดาษ ปรู๊ฟไม่ค่อยได้นะ เพราะตอนหัดซื้อหนังสือก็ซื้อดอกหญ้า (ตัวทำหนังสือแพง เพราะเป็นเจ้าแรกที่ริเริ่มใช้กระดาษปอนด์ ทำรูปเล่มสวยงาม [เกินจริง ตอนนี้มา นึกๆ ดู ก็นะใบรองปกน่ะมีไว้ทำไมเพ่!] ) แล้ว วุ้ย วงเล็บมาก ชักงง เอาใหม่นะ คือเราก็โตไม่ทันยุคหนังสือกระดาษปรู๊ฟวางขายตามแผงทั่วไปหรอกนะ แต่ตอนนี้ "เล่น" หนังสือเก่า (คุณแสนอักษรมาเห็นคงขำกลิ้ง บอกว่าหนูเอ๋ย เจ้ายังเด็กนัก โลกนี้ยังอีกกว้างไกลหนอ) คือซื้อหนังสือยุคกระดาษปรู๊ฟมาอ่านและเก็บไว้ดูเล่น ก็พบว่าการอ่านหนังสือกระดาษปรู๊ฟไม่ได้ทำให้ชีวิตเลวร้ายลงแต่อย่างใดเลย ถ้าหนังสือสมัยนี้จะพิมพ์ด้วยกระดาษปรู๊ฟเสียบ้าง เราก็คงจะไม่เดือดร้อนอะไร (โดยเฉพาะหนังสือบางประเภทที่ไม่ขอเอ่ยนาม) และก็เคยมีคนพยายามทำให้หนังสือราคาถูกลงด้วยการพิมพ์ด้วยกระดาษปรู๊ฟ มาแล้ว คือน้าชาติ กอบจิตติหนึ่ง คุณวงศ์ทนงหนึ่ง แต่ผลก็เป็นที่รู้ๆ กันอยู่ แต่อย่างไรก็เข้าใจนะคะ สำหรับคนที่อยากเก็บหนังสือ เพราะประชากรนักอ่าน เรายังไม่มากพอจะพิมพ์หนังสือสองเอดิชั่นได้ ถ้ามีแต่กระดาษปรู๊ฟก็คงมีคน ช้ำใจเยอะอยู่เหมือนกัน *** แล้วขอนอกเรื่องหน่อยค่ะ เผื่อจขกท.เข้ามาอ่าน อย่าไล่หนูไปห้องสวนลุมนาค้าาา คุณทินาขา ยาแก้แพ้พวก Taridine หรือ Zyrrizin นี่กินได้วันละกี่เม็ด ห่างกัน กี่ชม.คะ คือมันหายไปสักพักมันก็เป็นขึ้นมาอีกน่ะค่ะ แต่พูดจริงๆ แล้วยาสอง ตัวนี่เราก็กินไม่ได้ผลนักหรอกนะคะ Taridine อาจได้ผลดีกว่าบ้างนิดหน่อย ใช้เวลานานมากกว่ามันจะออกฤทธิ์ เสร็จแล้วก็โล่งอยู่ไม่ได้นาน ทรมานจังเยย มีตัวอื่นแนะนำไหมคะ อ้อ แต่ถึงจะเป็น CPM ถ้ากินแล้วไม่นอนเลย มันก็พักใหญ่เหมือนกันนะคะกว่าจะได้ผล ขอบคุณมากค่า ขอบคุณทุกๆ คนด้วยที่อุทิศพื้นที่ กร๊ากกก ปล. ที่ไม่ติดต่อกันเป็นการส่วนตัวเพราะคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นด้วยน่ะค่ะ แก้ไขเมื่อ 05 ก.ย. 50 20:56:15 จากคุณ : the grinning cheshire cat - [ 5 ก.ย. 50 20:50:07 ]

ความคิดเห็นที่ 18 อ้าว แมวเป็นอะไรน่ะ เรื่องหยูกๆยาๆเราก็ไม่รู้เลย ขอให้หายเร็วๆนะจ๊ะ ถ้าน้องทินามาตอบ กรุณาบรรยายสรรพคุณด้วย ทู้นี้ดีเนอะ ไม่ได้คุยกันเป็นเรื่องเป็นราวมานานมากแล้ว เดี๋ยวสมองหวานหมด เอิ้ก พัทว่าดีที่เราอาจจะคิดกันคนละแง่ แต่คุยกันดีๆได้นะคะ หลายอย่างก็ไม่จำเป็นต้องเห็นตรงกัน แต่คุยแล้วถ้าต่อยอดทำให้คิดอะไรใหม่ๆได้มันดีที่สุดเนอะ ประกาศด้วยว่าถึงเราพลาดติ่มซำมื้อนี้ แต่พฤศจิกานี้เราจะกลับบ้านเราแล้วนะจ๊ะ กี๊ดๆๆ มีตติ้งหน้าขอแซ่บๆๆ น้ำตาไม่ไหลไม่ไปนะเออ จากคุณ : Il Maze - [ 5 ก.ย. 50 21:08:23 ]

ความคิดเห็นที่ 19 สวัสดีค่ะ กระทู้วิ่งฉิว เห็นแล้วอดเข้ามาแจมด้วยไม่ได้ ส่งใจไปมีตติ้งด้วยนะคะ ไปด้วยไม่ได้ แต่ขอยืนยันความอร่อยของติ่มซำที่โรงแรมอโนมา เสาร์ที่แล้วพึ่งไปทานมา อร่อยล้ำสมคำร่ำลือจริงๆค่ะ โดยเฉพาะเผือกทอดไส้อะไรซักอย่าง กรอบ บาง เบา ไส้เยิ้ม กิ๊ดดดดด ประเด็นงานหนังสือเห็นด้วยกับคุณไอซ์ค่ะ ส่วนหนังสือล่าสุดที่พึ่งอ่านจบไปคือ Eclipse ของ Stephenie Meyers เป็นหนังสือแนวย่อยง่าย (อีกแล้ว 555) เล่มนี้เป็นภาค 3 ของ series Twilight อ่ะค่ะ ที่ออกมาแล้วมี Twilight, New Moon แล้วก็ Eclipse เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสาวน้อยวัยทีนตอนปลาย กับ แวมไพร์หนุ่มแสนดี ซึ่งในภาคนี้มีเรื่องราวเกี่ยวกับรักสามเส้าเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่มีประเด็นให้ถกคิด ไม่มีอะไรสาระแอบแฝง ออกแนวใสบ้องแบ๊วค่ะ แต่ก็อ่านติดหนึบ ว่าแล้วก็รอภาค 4 ต่อไป สวัสดีทุกๆคนด้วยนะคะ จากคุณ : kitnan - [ 5 ก.ย. 50 22:32:17 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เห็นคุยกันเรื่องงานหนังสือมีประสบการณ์จริงมาเล่าให้ฟังค่ะ ตัวเองเป็นคนรักหนังสือ แต่ไม่ถูกจริตกับงานนี้เลย ยิ่งในระยะหลัง เพราะเหมือนงานวัดเข้าทุกที ก็เลยเลิกไปค่ะ เรื่องการรอไปซื้อหนังสือในงาน มีตัวอย่างจากที่ทำงาน เพราะอยู่ใกล้ศูนย์ประชุมด้วย คนที่ทำงานหลายคนชอบอ่านหนังสือค่ะ เยอะพอควรตั้งแต่วัยเด็กยันวัยดึก แต่เชื่อไหมค่ะเวลาคุยว่าเล่มนู้นเล่มนี้สนุกดีนะ ทุกคนจะทำโพยแล้วตอบเป็นเสียงเดียวว่า รอไปซื้อในงาน ทุกครั้ง ทำอย่างนี้มาสักห้าหกปีได้ แต่ก่อนก็ไม่ขนาดนี้ ยิ่งเดี๋ยวนี้มีทั้งงานเทศกาลแล้วมีงานจากสำนักพิมพ์อีก ปีหนึ่งไม่รู้กี่ครั้ง ก็รอไปซื้อหนังสือด้วยเหตุผลเดียวในงานมันถูกดี ที่นี่พอช่วงไหนมีงานเทศกาลใหญ่ ตกบ่ายนี้หายไปครึ่งออฟฟิซ พร้อมแผนที่ ที่พิมพ์มาจากเว็บ ทำลายแทงเหมือนไปเที่ยวต่างเมืองอย่างงั้น ไปขนหนังสือวันละสิบเล่มยี่สิบเล่ม ไปทุกวันนะคะ ขนาดตรงข้ามมีห้างที่มีร้านหนังสือ ก็ไม่มีใครไปแล้วค่ะ บางทียังมีคนถามเลยว่าทำไมไม่ไปงาน รู้ไหมหนังสือถูกออก เราก็บอกขี้เกียจเบียดคน เสียงมันดังมาก ปวดหัว ไหนต้องคอยหลบพระที่เดินตะแด่วๆมาอีก ไปเดินในร้านหนังสือดีกว่า สบายดี แต่ปัญหาคือร้านหนังสือวางเฉพาะที่ขายได้ หนังสือที่อยากได้กลับหายาก เดี๋ยวเลยสั่งซื้อจากสำนักพิมพ์ไม่ก็ศูนย์หนังสือจุฬากรณีที่หาไม่ได้จริงๆ หรือไม่ก็ฝากคนอื่นไปซื้อในงานนั่นล่ะค่ะ ใช้เสียเลย :P ถ้าวัดจากที่เห็นเอาแค่ที่ทำงานก็รู้สึกแปล่งๆค่ะ เหมือนบ่มเพาะนิสัยการซื้อหนังสือแบบนั้นจริงๆ อย่างที่รู้กันค่ะว่าคนไทยชอบถูกไว้ก่อน จากคุณ : เจนัน - [ 5 ก.ย. 50 23:07:09 A:58.8.186.6 X: TicketID:072030 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เอ่อ...ไม่ตกลงอะแมวยิ้ม ไอซ์ไม่ใช่ไม่เก็ท ไม่ใช่ไม่เข้าถึง แต่ไม่เห็นด้วย คิดว่าน่าจะเคลียร์แล้วนะ ทุกคนมีแง่มุมและความคิดเห็นของตัวเองนะ ยกตัวอย่างเช่น อาจมีคนไม่เห็นด้วยกับความคิดของไอซ์ แต่คงจะไม่ถึงกับไม่เก็ทหรือเข้าไม่ถึงหรอกมั้ง? ในเรื่อง You've got mail บทสรุปตอนท้ายที่ไม่เกี่ยวกับประเด็นความรัก ... คนอื่นคิดยังไงไอซ์ไม่รู้ แต่สำหรับไอซ์ ในภาพรวมแล้ว ไอซ์ไม่ได้มองว่ามันเป็น "ความหายนะต่อวงการ" มันอาจจะเป็นเรื่อง "น่าเสียดาย" และ "น่าเศร้าใจ" แต่ไม่ใช่ "ความหายนะต่อภาพรวม" แน่นอน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับ demand และ supply และสองสิ่งนี้มันเคลื่อนไปข้างหน้าตลอดแหละ เรื่องกระดาษหนังสือ .. จริต ความเคยชิน และความชอบ ของคนส่วนใหญ่ เปลี่ยนลำบากอะ ว่าแต่...เป็นภูมิแพ้ป่าวง้ะ ไอซ์กิน Zertec ((สะกดงี้เป่าฟะ ยาไม่อยู่กับตัว)) กินได้วันละเม็ดเท่านั้นนะ ซึ่งปกติมันก็จะดีช่วงแรกๆ ที่กินอะ หลังจากนั้นอาการก็กำเริบ เหอๆ ... พี่พัทๆ รีบนัดนะๆๆๆ ปลาย พ.ย. จะหนีไปเที่ยว ฮี่ๆๆๆ ... เสียดายที่คิดนานไปมีตติ้งด้วยไม่ได้อ่า ยังไม่เคยเจอกันเลยนะเนี่ย ไอซ์เปิดอ่านเรื่อง Twilight ไปติ๊ดนึง เพราะมีแต่คนเชียร์ บอกไม่ถูกอะค่ะ มันโหวงๆ เหวงๆ เรื่อยๆ ยังไงไม่รู้ง่ะ เลยวางไปก่อน เดี๋ยวคงจะต้องไปเปิดอ่านใหม่ซักที เพราะที่บ้านมีครบชุดด้วยแหละ ฮา ... อืม...จริงๆ ตอนแรกจะมาคุยเรื่องประเด็นราคาในงานหนังสืออยู่ แต่คุณเจนันก็เข้ามาให้คคห.พอดี ขอเขียนอย่างที่คิดว่าจะเขียนละกันนะคะ ((ขับรถคิดมาตลอดทางเลยนะเนี่ย 555)) ราคาหนังสือในงานหนังสือ...ถูกจริงๆ หรือคะ??? เห็นคนบ่นทุกปีว่า ในงานหนังสือหนังสือไม่เห็นจะลดเท่าไหร่เลย ... ซึ่งไอซ์ก็เห็นตามนั้นนะ หนังสือใหม่ลดน้อย จริงๆ ซื้อตามร้านที่มีระบบสมาชิกก็ได้ราคาใกล้เคียงกันอะค่ะ ส่วนหนังสือที่ลดเยอะๆ เท่าที่เห็นส่วนใหญ่จะเป็นหนังสือเก่า ซึ่งก็หาตามร้านขายหนังสือทั่วไปได้ยากแล้ว ..... ส่วนตัวยังมองเห็นว่า งานหนังสือให้ผลบวกโดยรวมกับวงการวรรณกรรมของประเทศไทยค่ะ มันเป็นการกระตุ้นให้คนรู้ถึงความมีตัวตนของวงการนี้ ลองคิดภาพถ้าไม่มีงานหนังสือสิคะ อะไรๆ มันคงจะเงียบและเอื่อยเฉื่อยน่าดู งานหนังสือก็มีส่วนที่ไอซ์ชอบและไม่ชอบ บอกตรงๆ ว่า ไอซ์เองก็ไม่ชอบเสียงเชียร์เรียกแขก ไม่ชอบคนแน่นๆ ไม่ชอบมาสคอต ... แต่มันก็เป็นสีสันของงานอะนะ ปกติจะเดินซื้อหนังสือตอนเย็นๆ หลังหกโมงค่ะ คนน้อยดี เสน่ห์ของงานหนังสือในความคิดของไอซ์ จึงไม่ได้อยู่ที่ราคาหนังสือถูก แต่มันมี "เยอะ" มี "ความหลากหลาย" ได้ "พบปะ" ได้ "เปิดหูเปิดตา" ร้านหนังสือทั่วๆ ไป ไม่ว่าจะเป็นร้านที่เป็นสาขา หรือร้านเล็กๆ ต่างก็มีเสน่ห์ที่ต่างออกไป และทุกที่จะต้องหาเสน่ห์ของตัวเองให้เจอ เพื่อจับ demand ที่แตกต่างกันออกไปให้ได้ ไม่ว่าอะไรก็มีข้อจำกัด มีข้อดีข้อเสียต่างกันออกไปทั้งนั้นค่ะ ผู้บริโภคนั่นแหละ ที่จะเป็นผู้ตัดสินว่าจะให้อะไรมีการดำรงอยู่ต่อไป ... ซึ่งผู้บริโภคก็ไม่ใช่ใครอื่น เป็นพวกเราทุกคนที่อ่านหนังสือนั่นแหละค่ะ จริงไหม ^^ .... กลับมาเรื่องสำคัญ มีใครจะเสนอร้านอะไรอีกไหมคะ เผื่อจะได้เปิดโหวดกัน ดีป่าว??? เพิ่มเติมๆ ตกลงเอาวันที่ 23 ก.ย. ชัวร์ๆ แล้วใช่ไหมคะ แก้ไขเมื่อ 06 ก.ย. 50 07:49:01 แก้ไขเมื่อ 06 ก.ย. 50 07:47:56 จากคุณ : Clear Ice - [ 6 ก.ย. 50 07:45:42 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เราเห็นด้วยค่ะว่าหนังสือใหม่ไม่ถูกหรอก แต่ที่นี่พฤติกรรมคนซื้อเปลี่ยน ไม่มีใครไปซื้อหนังสือออกใหม่ในงานค่ะ ส่วนใหญ่จะตามเก็บเล่มเก่าหรือแวะดูกองไหนที่ลดก็จะสอยมา ถ้าอยากได้หนังสือใหม่จะขยักไว้ซื้อคราวหน้า เพราะมันต้องมีสักคราวที่ลดนะคะ เห็นอย่างนี่มาตลอดในที่ทำงานหรือคนรู้จัก ไม่เคยได้ยินใครพูดอื่นนอกจากซื้อหนังสืออะไรมาได้ลดเท่าไร ซึ่งเราไม่เห็นเป็นเรื่องผิดนะคะ แล้วแต่คนชอบค่ะ เพราะอย่างตัวเองก็เปลี่ยน เคยไปงานก็ไม่ไปเบื่อคนเยอะ ฝากได้นี่เพราะมีคนไปซื้อทุกวันอยู่แล้ว แค่รู้สึกว่างานหนังสือเหมือนงานคอมพิวเตอร์ งานสหพัฒน์ งานสินค้าส่งออก งานท่องเที่ยวที่จัดศูนย์ประชุม งานพวกนี้คนซื้อจำแค่ว่ามีของลดราคานะคะ จากคุณ : นัน - [ 6 ก.ย. 50 09:19:52 A:58.136.51.216 X: TicketID:072030 ]

ความคิดเห็นที่ 23 แมวยิ้มแพ้อากาศเหรอจ๊ะ ยา Zertec ตัวที่ไอซ์บอกก็ดีนะ ตัวนี้ถ้าจำไม่ผิดเป็นตัวยานอกนะ ค่อนข้างแพงมั่กๆ แต่ถ้าเป็นพวกตัวยา Cetirizine ประมาณนี้จะถูกลงมาหน่อย ส่วน CPM นี่เพื่อนที่เป็นเภสัชฯ เคยบอกว่าเป็นยาที่มีผลข้างเคียงน้อยที่สุด ถูกที่สุด แต่ยอดง่วงที่สุดเลยค่ะ ทานแล้วตาปรือเลย ส่วนเรื่องนัดกิน 23 ว่างโลดค่า ที่ไหนก็ได้ แค่ขอให้มีอาหารหลายประเภทให้เลือกหน่อยนะคะ เราก็เป็นคนนึงที่ไม่ค่อยชอบไปงานหนังสือเอามากๆ ไปทีไรแทบจะไม่มีทางให้เดิน ทั้งคน ทั้งกระเป๋าลาก เดี๋ยวคนชน คนเบียด แย่งกันซื้อ แย่งกันจ่ายเงิน ถ้าเอารถไปก็กว่าจะหาที่จอดรถได้ บางทีต้องเดินตากแดดเป็นกิโลแบกหนังสือไปที่จอดรถ หรือถ้านั่งรถไฟฟ้าใต้ดินไปก็สะดวกขึ้นหน่อย แต่ส่วนตัวคิดว่ามันทำให้เสียอรรถรสในการเลือกหนังสือเอามากเลยค่ะ เราคิดว่า life style ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นความชอบ ความสะดวก เห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วยก็เป็นเรื่องของแต่ละบุคคลค่ะ เพราะฉะนั้น ไม่มีคำว่าถูกหรือผิด หรือใครดีกว่าใคร ทุกๆสิ่งย่อมมีสองด้านเสมอ จากคุณ : Bigcrab - [ 6 ก.ย. 50 09:46:00 ]

ความคิดเห็นที่ 24 กร๊ากกก คุณไอซ์ ขอโทษค่ะ เราเข้าใจตรงกันแล้ว แต่มันเป็นปัญหา wording น่ะ คือเราคิดคำขึ้นใช้เองจนชิน พลอยนึกว่าคนอื่นเขาจะเข้าใจไปด้วย "ไม่เข้าถึง" ของเราก็คือ euphemism ของคำว่า "ไม่เห็นด้วย" นั่นแหละค่ะ แต่ถ้าพูดไม่เห็นด้วย แล้วจะรู้สึกอยากทะเลาะ อยากเอาชนะให้ได้ หงุดหงิด ไม่สบายใจ แต่ถ้าพูดว่า "เข้าใจที่คุณคิดนะ แต่ไม่เข้าถึง" ก็จะรู้สึกว่าปล่อยวางได้ละ ต่างคนต่างแยกย้าย กันไป คือไอเดียประมาณเข้าใจนะว่าคุณมีกระบวนการคิดยังไง ทำไมจึงสรุปออกมาอย่าง นั้นได้ แต่ถ้าเอาข้อมูลทั้งหมดที่คุณใช้มาคิดในหัวฉัน มันจะไม่มีทางได้ผลออกมา แบบเดียวกับคุณเด็ดขาด ก็ประมาณนั้นล่ะค่ะ ส่วนเรื่องงานหนังสือ เราก็ยังไปงานหนังสือสม่ำเสมอนะคะ ซื้อทีละมากๆ เหมือนกัน ไม่ได้อยากให้ล้มเลิกการจัดงานแต่อย่างใด เพียงแต่ไม่เห็นด้วยกับทิศทางบางอย่าง เท่านั้น ซึ่งหลายๆ คนก็ได้พูดถึงไปแล้ว (ขี้เกียจอ่านทวนอ่ะ บรรทัดยาวมากเลย เวียนหัว) ซึ่งเราก็เชื่อค่ะว่ามันต้องค่อยๆ ปรับเปลี่ยนไปแน่ๆ ดูจากงานหนังสือ สมัยก่อนที่มีคนวิจารณ์ว่างานหนังสือเมืองนอกเขาเน้นหนังสือใหม่ แต่เมืองไทย ขนของเก่ามาลดราคา ซึ่งงานก็ค่อยๆ ปรับเปลี่ยนมาเป็นการเสนอหนังสือใหม่ ให้กรี๊ดกร๊าดกันด้วยในที่สุด ส่วนเรื่องสนพ.จ้องจะออกหนังสือแต่งานหนังสือนี่ไม่ชอบใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะ ระหว่างนั้นเราหิวววววอ่ะ อ้อ ส่วนเรื่องอย่าซื้อหนังสือของสำนักพิมพ์ที่เอาเปรียบ ก็พยายามอยู่นะคะ แต่เรา มองไม่เห็นว่ามันจะมีทางเลือกไปซื้อของสำนักพิมพ์อื่นแทนได้อย่างไร (euphemism อีกแล้วแฮะ) โดยเฉพาะหนังสือ fiction ถ้าเป็นหนังสือแปลจากภาษาอังกฤษ พวกเรายังหนีไปอ่านต้นฉบับได้ แต่ก็มีคนอีกมากที่ทำไม่ได้ ส่วนถ้าเป็นงานแปล จากภาษาที่อ่านไม่ออก หรืองานเขียนต้นฉบับภาษาไทยนี่คือหมดทางเลย อย่างตอนนี้เราอยากอ่านนิยายหวงอี้กับนิยายเรื่องเล็กๆ ของคุณพนมเทียนมาก แต่ไม่ชอบผลงานการผลิตของสำนักพิมพ์ที่ถือลิขสิทธิ์อยู่ตอนนี้ เราก็มีทางเลือก อยู่แค่จะอ่านหรือไม่อ่าน (แล้วไปตะกายฝาเอา) เท่านั้น เพราะจะไปซื้อนิยาย กำลังภายในเก่าๆ ของสร้างสรรค์ หรือนิยายท่านวศิษฐ์ เดชกุญชรมาอ่านแทน มันก็บรรเทาได้ชั่วครั้งชั่วคราว ไม่สามารถถือเป็นทางเลือกอีกทางได้เลย (อือ ว่าแล้วก็หิวววววอีกแล้ว อยากอ่านเทพมารฯ อยากอ่านเล็บครุฑ แง่งๆๆๆๆๆ) มีอีกเรื่องหนึ่งที่รู้สึกว่าน่ากลัวเหมือนกัน คือ mentality แบบรอซื้อหนังสือเก่า ลดเยอะๆ ถ้าเป็นอย่างนี้กันมากๆ ก็เท่ากับหนังสือใหม่จะขายไม่ออก ต้องเก็บไว้ เลหลังในราคาขาดทุนอย่างเดียว และยังทำให้การประเมินตลาดของสำนักพิมพ์ ทำได้ยากขึ้นมากอีกด้วย สุดท้ายก็สรุปว่าเห็นด้วยกับคุณพัทที่ว่าให้งานหนังสือเป็นแค่ทางเลือกหนึ่ง ไม่ใช่ จุดมุ่งหมายในชีวิตค่ะ ว่าแต่ว่าพี่แป๊ดไปไหนเนี่ย ประเด็นออกจะถูกใจคุณพี่นะเคอะ ปล่อยให้ดีฮั้น เล่นบท devil's advocate อยู่ล่าย *** และขอบคุณที่เป็นห่วงสุขภาพกันมามากมายนะคะ เราก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าเราแพ้ อะไร (อาจจะแพ้ใจตัวเอง กร๊ากกก) มัีนมีอาการแบบ random ค่ะ วันไหนนึก จะเป็น ตื่นเช้ามาก็เป็น และเป็นอยู่ทั้งวัน ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีอะไรแปลกไปจากวันอื่น เลย แล้วเช้าวันรุ่งขึ้นก็จะหายไปหน้ัาตาเฉย จะไปเทสต์ก็ขี้เกียจอ่ะค่ะ เพราะ ไม่ได้เป็นบ่อยนัก แล้วก็เปลืองตังค์ด้วย รู้แล้วจะได้อะไรเหรอ ตอนนี้ขอแค่ยา แบบไม่ง่วงที่ถูกโรคกันสักตัวก็พอแล้ว เพราะ CPM เรากินแล้วหัวทิ่มเลยค่ะ จากคุณ : the grinning cheshire cat - [ 6 ก.ย. 50 12:33:44 ]

ความคิดเห็นที่ 25 อ๊ากกกก ลืม โหวตให้วันที่ 23 ติ่มซำบุฟเฟ่ต์ห้อง The Good Earth (นี่ ดูชื่อซะก่อน ช่างเข้ากับกระทู้พวกเราเสียนี่กระไร) โรงแรมอโนมาค่า ลงรถเมล์เดินเข้าได้เลย แซ้นจะสบาย จากคุณ : the grinning cheshire cat - [ 6 ก.ย. 50 12:35:52 ]

ความคิดเห็นที่ 26 มานั่งอ่านความเห็นเรื่องงานหนังสือด้วยความสนใจค่ะ เรื่องราคาที่เหมือนจะลดแต่ไม่ลดสักเท่าไหร่ หรือกักหนังสือไว้ออกวางขายในงานนี่น่ารำคาญนะคะ แต่ยังพอทำใจ แต่ที่ป้ารู้สึกว่าน่าตกใจคือ ข่าวที่ได้ยินมาระยะหลังว่าหนังสือที่เร่งออกใกล้งานมีปัญหาค่อนข้างมาก พิมพ์ไม่ครบ หน้าขาด เย็บเล่มแย่ ...ถ้าป้าเป็นคนซื้อเจอเรื่องอย่างนี้ คงโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง ถึงแก้ไขเอาไปเปลี่ยนได้ แต่ไม่วายเสียดายกระดาษมากมายที่สูญเปล่า บ่นไปงั้นแหละค่ะ ไม่เคยซื้อหนังสือใหม่จากงานซักที และก็ไปเดินน้อยลง น้อยลงเรื่อยๆ ด้วยเหตุผลสำคัญคือเรื่องบรรยากาศอึกทึกครึกโครม เรียกลูกค้ากันจนน่าปวดหัว ไม่ค่อยสร้างแรงบันดาลใจในการซื้อหนังสือเท่าไหร่เลย ไม่รู้ใครเป็นคนคิดว่าต้องสร้างบรรยากาศอย่างนี้ในงานหนังสือ (คงไม่ใช่คนชอบอ่านหนังสือเป็นแน่) สมัยจัดที่คุรุสภา ที่แคบ ร้อน แต่สบายหูกว่ากันเยอะเลย สมัยเดินตลาดหนังสือที่สนามหลวง (สงสัยเพื่อนร่วมทู้จะไม่เคยเดินกันสักคน) ก็แสนจะมีความสุขไม่ต้องผจญเสียงน่ารำคาญใจ อย่างมากก็แค่มีคนมากระซิบ ...เพ่ๆ โป๊มั้ยเพ่... (ตอนนั้นเป็นทอมบอยค่ะ ผมสั้นกุด ใส่เชิ้ตกับกางเกงยืนไปดูหนังสือที่สนามหลวงทีไรเจอเสนอขายสินค้าพิเศษทุกที) คุณเหมียวยิ้มพูดถึงเนื้อกระดาษที่ใช้พิมพ์หนังสือแล้วทำให้นึกถึงนิตยสารชั้นเยี่ยมอย่าง "ชาวกรุง" เล่มหนาเตอะ ใช้กระดาษสีหมองๆ มัวๆ ทั้งเล่มแต่อ่านได้ตั้งแต่หน้าแรกยันหน้าสุดท้าย ไม่เหมือนนิตยสารปกฉาบมันกระดาษปอนด์สมัยนี้ที่แทบไม่มีอะไรให้อ่าน ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าป้าได้อ่าน แผ่นดินนี้เราจอง ครั้งแรกในชาวกรุงนี่แหละค่ะ ป้าไม่รู้ว่าเนื้อกระดาษมีผลชักจูงคนซื้อแค่ไหน แต่เท่าที่จำได้นิตยสารขายดีในเมืองไทยสองเล่มคือ สกุลไทย กับ คู่สร้างคู่สม ทั้งสองเล่มไม่ได้ใช้กระดาษปอนด์นี่นา คนซื้อก็ไม่เห็นบ่นนี่คะ หิ้วไปมาก็ไม่หนัก เปิดอ่านสะดวกดีด้วย โหวตติ่มซำค่ะ (ไม่ได้ไปด้วย สงสัยจะเป็นคะแนนเสีย...แต่อยากโหวตน่อ) กินเผือกทอดเผื่อด้วยนะคะ จากคุณ : ป้า (น้ำคำ) - [ 6 ก.ย. 50 14:49:28 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ชะ ชะ ช่วยด้วย ร้านการ์ตูนในห้างแถวบ้านปิดไปแหล่ววววว TT______________________TT จากคุณ : the grinning cheshire cat - [ 6 ก.ย. 50 15:13:00 ]

ความคิดเห็นที่ 28 จ๊าก กระทู้วิ่งฉิวจนตกใจ เฮ้อ เรื่องงานหนังสือนี่ ขอแบ่งตัวเองเป็นสองภาค คือ ภาคคนอ่าน ถ้าเป็นคนอ่านหนังสือ ดิชั้นจะไม่ไปงานหนังสืออีกแล้ว ( ฟังดูมองโลกในแง่ร้ายไปไหม ) เพราะว่าถ้าจะไปเก็บหนังสือเก่าๆ ก็รู้สึกที่ตัวเองมีอยู่ ชาตินี้อาจจะอ่านไม่หมด ( คือไม่ได้เป็นคนมีหนังสือมากมายนัก แต่อ่านหนังสือช้าลงมาก ไม่เหมือนสมัยสาวๆ 5 5 แถมอ่านอะไรในอินเตอร์เน็ทเยอะมากขึ้นจนน่าตกใจ  ) แล้วประเด็นสำคัญ มันไม่ใช่ที่สำหรับคนรักหนังสือมาเจอกันอีกต่อไป ( คงมีแต่มีน้อยมาก ) แต่มันคือการขายของ ซึ่งเราคงจะปฏิเสธระบบการตลาดสมัยใหม่ไม่ได้อย่างที่ไอซ์บอก ถ้าคนรักหนังสือมาเจอกัน นัดกันไปที่เงียบๆ คุยกัน ที่ไหนก็ได้เนอะ แต่นี่มันงานขายของน่ะ เค้ามาขายของกัน ไม่ได้มาคุยเรื่องหนังสือ ตอนที่ไปนั่งหน้ามันขายหนังสือใหม่ๆ ก็ตื่นเต้นนะ ได้เจอคนที่อ่านหนังสือเรา ได้เจอนักแปลโน้นนี่ ได้เจอเพื่อนๆ ทำหนังสือ ฯลฯ แต่ครั้งหลังๆ เราจะไม่ค่อยสนุกเลย มันจะมีคำถามแบบ "ลดอีกไหม" "มีของแถมไหม "  " ทำไมลดน้อยจัง "  อยู่ตลอดเวลา มันกลายเป็นวัฒนธรรมเทสโกโลตัส  Roll Back Roll Back กันสุดฤทธิ์ มองแบบเดียวกับคุณเฟย์นะ ในระยะยาวมันไมได้ช่วยระบบการขายหนังสือที่แท้จริง ตอนนี้เวลาตัวเองเขียนแนะนำหนังสือที่บล็อก ก็ต้องมีคนบอกว่า เดี๋ยวเก็บไว้ซื้องานหนังสือ และแนวโน้มที่คนจะซื้อหนังสือปีละ 2 ครั้ง มันจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ และต่อไปเราอาจจะมีบุ้คแฟร์รายเดือน  สำนักพิมพ์ใหญ่ๆ เขาก็ต้องการ ระบายสต็อคหนังสือ ที่เหลือมากมายของเขาน่ะ หนังสือจะมีมากกว่าคนอ่านแน่ๆ ตอนนี้ตัวเองมักจะบอกใครๆ ว่า  "ซื้อหนังสือจากร้านหนังสือเถิดที่รัก " แก้ไขเมื่อ 06 ก.ย. 50 15:17:34 จากคุณ : grappa - [ 6 ก.ย. 50 15:16:48 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ข่าวเศร้า Italian tenor Pavarotti dies at age 71 http://news.yahoo.com/s/ap/20070906/ap_on_en_mu/pavarotti RIP  Pavarotti จากคุณ : grappa - [ 6 ก.ย. 50 15:24:49 ]

ความคิดเห็นที่ 30 โอ้โห ไม่ได้เข้ามาเช็คกระทู้แค่ไม่กี่วัน วิ่งฉิวจนน่าตกใจเลยนะคะเนี่ย เรื่องนัดกัน ขอร่วมโหวต วันที่ 23 ติ่มซำบุฟเฟ่ต์ด้วยคนค่ะ ดีใจจัง ไม่ได้เจอกันตั้งนานแล้วเนอะ แล้วไว้พี่พัทกลับกทม.เรานัดกันอีกทีนะคะ ว่าแต่ว่าพี่พัทกลับมาวันที่เท่าไรเหรอ คือว่าถ้ามาทันเสาร์ที่ 10 พฤศจิก็จะดีนะคะ เพราะห้องสมุดเนลสันเฮส์จะมีงานลดราคาค่ะ สำหรับความเห็นเรื่องงานหนังสือ ปกติตาลเองซื้อหนังสือจากงานนี้น้อยมากค่ะ อย่างครั้งที่ผ่านมาซื้อไปแค่มาตานุสติเล่มเดียว กับนิตยสาร Hair หรืออะไรสักอย่างเนี่ยล่ะเพราะต้องการทำสีผมกับเปลี่ยนทรงผมแค่นั้นล่ะ แต่ละครั้งตาลก็มักจะเดินให้ครบทุกๆร้านนะ อย่างน้อย 1 รอบ ชอบที่จะดูว่าแต่ละสำนักพิมพ์เขาทำหนังสืออะไรกันออกมาบ้าง แต่ไม่ค่อยซื้อหรอกค่ะ 555 จากคุณ : Angel Eyes - [ 6 ก.ย. 50 16:40:07 ]

ความคิดเห็นที่ 31 พี่แป๊ดๆๆ ตกใจข่าวปาวาร็อตติเหมือนกันเลยค่ะ ฮืออ อึ้งเลย พี่ที่สนิทกันที่ตอนนี้อยู่โรมบอกว่าคนอิตาเลียนเศร้ากันมาก ยังจำตอนประสานเสียงทรงพลังสามหนุ่ม (น้อย) ได้อยู่เลยค่ะ RIP นะคะ ปล น้องตาล พี่ยังไม่ชัวร์เลยจ้ะ ถ้ากลับพย.ไม่ได้คงต้องกลับหลังวันที่ 5 ธคค่ะ จากคุณ : Il Maze - [ 6 ก.ย. 50 17:20:26 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ช่วยแปะรายละเอียดร้านนะคะ All You Can Eat Dim Sum @ The Good Earth Restaurant If you're looking to have a wonderful lunch, then dim sum at The Good Earth Restaurant, Arnoma Hotel Bangkok is a good choice.The Good Earth Restaurant has a special promotion All You Can Eat Dim Sum " at Baht 320++ per person, Chef Yutapol creates the best traditional Chinese steamed dishes menu with a vast assortment of sweet and savory ranging from meatballs to sweet caked for your selections from 11.30-14.30 hrs everyday. Dim sum items are freshly prepared to steam, bake or deep-fried freshly upon order. Browsing through the menu behold a variety of items for different palates, Pan-fried Mashed Turnip Puddings, Chinese Spring Rools, Steamed Chinese Clam Wonton, Steamed Spare Ribs with Black Bean Sauce, Steamed Fillet Seabass with Soya Sauce, Steamed Minced Pork and Shrimp Wonton, Pan-fried Pork Paste Rolled with Bean Curd and more... Sipping tea and feasting on the immumerable assortments of Dim Sum delicacies at The Good Earth Restaurant, Arnoma Hotel Bangkok. จากคุณ : Bigcrab - [ 6 ก.ย. 50 17:50:12 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ประเด็นเยอะมาก ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดีแฮะ.. มีเพื่อนคนหนึ่ง พฤติกรรมการซื้อเหมือนเพื่อนคุณเจนันเลย ซื้อแต่ในงาน ไม่เคยซื้อในร้านหนังสือเลย เขามองว่าในงานประหยัดกว่า - ถ้าถามว่าในงาน หนังสือถูกไหม? ถูกกว่าในร้านนิดนึงค่ะ  ร้านทั่วไปลดให้ 5%  ในงานได้ 15-25% ซื้อ 1,000 บาทก็ประหยัดไปได้ร้อยกว่าแล้ว (ค่าเดินทางพอดี 555) ... บางทีเห็นคนไปเดินงานแล้วซื้อหนังสือเล่มสองเล่ม ประเภทเดินเข้าแล้วเดินออกเลย  ไปเพื่อหาหนังสือเล่มที่จดลิสต์ไว้จริง ๆ  เจอแบบนี้แล้วอยากสะกิดให้เขาคิดเลขดูเหมือนกันว่ามันคุ้มแน่เหรอ - ประเด็น "หายนะของวงการ" ที่ไอซ์กับเหมียวยิ้มถกกันอยู่ พออ่านเจอประโยคนี้ จะคิดถึงร้านหนังสือรายย่อยที่ค่อย ๆ หายไปจากตลาดเลยนะ  เพราะอย่างที่ไอซ์บอกว่างานหนังสือเป็นกลไกขับเคลื่อนบางอย่าง  พี่มองว่าไอ้กลไกนี้มันเอื้อกับพวกรายใหญ่มากกว่าพวกรายย่อยน่ะ   ในระยะยาว ถ้างานหนังสือผลักดันกลไกตลาดจนเหลือแต่รายใหญ่ 3-5 ราย  ที่ทำธุรกิจครบวงจรตั้งแต่ผลิตจนขายปลีกหน้าร้าน  รายใหญ่พวกนี้จะมีอำนาจไซโคผู้ซื้อหรือเบียดคู่แข่งรายย่อย (ที่อาจผลิตหนังสือมีสาระมา แต่หาร้านวางไม่ได้) หรือทำอะไรได้หลายอย่าง กลายเป็นตลาดที่ไม่ถูกหลักน่ะ   ลองนึกภาพตลาดช่องหนังเคเบิ้ลหรือสินค้าอุปโภคบริโภคตอนนี้ละกัน คงประมาณนั้นแหละ --ลูกค้าเหมือนโดนมัดมือชกในการเลือกและราคา  รายย่อยเสียเปรียบและเกิดยาก ฯลฯ แต่ข้างบนนี่เป็นการมองในแง่ลบ มองอย่างวิตกแทนรายย่อย และมองไปในอนาคตอันไกลนะ (คิดว่างั้น--เราไม่ใช่คนในวงการ อาจมีอะไรมากกว่าที่รู้ก็ได้)  ดังนั้น เลยเข้าใจเหมือนกันที่ไอซ์ไม่เห็นด้วยกับประโยคของคุณเฟย์ ในขณะเดียวกันก็เข้าใจเหมียวยิ้มด้วย โดยส่วนตัวแล้ว คิดว่า "ราคา" เป็นปัจจัยหลักที่จะดึงคนให้ซื้อนอกงานได้ง่ายและมีประสิทธิผลที่สุดค่ะ  แต่ร้านค้าเดี๋ยวนี้ลดให้ได้น้อย เพราะสาเหตุที่รู้ ๆ กันอยู่คือต้นทุน เลยอยากโบ้ยให้รัฐบาล (ตามเคย) ว่าช่วยรายย่อยหน่อยเหอะ  น่าจะมีกฏหมายลดหย่อนภาษีให้ร้านหนังสือทุนจดทะเบียนต่ำนะ--ประเภทที่เป็นรายย่อยชัวร์ ไม่ใช่ร้านสาขาของสำนักพิมพ์น่ะ - บรรยากาศในงานหนังสือ มาสค็อตเดินไปเดินมานี่ไม่ถือค่ะ สร้างสีสันให้งานดี  บางครั้งเห็นแล้วก็ขำด้วย  เด็กในงานจะได้มีอะไรให้ตื่นตาตื่นใจ คนขายร้องเชียร์นี่ต้องดูวิธีเชียร์  แบบบูธนานมีก็ขำ ๆ เหมือนกัน  แต่แบบที่หยิบเล่มไหนขึ้นมาก็มีเสียงเล่าเนื้อเรื่องทันทีนี่..ลาขาด ที่ไม่ชอบมากคือบูธที่มีพิธีกรจัดการละเล่นเหมือนเกมโชว์ค่ะ  เคยเจอบูธแบบนี้ตรงข้ามบูธศิลปากร  ปวดหัวและอารมณ์เสียทันที เท่าที่สังเกต หนอนหนังสือระดับเทพ (ไม่ใช่เรา) จะไม่ชอบบรรยากาศงานในช่วงหลัง  เพราะมันไม่ใช่งานหนังสือจริง ๆ แหละ  มันเป็นเทศกาลแบบงานวัดอย่างหนึ่ง   แต่เทศกาลก็มีข้อดีคือมันดึงดูดแม้แต่คนที่ไม่นิยมหนังสือให้หันมาสนใจอ่านได้  กระตุ้นการซื้อได้ไง - แต่จะจดลิสต์ไปซื้อแค่ปีละ 2 ครั้งไหม?   มันเป็น lifestyle และการจัดการเรื่องเงินของแต่ละคน อย่างที่น้องปูและไอซ์ว่าไว้ ไม่ขอตัดสินค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้น อยากเสริมว่าเจ้าตัวก็ควรรู้ด้วยว่าไลฟ์สไตล์และวิธีการจัดการเงินที่ใช้อยู่ตอนนี้มันดีกับเราหรือส่งผลต่อวงการโดยรวมไหม?    อย่างเช่น เรารู้ว่าเราซื้อมาก็อ่านไม่ทัน ดองจนกลายเป็นทัชมาฮาลอย่างที่โดนใคร ๆ ว่ากัน ก็ควรจะลดการซื้อลงบ้าง  แหะแหะ เหมือนจะมีสาระเลยนะเนี่ย... พิมพ์แล้วก็งง ๆ นิดหน่อย --- เหมียวยิ้มพูดถึงลิขสิทธิ์กำลังภายใน  แทงใจจิ๊ดๆๆ เลย   สนพ. หลักตอนนี้พิมพ์แย่มาก  หลายเล่มเปิดอ่านปุ๊บ สันแบะเพราะไสกาวไม่ดี  ...โอเค มันเปลี่ยนได้ในงาน  แต่ขี้เกียจขนไปเปลี่ยนเฟ้ย รำคาญ แล้วไอ้กรณีพิมพ์ตก ๆ หล่น ๆ เพราะเร่งรีบ แล้วพอจบเรื่องก็ออกเวอร์ชั่นใหม่ที่ "แก้ไขการพิมพ์ผิดพลาดจากเวอร์ชั่นแรก" นี่แปลว่าอะไรฟะ?  โมโหจิ๊บเป๋ง  (กรณีแบบนี้แหละที่อยากจะรอซื้อตอนมันเลหลังลดจริง ๆ) จากคุณ : ยาคูลท์ - [ 6 ก.ย. 50 18:20:37 ]

ความคิดเห็นที่ 34 เหมียวยิ้ม โรคภูมิแพ้นี่ไปตรวจหน่อยก็ดีนะ  ให้รู้ไปเลยว่าแพ้อะไรไง (แต่ถ้าแพ้ใจตัวเองนี่ก็ ตัวฮูตัวอิทเฟ้ย) จะบอกว่าการ์ตูนเก่าเหมือนจะล้นสต็อคร้านค้าตอนนี้  แถวจรัญ การ์ตูนตรึมแทบทุกร้าน  ...และจากที่รู้สึกว่าการ์ตูนแพงขึ้น ทำให้คนซื้อน้อยลง (แม้แต่นักอ่านการ์ตูนไม่จู้จี้อย่างเรา)  คิดว่าปัญหาโอเวอร์สต็อคน่าจะเกิดขึ้นแน่ในอนาคต พี่แป๊ด ข่าวไวมากเลยค่ะ RIP ด้วยอีกคน  หมู่นี้มีแต่คนเก่งลาลับโลกแฮะ เดี๋ยวใกล้ ๆ วันไปจะมาแกะแผนที่น้องปูอีกทีค่ะ  ยังดูไม่ค่อยออกว่ามันไปไงมาไงกันแน่  อ่านแผนที่ไม่เก่ง  เป็นพวกบ้านนอกอ่า T-T จากคุณ : ยาคูลท์ - [ 6 ก.ย. 50 18:30:59 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เง้ย แตกทู้กันมายาวเหยียดขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใด พอดีไม่ได้ติดตามเลยค่ะ ต้องขอโทษจริงๆที่เอาอาหารมาล่อให้หลายคนอยากแล้วจากไป ก้าก ที่ไม่ได้มาก็เพราะไม่สบายค่ะ เวียนศีรษะบ้านหมุน นอนตายไปหลายสัปดาห์ ไม่สามารถทำอะไรได้จริงๆ ถึงกับต้องสละหนังสือเล่มนึงที่จะออกในงานกันไปเลย ฮืออออออออ ได้แค่โงหัวมาเช็กเมลก๊อกแก๊กๆ แล้วก็นอนๆๆๆๆๆๆๆ เพราะก่อนหน้านั้นเครียดเรื่องคิวงานและพักผ่อนน้อยมากๆๆๆ ฟิวส์มันเลยไปขาดเอาเช้าวันหนึ่ง นอนก็เวียนหัว ตื่นก็เวียนหัว สุดยอดของความทรมาน เรื่องงานหนังสือ ก็เป็นเรื่องที่ถกกันมานานแล้วอะนะคะ พูดไปก็ไม่จบหรอก จริงๆนะ ส่วนตัวเนี่ย ไม่เคยไปงานหนังสือเลยตอนที่ยังไม่มาทำงานแปล เพราะตอนโน้นเค้าจัดไกล คมนาคมไม่สะดวก พอเริ่มแปลก็เริ่มไปบ้าง รู้สึกจริงๆว่าไปแล้วมันทำให้อยากได้เพิ่มขึ้นและเพิ่มขึ้น แต่ได้มาแล้วจะอ่านหรือเปล่าเป็นอีกเรื่อง ไปอีกก็อยากได้อีกอยู่ดี แหะๆ แต่ตอนหลังเริ่มสำนึกค่ะ เริ่มเฉยชา ไม่อะไรกับหนังสือในงานแล้ว จะซื้อเมื่ออยากอ่าน ไม่รอซื้อที่งาน คือคิดไม่เหมือนชาวบ้านค่ะ ซื้อในงานได้ลดเยอะแต่ก็ต้องจ่ายก้อนใหญ่ ปุ๋ยสบายใจจะจ่ายแบบทีละเล่มสองเล่มมากกว่า ส่วนคนอื่นคิดยังไงนี่ไม่ทราบค่ะ แต่คิดว่าการเลิกจัดงานหนังสือ ไม่ใช่ทางแก้ปัญหาเท่าไหร่ โดยเฉพาะคนที่ซื้อตามกระแสหรือตามแฟชั่น ถ้าไม่มีงานหนังสือ เขาก็คงเอาเงินไปทำกิจกรรมอื่นมากกว่าจะหันไปซื้อหนังสือจากร้านเล็กๆค่ะ อันนี้ความคิดส่วนตัวนะคะ และอย่างที่บอกไว้ว่าร้านหนังสือจริงๆเขาไม่ได้อยู่ได้ด้วยพ็อคเก็ตบุ๊กอย่างเดียวหรอกค่ะ แต่ยังมีหนังสือพิมพ์ นิตยสาร เครื่องเขียน และจิปาถะ ที่ทำให้เขาอยู่ได้ ตอนนี้คงต้องพัฒนาการอ่านของคนไทยก่อนค่ะ อย่าเพิ่งไปฝันอยากให้คนไทยอ่านหนังสือที่มีคุณค่า เอาแค่หนังสือกระแสเนี่ย ให้มันแย่งส่วนแบ่งตลาดจากหนังโรง โบลิ่ง คาราโอเกะให้ได้ก่อน คือถ้าคนมีเงินสองสามร้อยเนี่ย ทำยังไงให้เขาเลือกอ่านหนังสือกระแสแทนการไปทำกิจกรรมอื่นก็จัดว่ายากแล้วนะคะ ่ แล้วคนไทยหลายคนยังไม่ค่อยเข้าใจต้นทุนในการทำหนังสือ ที่กินเวลายาวนานและใช้คนหลายฝ่ายกว่าจะออกมาเป็นเล่มหนึ่ง ให้ซื้ออ่านกันในราคาหนึ่งถึงสามร้อย มันไม่แพงเลย แต่ก็ยังมีคนเอาไปเปรียบเทียบกับราคาอาหารให้เห็นบ่อยๆ ว่าเล่มนึงกินข้าวได้ตั้งหลายจาน คือจะบอกว่าขั้นตอนในการทำมันต่างกันมากเลยนะคะ แล้วหนังสือไทย มันอ่านได้เฉพาะคนไทย ไม่เหมือนหนังสือภาษาอังกฤษ ขายได้ทั่วโลก โอกาสที่เราจะทำงานได้หลากหลายมันจึงมีน้อยกว่าเขามากค่ะ เพราะโอกาสทางการขายของเราน้อยกว่าลิบลับ ปุ๋ยเชื่อว่าวันใดที่ภาษาไทยกลายเป็นภาษาสากลคนใช้ทั่วโลก ทุกอย่างต้องเปลี่ยนไปแน่นอนค่ะ แต่ ณ ตอนนี้คงเป็นแบบนั้นไม่ได้ ที่เห็นว่าขายดีเป็นกระแสก็มีน้อยมาก ต่อให้สนพ.ใหญ่ก็เถอะค่ะ เล่มที่เจ๊งเยอะกว่าเล่มที่ขายดีแน่นอน กำไรก็ไปถัวๆกัน ดังนั้นโดยภาพรวมแล้ว ยังไม่ถือว่ามีใครรุ่งเพราะงานหนังสือหรือหนังสือกระแสหรอกค่ะ ยังห่างไกลๆ ต๊าย นี่ขนาดไม่ค่อยมีความเห็นนะ เขียนซะยาว เอิกๆ จริงๆอยากเสนอวันที่ 30 นะคะ แต่มาซะช้าและส่วนใหญ่ก็โหวต 23 กันไปแล้ว งั้นก็เป็น 23 ละกันค่ะ เดี๋ยววันที่ 20 จะสรุปจำนวนคนนะคะ จะได้จองห้องโลด จากคุณ : มณฑารัตน์ - [ 7 ก.ย. 50 01:45:45 ]

ความคิดเห็นที่ 36 อ้อ ใช่ อ่านความเห็นพี่แป๊ดแล้วนึกขึ้นได้ ว่านอกจากโรงหนัง โบลิ่ง คาราโอเกะแล้ว ก็ยังมีอินเตอร์เน็ต เว็บบอร์ด เกมออนไลน์อีก ที่มาดึงเวลาว่างของเราไป สมัยก่อนเราอ่านหนังสือยามว่าง เดี๋ยวนี้เราเล่นอินเตอร์เน็ตยามว่างแทน จ่ายรายเดือนห้าร้อย มีอะไรให้อ่านไม่รู้จบ อย่างห้องแป้งในพันทิพเนี่ย ทำเอาหลายคนเลิกอุดหนุนแมกกาซีนแล้วจริงๆนะคะ ไม่เชื่อถามออฟดู กร้าก นี่ก็รออยู่ว่าถ้ามีคนพัฒนาการก๊อปหนังสือให้โหลดอ่านฟรีได้เหมือนเพลง mp3 เมื่อไหร่ละก็ จะไปหัดทำเต้าฮวยขายแล้วค่ะ เอิ๊กๆ (ช่วงนี้ยิ่งฮิตน้ำขิงอยู่ แก้วิงเวียนดีแท้ๆ) ยังไงก็เป็นกำลังใจให้คนทำหนังสือทุกคนนะคะ สู้ๆค่ะ จากคุณ : มณฑารัตน์ - [ 7 ก.ย. 50 01:51:52 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ยังทำใจกับเรื่องร้านการ์ตูนไม่ได้ ไม่มีแรงจะตอบ ขออนุญาตยกคำตอบของ นักตอบกระทู้ในดวงใจของเรามาให้อ่านกัน คุณ AntiSpam (อันตราคนี) เธอตอบกระทู้หัวข้อ ทำไมคนไทยไม่ชอบอ่านหนังสือไว้ดังนี้ค่ะ "ถ้าจะพูดว่า "คนไทยไม่อ่านหนังสือ" นั้น เราเห็นว่าเป็น "คนไทยสมัยนี้" หรือคนไทยที่เกิดหลัง พ.ศ. 2510 ถ้าพิจารณารายชื่อและจำนวนพิมพ์ของหนังสือในช่วงปี พ.ศ.2480 - 2519 เมื่อเทียบกับอัตราประชากรที่อ่านออกเขียนได้ในช่วงเวลานั้น จะรู้สึกทึ่งว่า คนไทยเรามีหนังสืออ่านที่หลากหลาย มีสาระ ในเมื่อมีคนพิมพ์หนังสือเหล่า นั้น ก็อนุมานเอาง่ายๆ ว่ามีคนอ่าน เทียบเอาเองจากประสบการณ์ส่วนตัว บ้านของคนสมัยก่อน ถ้ามีความรู้เสีย หน่อยจะมีห้องเก็บหนังสือ หรือชั้นหนังสือเป็นเรื่องเป็นราว ลองนึกถึงญาติ ผู้ใหญ่วัย 50 ขึ้นไปของคุณดู เราเชื่อว่าจะนึกถึงท่าน ตู้หนังสือของท่าน และนึกถึงภาพการอ่านหนังสือของท่านต่อมาได้ นอกจากนี้   เมื่อพิจารณา จากคนที่เราคุยด้วย คนที่มีอายุมาก ยิ่งเลยหกสิบขึ้นไป ยิ่งอ่านหนังสือมาก และอ่านลึกกว่าคนรุ่นหนุ่มสาว ไม่รู้ว่าใครมีประสบการณ์เหมือนเราบ้างไหมคะ ? ป.ล. "พ.ศ. 2519" เป็นปีที่มีการกวาดล้างหนังสือจำนวนมาก ด้วยข้อหาภัย คอมมิวนิสต์และบ่อนทำลายความมั่นคงของชาติ หลังจากปีนั้นเป็นต้นมา กลุ่มหนังสือที่ครองแผงแบบเกือบเบ็ดเสร็จคือนวนิยาย แวดวงหนังสือวิชา การหรือกึ่งวิชาการของไทยไม่เคยกลับมาคึกคักอีกเลย นอกจากนี้ พ.ศ.2519 ยังเป็นหลักเขตสุดท้ายในการเลือก "หนังสือดี 100 เล่มที่คน ไทยควรอ่าน" (จัดทำปี พ.ศ. 2540 - 2541 โดยคัดเลือกจากหนังสือที่ เขียนขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2411 - 2519)" แก้ไขเมื่อ 07 ก.ย. 50 15:51:44 จากคุณ : the grinning cheshire cat - [ 7 ก.ย. 50 15:51:10 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ปล. คุณติ่ม โรงแรมอโนมาอยู่ข้างบิ๊กซีราชดำริ ตรงข้ามเวิร์ลด์เทรดเก่าค่ะ ไม่ต้องดูแผนที่หรอก อ้อ บิ๊กซีเขาย้ายออกมาอยู่ริมถนน และเวิร์ลด์เทรดก็เปลี่ยนชื่อเป็นเซ็นทรัล เวิร์ลด์ไปแล้วนะจ๊า เผื่อว่าตั้งแต่ตอนนั้นจนตอนนี้เจ๊ยังไม่ได้ออกจากบ้านเลย กร๊ากกกกก จากคุณ : the grinning cheshire cat - [ 7 ก.ย. 50 15:54:02 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ^ พูดอีกก็ถูก  ตั้งแต่เปลี่ยนชื่อเวิร์ลเทรด ไม่เคยไปอีกเลย 555 จากคุณ : ยาคูลท์ - [ 7 ก.ย. 50 21:13:45 ]

ความคิดเห็นที่ 40 หวัดดีค่า ขออภัยที่หายไปนาน เอ็นข้อมืออักเสบอ้ะ (ทั้งที่ช่วงนี้ไม่ได้ใช้คอมฯเลยน่อ ก็ปิดต้นฉบับแล้วนี่) แถมยังค้นพบว่าตัวเองเป็นโรคประหลาดทางพันธุกรรมอย่างหนึ่งด้วย หมอเขาเรียกว่า Joint Hypermobility Syndrome ประมาณว่าดัดนิ้วโป้งไปแตะแขนได้น่ะ เอ็นเลยยืดๆพลิกๆบ่อยๆ ตอบปัญหาวิชาการก่อนนะฮะ (วางหนังสือแล้วหยิบเสื้อกาวน์มาสวม) Ceterizine (Zyrtec) กินได้มากสุดวันละ 2 ครั้งค่ะ Taridine นี่ไม่รู้จักแฮะ เป็นชื่อทางการค้ามั้ง CPM ดีสุดจริงๆค่ะ เพราะมีฤทธิ์ทำให้จมูกโล่งด้วย แต่ก็ง่วงอะนะ มีอีกตัวชื่อ Aerius ที่ทำให้จมูกโล่งเหมือนกัน ตัวล่าสุด แต่แพงมั่กๆเลยค่ะ เนื่องจากจขกท.เองก็เป็นภูมิแพ้เหมือนกัน ถ้าช่วงไหนเป็นบ่อย จะกิน CPM 1 เม็ดก่อนนอนทุกคืน พอรุ่งเช้าก็จะกิน Zyrtec หรือ Telfast 180 mg ค่ะ แต่ถ้าในกรณีฉุกเฉิน เป็นหวัดคัดจมูกอย่างแรง แต่ต้องออกไปให้โลกเห็น จะกิน Clarinase (Loratadine + Pseudoephedrine) ค่ะ ตัว Pseudo ที่ทำให้จมูกโล่งจะค่อยๆปลดปล่อยออกมาระหว่างวัน ส่วน Loratadine ก็ไปแก้ที่แพ้ แต่ส่วนผสมค่อนข้างน้อย ดังนั้นอาจเสริมยาแก้แพ้อื่นได้ระหว่างวัน ไม่งั้นก็อาจจะซื้อยาพ่นแก้คัดจมูกมาใช้ อันนี้ก็โล่งดี แต่ห้ามใช้เกิน 3 วัน ไม่ก็ใช้น้ำเกลือล้างจมูกค่ะ ล้างให้ไหลลงคอไปเลย ก็พอไหวอยู่นะ วิธีสุดท้ายนี่หมอแนะนำให้ทำบ่อยๆด้วย กำลังพยายามอยู่ จากคุณ : ทินา - [ 8 ก.ย. 50 18:58:52 ]

ความคิดเห็นที่ 41 อ้อ อันว่าเรื่องทดสอบภูมิแพ้นี่ก็เคยทำค่ะ ทั้งแบบ Patch test (ไม่ขึ้นอะไรเลย ฮ่วย) และ Prick test แพ้ไรฝุ่นแฮะ ตอนไปทำเทสท์ครั้งหลังนี่เพราะว่าตาบวมโดยไม่มีสาเหตุน่ะค่ะ แต่ถึงจะรู้ว่าแพ้ไรฝุ่นแล้วไงล่ะ หมอก็พูดแต่ให้ไปซื้อปลอกหมอน+หมอนกันไรฝุ่นมาใช้ ขอโทษ เราใช้หมอนกันไรฝุ่นมาเป็นสิบปีแล้วนะ แถมถ้าแพ้ไรฝุ่นจริงก็ควรจะบวมทุกวันสิ แง่ม แง่ม อ๊าก ท่านแม่เรียกกินข้าว เดี๋ยวจะกลับมาถกเรื่องหนังสือต่อนะคะ จากคุณ : ทินา - [ 8 ก.ย. 50 19:02:01 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ดูแผงยามาให้แล้วคร่า (บริการเต็มที่) Taridine นี่เป็น Loratadine 10 มก. ค่ะ แกะอยู่นานมากเลย พื้นมันไม่เรียบ แล้วก็ตัวเล็กมาก แต่อ่านสรรพคุณ Clarinase (อืมม ชื่อเขาดัดแปลงมาจาก clear nose ใช่ไหมนั่น กร๊ากกก Nase ภาษา เยอรมันแปลว่าจมูกอ่ะ) แล้วก็เอ๊ะ Loratadine นี่มันไม่ได้ช่วยให้จมูกโล่งเลย ใช่ไหมเนี่ย ตายระๆ หลงกินมาตั้งนาน ทำไงดีอ่ะ Zyrtec กับ Clarinase นี่ มีขายทั่วไปไหมคะ ต้องใช้ขนาดเท่าไหร่ดี เพราะบางทีมันก็มาเป็นเวลาที่ เรานอนไม่ได้อ่ะค่ะ อะฮือ จากคุณ : the grinning cheshire cat - [ 8 ก.ย. 50 19:29:13 ]

ความคิดเห็นที่ 43 เพื่อนส่งภาพแปลกๆ เกี่ยวกับหนังสือจากบล็อกนักเดินทางมาให้ค่ะ อันนี้เป็นตู้... เ่อ่อ... ทิ้งหนังสือ ไม่อ่ะค่ะ ตู้แลกหนังสือในกรุงบอนน์ เยอรมัน ทุกคนสามารถเอาหนังสือมาวางทิ้งไว้หรือหยิบหนังสือไปได้ตามสบาย อย่างนี่สมาชิก http://www.bookcrossing.com ในเยอรมันคงชอบใจเป็นอันมาก จากคุณ : the grinning cheshire cat - [ 8 ก.ย. 50 19:45:47 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ตู้ห้องสมุดในสถานีรถไฟใต้ดินที่มาดริด เขาว่าได้ความคิดมาจากชิลี ยืมได้ 30 วัน ใช้บัตรประชาชนในการยืมเท่านั้น จากคุณ : the grinning cheshire cat - [ 8 ก.ย. 50 19:48:19 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ที่บูเอโนสแอเรส เขาดัดแปลงโรงโอเปร่าเป็นร้านหนังสือ เปิดคาเฟ่บนเวทีด้วย น่าสนุกและน่าตื่นตา แต่ก็น่าสงสารแฟนโอเปร่าเหมือนกันนิ จากคุณ : the grinning cheshire cat - [ 8 ก.ย. 50 19:52:37 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ภาพใหญ่หน่อยค่ะ จากคุณ : the grinning cheshire cat - [ 8 ก.ย. 50 19:59:08 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ลืมไป เครดิตภาพทั้งหมดจาก http://www.gridskipper.com ค่ะ จากคุณ : the grinning cheshire cat - [ 8 ก.ย. 50 21:07:57 ]

ความคิดเห็นที่ 48 เห็นภาพแรกแล้วคิดถึงบอนน์จังเลย Liebe Bonn,Ich vermisse dich zu sehr! บนตู้กระจกมีตัวหนังสือด้วยล่ะ (ถ่ายมาไม่ชัด แถมตอนนี้แปลไม่ค่อยออกแล้วอีกต่างหาก แง้ว T_T) แก้ไขเมื่อ 08 ก.ย. 50 21:39:06 จากคุณ : ทินา (ทินา) - [ 8 ก.ย. 50 21:37:35 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ตอบปัญหาเรื่องยาต่อ (ก็ยังไม่ได้ถอดเสื้อกาวน์นี่นะ) ตัวยาแก้แพ้ส่วนใหญ่ยกเว้น CPM ไม่ช่วยแก้อาการคัดจมูกจ้า ตัว Pseudoephedrine ที่ว่าแก้คัดจมูกโดยตรง แต่ไม่มีขายเดี่ยวๆนอกรพ. เพราะเป็นสารตั้งต้นที่ใช้ผลิตยาบ้าได้ เลยมีแต่ในยาผสมเช่น Actifed หรือ Clarinase ตัวนี้ซึ่งมีขายทั่วไป (อาจมาจากภาษาเยอรมันจริงๆแหละ เพราะเป็นยาของ Schering) แต่ว่า Clarinase นี่ก็เม็ดละหลายสิบเหมือนกันน่อ เอาเป็นว่าเหมียวยิ้มลองกินดูก่อนละกัน ถ้าเวิร์ค (บางคนกิน Pseudoฯ แล้วจะใจสั่นจ้า) เราจะแอบซื้อ Pseudoฯ ที่รพ.ไปให้ (ตำรวจขาอย่าจับหนู) ไว้ถ้าการทดลองเรื่องล้างจมูกด้วยน้ำเกลือได้ผลจะบอกอีกทีเน้อ จากคุณ : ทินา - [ 8 ก.ย. 50 21:49:09 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ทีนี้ก็ได้เวลาถอดเสื้อกาวน์มาถือหนังสือ รู้สึกว่าโรคงานหนังสือนี่เกิดขึ้นเพราะมีงานหนังสือปีละ 2 ครั้งค่ะ เมื่อก่อนตอนที่มีแค่ปีละครั้ง ไม่เคยมีปัญหาอย่างนี้เลย เพราะใครกันจะไปรอตั้งปีค่อยซื้อหนังสือสักเล่ม และถ้าสนพ.พิมพ์หนังสือได้แค่ปีละครั้ง ก็คงจะเจ๊งระนาว แต่พอมีปีละ 2 ครั้ง ก็เหลือแค่หกเดือนเอง อะไรก็ง่ายขึ้น แถมช่วงเวลาในการจัดทำหนังสือสักเล่มก็น่าจะอยู่ราวๆนั้นได้ด้วย (มองจากหนังสือแปลนะคะ ไม่นับงานเขียนออริจินัล) สนพ.ก็เลยเซ็ทการทำงานตามนั้นไปเสียเลย แถมยังเลยเถิดไปจัดงานแฟร์ของตัวเองอีก อีกอย่างก็คือร้านหนังสือเดี๋ยวนี้หาหนังสือยากจริงๆ เป็นต้นว่าตอนนี้หา "ตุลาการราชวงศ์ซ่ง" ของมติชนอยู่ (ท่านแม่อยากอ่าน) ร้านหนังสือแถวรพ. (คู่คิด) ไม่มี ซีเอ็ดแถวบ้านก็ไม่เจอ ไอ้ครั้นจะถ่อไปบุ๊คทาวเวอร์หรือคิโนะฯ (คิดเหมือนพี่ติ่มนะ คิโนะจัดดีจริงๆ แถมยังหลากหลาย เพื่อนซื้อคดีฆาตกรรมโต๊ะอิหม่ามฯได้ที่นี่แหละ) มันก็เกินไป จะสั่งซื้อก็กลัวยับ ก็เลยต้องรองานหนังสืออยู่นี่ล่ะ อินเตอร์เน็ทก็เป็นอีกตัวการหนึ่งค่ะ แต่ไม่ใช่ในมุมพี่ปุ๋ยนะคะ อย่างเมื่อก่อนถ้าอยากอ่านหนังสือ ก็ต้องไปเดินพลิกเลือกที่ร้านเอง และพอเจอเล่มที่อยากอ่านปุ๊บก็ได้ปั๊บ แต่เดี๋ยวนี้มีหน้าร้านในเน็ท มีกลุ่มสนทนาอย่างเราๆท่านๆในพันทิป รายชื่อหนังสือที่อยากอ่านก็งอกขึ้นมาจากหน้าจอนี่แหละ แต่จะให้เดินออกไปซื้อเลยก็ใช่ที่ ต้องรอเดินผ่านร้านหนังสือก่อน ซึ่งกว่าจะถึงเวลานั้นอารมณ์อยากอ่านก็อาจจะถดถอยไปแล้ว ไม่ก็ลืม ต้องรอได้เห็นหนังสือเล่มที่ว่าในงานหนังสือฯอีกที ถึงจะซื้อ แถมอีกนิด ถ้าจะอ่าน Twilight อยากเชียร์ให้อ่าน A Great and Terrible Beauty มากกว่าค่า ชอบมากมาย (แต่ไม่มีแวมไพร์นะคะ) จากคุณ : ทินา - [ 8 ก.ย. 50 22:05:40 ]

ความคิดเห็นที่ 51 แง้ อยากไปกินติ่มด้วยจังเลยอ่ะพี่ปุ๋ย แต่ต้องพานักเรียนไปแข่งตอบปัญหาง่ะ รอบบ่ายหลังติ่ม มาสะกิด ชวนไปร้านช็อกโกแลตเล็กๆ แถวสุขุมวิท ขนมขนาดพอดีคำ นั่งกินไปจิบชาไปเมาท์ไป สนไหมคะ เหะๆ http://www.gallothai.com/showdetail.php?ref=96   จากคุณ : แพนด้ามหาภัย - [ 9 ก.ย. 50 12:37:51 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ลืมๆ ร้านอยู่ติดถนนใหญ่เลยค่ะ ระหว่างสถานีอโศก กับสถานีพร้อมพงษ์ เปิดตั้งแต่เก้าโมงถึงสามทุ่ม จากคุณ : แพนด้ามหาภัย - [ 9 ก.ย. 50 12:40:26 ]

ความคิดเห็นที่ 53 หรือถ้าจะเอาใกล้ๆ ร้านติ่ม ช็อกโกแลต Duc de Praslin นี่ก็มีขายใส่กล่องตรงเวิร์ลเทรด เอ๊ยยยย -- เซ็นทรัลเวิร์ลด์ค่ะ แต่คงต้องไปหาที่นั่งเอาเองง่ะ จากคุณ : แพนด้ามหาภัย - [ 9 ก.ย. 50 12:44:18 ]

ความคิดเห็นที่ 54 มาหนับหนุนน้องทินา Gret and terrible beauty สนุกจริงๆค่ะ เหมาะกะหญิงๆนะ มันละมุนละไมดี แต่ก็ลุ้นกันมัน เล่มต่อมาชื่อ rebel ไรนะทินา พี่ซื้อไว้ยังไม่ได้อ่านเลย ปกแข็งอ่ะ หอบหิ้วไม่สะดวก อยากไปมีตติ้งด้วยใจจะขาด ฮืออ จากคุณ : Il Maze - [ 9 ก.ย. 50 13:30:36 ]

ความคิดเห็นที่ 55 เห็นข่าว Shortlist ของ Booker Prize กันหรือยังคะ Darkness by Nicola Baker The Gathering by Anne Ewright The Reluctant Fundamentalist by Mohsin Hamit Mister Pip by Lloyd Jones On Chelsea Beach by Ian McEwan Animal's People by Indra Sinha เป็นอันว่าคุณลุงเอียนเข้ารอบมาจนได้ แต่ตอนนี้สำนักพนันยกแต้มต่อของลอยด์ โจนส์นักเขียนจากนิวซีแลนด์ขึ้นมาเป็นตัวเก็งอีกคนค่ะ ในบรรดาคนที่เข้ารอบ นอกจากลุงเอียนแล้วป้ารู้จักแต่ Nicola baker ค่ะ ซื้อหนังสือเรื่อง Wide Open ของเธอมาจากงานเซลส์ของบุ๊คกาซีนตั้งแต่ปีมะโว้ จนป่านนี้ยังไม่ได้อ่านเลย เพิ่งได้ดูดีวีดีเรื่อง Capote เมื่อวานค่ะ ดูช้าไปหน่อยเพราะลุงขออ่าน In cold blood ให้จบก่อน หนังดีจังเลย ชอบมากๆ ลุงบอกว่าหนังสือเป็น nonfiction ที่ดีทีเดียว เพราะเสนอ fact ได้แบบไม่มีตัวตน ความรู้สึกของคาโปเต้แทรกเข้ามาเลย แต่ดูหนังแล้วเข้าใจวา ทำไมคาโปเต้ไม่เขียนหนังสืออีกหลังจาก in cold blood ฟังเขาพูดแล้วอยากอ่านหนังสือค่ะ ต้องจัดเข้ารายการหนังสือที่ต้องอ่านก่อนสิ้นปีอีกเล่ม เห็นภาพที่คุณเหมียวยิ้มแปะแล้วอิจฉาเมืองที่เขาพยายามเอาหนังสือไปหาคนอ่าน เมื่อเดือนก่อนป้ามีโอกาสแวะเวียนไปหมู่บ้านเล็กๆ ในอังกฤษหลายแห่ง เจอ library bus (เขาเรียกอย่างนี้หรือเปล่าไม่รู้) หลายครั้ง บางหมู่บ้านมีไม่กี่หลังคาเรือนเขาก็อุตส่าห์เอารถเข้าไปบริการ แอบมองเข้าไปในรถเห็นมีหนังสือเล่มโตๆ หลายเล่มเชียว ที่บ้านเพิ่งซื้อชั้นหนังสือมาใหม่ค่ะ ชั้นเดิมวางหนังสือซ้อนหลายแถว แถมบางส่วนอยู่ในลัง ในลิ้นชัก พอได้ชั้นใหม่เอาหนังสือออกมาเรียง...นั่นก็อยากอ่าน นี่ก็อยากอ่าน แถมหลายเล่มยังไม่ทันได้อ่านก็เหลืองไปแล้ว มาบอกกล่าวเตือนคนที่หนังสือยังอยู่ในถุงค่ะ ก่อนงานหนังสือครั้งต่อไปเปิดถุงดูกันบ้างเน้อ จากคุณ : ป้า (น้ำคำ) - [ 9 ก.ย. 50 16:11:34 ]

ความคิดเห็นที่ 56 แก้ข่าวแพนด้าฯ Duc de Praslin ที่เซ็นทรัลเวิร์ลด์มีโต๊ะอยู่สามชุดจ้า นั่งกินได้ บรรยากาศน่ารักเชียว จากคุณ : the grinning cheshire cat - [ 9 ก.ย. 50 16:31:07 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ^ ^ เฮ่ย ดีๆๆ งั้นไปที่สาขาเวิร์ลด์เทรดเลยเพ่ เอ๊ยยยย -- เซ็นทรัลเวิร์ลด์ จากคุณ : แพนด้ามหาภัย - [ 10 ก.ย. 50 00:16:08 ]

ความคิดเห็นที่ 58 In cold blood เขียนดีมากๆเลยค่ะคุณป้า หนูเคยรีวิวเอาไว้ในทู้เมื่อนานมากแล้ว คาโพทีเขียนบรรยายเรื่องราว และความรู้สึกนึกคิดของตัวฆาตรกรโหดไว้ได้อย่างทุกแง่มุม ละเอียดละออเลยทีเดียว แถมยัง deep มากๆอีกด้วย อ่านแล้วรู้สึกใกล้ชิดกับตัวฆาตรกร perry แบบว่าอ่านจบไปนานกว่าจะสลัดความรู้สึกคุ้นเคยให้หลุดไปได้ เป็นหนังสืออีกเล่มที่ไม่ควรพลาดนะคะ คาโพทีเป็นนักเขียนอัจฉริยะเลยทีเดียว ส่วนเรื่องกิน เอาติ่มซำเหอะ เราหนับหนุนๆๆๆ ส่วนเรื่องงานหนังสือ ก็ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องถกกันอยู่นะคะ ส่วนตัวว่าจะยังไงก็ยังควรที่จะต้องมี แต่ถ้ามีสักปีละครั้งก็น่าจะพอแล้วนะคะ ไม่เช่นนั้น คนก็จะแห่กันไปซื้อหนังสือลดราคากันปีละสองครั้ง ร้านหนังสือธรรมดาสามัญก็เจ๊งพอดี (เพราะธรรมดา แค่จะสู้กับร้านหนังสือเชนอย่างนายอินทร์ หรือ ซีเอ็ด ก็แทบจะหืดขึ้นคออยู่แล้ว) ขอให้ประชาชนคนอ่านหนังสือได้มีโอกาสกลับมาสัมผัสบรรยากาศนิ่งๆ เงียบๆ และเสน่ห์ของการเข้าร้านหนังสือกันบ้างเถอะ ไม่งั้นการอ่านหนังสือมันจะกลายเป็นเรื่องเอะอะเอ็ดตะโรไป ดูแล้วชวนให้เหนื่อยจริงๆนะคะ ส่วนตัว ก็ยังเข้าใจพ้อยท์ของคุณเฟย์ เพราะไม่ว่าจะยังไง การเข้าร้านหนังสือก็ย่อมจะต้องมีเสน่ห์กว่าการเดินหน้ามัน ฝ่าฝูงคน แบกหนังสือ (ลดราคา)จากงานหนังสือ กลับบ้านกว่าเป็นไหนๆ -- สาวสวยอย่างเราเข้าใจดี 5555 แต่ครั้นจะไม่ให้มีงานเลย ก็จะยิ่งส่งผลเสียมากกว่าผลดี เพราะคนทั่วไปที่ไม่สนใจอ่านหนังสืออยู่แล้ว ก็จะไม่สนใจเลยว่ายังมีแวดวงนี้อยู่อีกด้วยหรือ อย่างน้อยการจัดปีละครั้ง แต่ละปี ก็หานิทรรศการหรือเปิดสนทนาเรื่องราวเกี่ยวกับหนังสือให้เป็นสาระ และเป็นจริงเป็นจังก็น่าจะให้ความรู้แก่ผู้มาร่วมงานได้เยอะเหมือนกันนะคะ เพราะเท่าที่ผ่านมา ที่มีการเชิญ ไนพอล หรือว่า การอ่านบทกวีของเนรูด้า ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากๆเลย (โดยเฉพาะอย่างไนพอลเนี่ย ถ้าไม่มีงานหนังสือ ชาตินี้คงไม่มีโอกาสได้สัมผัสหรอก --- แต่ตัวเองก็ไม่ได้ไปอยู่ดี แหะ แหะ) แต่ที่ผ่านๆมากลับกลายเป็นเน้นขายหนังสือถูกกันซะเป็นส่วนใหญ่ สนพ ต่างๆ ก็มักจะเร่งออกตอนงานหนังสือ ทำให้งานที่ออกมาด้อยคุณภาพไปอย่างน่าเสียดาย แต่งานหนังสือบางงานก็มีข้อดีนะคะ อย่างงานมติชนคราวที่ผ่านมา ก็จัดงานได้น่าสนใจทีเดียว แถมหนังสือที่มาขายก็มีราคาถูกอย่างน่าใจหาย แต่ที่พี่ดีใจมากที่สุดก็คือตัวเองดันโชคดีไปงานตอนที่มีคุณอาจินต์ ปัญจพรรค์ไปร่วมงานพอดี ได้เห็นตัวจริงของบรรณาธิการฟ้าเมืองไทยที่พี่เห็นแม่อ่านมาตั้งแต่เด็กๆแล้วแบบว่า ตื่นเต้นจนมือไม้สั่นไปหมด เลยได้วาบความคิดของคุณอาจินต์มาเป็นเกียรติเป็นศรีแก่ตู้หนังสือตัวเองอีกหนึ่งเล่ม ปลาบปลื้มใจมากๆๆๆๆ สำนวนเขียนและเรื่องที่เขียนยังคง charming เหมือนเดิม (อันนี้แม่ฝากบอกมา) แต่ส่วนตัวพูดไม่ออก ได้แต่ดีใจที่นักเขียนที่อยู่ยืนยงคู่นักอ่านท่านนี้ ยังคงอยู่อย่างไม่ยอมไปไหน ผลิตผลงานให้คนรุ่นหลังอย่างพี่ที่โตมากับกองหนังสือฟ้าเมืองไทย (ของแม่) ได้มีโอกาสได้อ่านค่ะ ต้องแค่นี้ก่อนนะคะ นานๆจะเขียนอะไรที่เป็นสาระสักที (กร้ากกก) ยังไงเรื่องมีทติ้ง อย่าลืมโทร.มาอัพเดทด้วยนะยะติ่มซำ (หายไปเลยหนีหนี้รึยังไง) จากคุณ : เพติ๊ด (petitfour) - [ 10 ก.ย. 50 15:23:57 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ^ เบอร์เธออยู่ซิมเก่าอ่ะ ลืมหาเรื่อยเลย มัวแต่เล่นซิมใหม่ที่ยังหาทางเปิดเบอร์ไม่ได้อยู่เนี่ย  โดนหลอกซื้อแหงเลย เดี๋ยวนี้เป็นโรคจิต เห็นบูธขายซิมแล้วจะเร่ไปดูว่ามีโปรไหนถูก ๆ บ้าง 555 มีประสบการณ์ "หาตุลาการราชวงศ์ซ่งของมติชนในร้านไม่ได้" เหมือนน้องทินาค่ะ  ขนาดร้านในห้างมีเยอะแยะนะ  หาไม่ได้เลย  หรือมีก็ปกยับนิดหน่อย ไม่อยากได้อ่า จะเอาใหม่กริ๊บๆ ...เสียดายงานมติชนที่พลาดไปจริง ๆ   ฮึ่ม *ทึ้งหัวตัวเอง* ภาพของเหมียวยิ้มนี่เห็นแล้วยิ้มจริง ๆ ความจริง เมืองไทยก็น่าจะทำได้นะ   กำลังนึกถึงร้านกาแฟเล็ก ๆ ในปั๊มใกล้บ้าน ...ถ้าสมมติเป็นร้านตัวเอง คงจะตั้งตู้แบบนี้ไว้บ้าง  เป็นบริการคนในร้านแล้วก็ไว้สำหรับคนรักการอ่านด้วย แต่จะทำแล้วรุ่งหรือรุ่งริ่งนี่คงต้องดูย่านนั้น ว่ามี 'นักอ่านจิตสำนึกดี' รึเปล่า (ตอนพิมพ์ เพิ่งดูหนัง Reading Room จบน่ะ เลยอินกับคอนเซปต์) อ่านที่คุณป้ากับเพติ๊ดโฆษณาแล้ว ชักอยากอ่าน In Cold Blood แฮะ ไว้ถ้าเจอคราวหน้า ลองหยิบมาเปิดดูหน่อยดีกว่า ไว้คุยกันค่ะ จากคุณ : ยาคูลท์ - [ 10 ก.ย. 50 17:05:29 ]

ความคิดเห็นที่ 60 อยากไปกินติ่มซำด้วยค่ะ จากคุณ : Mutation - [ 11 ก.ย. 50 22:01:04 ]

ความคิดเห็นที่ 61 คุณติ่ม ป้าว่าถ้าทำแบบเอาหนังสืออ่านแล้วมาใส่ตู้นี่จะมีแต่คนเอาหนังสือไม่เข้าท่ามาให้ แบบอยากกำจัดแต่จะทิ้งก็ยังเสียดาย (อย่างที่คุณปันเคยเอาเล่มหนึ่งมายัดเยียด แล้วมีคนรับไป (จำใจ) อ่านนั่นแหละค่ะ...  ตอนนี้หนังสือในตำนานกระทู้เล่มนั้นอยู่ที่ใครแล้วหว่า???) ป้าคนนึงละที่ขอหวงหนังสือที่ชอบไว้กับตัว ไม่อยากยกให้ใคร สงสัยอยู่เหมือนกันว่าตายไปจะทำยังไง... คนรับมรดกเขาจะปลื้มหนังสือกระดาษเหลืองๆ เก่าๆ ที่เราอุตส่าห์เก็บไว้หรือเปล่าก็ไม่รู้ ไม่เป็นไรค่ะ คิดอย่างคุณหญิงกีรติ แล้วกัน "ฉันขอตายโดยมีหนังสือที่ฉันรัก แม้จะไม่มีคนรักหนังสือของฉัน" ... นางเอกอย่างเราเข้าใจดี 5555 (ขอยืมสำนวนคนข้างบนหน่อยนะคะ ชอบ...) จากคุณ : ป้า (น้ำคำ) - [ 12 ก.ย. 50 13:42:39 ]

ความคิดเห็นที่ 62 กร้าก ขอขำนางเอกสองคนข้างบนหน่อยค่ะ อิอิ คุณมิวคะ มาเลยค่ะ เดี๋ยวปุ๋ยจะสรุปยอดแล้วก็จะได้จองโต๊ะนะคะ (ปุ๋ยห้ามลืมนะ รับตะขาบตำแหน่งเหฯจากเราไปแล้ว ห้ามเบี้ยว เอิ้ก) ไว้พัทกลับไป นัดกันอีกรอบด้วยนะคะ ว่าด้วยเรื่องหนังสือเคลื่อนที่ ชอบที่เป็นรถห้องสมุดเหมือนกันเลยค่ะ เพราะเข้าถึงหมู่บ้านไกลๆด้วย แต่ที่สำคัญต้องปลูกจิตสำนึกให้รักและรักษาหนังสือก่อนด้วยนะคะ อยากให้บ้านเรามีมั่งจริงๆเลย พัทไม่หวงหนังสือนะคะ ออกแนวห่วงบ้างถ้าเป็นเล่มที่หาซื้อไม่ได้แล้ว ยิ่งเล่มไหนสนุกแทบจะยัดเยียดให้คนสนิทๆกันเอาไปอ่านเลย ของดีต้องปล่อย ฮ่า เดี๋ยวจะหาเวลาเขียนรีวิว Body double ของ Tess Gerritsen ลงบล็อกค่ะ มันจริงๆ จากคุณ : Il Maze - [ 12 ก.ย. 50 14:52:35 ]

ความคิดเห็นที่ 63 งั้นลงชื่อไปด้วยคนค่ะ เพราะเสาร์อาทิตย์นั้นอยู่กรุงเทพพอดีเลย จากคุณ : Mutation - [ 12 ก.ย. 50 15:23:19 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ^ ^ กร๊าก มาดามมิว  บอกให้มาอ่านเรื่องงานหนังสือ สนใจเรื่องไปหม่ำแทนเสียนี่ 5 5 ติ่มซำ หนังเรื่อง reading room เป็นไงอ่ะ ท่าทางหน้าดู เพิ่งอ่านการ์ตูน "ป๋าอัจฉริยะ " ยานางิ ซาว่า คนเขียนคือ คาซุมิ ยามาชิตะ การ์ตูนเก่าแล้วของวิบูลย์กิจ "คนชายขอบ" ยัดเยียดให้ยืมมาอ่าน ตอนแรกไอ้เราก็คิดว่า เป็นการ์ตูนประวัติชีวิตของนักเศรษฐศาสตร์อ่านยากๆ  ( ดูจากหนังสือที่คนให้ยืมชอบอ่าน ) ที่ไหนได้ เป็นการ์ตูนที่มีมุมมองชีวิตอ่อนโยนมาก คนรักแมวแถวนี้อ่านแล้วต้องชอบแน่ๆ ศาตราจารย์ยางานิซาว่า โยชิโนริ เป็นอาจารย์สอนเศรษฐศาสตร์อยู่ที่มหาวิทยาลัย y  อาจารย์มีการกระทำที่แปลกประหลาด เช่นเดินเป็นเส้นตรง ( ดูราวกับว่า) ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ยอมเสียเวลาและพลังงานมากมายเพื่อซื้อปลาที่อร่อยและถูก ชอบแอบๆ เลี้ยงแมว โดนบังคับให้เลี้ยงหลาน มีหลายฉากที่สะเทือนใจและงดงาม เช่นตอนไปฟังเล็คเชอร์ ( ซึ่งทั้งห้องป๋าของเราไปฟังอยู่คนเดียว ) อาจารย์ของอาจารย์ยางานิซาว่าอีกทีหนึ่ง คิดถึงดูแล้วกันว่าคนเล็กเชอร์จะหง่อมขนาดไหน อ่านไปสิบเล่มแล้ว คนให้ยืมมาบอกว่ามี ยี่สิบสองเล่ม  อ่านไปๆ ชักอยากเก็บไว้ครอบครองเองด้วย จำได้ว่า มีคนแถวๆ นี้ชอบอ่านการ์ตูนเหมือนกัน  มีใครรู้ไหมว่าหาการ์ตูนเก่าๆ ยกชุดได้ที่ไหนบ้าง  ( หรือต้องรองานหนังสือ กร๊าก ) อันนี้คือหน้าตาของ "ป๋าอัจฉริยะ  ยานางิซาว่า " แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 50 14:34:12 จากคุณ : grappa - [ 13 ก.ย. 50 14:28:26 ]

ความคิดเห็นที่ 65 โฮ่ ไม่ได้เจอพี่หนูนานตั้งน้านนานแล้วน่อ เห็นว่าจะย้ายนิวาสถานตามหวานใจแล้วเหรอคะ ชอบป๋าเหมือนกันค่ะ โดยเฉพาะช่วงกลางๆ (ชอบตอนเปียโนกับตู้หนังสือทีุ่สุดเลย) แต่หลังๆนี้เป็นย้อนอดีตช่วงสงครามโลก ไม่ค่อยโดนเท่าไหร่ พี่แป๊ด...วันก่อนเห็นร้าน 50 % แถวบ้านมีพอดีเลยค่ะ (แต่เป็นมือสองจากร้านเช่านะคะ ห่อปกพลาสติกแล้ว เหลืองนิดหน่อย) พรุ่งนี้เย็นถ้ายังเห็นจะโทรฯไปคอนเฟิร์มนะคะ (ว่าแต่ใช้เบอร์เดิมใช่ไหมคะ?) อ้อ เรื่อง A Wonder Boy ของคนเขียนคนเดียวกันก็ดีนะคะ แต่จะหม่นๆกว่าหน่อย จากคุณ : ทินา (ทินา) - [ 13 ก.ย. 50 16:24:56 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ^ ^ ชั้นใต้ดินเซ็นทรัลลาดพร้าวที่หนึ่งล่ะค่า แต่ได้ข่าวแว่วๆ มาว่าเขาย้ายไปชั้นอื่นแล้ว ใครช่วยคอนเฟิร์มหน่ิอยจิ หรือไม่งั้นก็ฝากคุณติ่มหาตามร้าน 50% ค่ะ เธอชอบมีข้อเสนออันมิอาจปฏิเสธได้ มาใ้ห้เรื่อยๆ อ้อ การ์ตูนวิบูลย์กิจไม่มางานหนังสือนะคะ แบบว่าหยิ่งอ่ะค่ะ จัดงานของตัวเองเลย (จริงๆ เขาเคยมีเรื่องหมางใจอะไรสักอย่างกับ organizer นี่แหละ ไม่รู้รายละเอียด เหมือนกัน) ส่วนเรื่องบรรยากาศงานหนังสือ มานั่งคิดๆ ดู มันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ คนไทยหรือเปล่า ขนาดงานวัดเรายังเถิดเทิงกันได้เลย งานหนังสือนี่เด็กๆ ค่ะ แล้วการตะโกนโฆษณาหนังสืออะไรนี่ เราก็ไม่รังเกียจอะไรนักนะคะ ถ้าไม่ ล้ำเส้นมากนัก อย่างคราวที่แล้วมีคนจากบูธหนังสือสอนภาษาอังกฤษแห่งหนึ่ง ถือป้ายยืนโฆษณาอยู่กลางสี่แยกในแพลนารีฮอลล์ กีดขวางการจราจรเป็นที่ยิ่ง อยากเดินเข้าไปเอามือเสียบควักไตออกมาอย่างในเรื่องฮันนิบาลจริงๆ หรือไม่ก็ พวกเอาดาราดังๆ มาแจกลายเซ็น แล้วมีแฟนคลับมากรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อย่างนี้ก็ไม่เอาค่ะ แต่ถ้าคิดกันถึงที่สุดแล้ัว เราก็ไม่อยากให้เจ้านายใหญ่บัญชาลูกน้องให้ตะโกน ขายของแล้วก็เชียร์แขกกันไม่ได้หยุดอย่างนั้น สงสารคนขายค่ะ กว่าจะจบงาน เจ็บคอตายกันหมดพอดี รู้สึกไม่ให้เกียรติความเป็นมนุษย์จังเลย แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 50 16:28:19 จากคุณ : the grinning cheshire cat - [ 13 ก.ย. 50 16:27:25 ]

ความคิดเห็นที่ 67 กำลังจะแนะนำ Wonder Boy ต่อจากป๋าอัจฉริยะพอดีเลยค่ะ เรื่องป๋าฯ เนี่ย หลายเล่มหลังมันออกทิ้งช่วงมาก อ่านแล้วเลยไม่ได้ดั่งใจนิดหน่อย  อ่านแล้วแอบสงสัยด้วยว่าป๋าแกดูจะมีวัยหนุ่มอันยืดยาวและพเนจรไปทั่วดีแต้   เรื่อง wonder boy จะจบในตอน  แนวเหนือจริงไปเลย เปลี่ยนฉากไปเรื่อย ๆ ในแต่ละตอน อ่านแป๊บๆ จบ  thought-provoking ดีค่ะ แต่คนละแบบกับป๋า ...สรุปว่าดีทั้งสองเรื่อง อยากให้มีการ์ตูนแนวนี้เยอะ ๆ จัง ตอนนี้เห็น wb 4 เล่มอยู่ในร้านตรงข้ามแม็คโครจรัญค่ะ สามารถซื้อให้ได้ถ้าพี่สนใจ (และมันยังอยู่)  ส่วนป๋าฯ นี่ไม่แน่ใจค่ะ เหมือนไม่เห็นนะ  ถ้าสนใจ พี่ลองมาดูเองก็ได้นะ ตรงข้ามแม็คโครจรัญมีร้านการ์ตูน 3 ร้านแน่ะ (บางวันเหลือสอง เพราะอีกร้านปิด) นั่งเลยสามแยกไฟฉายไปป้ายแรก มีร้าน "บ้านหนังสือ" ขนาดสามคูหาอ่ะพี่  เลือกการ์ตูนสมัยสาวน้อยแสนกลหรือวงกตมรณะเล่มแรก ๆ ยังเจอเลย ขอบอก ...แล้วทุกร้านก็ครึ่งราคาหมดค่ะ  สวรรค์การ์ตูนโดยแท้ เหมียวยิ้ม (ที่ร้านการ์ตูนแถวบ้านเพิ่งปิดไป) ย้ายมาอยู่แถวนี้ไหม? ก๊ากกก พี่กรัปป้า   Reading Room เป็นหนังที่ชอบเอามาฉายช่องฮอลมาร์คค่ะ  เป็นเรื่องของชายผิวดำที่รักภรรยามาก ก่อนภรรยาจะตายก็สั่งเสียเอาไว้ว่าอยากให้เขาเปิด "ห้องอ่านหนังสือ" ในย่านคนจน  เขาก็มาเปิด แล้วมีปฏิกิริยาต่อต้านจากชุมชนซึ่งค่อนข้างปิด ไม่ไว้ใจคนรวย  แล้วก็มีเรื่องของบรรดาเด็กที่เข้ามาใช้บริการ   ... เป็นหนังแนวฮอลมาร์คอ่ะพี่ เรื่องคลี่คลายแบบสุขสันต์เสมอ   พัท จะยัดเยียดหนังสือดีให้คนอื่นจริงเปล่า?  *ทำตาปิ๊ง ๆ* เสร็จโจร! คุณป้า ขนาดหนังสือหนูสภาพใหม่ (ส่วนใหญ่) ยังเสียว ๆ เลยค่ะว่าจะไม่มีหลานรับสืบทอดวิชาหนอน  ดีไม่ดี ทัชมาฮาลที่ค่อย ๆ ก่อฐานอยู่อาจจะถูกทิ้งรกร้างก็ได้ ฮือออ คุณมิว แล้วเจอกันค่ะ  ดีจัง เห็นย้ายไปฝรั่งเศสกับสุดที่รักแล้ว ไม่นึกว่าจะได้เจอกันนะเนี่ย ไว้คุยกันค่ะ จากคุณ : ยาคูลท์ - [ 13 ก.ย. 50 18:08:43 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ชอบอ่านเรื่องป๋าอัขฉริยะเหมือนกันค่ะ จากคุณ : Mutation - [ 13 ก.ย. 50 20:07:05 ]

ความคิดเห็นที่ 69 โอ้ ข่าวทันใจ น้องทินา พี่เบอร์เดิมจ้า   ร้านการ์ตูนตรงข้ามแมคโครจลัล น่าสนใจดี  ใกล้บ้านมากว่าลาดพร้าวน่อ ไม่ค่อยชอบตอนป๋าย้อนยุคเหมือนกัน คนให้ยืมบอกว่าเล่มหลังๆ จะย้อนยุคเยอะ Wonder Boy  นี่เห็นหน้าปกแล้วจ้า   ส่วนงานหนังสือ อาจต้องไปมุดๆ เมืองหนังสือหาการ์ตูนเก่า อีก แมวยิ้ม โหดไปป่าว <อยากเดินเข้าไปเอามือเสียบควักไตออกมาอย่างในเรื่องฮันนิบาลจริงๆ > ว่าแต่ว่า เอาสมองออกมาฉี่ฉ่า เหมือนในหนังด้วยไหม จ๊ากส์ ขอบคุณทุกคนสำหรับคำตอบเร็วทันใจฮับ ตอนแรกว่าจะไปตั้งกระทู้ที่ห้องการ์ตูนเสียแล้ว แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 50 21:11:45 จากคุณ : grappa - [ 13 ก.ย. 50 21:10:12 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ลืมเล่าประสบการณ์สนุกๆ ( หรือเปล่าไม่รู้นะ ?) งานหนังสือคราวที่แล้ว บู้ทตัวเองอยู่ติดกับบู้ท" วัยหวาน" ซึ่งวันธรรมดาก็ไม่มีอะไร  เงียบสงบดี แต่วันเสาร์-อาทิตย์ จะมีดาราจาก อาร์เอสโปรโมชั่นมาแจกลายเซ็น (เข้าใจว่านิตยสารวัยหวานปัจจุบันเป็นของบริษัทอาร์เอส) ช่วงเวลานั้นก็จะเป็นช่วงเวลานรกสำหรับบู้ทอิชั้น เด็กๆ ก็จะมากรี๊ดขอลายเซ็น ดารา ดีเจที่พวกเค้าชื่นชอบ  แล้วผู้คนก็จะล้นกระหน่ำมาหน้าบู้ทอิชั้น ไม่ได้มาซื้อหนังสือนะ มาถ่ายรูป ถ่ายรูป ถ่ายรูป และถ่ายรูปกับดาราที่พวกเค้าโปรดปราน คนล้นหลามจนอิชั้นต้องไปโวยกับบริษัทออร์กาไนเซอร์ บริษัทออร์กาไนเซอร์ ก็จะเอาคนมายืนบังๆ การ์ดๆ ไม่ให้คนล้นมาหน้าบู้ทอิชั้น  วันหลังก็เอาที่กั้นมากั้นเสียเลย ( ซึ่งมันก็จะกั้นลูกค้าไม่ให้เดินมาบู้ทติดกันด้วย 5 5)   และช่วงเวลานั้นหน้าร้านตัวเองก็จะไม่มีคนโดยสิ้นเชิง เป็นตัวเองก็คงไม่มาเลือกหนังสืออยู่ข้างๆ บู้ทที่มีเสียงกรี๊ดตลอดเวลาหรอก  ดีที่ยุทธการถ่ายรูปกับดาราไม่ยาวนานนัก  ตอนบ่ายอาจจะสักสองชั่วโมง มีเบรค แล้วเย็นๆ ก็มีดาราคนใหม่มาให้เด็กๆ กรี๊ดต่ออีกสองชั่วโมง อิชั้นไปโวยที่ห้องออร์กาไนเซอร์รูมบ่อยมาก จนเจ้าหน้าที่เค้าเกลียดขี้หน้ายายป้าคนนี้ไปแล้ว ฮ่า ฮ่า   สนุกจริงๆ งานหนังสือ แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 50 21:45:01 แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 50 21:43:56 จากคุณ : grappa - [ 13 ก.ย. 50 21:41:22 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ว้า ถ้าพี่แป๊ดไม่เปิดบูธปีนี้ แล้วหนูจะเอาสมบัติที่หาซื้อมาจนเกินกำลังไปฝากไปที่ไหนละคะ :) จากคุณ : Mutation - [ 14 ก.ย. 50 12:17:21 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ขออนุญาตใช้พื้นที่ในเรื่องส่วนตัวเล็กน้อยนะค้า (ไม่ได้ขายของนา พันทิปจ๋าอย่าลบเลย) รูป "ป๋า" ค่ะพี่แป๊ด อ๋า รูปไม่ติด แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 50 20:23:43 แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 50 20:22:53 จากคุณ : ทินา (ทินา) - [ 14 ก.ย. 50 20:17:09 ]

ความคิดเห็นที่ 73 สันอีกด้าน (มุมบนจะมีสติกเกอร์ของร้านเช่าอยู่ค่ะ) จากคุณ : ทินา - [ 14 ก.ย. 50 20:18:52 ]

ความคิดเห็นที่ 74 กระดาษด้านในดูดีไม่มีปัญหา จากคุณ : ทินา - [ 14 ก.ย. 50 20:20:35 ]

ความคิดเห็นที่ 75 แต่ปกในนี่สิ ไม่ค่อยงามเท่าไหร่ (คนขายบอกว่าถ้าใช้คัตเตอร์เลาะออกก็จะดูดีขึ้นค่ะ) จากคุณ : ทินา - [ 14 ก.ย. 50 20:21:59 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ใส่รูปด้านข้างเพิ่มค่ะ (เล่มบนสุดคือเล่ม 1 สีเข้มมั่กๆ) จากคุณ : ทินา - [ 14 ก.ย. 50 20:24:57 ]

ความคิดเห็นที่ 77 แถมท้ายด้วยเล่ม 2-9 แบบเศษที่มีในร้านค่ะ ชุดนี้ดูดีกว่ามาก ไม่ใช่การ์ตูนร้านเช่า มีแค่รอยรัดหนังยางตรงปกหน่อยนึง อ้อ พี่คนขายบอกว่าแกะชุดแล้วเอาเล่มที่ดีกว่าไปเสียบแทนได้ค่ะ จากคุณ : ทินา - [ 14 ก.ย. 50 20:29:46 ]

ความคิดเห็นที่ 78 แหะ แหะ ลืมใส่รูป จากคุณ : ทินา - [ 14 ก.ย. 50 20:31:03 ]

ความคิดเห็นที่ 79 โอ้ ขอบคุณน้องทินามากจ้า พอดี อยากซื้อหนังสือชุดนี้ ให้เป็นของขวัญคนน่ะ เลยอาจต้องเลือกสภาพหน่อย คนชายขอบที่ให้พี่ยืมหนังสือมา ได้มาจากงานหนังสือคราวที่แล้ว สภาพดีมาก เรายังคงตามหาป๋าของเราต่อไป ป.ล. เผื่อใครไม่คุ้นกับกระทู้นี้ผ่านมาอ่าน น้องทินาไม่ได้เป็นเซลล์ขายการ์ตูนเน้อ เพียงแต่เธอไปสำรวจการ์ตูนจากร้านเช่าแถวบ้านมาให้ดู จากคุณ : grappa - [ 14 ก.ย. 50 21:50:57 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ยู้ฮู!!! ยังจำหนูได้หรือเปล่า??? ได้กลิ่นติ่มซำเลยตามกลิ่นมาค่า แหะๆ ไม่ได้เข้าห้องสมุดมาแสนนาน เพราะหลังๆ ไม่ได้อ่านอะไรเล้ย แถมที่ออฟฟิตก็ไม่ค่อยอนุญาตให้ใช้อินเตอร์เนตด้วย บ้านก็ไม่ค่อยได้อยู่ เลยหายตัวไปด้วยประการฉะนี้ พอดีวันนี้คุยกับเพื่อนเรื่องสึนามิ ก็เลยนึกถึงคุณป้า เลยแว่บเข้ามาดู พอดีได้กลิ่นติ่มซำเลยแวะนานหน่อย ฮ่าๆ ไปด้วยๆ นะค้า ไม่ได้เจอพี่ๆ นานแล้ว เพิ่งรู้อีกตะหากว่าพี่ปูกลับมาเมืองไทยแล้ว คิดถึงจริงๆ แงๆ กลัวอดไป เพราะไม่ค่อยได้มีโอกาสเข้ามาเลย ขออนุญาตโทรถามพี่ตาลนะค้า ขอบคุณค่า ^^ จากคุณ : PinkyPiE - [ 15 ก.ย. 50 21:34:12 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ดีจ้าน้องพิงกี้ กลับมาได้เกือบปีแล้วค่า ไว้เจอกันนะคะ คิดถึงเหมือนกันค่ะ คิดถึงวันที่ไปดูละครเด็กกัน..มาสายด้วย จำได้นะ คิดถึงน้องตาล พี่ติ่ม คุณป้า พี่เพติ๊ด น้องปุ๋ย น้องไอซ์ และเพื่อนๆ ทุกคนค่ะ เมื่อวันอาทิตย์นั่งทำอัลบั้มรูป HBD ให้เพื่อนคนนึง ก็เลยมีโอกาสได้ดูรูปมีตติ้งคราวก่อนๆ ที่เคยนัดเจอกัน จริงๆ น่าจะทำเป็นอัลบั้มรวมรูปเข้าเล่ม เอาแบบเล่มเล็กๆ ก็พอ ท่าจะดีนะคะ แต่ต้องหามือโปร(ไก่) ทำ Photoshop สวยๆ หน่อยท่าจะดี ช่วงนี้อ่านหนังสืออะไรไม่จบซะเล่มเลยค่ะ อ่านแฮรี่พอตเตอร์มาสองเดือนแล้วยังไม่จบเลย แต่ก็เกือบแล้วหล่ะ เหลืออีก 2-3 บทสุดท้ายแล้ว แฮรี่เล่มสุดท้ายไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ค่ะ เฉยๆ ไม่ค่อยตื่นเต้นลุ้นระทึกเท่าไหร่ รู้สึกว่าเสน่ห์ตัวละครมันเจือจางลงไป เอ..หรือคนอ่านอายุมากขึ้นก็ไม่รู้ ไปแล้วค่ะ ทำงานต่อ จากคุณ : Bigcrab - [ 17 ก.ย. 50 10:28:44 ]

ความคิดเห็นที่ 82 วันนี้มีคนโทรมาตามด้วย (สงสัยกลัวอดกินติ่มซำ ก้าก) คอนเฟิร์มว่ามีตติ้งยังมีนะคะ แต่พอดีคนนัดมีภารกิจมากมายเลยไม่ค่อยได้มาแจมทู้ ยังไงก็ต้องไปค่ะ คนอยู่ไกลจะได้อิจฉา เอ๊ย ไม่ใช่ คนอยู่ไกลจะได้ไม่ผิดหวัง อุตส่าห์มอบหน้าที่ให้ทั้งที แหะๆ ตอนนี้ขอนับคร่าวๆก่อนนะคะ - ทินา - ไอซ์ - ตาล - แมวยิ้ม - พี่ติ่ม - คุณคลังพลอย - พี่เพติ๊ด - พี่ปู - พี่กรัปป้า - แพนด้า - คุณมิว - น้องบลู เดี๋ยวถามออฟกับนารูมิหน่อยซิ พี่วาฬน้อยอีกคน ตกหล่นใครไปช่วยกันถามไถ่ด้วยนะคะ คอนเฟิร์มวันเวลาและสถานที่อีกที วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน 11.30 ห้องกู๊ดเอิร์ธ โรงแรมอโนมา ตรงข้ามเซ็นทรัลเวิลด์ ไปตั้งแต่ร้านเปิดเลยก็ดีนะคะจะได้นั่งนานหน่อย จากคุณ : มณฑารัตน์ - [ 18 ก.ย. 50 21:39:18 ]

ความคิดเห็นที่ 83 พี่ปุ๋ย จุดธูปเรียก เลยตามกลิ่นติ่มซำมาค่ะ เอิ๊กๆๆ ชอบตู้แลกหนังสือมากๆเลย อยากให้เมืองไทยมีอย่างงี้บ้างจัง (แต่สงสัยหนังสือหายแน่นอน -- เหอๆๆ ..) อ่านกระทู้ผ่านๆนะคะ ช่วงหลังๆที่หายไปก็ไม่ค่อยได้อ่านหนังสือเท่าไหร่ เน้นการ์ตูนซะมาก เลยไม่มีความเห็น เพราะนู๋มันคนไร้สาระเค่อะ (เอิ๊กกก) วันอาทิตย์นี้จะพยายามหาทางหนีแฟนไปให้ได้ค่ะ แล้วจะโทรบอกพี่ปุ๋ยเน้อ คิดถึงทุกคนค่า จุ๊บๆๆ จากคุณ : s.o.s - [ 18 ก.ย. 50 22:03:23 ]

ความคิดเห็นที่ 84 รับทราบค่า จะล้างท้องรอน้า จากคุณ : ทินา - [ 18 ก.ย. 50 22:09:15 ]

ความคิดเห็นที่ 85 แง่วๆ พี่ปู ทำไมไม่จำเรื่องดีๆ ของหนูละค้า โอ๊ย! ตื่นเต้นอยากไปจัง ไม่ได้เจอพี่ๆ มานานแล้ว ^^ จากคุณ : PinkyPiE - [ 18 ก.ย. 50 23:13:32 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ไปจ้าไป เฟิร์มๆ ((ว่าแต่ไปยังไงอ้ะ จอดรถตรงไหน แง้)) แว่บๆ เดี๋ยวออกไปเก็บตัวอย่าง ตจว. อีกแร้ว >_< ชอบตู้แลกหนังสือเหมือนกันง่า ^^ จากคุณ : Clear Ice - [ 19 ก.ย. 50 07:32:53 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ตื่นเต้นจังนานๆเจอกันทีเนอะ น้องบลูจ๋า หายหน้าไปนานเลยนะ โชคดีที่จมูกไวตามกลิ่นติ่มซำทันไม่งั้นอดแน่ๆ พี่ปู คงเป็นอย่างนั้นจริงๆมั้งคะที่พี่ไม่อินกับแฮรี่พอตเตอร์เนี่ยเพราะพี่มีวัยวุฒิที่มากขึ้นล่ะค่ะ (ล้อเล่นนะตัวเอง) จากคุณ : Angel Eyes - [ 19 ก.ย. 50 16:10:05 ]

ความคิดเห็นที่ 88 แหะๆๆ แวะมาบอกว่าไปไม่ได้แล้วค่ะ เฮ้อ... เสียดายจัง จากคุณ : Mutation - [ 19 ก.ย. 50 16:21:03 ]

ความคิดเห็นที่ 89 พี่ไอซ์คะ บลูว่าจอดรถในโรงแรมได้นา จำไม่ได้ว่าตอนนั้นไปกับเพื่อนแล้วจอดตรงไหน แต่รู้สึกจะเป็นลานจอดรถของโรงแรมนะคะ กรี๊ดๆๆๆ ตื่นเต้น หิวติ่มซำ ฮ่าๆ จากคุณ : บลู (PinkyPiE) - [ 21 ก.ย. 50 18:11:26 ]

ความคิดเห็นที่ 90 จองห้องเรียบร้อยแล้วนะคะ ขอโทษทีที่แจ้งช้า แหะๆ ไม่ได้อยู่บ้านเท่าไหร่เลย แอบลืมด้วย -"- ใช้ชื่อจองว่า "โต๊ะห้องสมุดนะคะ" จองไว้ก่อนสิบที่ ใครเปลี่ยนใจตามไปสมทบได้ค่ะ ไม่ต้องกลัวไม่มีที่นั่ง เจอกันตอนสิบเอ็ดโมงครึ่งเป็นต้นไปนะคะ :) จากคุณ : มณฑารัตน์ - [ 22 ก.ย. 50 19:30:00 ]

ความคิดเห็นที่ 91 กรี๊ดดด จะโดนฆ่ามั้ยอะ หนูไปไม่ได้แล้ว ติดธุระกระทันหัน พระบิดาเพิ่งมาบอกตะกี้นี้อ่า ฮือๆๆๆๆๆ TT^TT กรี๊ดดดดด เพิ่งรู้ตัวว่าโทรศัพท์เครื่องใหม่ของอิฉันไม่มีเบอร์ใครเลยนอกจากเบอร์ปุ๋ย ทำไมไม่รับๆๆๆๆ แงๆๆๆๆ เดี๋ยวโทร.ใหม่ ขอโทษพี่น้องด้วยค่า ฮือๆ อย่าตัดออกจากกองมรดกนะ ไว้นัดกันงานหนังสืออีกรอบได้ป่าวววว แงๆๆๆๆ แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 50 09:26:35 จากคุณ : Clear Ice - [ 23 ก.ย. 50 09:24:10 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ^ โห ไอซ์  ขอบอกว่าทุกคนโมโหไอซ์มากกกกก ฮึ่ม ขอทำโทษด้วยการปรับให้ไอซ์เลี้ยงทุกคน คราวหน้าที่พัทกลับมาไทย (ยังคงหาโอกาสกินฟรีเสมอ) งานคราวนี้ มีใครบางคนทำตัวเกินหน้าเกินตารุ่นพี่ด้วย เจอกันครั้งก่อน "หนูแต่งงานแล้ว" เจอกันครั้งนี้ "ท้องแล้วค่ะ" คราวหน้า ..??? (คุณเพติ๊ดบอกว่าคงอุ้มลูกมาเลย) 555 เดี๋ยวรอดูภาพจากตากล้องค่ะ  อิ่มหมีพีมันมากมาย เอิ้กๆๆ จากคุณ : ยาคูลท์ - [ 23 ก.ย. 50 22:11:37 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ใช่ๆๆ ทีแรกทุกคนโมโหกันมาก แต่พอติ่มซำมากองเต็มโต๊ะก็ลืมเรื่องนี้ไปเลย ก้าก ล้อเล่นจ้า ไม่มีใครโกรธหรอก เพราะทุกคนมาเพื่อกินมากกว่า ใครจะมาไม่มาเป็นเรื่องรอง อิอิอิ แต่ความคิดพี่ติ่มดีมากๆ งานนี้ใครที่เบี้ยวต้องเป็นเจ้ามืองานต่อไป เอิกๆ ติ่มซำอร่อยค่ะ กุ้งเป็นตัวๆเรย ของทอดก็อร่อย เค้าให้เวลากินสามชั่วโมง ก็นั่งกันไปเกือบเต็มอัตรา หนุกหนานมากๆ อยากกินอีกเจงๆ กินแบบนี้ก็ดีนะคะ ข้อดีคือไม่ต้องลุกไปลุกมา เม้ากันได้แบบต่อเนื่องเต็มๆดี ถ้าใครจะลงรูปที่ถ่ายมา แตกกระทู้ใหม่เลยก็ดีนะคะ กระทู้นี้ยาวแล้ว :) จากคุณ : มณฑารัตน์ - [ 23 ก.ย. 50 22:44:14 ]

ความคิดเห็นที่ 94 ^ ^ แงๆๆๆ ตื่นเช้ามาเจอเลย หิวๆๆๆ อดๆๆๆ แง้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อยากไปกินล่วยง้ะ งื้ดดดดดดดดดดดดดดดดดด รอดูรูปง่า TT^TT จากคุณ : Clear Ice - [ 24 ก.ย. 50 07:47:42 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ^ ^ จัดให้ จากคุณ : แพนด้ามหาภัย - [ 24 ก.ย. 50 22:46:33 ]

ความคิดเห็นที่ 96 ตอนแรกนึกว่าไปไม่ทันซะแล้ว เอิ๊กๆ ปรากฏว่า นักเรียนหนูตกรอบก่อนเวลาอันควร -_-" จากคุณ : แพนด้ามหาภัย - [ 24 ก.ย. 50 22:48:25 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ขอลงให้ครบ 100 คอมเมนต์เลยละกันพี่ปุ๋ย จากคุณ : แพนด้ามหาภัย - [ 24 ก.ย. 50 22:51:44 ]

ความคิดเห็นที่ 98 ต่อด้วยของหวาน จากคุณ : แพนด้ามหาภัย - [ 24 ก.ย. 50 22:54:49 ]

ความคิดเห็นที่ 99 ตอนแรกแพนด้าและแมวยิ้มระดมจิ้มตู้แช่ขนม เลือกกันนานมากกกก กว่าจะกลับมานั่ง ...ก่อนที่เขาจะยกมาเสิร์ฟเพิ่มอีกจาน ในเวลาไม่กี่นาทีต่อมา ไม่รู้อะ ว่าสั่งเครื่องดื่มแล้วจะได้ช็อกโกแลตแถมด้วย แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 50 22:59:45 แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 50 22:58:53 จากคุณ : แพนด้ามหาภัย - [ 24 ก.ย. 50 22:57:19 ]

ความคิดเห็นที่ 100 อันนี้มื้อเย็นค่ะ โอโตยะ พารากอน หลังจากไปเดินแฮ่กในร้านคิโนะต่อจนมืด บ้านช่องมี-ไม่ยอมกลับ ไว้รอไปงานรอบเวลคัมโฮมพี่พัทอีกนะคะ ฮี่ๆๆ จากคุณ : แพนด้ามหาภัย - [ 24 ก.ย. 50 23:02:11 ]

ความคิดเห็นที่ 101 หูย แพนด้า ถ้าพี่เป็นพี่พัทคงเคืองจนไม่ชวนกินปลายปีเลยนะเนี่ย ก็ที่ลงๆมาน่ะ เมนูโปรดเค้าทั้งน้านนนนน โดยเฉพาะไก่เปรี้ยวหวานโอโตยาเนี่ย ร่ำร้องอยากกินให้พี่ฟังทู้กกกกวัน ก้าก ข้าวแบบนี้พี่ก็ชอบอะ เค็มๆมันๆ จริงๆชอบเปรี้ยวๆแบบข้าวหน้าบ๊วยมากกว่า แต่หากินม่ายล่าย T^T จากคุณ : มณฑารัตน์ - [ 24 ก.ย. 50 23:10:57 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ^ ^ หนูชอบสาหร่ายฮิจิกิ เหมือนกินกิมจ๊อ 5555 จากคุณ : แพนด้ามหาภัย - [ 24 ก.ย. 50 23:29:27 ]

ความคิดเห็นที่ 103 โอวววว  น่ากินมากกกก เสียดายยยยยย จากคุณ : Mutation - [ 24 ก.ย. 50 23:41:09 ]

ความคิดเห็นที่ 104 TT^TT น้ำตานองแต่เช้า แงๆๆๆๆ นัดอีกนะ นัดอีกๆๆ อยากกินมากๆ ง้ะ TT^TT จากคุณ : Clear Ice - [ 25 ก.ย. 50 07:47:56 ]

ความคิดเห็นที่ 105 แพนด้าถ่ายรูปสวยจังค่ะ เห็นถ่ายแป๊บเดียวเอง ของพี่ที่ถ่ายจากมือถือยังไม่เอาลงคอมเลยค่ะ เดี๋ยวไว้เอาลงคอมแล้วจะส่งให้ทุกๆคนนะคับ แต่ภาพคงไม่แจ่มแบบนี้นะค๊าบพี่น้อง   น้องพิงกี้จ๊ะ อย่าลืมส่งรูปให้พี่ๆ ด้วยนะคร๊าบบบ จากคุณ : Bigcrab - [ 25 ก.ย. 50 08:04:08 ]

ความคิดเห็นที่ 106 ............. อึ้งไปห้านาทีพร้อมน้ำตาไหลพรากอาบแก้ม........... โฮๆๆๆๆ ปุ๋ยจำได้ด้วยว่าเมนูไก่เปรี้ยวหวานของโปรดเรา เห็นรูปแล้วสะเทือนใจยิ่งกว่าได้ดูเดวิดของจริงในอะคาเดเมียซะอีก เอิ้ก กลับไปต้องกินให้หายแค้น!!! (เดี๋ยวหิ้วช็อกโกแลตลีโอนิดาสอร่อยสุดๆไปฝากด้วยจ้า อิอิ) จากคุณ : Il Maze - [ 25 ก.ย. 50 14:34:03 ]

ความคิดเห็นที่ 107 เอิ๊ก ฝีมือพระอาจารย์ ถ่ายน้อยๆ แต่เจ๋งทุกรูป ถ้าลูกศิษย์เอากล้องไปด้วย คงถ่ายทีละยี่สิบสามสิบรูป แล้วคัดมาลงได้เพียงรูปเดียวแหงๆ แง้ ทู้วิ่งไม่ถึงร้อยมานานแล้วนะเนี่ย ดีจังๆ จากคุณ : the grinning cheshire cat - [ 25 ก.ย. 50 15:34:02 ]

ความคิดเห็นที่ 108 เพิ่งเห็นรูป... อยากกินจังเลย ก่อนมาเปิดทู้ดูเพิ่งปั้นบัวลอยเสร็จค่ะ ลูกใหญ่พิกล แถมออกเค็มๆ อีกต่างหาก ...เฮ้อ...มาเปิดทู้แล้วยิ่งเศร้าใจคิดถึงร้านอาหารที่เมืองไทยเหลือเกิน ดีใจกับว่าที่คุณแม่ด้วยค่ะ หวังว่าตอนนี้คงหยุดอ่านเรื่องเครียดๆ ไว้ก่อนนะ ตอนนี้ป้ากำลังอ่าน Crime and Punishment ค่ะ ออกเสียงชื่อตัวละครไม่ใคร่ถูก มีใครรู้บ้างไหมคะว่าจะไปฟังเสียงชื่อตัวละครรัสเซียได้ที่ไหนบ้าง อ้อ... เรื่องนี้อ่านสนุกดีค่ะ จะว่าไปหนังสือคลาสสิกส่วนใหญ่นี่อ่านสนุกแฮะ คงเป็นเพราะป้าอ่านเอาบันเทิงไม่ได้มานั่งจดจำวิเคราะห์เอาไปสอบอย่างพวกที่ต้องใช้ตอนเรียน ก็เลยไม่เครียด ว่าแต่ตอนนี้เทรนด์หนังสือแปลในเมืองไทยไปทางไหนคะ หลังจากกระแสชิกลิทกับดาวินชี่โค้ด ผ่านไป นึกสงสัยเพราะเมื่อสัปดาห์ก่อนไปดูร้านหนังสือ เพิ่งสังเกตเห็นว่าแนวหน้าปกนิยายเปลี่ยนไปจากที่ก่อนหน้านี้ออกแววหวานอมเปรี้ยวหน่อย มาทำเป็นแบบชวนฝันมลังเมลือง (เขียนอย่างนี้ถูกหรือเปล่าหว่า) และหลายเล่มเป็นหนังสือของนักเขียนที่เคยเขียนชิกลิท อยากรู้ว่านิยายแนวไหนกำลังมาแรง หรือเป็นช่วงเฉื่อย ไม่มีอะไรให้ฮือฮา รอดูรูปต่อนะคะ จากคุณ : ป้า (น้ำคำ) - [ 25 ก.ย. 50 15:36:57 ]

ความคิดเห็นที่ 109 T_____T มาเสียดายอีกคน ช่วงนี้ถูกล่ามติดไว้หน้าจอคอม ยินดีๆๆๆๆ กับว่าที่คุณแม่ด้วยจ้า แก้ไขเมื่อ 25 ก.ย. 50 15:40:46 จากคุณ : grappa - [ 25 ก.ย. 50 15:38:57 ]

ความคิดเห็นที่ 110 โอ้ย ลืมไปเลย ยินดีกับน้องตาลด้วยจ้า คลอดเมื่อไหร่ เอารูปหลานมาให้ดูด้วยเน้อ สงสัยเทรนด์หนังสือแปลเหมือนคุณป้าด้วยคนค่ะ ใครช่วยแถลงไขที จากคุณ : Il Maze - [ 25 ก.ย. 50 17:42:49 ]

ความคิดเห็นที่ 111 เท่าที่เห็นมาแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนคงเป็นพวกการ์ตูนความรู้มังคะ แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นก่อให้เกิดกระแสรุนแรงอะไรนัก อย่างไรก็หวังว่าคงเป็นพื้นฐาน ให้เด็กๆ รุ่นนี้พัฒนาไปอ่านหนังสือความรู้ที่ลึกซึ้งและนอกกระแสขึ้นกว่านี้ ต่อไปค่ะ วันนี้แวะเข้าร้านบุคกาซีนที่สีลมคอมเพล็กซ์ ผังร้านบังคับให้ดูหนังสือ non-fiction ไปในตัว (อยู่ติดหนังสือใหม่ตรงหน้าร้านพอดี) มีน่าอ่านหลายเล่มเลยค่ะ แต่บอกตรงๆ ว่าขี้เกียจง่ะ เวลาอ่านคงเหนื่อยพิลึก ใครแปลให้อ่านหน่อยจิ เหอๆ มีอยู่เล่มหนึ่ง เขาจั่วหัวว่าเป็นการรวบรวมบันทึกที่เขียนโดยเด็กๆ ที่อยู่ ท่ามกลางสงคราม ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง (มั้ง) จนถึงการยึดครองอิรัก โอย ใครฟะอ่านหนังสืออย่างนี้ หัวจิตหัวใจทำด้วยอะไรน่ะ T___T เอาเรื่องนี้แตกหัวข้อกระทู้ใหม่ดีไหมคะ หรือว่าจะเอาเรื่องงานหนังสือดี ไม่ชอบเป็นคนตัดสินใจง่ะ ใครช่วยตัดสินใจแทนที แง้วๆ ปล. น้องปูขา ได้รูปแล้วนะคะ แต๊งๆ จากคุณ : the grinning cheshire cat - [ 26 ก.ย. 50 13:12:57 ]

ความคิดเห็นที่ 112 แตกกระทู้ตามคำขอ หนังสือช่วงนี้แนวไหนมาแรงกันหนอ ความคิดเห็นนี้ได้แตกไปยังกระทู้ K5865428 จากคุณ : ทินา - [ 28 ก.ย. 50 21:55:44 ]