Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    !! Book Review - Supernaturalist คนเหนือมนุษย์....หรือจริงๆแล้วมนุษย์ไม่ได้อยู่เหนือธรรมชาติเลย

    ก่อนอ่าน

    1.ทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของคนๆ หนึ่งในฐานะนักอ่าน

    2. นักวิจารณ์เพลงก็มีกันเยอะ นักวิจารณ์หนังหรือก็เพียบ แต่นักวิจารณ์หนังสือไม่ค่อยมีในไทย ปกติผมอ่านเล่มไหนก็ชอบวิจารณ์เขียนไว้ในบันทึกของตัวเองอยู่แล้วกะเอาสักวันไว้ให้ลูกอ่านในอนาคต เลยเอามาเผยแพร่ให้คนอื่นได้อ่านกัน อาจจะเป็นประโยชน์ความคิดเห็นอย่างหนึ่งในการเลือกซื้อหนังสือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันดู

    3.บทวิจารณ์ของผมอาจจะดูไม่สูงส่งไม่ฉลาดเท่าไหร่ หลายคนมาอ่านอาจจะคิดว่าไร้สาระก็ได้ แต่ผมเคยอ่านบทวิจารณ์ที่จริงจังมากๆ ในนิตยสารบางเล่มแล้วไม่ค่อยชอบ คนทั่วไปเข้าถึงยาก เลยอยากเขียนบทวิจารณ์ที่อ่านง่ายไม่ต่างจากวงการอื่นๆ เช่น เพลง หนัง หรือวีดีโอเกม

    4.บางทีผมอ่านงานนักเขียนรุ่นใหญ่ หรือระดับเทพของไทยและเทศหรือดังมากๆ แล้วให้คะแนนน้อยก็ได้ ไม่ใช่ว่าไม่เคารพ (ลองกลับไปอ่านข้อ 1 ใหม่) แต่ผมรู้สึกว่านักวิจารณ์ในไทยส่วนมากพอรุ่นใหญ่ ยังไงก็ขึ้นหิ้งไม่มีติ แต่ผมอยากทำแบบสไตล์นักวิจารณ์ฝรั่ง มันมีอารมณ์ขันบางอย่างที่ตลกดีเวลาพูดตรงๆ


    ชื่อเรื่อง คนเหนือมนุษย์
    ผู้เขียน อีออยน์ โคลเฟอร์
    ผู้แปล ชมนารถ
    ราคา 240.00 บาท
    จำนวน 284 หน้า
    ISBN: 974-92890-0-5
    BARCODE: 9 7897492890


             คุณอีออยน์โด่งดังในไทย (และคงต่างประเทศด้วย) จากนิยายเรื่อง อาทิมิส ฟาวล์  ซึ่งเป็นงานแนวแฟนตาซี ผสมไซไฟที่ดูแล้วได้รับความนิยมจากนักอ่านไทยไประดับพอสมควรทีเดียว  ยิ่งในช่วงยุค สองสามปีก่อนหน้านี้ที่แฟนตาซียังไม่เข้าจุดเฟ้อและโดนครองครองด้วยนิยายแนวรักหวานแหววแทนแบบตอนนี้ อาทิมิสฟาวล์ดูเป็นนิยายเรื่องหนึ่งที่ได้รับการกล่าวถึงและแนะนำกันอ่านบ่อยๆ โดยเฉพาะในหมู่นักอ่านเด็กและวัยรุ่นที่สนใจอ่านงานประเภทนี้หลังจากยุค แฮรี่ พ๊อตเตอร์บุกประเทศไทยในปี 2000 เป็นต้นมา



            นิยายเรื่อง คนเหนือมนุษย์ เรื่องนี้ก็มีแนวทางและรูปแบบการดำเนินเรื่องไม่แตกต่างจากนิยายดังเรื่องนั้นเท่าไหร่ เพียงแค่ออกจะตัดความเป็นแฟนตาซีออกไปแล้วเหลือแค่เพียงแต่ไซไฟและความเป็นวิทยาศาสตร์เท่านั้น

