การก้าวเข้าสู่วัยทำงานไม่ใช่เรื่องง่ายหรือเรื่องสนุก ถ้าใครคิดว่าการเข้าสู่วัยทำงานจะยิ่งมีอิสระมากขึ้น ก็คงจะคิดผิด และถ้าใครคิดว่าการก้าวเข้าสู่วัยทำงานจะทำให้ชีวิตยุ่งยากและตึงเครียดก็คิดผิดอีกเช่นกัน เพราะการทำงานสามารถเอาทั้งความสุข ความอิสระ และความตั้งใจเข้าไว้ด้วยกันได้ เพียงแต่ปฏิบัติให้เข้ากับเรื่องต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม
ธรรมะวัยทำงาน เป็นแนวคิดของการผสมผสานระหว่างธรรมะกับการทำงาน ธรรมะไม่ใช้เครื่องทุนแรงที่ทำให้ทำงานไวขึ้น หรือทำให้เงินเดือนเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว แต่ธรรมะจะช่วยให้สามารถทำงานได้อย่างมีสุข และขจัดปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างการทำงานที่มักจะมารบกวนจิตใจ
จะทำเช่นไร เมื่อใจมันเบื่องาน
ไม่ง่ายเลยที่จะรับมือกับอาการเบื่องาน เพราะเมื่อคุณเริ่มรู้สึกเช่นนั้นแล้วก็คงยากที่จะสลัดอารมณ์นั้นออก สาเหตุหลักๆ อาจเริ่มจาก ความจำเจ ซ้ำซาก ไม่ตื่นเต้นท้าทาย หรือไม่แฮปปี้กับผู้ร่วมงาน ถึงแม้ว่าจะไม่ง่ายที่จะกำจัดความรู้สึกนั้นแต่ก็ไม่ยากอย่างที่คิด
วิธีง่ายๆ คือ อย่าเบื่อ และเริ่มต้นจากใจให้คิดว่า รักงาน ของตัวเองเสียก่อน เพราะงานที่อยากทำ งานที่ชอบก็ใช่ว่าจะสามารถทำงานนั้นออกมาได้ดี และหนทางแห่งความสำเร็จคือ การยึดหลักอิทธิบาท 4 คือ ฉันทะ, วิริยะ, จิตตะ, วิมังสา
ทำงานมาก็หลายปี แต่ไม่เคยก้าวหน้ากับเขาสักที
หลายคนทำงานมาเป็น 10 ปี เงินเดือนเท่าเดิม ตำแหน่งไม่ปรับขึ้น เป็นปัญหาหนักใจ พยายามอย่างไรก็ไม่ถูกใจเจ้านายเสียที เป็นเรื่องที่สามารถแก้ไขได้อย่างง่าย ก่อนอื่นเราต้องสร้างโอกาสความก้าวหน้าด้วยตัวเอง ถ้าอยากได้ความก้าวหน้าก็ต้องลงมือทำอย่ามั่วแต่นั่งรอโอกาส โดยเริ่มจากทำงานอย่างเต็มที่ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เราตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ งานก็จะออกมาดี เมื่อผลงานดี โอกาสในการก้าวหน้าก็จะยิ่งดีตามไป และการทำงานให้ออกมาดีต้องอาศัยเวลา การเรียนรู้ และความตั้งใจอย่างสม่ำเสมอ
หรือหลักปฏิบัติ 5 ประการ คือ ต้องทำงานตลอดทั้งต่อหน้าและลับหลังเจ้านาย, มาก่อนนายและเลิกงานที่หลังนาย, รับผิดชอบในงานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จสมบูรณ์, รู้จักพัฒนาปรับปรุงงานที่ทำอย่างสม่ำเสมอ และอย่าติฉินนินทา ให้รู้จักสรรเสริญนายตามสมควร เท่านี้ก็เป็นวิธีง่ายๆ และให้คิดเสมอว่าถึงแม้ว่าใครจะไม่เห็น แต่คุณเท่านั้นที่รู้ จงภูมิใจและรักษาความขยัน ความตั้งใจในทุกรายละเอียด และทุกอย่างจะได้กับตัวเองเสมอ
ตกงาน...เตะฝุ่น...กินแกลบ
เชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยมีประสบการณ์การตกงาน ทั้งเด็กจบใหม่ที่รอแล้วรอเล่าก็ไม่มีบริษัทเรียกสัมภาษณ์สักที หรือออกจากงานอย่างกะทันหันแล้วไม่สามารถหางานใหม่ได้ทัน เพราะแต่ละคนก็อยู่ในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน รู้สึกแย่เพราะดันมาอยู่ในสังคมคนทำงานกันหมด และมองคนไม่ทำงานอย่างเราว่าไร้ประโยชน์
หัวใจสำคัญของความรู้สึกนี้คือ ต้อง เลิกท้อ ซึ่งเป็นอย่างเดียวเท่านั้นที่จะทำให้มีพลังในการเดินหน้าต่อไป และยึดหลักอริยมรรค ที่มีชื่อว่า สัมมาสังกัปปะ คือ คิดหาทางออกให้ถูกทาง ถูกวิธี ดีกว่าจะไปคิดทำเรื่องไม่ดี หรือหาทางออกแบบผิดด้วยการจี้ปล้นหรือทำร้ายตัวเอง เพราะชีวิตต้องมีขึ้นมีลงกันบ้าง ไม่มีใครขึ้นได้ตลอด และไม่มีใครที่ลงได้ตลอดเช่นกัน ฉะนั้นอย่าไปจมกับความท้อแท้เสียใจ รีบหาหนทางที่จะกลับขึ้นมาอีกครั้งให้ได้ เพราะชีวิตมีค่าเกินกว่าจะนั่งหมดอาลัย มีค่ามากกว่าจะคิดสั้นฆ่าตัวตาย
เมื่องานมาถึงทางตันจะลาออกหรือทนอยู่ดี
อาการนี้คล้ายๆ กับอาการเบื่องาน แต่จะหนักกว่าเพราะว่าคุณต้องทนหรือต้องลาออกจากงานไปเลย และการตัดสินใจเลือกระหว่างทั้งสองอย่างนี้ จะใช้เพียงอารมณ์และความรู้สึกไม่ได้ แต่ยังต้องมีเหตุผล และหลักธรรมช่วยในการตัดสินใจ นั้นคือ อัปปมาทะ หรือความไม่ประมาท ซึ่งเป็นการใช้เหตุผลในการพิจารณาและตัดสินใจมากกว่าการใช้อารมณ์ เพราะหากเราประมาท ขาดการพิจารณาซึ่งเหตุผลแล้วนั้น ชีวิตเราก็เหมือนอยู่ปากเหว โดนลมพัดหน่อยเดียวก็ร่วงหล่นลงเหวไปได้ง่ายๆ พยายามนึกถึงเหตุและปัจจัย สูดลมหายใจลึกๆ ตั้งสติ ใช้เหตุผลพิจารณา ตั้งอยู่บนความไม่ประมาท
เปลี่ยนงานบ่อย กำลังหนีอะไรรึเปล่า
มีหลายคนที่ประสบกับปัญหานี้ สาเหตุหลักๆ แล้วอาจเกิดจากการหนีปัญหา หนีความผิดพลาด, คาดหวังว่าจะต้องเป็นงานที่ดี เงินเดือนสูงปรี๊ด หรือจากความเบื่อหน่าย วิธีแก้ไม่ใช้เรื่องยากและไม่ใช้ปัญหาใหญ่อีกต่อไปเพียงรู้จักกับคำว่า วิริยะ ความเพียร ความพยายาม, ความคาดหวังที่ตั้งอยู่บนความจริง ความเป็นไปได้ และวิธีแก้สาเหตุสุดท้ายคือ ใส่ความรักลงไปในงาน นั่นคือต้องมีความรักในงานเสียก่อน แม้งานบางอย่างจะน่าเบื่อ ไร้สีสัน ลองหาข้อดีของงานที่ตัวเองทำแล้วดึงเอาข้อดีนั้นมาใช้ มาบำรุงจิตใจ และเป็นกำลังใจในการทำงาน
รับมือให้ได้กับเจ้านายประเภทใช้งานเกินค่าจ้าง
งานเร่ง งานด่วน คุณภาพดี เสร็จทันเวลา เชื่อว่าหลายคนคงเคยประสบกับสภาวะนี้เป็นแน่ เพราะความคาดหวังของเจ้านายในชิ้นงาน และจะทำอย่างไรดี ?
การทำงานเป็นการทุ่มทั้งพลังกาย พลังใจเพื่อให้ได้ผลงานออกมาสมบูรณ์ แต่การทำงานก็ต้องมองที่กำลังความสามารถของตัวเองด้วยว่าสามารถทำได้ดีแค่ไหน หนักแค่ไหน
ฉะนั้นในฐานะลูกน้อง ให้เราทำงานตามหน้าที่ความรับผิดชอบของเราอย่างเต็มความสามารถ เต็มเวลาเสียก่อน ถ้าเรายังทำไม่ได้ทำให้งานคั่งค้าง ก็ถือว่าเป็นความรับผิดชอบของเราเองที่จะต้องอยู่ทำงานนั้นให้ลุล่วง และการที่เจ้านายสั่งให้ทำงานล่วงเวลาจนกว่างานจะเสร็จก็ไม่ใช้เรื่องแปลก เพราะยังไงก็ต้องทำงานไม่เต็มที่ในช่วงเวลาจริงๆ ช่วงเวลาที่เพิ่มเติมก็ถือว่าเป็นการชดเชยเวลาส่วนที่ขาดหายไปมันก็คุ้มค่ากัน
ธุรกิจย่ำแย่ บริษัทจะเจ๊ง หาทางออกยังไงดี
ในยุคเศรษฐกิจที่มีความผันผวน ทำให้เศรษฐกิจในบ้านเราล้มมาหลายครั้ง กว่าจะฟื้นตัวได้ก็แทบแย่ ส่งผลให้บรรดาเจ้าของธุรกิจทั้งเก่าและใหม่ต่างพากันขวัญผวา แต่จะไปโทษปัญหาเหล่านั้นซะทีเดียวก็ไม่ถูก เพราะต้องเข้าใจธรรมชาติอย่างหนึ่งว่า มีขึ้นก็ต้องมีลง มีสูงก็ต้องมีต่ำ ยิ่งสูงยิ่งหนาวนั้น ก็ต้องเข้าใจอย่างหนึ่งว่าเวลาตกลงมา เจ็บ บางคนถึงขั้นปางตาย
แต่จะทำอย่างไร เพื่อให้ผ่านพ้นวันเวลานั้นมาได้ โดยอาศัยหลักธรรมที่ใหญ่ที่สุดหลักหนึ่งของศาสนาพุทธ นั่นคือ อริยสัจ 4 อันประกอบไปด้วย ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค เป็นหลักที่ให้รู้เท่าทันถึงการเกิดแห่งทุกข์ เหตุของทุกข์ การดับทุกข์ และวิธีการปฏิบัติเพื่อให้บรรลุถึงการพ้นทุกข์ เพื่อสามารถนำมาปรับใช้ได้กับหลัก และวิธีการทำงาน
ติดตามสาระดีๆ ของธรรมะวัยทำงานได้ในหนังสือชุดธรรมะ Delivery โดยพระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต ได้ตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป