เพิ่งอ่านจบค่ะ
ชอบพระเอกมากๆ หล่อ เลว(เเต่ไม่ได้เลวจริงๆ อ่านเเล้วจะรู้) ฉลาด(อัจฉริยะก็ว่าได้)เเต่ยากจน
--------------------------------------------------
ที่เหลือขออนุญาตนำมาจากบล็อกนี้นะคะhttp://www.bloggang.com/viewblog.php?id=historyandphilosophy&date=11-02-2006&group=10&gblog=12
อาชญากรรมและการลงทัณฑ์
อาชญากรรมและการลงทัณฑ์เป็นชื่อแปลมาจากภาษาอังกฤษคือ Crime and Punishment ซึ่งเป็นนวนิยายชิ้นเอกของนักเขียนนามอุโฆษชาวรัสเซียคือ Fyodor Dostoevsky (1821-1881) ที่ พวกเรารู้จักกันดีในนวนิยายเรื่อง Brother Karamazov ที่แสนจะยาวเหยียดและซับซ้อน รวมไปถึง The Poor Folk , Note from underground และ Idiot
(ภาพวาดดอสโตเยฟสกี้อันโด่งดัง)
ดอสโตเยสกี้เขียนนวนิยายเรื่องนี้ในปี 1866 เป็นเรื่องราวของนักศึกษายากไร้นามว่า Romanovich Raskolnikov ผู้มีนิสวาสถานคือบ้านเช่าในกรุง Saint Petersburg ท่ามกลางความสิ้นไร้ไม้ตอก ถึงขั้นเจ้าของบ้านเช่ายังต้องแบ่งอาหารมาให้กิน เขากลายเป็นโรคประสาทและหมกหมุ่นกับทฤษฎีที่แบ่งมนุษย์ออกเป็นสองกลุ่มนั่นคือ กลุ่มกระจอก ซึ่งหมายถึงคนทั่วไป และกลุ่มแห่งอภิมนุษย์ หรือผู้ยิ่งใหญ่ที่มีอำนาจโดยมีนโปเลียนเป็นตัวแทน ดังนั้นจะเห็นได้ว่า Friedrich Nietzsche นักปรัชญาชาวเยอรมันแนวอัตถิภาวะนิยมย่อมได้รับอิทธิพลจากดอสโตเยฟสกี้อย่างชัดเจน
น่าตลกที่ว่าราสโคลนิคอฟจัดตัวเองให้เป็นกลุ่มเดียวกับนโปเลียนจนในที่สุดเขาก็ฆาตกรรมหญิงชราที่รับจำนำของจากเขาด้วยขวาน รวมไปถึงน้องสาวของนางที่บังเอิญมาเห็นเหตุการณ์เข้า โดยคนทั้งสองนี้เขาจัดว่าเป็นพวกกระจอก สมควรจะถูกฆ่า ทั้งนี้นวนิยายก็ได้บอกว่าเกิดจากความโลภอยากได้เงินของตัวเขาเอง ดังนั้นทฤษฎีที่ว่าจึงกลายเป็นกลไกป้องกันตัวเองไป
ไม่มีใครทราบว่ารัสโคลนิคอฟเป็นคนสังหารหญิงชราทั้งสอง แต่ด้วยความรู้สึกผิดบาปที่เกาะกุมในจิตใจของเขาทำให้ชายหนุ่มต้องพบกับความทุกข์ทรมานจากโรคประสาทแบบ Paranoid หรือโรคหวาดระแวงคิดว่าคนรอบข้างเฝ้ามองและสงสัยตัวเอง อย่างไรก็ตามในร้านเหล้าแห่งหนึ่ง เขาได้พบกับอดีตข้าราชการผู้ทุกข์ระทมที่จมกับขวดเหล้าและสารภาพว่าตนบังคับให้ลูกสาวนามว่า Sofya Semyonovna เป็นโสเภณี แต่แล้วชายผู้นี้ก็เสียชีวิตจากการถูกรถม้าชน รัสโคลนิคอฟตัดสินใจ เดินทางไปหาโซเฟีย และพบว่าแท้ที่จริงหญิงสาวผู้นี้เป็นคนจิตใจดีงามและนับถือพระเจ้า และเป็นเธอนั่นเองที่จะทำให้ชีวิตอันแสนทุกข์ทรมานของรัสโคลนิคอฟต้องเปลี่ยนแปลงไป เมื่อเขาตัดสินใจสารภาพบาปให้เธอฟัง
(หน้าปกของหนังสือ)
ดูเหมือนว่าดอสโตเยฟสกี้จะแตกต่างจากนักเขียนชาวรัสเซียที่โด่งดังไม่แพ้กันไม่ว่า Maxim Gorky เจ้าของนวนิยายเรื่อง แม่ หรือ Leo Tolstoy เจ้าของนวนิยายเรื่อง สงครามและสันติภาพ ที่ว่าแทนที่ดอสโตเยฟสกี้จะจำกัดนวนิยายอยู่ที่การพรรณนาตัวละครแบบสัจนิยม ที่เน้นความเหมือนจริง และวิพากษ์สังคมเพียงอย่างเดียว เขาได้หันมาบรรยายให้ผู้อ่านเห็นถึงอารมณ์ความรู้สึกภายในของตัวละคร ดังคำที่เรียกว่า Stream of consciousness จึงทำให้คนอ่านรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องและดื่มด่ำไปกับตัวละครจนแทบถอนตัวไม่ขึ้น
นอกจากนี้ตัวละครยังมีความคิดที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา อย่างไม่มีเหตุผล ซึ่งก็เหมาะกับการพรรณนาความรู้สึกของคนเป็นโรคประสาทอันเป็นลักษณะเด่นของพระเอกในนวนิยายส่วนใหญ่ของดอสโตเยฟสกี้ รูปแบบการเขียนรูปเช่นนี้ได้มีอิทธิพลต่อนักเขียนในรุ่นหลังไม่ว่าจะเป็น Hermann Hesse , Franz kafka (เจ้าของนวนิยายชื่อดังคือ Metamorphosis) รวมไปถึงนักคิดแนวอัตถิภาวนิยมชาวฝรั่งเศสคือ Jean-Paul Sartre และ Albert Camus
นอกจากนี้ดอสโตเยฟสกี้ยังโดดเด่นในการนำเสนอแนวคิดแบบอภิปรัชญา (แนวคิดเกี่ยวกับเรื่องที่ไกลโพ้นจากประสาทสัมผัสเช่นเรื่องของพระเจ้าหรือความเป็นมนุษย์) ที่ลึกซึ้งไม่ว่าจะเป็นความตกต่ำของมนุษย์อันเกิดจากความผิดบาป โดยมีรัสโคลนิคอฟเป็นตัวแทนและแน่นอนว่า โซเฟียเปรียบได้ดังความรักของพระเจ้าที่จะมาไถ่บาปมวลมนุษย์
หากมองแบบเป็นสากล โซเฟียคือตัวแทนของแสงสว่างแห่งความดีที่สาดส่องมาในความมืดในจิตใจของมนุษย์ โดยแหล่งที่มาของแสงสว่างนั้นอาจจะไม่ได้สูงส่งเลย ใครบางคนอาจจะหันมากลับตัวเป็นคนดีหรือได้ความคิดอะไรดี ๆ ได้ก็เพียงเพราะเห็นรอยยิ้มของเด็กหรือคำพูดซื่อ ๆ ของคนเก็บขยะ ในทางกลับกัน ในนวนิยาย พี่น้องคารามาซอฟ (1880) ดอสโตเยฟสกี้หันมาโจมตีศาสนจักรหรือพระผู้สูงส่ง อย่างรุนแรง
ที่จริงแล้ว Crime and Punishment นี้มีพล็อตเรื่องและตัวละครอื่นมากมาย รวมไปถึงแนวคิดของดอสโตเยฟสกี้ที่วิพากษ์สังคมบริโภคทุนนิยมของนคร Saint Petersburg อย่างรุนแรง เช่นเดียวกับแนวคิดทางการเมือง ที่เขาให้รัสโคลนิคอฟเป็นตัวแทนของการดำเนินชีวิตที่ผิดพลาดของนักสังคมนิยมผู้ไม่เชื่อไม่พระเจ้าที่ ชนชั้นกลาง หรือพวกปัญญาชนของรัสเซียในสมัยนั้นเป็นกันมาก
สาเหตุดังกล่าวอาจเนื่องมาจากการที่เขาเคยถูกจับกุมตัวในปี 1849 ข้อหาก่อการขบถต่อพระเจ้าซาร์ นิโคไลที่หนึ่ง และถูกนำมาประหารก่อนจะเปลี่ยนคำตัดสินเป็นถูกเนรเทศไปยังไซบีเรียแทน เมื่อพ้นโทษออกมาดอสโตเยฟสกี้จึงเปลี่ยนจากเป็นพวกหัวรุนแรง เชื่อมั่นในแนวคิดเสรีนิยมมาเป็นมาพวกอนุรักษ์นิยมและเคร่งในศาสนาแทน อาจเป็นเพราะประสบการณ์เฉียดตายนั่นเอง
อาชญากรรมและการลงโทษจึงเป็นนวนิยายที่ท่านไม่น่าพลาดและไม่น่าจะวางลงก่อนอ่านจบด้วยประการทั้งปวง
จากคุณ :
doanden
- [
2 พ.ย. 50 18:34:21
]