              เรื่องเล่าโดยย่อบอกเล่าถึงฉากโลก อนาคตในรูปแบบอันหดหู่ แบบที่นักอ่านจะคุ้นเคยและถูกใช้เป็นฉากสำหรับนิยายวิทยาศาสตร์ประเภทนี้กันบ่อยๆอยู่แล้ว คือโลกที่สิ่งแวดล้อมโดนทำลาย ต้องมีการเดินทางออกไปสร้างเมืองในอวกาศใหม่ๆ มีคนชนชั้นด้อยโอกาสที่กลายเป็นโดนกดขี่และมีคุณภาพชีวิตที่แย่
    ตัวเองของเรื่องคือเด็กชายกำพร้า (แน่นอนตามสูตรเด็ดงานประเภทนี้) ชื่อคอสโม ซึ่งอาศัยอยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ซึ่งสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่อยู่ในฉากอนาคตของนิยายเรื่องนี้นั้นย่ำแย่ยิ่งกว่าในยุคปัจจุบันที่เราจะเห็นกันตามนิยายเสียอีก คือนอกจากเด็กกำพร้าจะประสบกับปัญหาโดนกดขี่จาก ผู้คุมหรือคนดูแลแล้ว ยังกลายเป็นว่า มันเป็นเหมือนกับตลาดทดลองมนุษย์ไร้ศีลธรรมที่ ใช้เด็กกำพร้าซึ่งดูเหมือนไร้ค่าและไม่มีคนเลี้ยงพวกนี้ไปในการทดลองตัวยาและสินค้าทางวิทยาศาสตร์จากบริษัทต่างๆ เรียกได้ว่าชีวิตของพวกเขาดูเป็นนักโทษมากกว่าเป็นเด็กกำพร้า

               คอสโมซึ่งเป็นเด็กมีบุคลิกกล้า ฉลาด และใฝ่หาความอิสระชีวิตที่ดีกว่า ตามแบบฉบับของตัวเอกนิยายประเภทนี้  ต้องการจะหนีออกไปจากที่นี่ให้ได้ เพราะค่าเฉลี่ยของอายุขัยเด็กกำพร้าในสถานที่แห่งนี้คือ 15 ปีเท่านั้นเพราะส่วนใหญ่โดนผลจากสารพิษและการทดลองจนตายไปเสียก่อน และตอนนี้เขาก็อายุสิบสี่เข้าไปแล้ว แต่แน่นอนว่าการหนีไม่ใช่ง่ายๆ เพราะว่านอกจากผู้คุมจอมโหดแล้วยุคอนาคตก็มีเทคโนโลยีทันสมัยควบคุมทุกอย่างในเมืองด้วยดาวเทียมขนาดใหญ่ที่ชื่อว่าแซทเทิลไลท์ (ชื่อตรงตัวสุดๆ) ทำให้การติดตามผู้คนเกิดขึ้นได้ง่ายสุดๆ
    แต่ในที่สุดเกิดอุบัติเหตุขึ้นจากดาวเทียมดังกล่าวทำงานผิดปกติในวันหนึ่งทำให้คอสโมสบโอกาสเสี่ยงตายหนีจากผู้คุมมาได้ เขาบาดเจ็บสาหัสและเสียเพื่อนไปหนึ่งคน และในตอนนั้นเองที่เขาเจอกับตัวประหลาดบางอย่างที่เป็นสัตว์สีฟ้าประหลาดที่ทำการดูดพลังงานออกไปจากตัวของเขา ก่อนที่เจ้าสัตว์ประหลาดจะทำอะไรเขามากกว่านั้นคอสโมโดนช่วยเหลือจากทีมเด็กวัยรุ่นสามคน ที่ใช้ปืนพลังงานยิงจนเจ้าตัวประหลาดระเบิดและพาเขาไปรักษาตัว
    หลังจากตื่นฟื้นขึ้นมาอีกรอบหนึ่ง กลุ่มผู้ช่วยชีวิตทั้งสาม ที่ประกอบด้วย เด็กสาวอายุเท่าๆกับคอสโม ชายหนุ่มเลือดร้อนชาวรัสเซียหัวหน้ากลุ่ม และ คนประหลาดที่มีรูปร่างเหมือนกับ กับเด็กอายุแปดขวบ แต่จริงๆแล้วเป็นผู้ใหญ่แล้ว ซึ่งบอกว่าตัวพวกเขาเรียกว่ากลุ่มคนเหนือมนุษย์ และบอกว่าคอสโมสามารถอยู่กับพวกเขาได้เพราะเขาสามารถจะมองเห็นตัวประหลาดสีฟ้าพวกนั้นได้ ซึ่งพวกเขาทำหน้าที่ในการไล่ล่าพวกสัตว์ประหลาดที่ดูเหมือนจะดูดพลังชีวิตจากผู้คนที่บาดเจ็บเหล่านั้น  ที่ปรากฏตัวอย่างลึกลับและโจมตีผู้คนโดยที่คนปกติมองไม่เห็น
    และหลังจากนั้นคอสโมก็เข้ารวมกลุ่มและการผจญภัยของเขาก็เริ่มต้นขึ้น

                ตามความเห็นส่วนตัว ผมรู้สึกว่านิยายเรื่องนี้ก็ค่อนข้างจะสนุกดี และอ่านไปได้เรื่อยๆ เรื่องหลักๆ ดำเนินไปคือคอสโมและกลุ่มของเขาพยายามจะไล่ล่าและทำลาย เจ้าตัวสัตว์ประหลาดสีฟ้าลึกลับที่ผู้คนทั่วไปมองไม่เห็นพวกนั้น ซึ่งดูเหมือนพวกมันจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกทีๆ  มันคืออะไรกำเนิดมาจากไหน และดูดพลังคนบาดเจ็บไปเพื่ออะไรกันแน่ เป็นเรื่องที่นักอ่านต้องหาคำตอบเอาเอง
            เรื่องที่ดำเนินเกิดในอนาคตทำให้มีการสร้างฉากและการดำเนินเรื่องหลายๆส่วนที่น่าสนใจดี เหมาะกับเองราวในยุคนั้นเช่น เมืองทั้งเมืองที่ระบบต่างๆโดนควบคุมโดยดาวเทียมขนาดยักษ์ ตึกที่เคลื่อนที่ได้เผื่อสับเปลี่ยนพื้นที่ใช้งาน อาวุธประเภทใช้สะสารบีบอัดหรือละลายมนุษย์  ทำให้รู้สึกถึงจินตนาการเมืองอนาคตที่ไม่น่าอภิรมย์ได้ดี
              การดำเนินเรื่องออกจะราบเรียบไปนิด ตามความเห็นของผมคือ มันค่อนข้างเป็นเรื่องที่มีความสนุกระดับกลางๆ ไม่ค่อยน่าตื่นเต้นเท่าไหร่ อ่านๆไป ตอนช่วงกลางเรื่องรู้สึกเหมือนคล้ายว่าเรื่องแนวนี้ไปหานักเขียนรุ่นใหม่ที่เขียนเล่นในเน็ตตามเว็บแบบเด็กดีอ่านก็อาจจะมีเหมือนกัน ไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรเลย   แถมเนื้อหาบางส่วนก็ดูน่าเบื่อแถมไม่ค่อยเป็นเหตุเป็นผลสักเท่าไหร่ชอบกล การดำเนินเรื่องดูลอยๆ อย่างตอนที่มีการแข่งรถของพวกแก๊งซิ่งอวกาศพวกนั้นแล้วมีบริษัทมาตามเอาเครื่องยนต์กลับไปมันก็ค่อนข้างจะน่าเบื่อมากกว่าตื่นเต้นนะ


               และแถมสุดท้ายตัวคอสโมที่เป็นตัวเอกนั้นช่างไม่เด่นเอาซะเลย แม้ว่าคนเขียนจะพยายามกระจายบทในหลายๆจุดโดยให้เขาแก้สถานการณ์ให้กับทีมได้ แต่ว่าตัวละครนี้กลับดูเหมือนตัวประกอบที่ไม่แจ้งเกิดสักที ในขณะที่โจนาธานหัวหน้ากลุ่มนั้นดูจะเท่ได้รับความสนใจและเหมือนพระเอกมากกว่าเสียอีก ตั้งแต่ต้นยังตอนจบทีเดียว
    แต่ไม่ใช่ว่าเรื่องนี้ไม่ดีนะครับ เนื้อเรื่องในช่วงหลังที่บุกเข้าไปในรังของพวกสัตว์ประหลาดเพื่อทำลายมันที่จุดกำเนิดนั้นเรียกได้ว่าสนุกทีเดียว มีการหักมุมและข้อคิดดีๆ หลายอย่างที่อ่านแล้วเรียกได้ว่าน่าประทับใจในระดับหนึ่ง อ่านแล้วชวนให้คิดถึงเรื่องในทำนองเกี่ยวกับ ความรัก พลังของธรรมชาติ และการทำลายล้างโลกของมนุษย์กันเองอะไรทำนองนั้น


              เรียกได้ว่ามีข้อคิดและสร้างความรู้สึกดีๆให้คนอ่านเก็บไปคิดกันได้ด้วยนอกจากความสนุกแล้ว
    สรุปคือนอกจากเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างดูธรรมดากลางๆ ดูไม่ค่อยเข้าที่เข้าทางเท่าไหร่ เปรียบเทียบ กับอาทิมิส ฟาลว์ ของผู้เขียนคนเดียวกันแล้ว ก็เป็นเรื่องที่อ่านแล้วสนุกดีใช้ได้ สำหรับคนที่ชอบงานของนักเขียนคนนี้หรือว่าแนวๆ นี้อยู่แล้ว ก็น่าจะซื้อมาอ่านสะสมได้ แต่ถ้าใครไม่รักจริงสำหรับขาจร ลองหายืมหาเช่าอ่านดูก็จัดว่าเป็นเรื่องที่ไม่เสียเวลาโดยเปล่า  

            อ้อ และดูเหมือนจะตามขนบของหนังสือประเภทนี้ ทิ้งเชื้อเอาไว้เผื่อมีภาคต่อเรียบร้อยแล้วครับ คนเขียนไม่ยอมพลาดแน่นอนในเรื่องทำนองนี้


    ตามความเห็นส่วนตัวให้ 7.8/10  เกรด B-  สำหรับหนังสือเล่มนี้ครับ


        ใครเคยอ่านหรือไม่เคย แสดงความคิดเห็นกันได้ครับในกระทู้นี้ หรือในบล๊อกผมก็ได้

     
     

    จากคุณ : ปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง - [ 13 ก.พ. 51 11:40:35 ]


 
 


หน้าหลัก แจ้งลบ bookmark ส่งต่อกระทู้ พิมพ์ โหวตกระทู้ เก็บเข้าคลังกระทู้ กระทู้ก่อนหน้า กระทู้ถัดไป

[กติกามารยาท] [Help & FAQ
ความคิดเห็น : คลิกที่นี่เพื่อใช้งาน icon
ชื่อ : ตรวจสอบสถานะของ member ที่นี่

คลิกเพื่อเลือก : โพสไฟล์ประกอบ / วาดภาพประกอบ / โพสคลิปวิดีโอ
ไฟล์ประกอบ : (ไม่เกิน 150 K / Member เท่านั้น / Preview ไม่ได้)
(gif, jpg, png, mid, wav, mp3, wma, swf)
แตกประเด็น : ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่

  : ไม่อนุญาตให้แสดงผลผ่านระบบมือถือ
 
(ส่งไฟล์ประกอบ และวาดภาพประกอบ Preview ไม่ได้)  
 
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom